มิชลิน ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้จัดส่งยางล้อมาตรฐานสำหรับติดตั้งกับรถไฮเปอร์คาร์ 'แอสตัน มาร์ติน วาลคีรี'

​

'แอสตัน มาร์ติน' ติดตั้งยางสมรรถนะสูงพิเศษ 'มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2' (MICHELIN Pilot Sport Cup 2) เป็นยางมาตรฐานของรถไฮเปอร์คาร์ 'แอสตัน มาร์ติน วาลคีรี' (Aston Martin Valkyrie) โดยใช้ยางล้อหน้าขนาด 265/35 ZR20 และยางล้อหลังขนาด 325/30 ZR21

'มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2' เป็นยางสำหรับสนามแข่งที่ใช้งานบนถนนได้ (Road-Legal Track Tires) รุ่นล่าสุดของมิชลิน ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงพิเศษที่ใช้งานได้ทั้งบนสนามแข่งและถนนทั่วไป ...ส่งผลให้เส้นแบ่งแยกระหว่างยางสำหรับกีฬามอเตอร์สปอร์ตและยางสำหรับใช้งานบนท้องถนนเลือนลางลง

​

ด้วยขุมพลังและแรงกด (Downforce) ขั้นสูง ประกอบกับน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ ส่งผลให้ 'แอสตัน มาร์ติน วาลคีรี' เป็นรถที่กำหนดมาตรฐานด้านสมรรถนะใหม่ให้กับรถยนต์ที่ใช้งานบนท้องถนนทั่วไป และเพื่อพิสูจน์สมรรถนะที่เหนือกว่าบนสนามแข่ง รถรุ่นนี้จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษว่ายางมาตรฐานที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อน

ยาง 'มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2' เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต อาทิ เทคโนโลยี Bi-Compound ที่ใช้เนื้อยางต่างสูตรกันบริเวณด้านในและด้านนอกของหน้ายาง และนวัตกรรมหน้าสัมผัสแบบแปรผัน Track Variable Contact Patch 3.0 ซึ่งช่วยปรับแรงกดบนหน้าสัมผัสอย่างเหมาะสมเพื่อให้ปริมาณเนื้อยางที่สัมผัสพื้นถนนหรือสนามแข่งคงที่สม่ำเสมอ นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะขับทางตรงหรือเข้าโค้ง ยาง 'มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2' จะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงความสมดุลของทั้งสมรรถนะความปลอดภัยและความเพลินเพลินในการขับขี่ เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันบนถนนและการขับขี่บนสนามแข่งที่สมรรถนะทุกด้านของยางถูกผลักดันถึงขีดสุด เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายด้านสมรรถนะที่กำหนด วิศวกรของมิชลินได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงยางให้มีสมรรถนะที่โดดเด่นหลายด้านพร้อมกัน ตามกลยุทธ์การพัฒนายางให้มีสมรรถนะสูงทุกด้านของมิชลิน (MICHELIN Total Performance)

​

กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ยาง 'มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2' มีอายุใช้งานบนสนามแข่งยาวนานเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับยาง 'มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ+' รุ่นก่อนหน้า ขณะเดียวกันยังวิ่งได้ระยะเวลาต่อรอบที่เร็วขึ้น รวมทั้งมีความต้านทานการเหินน้ำท่ามกลางสภาพอากาศที่เฉอะแฉะได้ดีขึ้น โดยยังคงให้ความปลอดภัยและความเพลิดเพลินขณะขับขี่ในระดับสูงดังเดิม