Midnight Racing........

การสนทนาใน 'Primera & Presea Club' เริ่มโดย poomsiri, 27 กุมภาพันธ์ 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    บนทางด่วน เสาร์ 03.17 น.
    "เคน" ขับรถกลับจากงานเลี้ยงมุ่งหน้ากลับบ้าน ถนนโล่งจนเคนเผลอตัวกดคันเร่งมากเกินปกติ เหลือบตามองที่หน้าปัทม์อีกครั้งก็เห็นเข็มชี้ไปที่เลข 180 ซะแล้ว รถที่เซ็ทมาดีของเขาทำให้ความเร็วดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ก็ผ่อนเท้าลงให้ความเร็วลดมาอยู่ในย่านปลอดภัยทันทีที่รู้ตัว
    ไม่คาดฝัน ขณะที่ขับอยู่เพลินๆ ก็เหลือบมองกระจกข้างขวาก็เห็นรถสองคันขับแข่งกันมา ความเร็วที่คะเนของรถสองคันขณะนั้นไม่น่าจะต่ำกว่า 200 กม./ช.ม. ไฟหน้าจากกระจกมองหลังเริ่มชัดมากขึ้นทุกขณะ เคนเบนรถหลบไปในเลนซ้ายสุด เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง รถคันแรกที่ขับแข่งกันมาเปิดไฟสูงมาตลอดทาง เคนตอบรับทราบเปิดทางด้วยการเปิดไฟเลี้ยวซ้ายทันที
    ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงลงไปเล่นกับเขาด้วยแล้ว ตอนนี้เคนเลิกอัดรถบนถนนหลวงอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะกลัวอันตราย หากแต่เป็นการทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในความอันตรายโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นรถสองคันนี้ที่อัดคู่กันมา
    "ยังไม่สูญพันธุ์อีกหรือวะไอ้พวกนี้" เคนนึกในใจแล้วมองกระจกข้างอีกครั้งก่อนรถทั้งสองคันจะผ่านหน้าเขาขึ้นไป
    แต่การแข่งของรถสองคันนี้ดูแปลกต่างจากที่เขาเคยพบเห็นมาคือรถคันหลังขับจี้ท้ายคันหน้าเหมือนในสนามแข่งวงรี ทั้งๆ ที่การแข่งนอกสนามแบบนี้ควรขับกันคนละเลนเพื่อที่จะมองเส้นทางได้ชัดเจนมากที่สุดและสามารถเลี่ยงอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าต้องอย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ในสนามแข่ง เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่อยู่รอบข้างตัวได้เลย
    รถสปอร์ตราคาแพงทั้งคู่ยังคงขับด้วยความเร็วสูงเกินหลัก 200 ก.ม.ชม อย่างต่อเนื่อง แม้เคนจะไม่ลงไปเล่นด้วยแต่ก็อดเป็นห่วงการแข่งรถของพวก Midnight Racing ไม่ได้ เคนปรับบูสท์เพิ่มจากเดิมเป็น 1.2 บาร์ โดยกดปุ่มที่เซ็ทไว้แบบอัตโนมัติพร้อมการจ่ายน้ำมันที่ปรับตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว สปอยเลอร์หลังที่ปรับระดับอัตโนมัติยกตัวสูงขึ้นเล็กน้อยทันที่ที่เข็มความเร็วแตะหลัก 200 ครั้นพอแตะคันเร่งนิดเดียวก็สามารถตามติดท้ายของนักแข่งนอกสนามได้ไม่ยาก แต่เนื่องจากไม่อยากร่วมวงเล่นด้วยเลยทิ้งระยะห่างรถทั้งสองคันกว่า 500 เมตร
    โค้งซ้ายอยู่ข้างหน้าแต่พอหลุดโค้งออกมาก็พบสิบล้อสองคันกำลัง ขับแซงกัน ถนนสามเลนถูกใช้ไปเสียสองเหลืออีกหนึ่งกับรถสองคัน งานนี้มีลุ้น ขณะนี้รถทั้งสองคันขับผ่านไปแล้ว แต่สายตายังมองรถคู่นั้นด้วยความเป็นห่วง เขากระแทกคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อให้มองเห็นเหตุการณ์
