ถามเรื่องเซ็ทช่วงล่างหน่อยครับ... ว่า หน้าแข็งกว่าหลัง... หลังแข็งกว่าหน้า... หรือเท่ากัน... เซ็ทแต่ละแบบ อาการจะต่างกันอย่างไรครับ ? ปล. นำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกค่า K ของสปริง...
ตอบแบบงูๆๆปลาๆๆน่ะคับ ถ้าเป็นผมจะเลือก หน้าแข็ง หลังนิ่มกว่าหน่อย จากความรู้สึกส่วนตัวน่ะคับ ชอบให้ตูดย้วยๆๆนิดๆๆ ขึ้นอยู่กับคนขับอ่ะคับ ว่าชอบแบบไหนและมีสไตล์แบบไหนอ่ะคับ น่าจะมีประโยชน์บ้างน่ะคับ
รถผมเป็นช่างล่างแบบ MacPherson strut ทั้งหน้าและหลังอะครับ ตาม spec แล้วส่วนใหญ่เขาจะให้หลังนิ่มกว่าอะ ผมเลยใช้ค่าของ sping F=7 R=5 อะครับ ส่วนค่าความหนืดของ shock ab นั้น ก็ใช้ค่าจาก spec ของ OHLINS ที่เขาใช้แข่งเลยครับ เพราะไม่รู้จะไล้ยังไงเลยเอาแบบนี้อะ ง้ายดี
ขอบคุณทุกท่าน พอดีตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเท่ากัน หรือถ้ามีค่า K มากกว่า ก็น่าจะเป็นหน้า จาก นน. เครื่อง แต่เห็นหลายสำนักแต่งในญี่ปุ่นตอนนี้ เลือกหลังแข็งกว่าหน้า 2 - 4 K ทั้งนั้นเลย... เลยเกิดความสงสัยน่ะครับ... ว่าจะเลือกแบบไหน มันจะต่างกันยังไง ให้เหมาะสมกับเรา
มีด้วยหรอครับที่สเปคมาตรฐาน หลังจะแข็งกว่าหน้า ยี่ห้อไหนอ่ะครับ เท่าที่ผมทราบ ยังไม่เคยเจอนะ ที่ค่าK หลังจะเยอะกว่าหน้า
อันนี้ตอบแบบฟังเค้มานะคับรถทั่วๆต้องเลืกหน้าแข็งก่าหลังเพราะเรื่องน้ำหนักด้านหน้าแต่ถ้าวีออสเค้าบอกมาว่าโครงสร้างมัสร้างมาถ้านน้ำหนักมากก่าหน้าคือหลังหนักก่าหน้าอะเลยต้องเลือกหน้านิ่มก่าหลังนิโหน่ย
รถวางเครื่องหน้า ขับหน้า น้ำหนักส่วนใหญ่จะตกที่ล้อหน้า ด้านหน้าจึงแข็งกว่า เอาคร่าวๆนะ ส่วนใหญ่ หน้าแข็งกว่าหลัง แบบว่าพอดีๆ อาการเป็นกลางหรืออันเดอร์ตามปกติ แข็งพอๆกัน ท้ายจะออกเร็วเพื่อลดอาการอันเดอร์ แต่คุมยากกว่า หลังแข็งกว่า ไม่รู้อะ อยู่ในรถขับหลังป่าว
ในหนังสือ ARC เล่มก่อนล่าสุดน่ะครับ หน้าปกเป็นรถดริฟท์คันแดงๆ คอลัมน์ที่เป็น สำนักแต่งหลายๆสำนัก จับ Civic FD Type R มาแต่งน่ะครับ Civic FD Type R ครับ วางหน้า ขับหน้า...
แล้วแต่ดีไซน์ช่วงล่างของรถคันนั้นครับ รถเครื่องหน้าโดยทั่วไปสปริงหน้าแข็งกว่า เพราะแบกน้ำหนักเครื่อง แต่.... เค้าคิด สปริงเรตที่ล้อครับ ไม่ใช่ค่า k ของสปริงที่หยิบมาใส่ ถ้าคิดสปริงเรตที่ล้อ อาจจะใช้สปริงค่า k หน้ากับหลังเท่ากันก็ได้ในดีไซน์ของรถบางรุ่น แต่พอประกอบเข้าไปที่รถแล้ว สปริงเรตที่ล้อหลังจะน้อยกว่าครับ
จริงๆ ด้วยครับ คุณCadenza... พอไปดูเสป็คแล้ว เช่น tein S-TECH HONDA Civic 06 ค่าK F/R = 4.2/4.9 , เตี้ยลง -1.4/-1.3 นิ้วและยังเป็นแบบนี้อีกหลายยี่ห้อ หลายรุ่นเลยครับ บางรุ่นมากกว่าหลาย K เลย ที่ลิงค์นี้ครับ เทอิน อเมริกานะคับ http://www.tein.com/price/honda.html ขอบคุณ คุณ pom_mk1 คับ กระจ่างแล้วครับ แล้วคุณCadenza... เลือกสปริงได้ยังคับ