    เคนเห็นไฟจากท่อไอเสียของรถคันแรกแล่บออกมาลูกโต เสียงเครื่องยนต์ครางดังลั่นเคล้ากับเสียงจากท่อไอเสีย เสียงกังหันเทอร์ไบน์หมุนกรีดร้องโหยหวน รถคันที่สองเหมือนรู้หน้าที่ว่าต้องทำอย่างไร ผู้ขับเหยียบเบรคลั่น ล้อไถลยาวไปตลอดพื้น เพราะทางที่ดูเหมือนว่าหนึ่งเลนที่มีมันไม่เป็นอย่างที่คิดอีกต่อไปแล้ว รถยนต์นั่งธรรมดาขับช้ามากแช่อยู่ช่องเลนขวา ที่มองไม่เห็นแต่แรกก็เพราะมุมโค้งปิดไว้แถมถูกบังโดยสิบล้ออีกสองคัน
    เคนยังคงเลี้ยงความเร็วตามดูสถานการณ์พร้อมเบี่ยงรถมายังเลนขวา เคนเข้าใจว่ารถคันหน้าคงผ่านไปได้ จะเป็นห่วงก็เพียงแต่รถคันที่ตามมา ทว่าเขาคิดถูกเพียงครึ่งเดียว รถคันหน้าผ่านไปได้จริง แต่มุมขวาหน้าไปสะกิดมุมกันชนหลังซ้ายของรถเก๋งที่ขับช้าและขับแช่อยู่ในเลนขวาทำให้รถเสียหลักทั้งคู่ นี่กระมังคือเหตุผลว่าทำไมรถคันที่อัดตามหลังมาถึงได้กดเบรคสุดแรง จนทำให้หน้ายางส่วนที่สัมผัสกับผิวถนนแหว่งหายไปเหลือแต่ชั้นผ้าใบกับเส้นใยเหล็กที่เสียดสีกับผิวถนนจนไฟแล่บตลอดทาง
    ความเร็วกว่าระดับ 250 มันอยู่เหนือการควบคุมของรถบ้านทั่วๆ ไป รถเก๋งที่ขวางทางปืนถูกสะกิดท้ายเพียงนิดก็หมุนฟาดกำแพงกระดอนออกมาสงบนิ่งกลางถนนขวางอยู่สองเลนซ้าย รถคันที่ชนดูแล้วก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะหมุน 180 องศาเอาท้ายฟาดกับรั้วขอบทางด้านซ้ายสุด รถลอยขึ้นสูงสักสองฟุตแล้วตกลง กันชนหลังฉีกขาด ไฟท้ายทรงกลมแตกยับไม่มีชิ้นดี แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือถังน้ำมันแตก น้ำมันทะลักออกมานองเต็มถนน อินเตอร์คูลเลอร์ใบโตขาดกระเด็น ฝากระโปรงปลิวไปอยู่ไหนไม่รู้หน้ารถย่นยู่จนดูไม่ออกว่าเป็นรถอะไร
    เหตุการณ์ชักจะไปกันใหญ่ สิบล้อสองคันที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวอะไรด้วย แต่ตอนนี้กลายเป็นผู้ร่วมรายการหลักไปแล้ว เพราะข้างหน้าเขาแค่ไม่กี่สิบเมตรมีรถหมุนขวางถนนอยู่สองคัน ยังไม่นับรถเก๋งซิ่งคันหลังที่กำลังเบรคแต่ก็ยังหาที่หยุดไม่ได้
    เคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะถึงแม้จะไม่ตามหลังมาติดๆ แต่ก็พอจะมองผ่านโค้งได้อย่างชัดเจน รถคันที่เบรคลากยาวตัดสินใจใช้กำแพงช่วยชะลอความเร็วและไปสงบนิ่งอยู่เลนขวาสุดไกลออกไปจากรถที่หมุนขวางอยู่ ควันและกลิ่นยางไห้มเหม็นตลบเคนอาศัยช่องว่างเลนขวาสุดผ่านขึ้นไป เขาตัดสินใจจอดหน้า Toyota Supra ที่สงบนิ่งแล้วพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน แต่ยังคงนั่งมองเหตุการณ์ผ่านกระจกหลัง
    ที่เขาเป็นห่วงที่สุดขณะนี้ก็คือสิบล้อสองคันจะผ่านมาได้หรือไม่ คันแรกบรรทุกพืชผลทางการเกษตรและใช้ความเร็วต่ำอยู่แล้วคงไม่มีปัญหา แต่คันที่กำลังควบแซงเป็นรถเปล่าวิ่งห้อมาด้วยความเร็วสูง ถ้ารอดก็ดีไป ถ้าไม่ก็อยู่ที่สิบล้อจะเลือกบี้คันไหนระหว่างรถเก๋งดวงซวยที่ถูกชนขวางเลนซ้ายและกลาง หรือจะเลือกรถต้นเหตุ Nissan Skyline R32 สีดำซึ่งอยู่ในช่องทางฉุกเฉิน หากแต่ลักษณะของรถยังคงหมุนกลับลำ 180 องศา เอาหน้าหันเข้าหาสิบล้อเต็มๆ ส่วน Toyota Supra รถที่เบรคจนไปฟาดกับกำแพงเคนไม่เป็นห่วงมากนักเพราะจอดชิดขอบทางและอยู่ค่อนข้างไกล
    เคนเองก็ไม่ประมาทเขาโยกคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง D พร้อมเหยียบเบรค เพื่อให้สิบล้อมองเห็นไฟเลี้ยวดวงที่สามตรงกลางเพิ่มจากไฟฉุกเฉินที่กระพริบอยู่แล้ว แถมยังเป็นการเตรียมพร้อมหากสิบล้อคันที่เร่งแซงไม่เลือกรถทั้งสามคันแต่หันมาเล่นงานเขาแทน
    สิบล้อคันแรกท่าทางจะตกใจเหยียบเบรคลั่นถนนแต่ความเร็วก็มิได้ลดลงเลย เจ้าของ R32 เห็นดวงไฟพุ่งเข้ามาหารถก็เลยยิ่งลนปลดเข็มขัดนิรภัยไม่ออก อีกทั้งตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ารถตัวเองน่ะถังน้ำมันแตกจนนองถนนอยู่เต็มแล้ว ทั้งๆ ที่สวิทช์ตัดไฟในรถก็มีเตรียมพร้อม แต่ความตกใจก็ลืมมันเสียสนิท
    ระยะห่างไม่กี่สิบเมตรเริ่มลดลงจนเหลือไม่กี่เมตรในเวลาแค่อึดใจ มันคือระเบิดเวลาดีๆ นี่เองที่รอสิบล้อมาช่วยจุด แม้จะขับมาไม่เร็วมากแต่จะให้หยุดกะทันหันทันทีคงยากสำหรับรถที่บรรทุกเกินพิกัด แป้นเบรคถูกเหยียบแทบมิดพื้นแต่แรงเฉื่อยที่ส่งมายังคงทำให้รถพุ่งอยู่ ส่วนสิบล้ออีกคันที่เร่งแซงก็อาศัยความคล่องแคล่วผ่านไปได้โดยยอมเฉี่ยวท้ายรถเก๋งดวงซวยที่ล้ำออกมานอกเลน
    เปรี้ยง...ชุดไฟและกันชนท้ายหลุดกระจายเกลื่อนถนน แต่คนขับรถใหญ่กลับยิ่งเพิ่มความเร็วหลังจากผ่านไปได้
    เคนรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขารีบออกมาจากรถแล้วป้องปากตะโกนลั่นสุดเสียง
    "ออกกกก มาาาาาา" ยังไม่ทันสิ้นเสียงตะโกน เคนเห็นสะเก็ดไฟเกิดขึ้นทางท้ายรถ Skyline ก็คงจะมาจากความร้อนของท่อไอเสียที่วางอยู่บนน้ำมันเบนซินกองใหญ่ เปลวไฟลามไปถึงยางหลังทั้งสองข้าง แต่เจ้าของรถก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมา เสียงเบรคของสิบล้อยังคงดังลั่นถนน เคนได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งที่เขาคิดอย่าเป็นความจริง
    โครมม.. ม.. บรึม.. ม.. ม..
    สิบล้อเบรคไม่อยู่พุ่งชนรถ Nissan Skyline อย่างจัง ความแรงของการปะทะทำให้รถที่หันหัวกลับหมุนไปฟาดกับรถเก๋งที่จอดขวางอยู่ในเลนซ้าย-กลาง ไฟกองโตเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รถสามคันรวมอยู่ในไฟกลุ่มเดียว แต่รถบรรทุกจะดูอันตรายน้อยกว่าเพื่อน เพราะอย่างน้อยคนขับก็กระโดดออกมาก่อนที่รถจะพุ่งเข้าไปชนแล้ว รอลุ้นก็เพียงเจ้าของรถอีกสองคันเท่านั้น
    เคนรีบวิ่งกลับเข้าไปในรถคว้าถังดับเพลิงเดินข้ามฝั่งถนนอ้อมไปยังทิศต้นลม เขามองฝ่ากลุ่มควันเพื่อดูคนขับรถสปอร์ตสีดำ แล้วเขาก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง.. ..