ค่าคามแข๋งของสปริง หรือ ค่า K หรือ Spring rate ของรถแต่ละคันมักจะไม่เหมือนกันนะครับ จริงอยู่ที่โดยทั่วไปแล้วสำหรับรถที่ทีเครื่องยนต์อยู่ข้างหน้า จะมีสปริงที่มีค่ความแข็งสูงกว่าข้างหลังเพราะมีน้ำหนักเครื่องยนต์อยู่ข้างหน้า แต่มันก้อยังขึ้นอยู่กับว่า สปริงในระบบช่วงล่างนั้นติดตั้งอยู่ในตำแหน่งไหน ในฮอนด้าซีวิคนั้น หลายๆครั้งจะเห็นว่าค่าความแข็งของสปริงหลังนั้นสูงกว่าข้างหน้า นั่นเป็นเพราะจุดติดตั้งของโช้คซึ่งมีสปริงอยู่ด้วยนั้นมันติดตั้งบนปีกนกล่างซึ่งมีระยะใกล้เข้ามาด้านใน หรือใกล้กับจุดหมุนของปีกนกด้านตัวถัง(นึกภาพออกไม๊เนี่ย)มากก่าด้านหน้า มันเลยเกิดความได้เปรียบเชิงกลมากกว่า สปริงที่ใช้เลยต้องแข็งกว่า ก้อแค่นั้นเอง (ทำไมพิมพ์แล้วมันออกมาซ้ำๆกันวะเนี่ย)
รูปมันจะเล็กไปไม๊หว่า ลองดูเอานะ a คือความยาวปีกนก b คือระยะที่ติดตั้งสปริง(และโช้ค) ถ้าระยะ b ยิ่งน้อย สปริงที่ใช้มันต้องแข็งขึ้น เข้าใจบ่??? รถที่เป็นสตรัท แรงกดของสปริงมันจะไปที่ปลายปีกนก แต่แบบด้านหลังของ civic มันจะติดตั้งเข้ามาประมาณ 1 ใน 3 ของปีกนกล่าง พอจะนึกออกป่ะ
ARC ฉบับที่ 136 / 2551 หน้า 92 - 96 ในเล่มจะมีสำนัก Spoon , J'S Racing , Feel's , Seeker , Blitz , Ing+1 , 5Zigen มีทั้งสำนักที่เซ็ทหน้าแข็งกว่หลัง และ หลังแข็งกว่าหน้า... สำนัก Seeker หนึ่งในสำนักแต่งในเล่ม ให้เหตุผลว่า การเซ็ทค่าสปริงหลังให้แข็งมากๆ จะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งผมก็สงสัยว่า ถ้าหลังแข็ง มันจะควบคุมง่ายกว่ายังไงเหรอครับ อาการอันเดอร์จะน้อยลง ? หรือว่าจะมีอาการโอเวอร์จะออกด้วย ? หรือยังไงอ่ะครับ ?
ตอนนี้ผมใช้ Bilstein + Tein S.Tech อยู่ครับ แต่ไม่ได้ใช้ Civic แต่ก็อยากทราบไว้เป็นข้อมูลครับ เพราะยังไม่ถูกใจช่วงล่างเท่าไหร่...
ขอบคุณมากครับ... เข้าใจ และได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยแล้ว... ทีนี้ ที่สงสัย ( ในเล่ม มีทั้งสำนักที่เซ็ทหน้าแข็งกว่า และสำนักที่เซ็ทหลังแข็งกว่า) ไม่รู้ว่า เซ็ทในรูปแบบที่แตกต่างกันดังกล่าว... อาการของรถจะออกมาต่างกันอย่างไร
ก็เหมือนกับรถฮอนด้า -ประตู ใช่ไหมพี่ ที่ใช้ สปริงแข็งกว่า โตต้า มิตซู เพราะ ตำแหน่งมันเข้าไปข้างใน ไม่ได้อยู่ปลายปีกนก เหมือนยี่ห้ออื่น เลยทำให้ต้องใช้แรงกดเยอะกว่า
เรื่องใช้สปริงเท่าไหร่ แล้วอาการรถออกมายังไงนี่ตอบยากครับ แฟคเตอร์มันเยอะ มันไม่ได้มีแค่เรื่องสปริง ช๊อคที่ขายเป็นชุด เค้ามักจะให้ค่าสปริงที่ออกมากลางๆ แต่เวลาเราเอาไปใช้จริงๆ ถ้าเอาไปขับในสนามมันมีเรื่องของการปรับตั้งอื่นๆ ที่ประกอบเป็นช่วงล่างอีกมากมาย แคมเบอร์ ขนาดยางที่ใช้ แรงดันลมที่จะใช้ วิธีขับของคนขับแตกต่างกัน อาการรถที่คนขับชอบ บางคนชอบรถที่บาลานซ์กลางๆ บางคนชอบรถที่บาลานซ์ออกไปทางท้ายไหลหน่อยๆ ผมยังอ่อนด๋อยเรื่องช่วงล่างครับ ระบบช่วงล่างเป็นเรื่องที่ยากมาก
bilstein เป็นช๊อคฯ ยี่ห้อหนึ่งที่ผมชอบมากครับ ระดับโลกครับ แต่มันก็มีหลายรุ่นนะครับ รุ่นพื้นๆ ของ bilstein อาจจะสู้ตัวสูงๆ ของยี่ห้ออื่นไม่ได้ แต่ในระดับการใช้งานเดียวกัน bilstein ไม่เป็นรองใครครับ