    คนขับเป็นผู้หญิงหน้าตาดีหมดสติอยู่ เคนทิ้งถังดับเพลิงปรี่ไปยังประตูด้านขวา แต่ประตูปิดล็อคไว้ทั้งสองบานทำให้เคนต้องเข้าทางกระจกหน้ารถที่แตกแล้ว เขาปลดเข็มขัดนิรภัย 4 จุดอย่างคล่องแคล่วและเปิดประตูออกจากด้านใน เคนมุดออกมาจากกระจกหน้าที่แตกอีกครั้ง ตรงไปยังประตูและอุ้มร่างหมดสติของสาวน้อยออกมาได้
    โชคดีที่เจ้าของ Supra ออกมาช่วยดับเพลิงไว้ทัน มิฉะนั้นเคนคงเจอศึกหนักกว่านี้แน่ ส่วนเจ้าของรถเก๋งที่ถูกชนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ตะเกียกตะกายออกมายืนดูสภาพรถตัวเองแบบที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวเท่าไรดีนัก ส่วนคนขับสิบล้อก็หายตัวตามเคย
    เคนสังเกตภายนอกไม่มีรอยบาดแผลฉกรรจ์ใดๆ ที่ศีรษะมีรอยแตกทางหางคิ้วขวา คงจะกระแทกกับโรลบาร์ตอนที่โดนสิบล้ออัดปะทะ ลำตัวปลอดภัยดีน่าจะต้องขอบคุณเบาะนั่งคุณภาพสูงและเข็มขัดนิรภัยที่ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เขาค่อยๆ ประคองร่างอันหมดสติเข้าที่ปลอดภัย ปูเสื้อตัวเองกับพื้นแล้วนำนักซิ่งสาวนอนลง
    "เป็นอะไรมากไหมครับพี่"
    "ไม่น่าจะรุนแรงมาก คิดว่านะ" เคนตอบชายหนุ่มที่เพิ่งดับเพลิงที่ไห้มเสร็จ
    "แล้วคุณล่ะ" เคนย้อนถาม
    "ผมไม่เป็นอะไรครับพี่"
    ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ทางด่วนก็มาถึงพร้อมรถพยาบาลและรถดับเพลิง เคนหมดหน้าที่พลเมืองดีแล้ว ชายหนุ่มเจ้าของ Supra กล่าวขอบคุณ เคนยิ้มตอบและเดินไปขึ้นรถตัวเองที่จอดติดเครื่องรออยู่ไม่ไกล
    สวิทช์ Power ของการปรับกล่อง ECU ถูกปรับลงไปอยู่ในเขต Normal Cruise เหมือนเช่นตอนแรก เคนออกรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน เขานั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาและยังคงเป็นห่วงพวกนักแข่งข้างถนนอีกหลายๆ รายที่ต้องมาพบอุบัติเหตุทำนองนี้
    แล้วจู่ๆ
    แป๊นนนนน......เสียงแตรลมส่งทอดมาแต่ไกล เหลือบมองกระจกหลังก็พบรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงพร้อมเปิดไฟสปอทไลท์ใต้กันชนล่าง เคนตอบรับด้วยไฟเลี้ยวซ้ายอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้รถกระบะที่ควบมาแรงไม่แซงขึ้นไปแต่กลับมาจี้ท้ายรถเขาเสียสนิทและเบนออกเลนขวาพร้อมขึ้นมาตีคู่
    เคนละมือซ้ายจากพวงมาลัยไปวางบนปุ่ม Power อีกครั้งพร้อมเตรียมโยกคันบังคับไปที่ High Speed แต่แล้วก็ยกเลิกการตัดสินใจ "เล่น" กับรถคันข้างๆ อย่างกะทันหัน
    ทันทีที่ถอนคันเร่งรถกระบะทางขวาก็ขึ้นหน้าเขาไป เคนลดความเร็วลงไปในย่านที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้อาย ไม่รู้สึกเสียหน้าสักนิด เกมของลูกผู้ชายที่รักความเร็ว พิสูจน์ได้ในสนามแข่งเท่านั้น
    เพราะเกมข้างถนนมิใช่วิถีของคนจริง



    พอดีไปเจอมาอ่านแล้ว.....คิดว่าทุกคนคงชอบ........
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2008
  2. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    On The Street

    รถแต่งที่เพิ่งโมดิฟายเสร็จเมื่อคืนวันเสาร์ จะนำออกมาลองในเช้าตรู่วันอาทิตย์โดยใช้ถนนนอกเมืองที่การจราจรไม่พลุกพล่าน เคนมักออกไปลองรถคนเดียวเสมอ เพราะไม่ใช่เรื่องน่าสนุกแถมค่อนข้างอันตราย บ่อยครั้งที่ต้องใช้ความเร็วเกินธรรมดาไปมาก เพียงเพื่อค้นหาข้อบกพร่องของรถเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นวันนี้
    กล่องเครื่องมือขนาดพกพา คอมพิวเตอร์โน้ทบุ๊ค พร้อมกล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ และวิทยุสื่อสาร นี่คือสิ่งที่เคนพกติดตัวตลอดเวลา และวันนี้เขากำลังทำความเร็วไต่ระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่บนถนนสายหนึ่ง
    สำหรับความเร็วสูงพิเศษเช่นนี้เขาจะไม่ละสายตาไปจากผิวถนนเด็ดขาด มาตรวัดต่างๆ ที่ติดอยู่นั้นใช้เหลือบมองได้เพียงแค่ขณะใช้ความเร็วต่ำ หากขับรถจนถึงขีดสุดอย่างเคนแล้วจะต้องใช้ระบบเตือนด้วยเสียงผ่านทางหูฟังพิเศษ หรือไม่ก็ใช้การเตือนด้วยระบบแสงระบบ HUD - Head Up Display โดยให้แสดงผลบนกระจกหน้าเหมือนที่ใช้ในเครื่องบินรบเพื่อความปลอดภัยที่สูงกว่าธรรมดา
    ตี๊ดๆ ๆ เสียงเตือนขึ้นที่หูฟัง แต่เคนยังไม่ยกคันเร่งขึ้น จนเสียงเตือนนั้นดังถี่รัวขึ้นพร้อมกับปรากฎตัวหนังสือเขียนว่า 'Lean' สีแดงขึ้นที่กระจกหน้า
    ฟั่วววว.. ทันที่ที่ถอนคันเร่งเสียงคายอากาศของโบลวออฟวาล์วก็ดังขึ้น ตัวหนังสือ Lean ที่สว่างค้างอยู่หายไป
    กระแทกคันเร่งลงสุดทันที เข็มวัดรอบกวาดขึ้นอย่างเร็วมากไปหยุดการเคลื่อนไหวที่ 10500 รอบ/นาที จาก 5 ลดเกียร์ลงไปอยู่ที่ 4 เท้าทั้งสองสอดผสานทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่วเมื่อเข้าโค้งมุมกว้าง เข็มความเร็วยังคงชี้ไม่ต่ำกว่าเลข 220 และค่อยๆ ขึ้นช้าลงเมื่อเข้าใกล้เลข 260
    เสียงตี๊ดๆ ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงกดสวิทช์พิเศษเพื่อปรับการจ่ายน้ำมันเป็นแบบอัตโนมัติ ตัวหนังสือ 'Auto Fuel' สว่างค้างขึ้นที่มุมล่างขอบกระจกหน้า เท้าขวากดคันเร่งแช่จนจมมิดพื้น สายตายังคงจ้องเขม็งที่ปลายสุดถนน ความเร็วระดับนี้ต้องไม่มีช่องว่างสำหรับความผิดพลาดใดๆ
    เข็มความเร็วชี้ทะลุเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เครื่องยนต์ยังคงทำงานเป็นปกติ มาตรวัดทุกตัวไม่มีการฟ้องเตือนใดๆ เขาเหลือบมองที่มาตรวัดส่วนผสมระหว่างน้ำมัน/อากาศเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถอนคันเร่งลดความเร็วให้ลงมาอยู่ในย่านปลอดภัย
    เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาดื่ม ขับรถไปได้สักครู่ใหญ่ ทันทีที่รู้สึกสดชื่นก็กระแทกคันเร่งจนติดพื้นอีกครั้งเพื่อทดสอบระบบ Aerodynamic ของแผ่นสปอยเลอร์หลัง โดยการเลือกระบบปรับ สปอยเลอร์หลังเป็นแบบอัตโนมัติที่จะเริ่มทำงานตั้งแต่ความเร็วรถไต่ระดับเกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
    เริ่มตั้งให้นาฬิกาจับเวลาอัตโนมัติเริ่มเดินนับตั้งแต่ความเร็ว 100 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ทันทีที่เข็มความเร็วไปถึงเลข 100 นาฬิกาก็เริ่มทำงาน เคนกดคันเร่งจนติดพื้นรถราวกับว่าจะให้แป้นเหยียบทั้งอันจมหายลงไป เข็มวัดบูสท์และวัดรอบกวาดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานรอบสูงช่างมีเสน่ห์ให้ใครหลายคนหลงไหลได้ไม่ยาก
    ตัวเลข 4.33 กระพริบเป็นสีเขียวแสดงขึ้นที่กระจกหน้า เคนยกคันเร่งขึ้นปล่อยให้เข็มความเร็วชี้ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงพร้อมกับปรับคันโยกระบบการสั่งงานที่พ่วงจากกล่องอีซียูจาก Mode การทำงานแบบ High Speed มาเป็น Normal Cruise เป็นอันสิ้นสุดการทดสอบสำหรับวันนี้
    ขับรถมุ่งหน้ากลับที่พักด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เขาตระหนักดีเสมอว่าบ่อยครั้งที่ทำผิดกฎหมายในเรื่องที่จำกัดความเร็วสูงสุด แต่ก็เพราะการใช้ความเร็วสูงนี่แหละที่เขาช่วยชีวิตผู้ขับรถบนนถนนมาแล้ว
    มีอยู่ครั้งหนึ่งพบรถฮอนด้าสามประตูแต่งเต็มยศขับมาด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องดังมากราวกับรถแข่งในสนาม ท่อไอเสียขนาดใหญ่ตะแคงเฉียงออกด้านท้าย แต่ผิดปกติที่มีเปลวไฟลุกติดที่ใต้ท้องรถอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้ขับยังคงใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง เคนคาดว่าเขาคงไม่รู้ตัวจึงขับตามประกบขึ้นไปแล้วเรียกให้หยุดก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ทั่วทั้งคันในไม่กี่นาที
    เนื่องมาจากว่ามีน้ำมันรั่วไหล จะเพราะสาเหตุว่าท่อส่งน้ำมันรั่วหรือจะอย่างไรก็แล้วแต่ น้ำมันจำนวนนั้นกระเด็นไปโดนท่อไอเสียที่ร้อนจัด และก่อตัวลุกเป็นเปลวไฟโดยไหม้ท่อยางส่งน้ำมันและไล่ไปจนถึงถังน้ำมันที่บรรจุอยู่ในฝากระโปรงท้าย จนกลายเป็นหายนะในที่สุด
    เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เจ้าของรถที่ถูกไฟไหม้ได้รับบทเรียนราคาแพง แต่ยังโชคดีที่ไม่มีการสูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บ
    พอขับถึงบ้านก็จัดแจงเอาคอมพิวเตอร์ที่บันทึกข้อมูลไว้ทำการ Download ไปใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งเพื่อทำเป็น Back Up ไว้ จากนั้นก็ทำการเปรียบเทียบข้อมูลกับผลการทดสอบคราวก่อนเพื่อหาค่าเฉลี่ย และเก็บไว้เพื่ออ้างอิงในการทดสอบในครั้งต่อๆ ไป
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2008
  3. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    *สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต / พัทยา / อาทิตย์ 5.30 pm.
    เคนกำลังขับรถกลับกรุงเทพฯ โดยออกเดินทางจากจังหวัดระยองพลันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีการแข่ง ควอเตอร์ไมล์ที่สนามพีระฯ พัทยา ไหนๆ ก็ผ่านอยู่แล้ว แวะเข้าไปดูเด็กๆ เขาเล่นรถกันหน่อยจะเป็นไร
    แม้ไม่ได้ย่างกรายเข้าสนามแห่งนี้มาเกือบ 10 ปีเต็ม ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม ต่างเพียงผู้คนหนาแน่นราวกับนัดกันมางานอะไรสักอย่าง เคนขับลอดอุโมงค์ขึ้นไปจอดยังลานโล่ง ยอมเดินไกลหน่อยแต่เวลาออกจะสะดวกกว่า
    วัยรุ่นหันมาเล่นรถกันเยอะกว่าที่สมัยเคนเป็นหนุ่มๆ แต่ท่าทีของผู้เล่นรถกลับต่างไปจากสมัยที่เขาเป็น สมัยก่อนไม่มีการนำช่างมาเซอร์วิสกันที่สนาม เพราะนักขับทุกคนจะต้องทำรถตัวเองเป็นทุกอย่าง แต่สมัยนี้มิได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
    อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปมากแล้ว ระบบหัวฉีดทันสมัยทำให้นักปรับจูนไฮเทคกลายเป็นหมอเทวดาที่สามารถสั่งรถคันนั้นให้มีพลังขนาดไหน กล่องควบคุมสมองกลอัจฉริยะที่คิดเองได้ แต่ยังไม่พอกับความต้องการ จนเป็นที่มาของกล่องอีซียูแบบปรับตั้งค่าได้ และชุดแต่งฉลาดๆ อีกหลายชนิด ทำให้พ่อมดมอเตอร์สปอร์ตผงาดขึ้นยืนหัวแถวของนักโมดิฟาย ทั้งๆ ที่หลายคนมีความรู้เรื่องพื้นฐานเครื่องยนต์น้อยมาก
    แต่หารู้ไม่ว่าในอุปกรณ์อีเลคโทรนิคที่แสนฉลาดก็แสนจะโง่เง่าอยู่ในตัว จุดอ่อนนี้เคนรู้ดีว่าคืออะไร และเคย 'เก็บ' รถซิ่งยุคใหม่ๆ มาแล้วหลายคันด้วยการ 'ย้อนรอย' ด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน
    เขาดูจะไม่ค่อยพอใจในลักษณะการขับรถของบรรดา Midnight Racing บางคนในปัจจุบันมากนัก หลายคนขับรถด้วยสภาพมึนเมา และอัดรถด้วยความคึกคะนอง พร้อมที่จะเกิดอุบัติเหตุทุกเมื่อ ต่างจากสมัยเมื่อเขาเป็นหนุ่มเสียสนิท หลายครั้งที่พบการ 'ท้าทาย' จากเด็กที่ยังไม่รู้แม้กระทั่งกฎของ Midnight Racing แม้ไม่อยากเล่นด้วย แต่ก็อดที่จะสั่งสอนไม่ได้ โดยเฉพาะพวกรถแรงที่มักใช้ความแรง 'ข่ม' รถผู้อื่น และแน่นอนได้เลยว่าการสั่งสอนของเคนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ขับฉีกแซงขึ้นหน้าแล้วนำหายไปเฉยๆ
    สำหรับผู้มีปัญญาเป็นอาวุธ การขับแซงขึ้นหน้าด้วยเครื่องยนต์ที่มีแรงม้ามากมิใช่วิธีการของผู้มีมันสมองเหนือกว่า หากแต่ต้องเป็นการทำให้คู่แข่งขึ้นหน้าเขาไม่ได้ต่างหาก ไม่ได้แกล้ง ไม่ได้กัน แต่เป็นการล็อคระบบการทำงานของรถคู่แข่งให้อยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่ความเร็วไม่ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แรงแตะพันแรงม้าก็เหมือนลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งในแค่พริบตา
    ด้วยความช่วยเหลือของ 'Skeet' เคนจึงทำเช่นนั้นได้ และความลับนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยที่ใดมาก่อน
    เคนเดินดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ จนถึงเส้นสตาร์ท ไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก กลุ่มวัยรุ่นมองเขาแปลกๆ จนต้องหลบสายตาพวกกลุ่มคลื่นลูกหลัง คนเล่นรถสมัยนี้ดูจะมีเงินมากกว่าสมัยก่อนเยอะ แต่สิ่งที่อยู่ในใจของผู้ขับคงไม่ต่างกันมากเท่าไร
    รถแข่งส่วนใหญ่ยังคงมาจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาย่อมเยาว์กว่าเพื่อน และมีปัญหาด้านอะไหล่น้อยกว่ารถทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกัน เดินทอดสายตาไปเรื่อยจนมาสะดุดรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ รู้สึกคุ้นตา ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ก่อนที่จะละสายตาไปนั้น เหลือบไปเห็นเสื้อแจ๊คเก็ตแขวนอยู่ที่ริมหน้าต่างรถของอีกด้านหนึ่ง เคนหยุดคิดในใจ นิ่งไปสักครู่
    สอดสายตามองหาไปทั่ว ทว่าคนวงนอกอย่างเขาไม่มีทางทราบได้ว่าใครคือเจ้าของรถ ยังไม่สิ้นความพยายาม เที่ยวเดินสอบถามผู้คนไปเรื่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ได้คำตอบเหมือนเดิม
    "ไม่ทราบครับพี่"
    "ไม่รู้ครับ"
    พี่ลองไปถามคนทางกลุ่มโน้นดูสิ
    อาทิตย์คล้อยต่ำลงไปมาก ความมืดเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว จนต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะคลาดกับเจ้าของรถที่เขาอยากพบ เลยตัดสินใจทิ้งโน๊ตไว้บนกระจกหน้าแล้วเดินจากไป
    โฆษกสนามประกาศเริ่มการแข่งขันรุ่นโอเพ่น ผู้ชมกลุ่มใหญ่แห่กรูไปยืนเบียดกันใกล้จุดปล่อยรถ เคนเลี่ยงไปยังด้านเส้นชัย เดินเลาะ Pit Wall เรื่อยเปื่อย ในใจยังคงนึกถึงรถสปอร์ตคันนั้น แต่พอถึงรถก็เห็นกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้ว 3 ใบ วางอยู่บนสปอยเลอร์หลัง มีกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มกันอยู่ บางคนในกลุ่มนั้นยืนพิงรถเขาอยู่
    รู้สึกไม่ชอบ และโมโห แต่เคนระงับอารมณ์ทั้งหมดไว้ ตรงรี่ไปยังรถ กลุ่มวัยรุ่นมองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรมากนักแต่ก็หลีกทางให้เมื่อเคนเดินเข้าไปใกล้
    "กระป๋องเบียร์พวกนี้เป็นของคุณหรือเปล่า" เคนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่กร้าวในที
    วัยรุ่นมองหน้ากันสักครู่ หนึ่งในกลุ่มนั้นเดินไปปัดกระป๋องเปล่าออกจากแผ่น Air Foil ลงพื้น น้ำเบียร์ที่ค้างติดอยู่ในกระป๋องเกือบครึ่งกระฉอกออกมา กระเด็นไปโดนขากางเกงและรถของเขาที่จอดอยู่
    ไม่มีใครพูดอะไร เคนมองหน้าทั้งกลุ่มด้วยสายตาเอาเรื่อง คนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะหึๆ แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง เคนก็เตะเข้าที่กรามจนเลือดกลบปาก กลุ่มแตกกระเจิง พวกที่เหลือจะเข้ามารุม แต่ก็ได้แค่คิดเพราะทันที่ที่วิ่งเข้ามาก็ถูกถีบเข้าที่ด้านล่างชายโครงจนกระเด็นไปชนถังขยะล้มลง มือซ้ายคว้าเข้าที่ลูกกระเดือกของคนมีหนวดดิ้นพล่านจนต้องร้องขอให้ปล่อย เหลืออีกคนที่อยู่ตรงข้ามคว้ามีดพกออกมาจากเอว ถือมีดมือสั่น ท่าทางขึงขัง แต่ประสบการณ์ของพวกนี้ยังไม่ได้เสี้ยวของเคน คนจริงที่ผ่านโลกมาโชกโชน
    "เก็บมีดซะเถอะไอ้เด็กน้อย เดี๋ยวมึงจะเจอหนักกว่านี้" น้ำเสียงธรรมดา แต่สายตานั้นดุ จนคนอ่อนประสบการณ์ต้องยอมแพ้
    นักเลงกระจอกถอดใจทิ้งมีด วิ่งเข้าไปประคองเพื่อนที่ล้มลุกคลุกคลาน แม้โดนกันไปแค่คนละนิด หากแต่ตำแหน่งที่เคนซัดเข้าไปนั้นคือจุดสำคัญในร่างกายทั้งนั้น คนที่หัวเราะเยาะโดนหนักกว่าเพื่อน เท้ากระแทกปากฟันหลุดไป 2 ซี่ นอกนั้นแค่เจ็บภายนอก ทราบภายหลังว่าเป็นหัวหน้าแก๊งขายยาฯและงัดแงะอะไหล่รถแต่ง
    เคนเดินไปติดเครื่องรถ แต่ไม่ลืมกดปุ่มพลิกแผ่นป้ายทะเบียนให้กลับด้านกลายเป็นอีกแผ่นหนึ่งเพื่อป้องกันการระรานในระยะยาว ขับออกจากสนามพีระฯ โดยทิ้งความทรงจำให้คนกลุ่มหนึ่ง ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากต่อสู้ แถมล้างมือจากเรื่องพวกนี้มานาน แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะสำหรับเขาการรุกคือวิธีตั้งรับที่ดีที่สุด
    ท้องฟ้ามืดสนิท เคนออกจากสนามพีระฯ มุ่งหน้ากลับบ้านที่กรุงเทพฯ โดยใช้ถนนบายพาส ขับด้วยความเร็วปานกลาง และขณะขับอยู่เพลินๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวคนหนึ่ง คุยกันแบบไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก สัญญาณไม่ค่อยชัด แต่พอสรุปได้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลือเพราะรถยางแตกอยู่ข้างทาง เคนไม่รีรอที่จะขับรถย้อนกลับไป นี่คือสิ่งที่เขาทำมาจนเป็นนิสัยมานานปี ขับรถไปได้สัก 15 นาทีก็พบรถจอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ข้างทาง เข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าคือนิสสัน สกายไลน์ R32
    เสียวสันหลังวาบ ถ้าจำไม่ผิดก็คือคันเดียวกันกับที่เขาเที่ยวเดินตามหาเจ้าของรถในสนามพีระฯ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2008
  4. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    Midnight Race ....ต่อกันนะคับ

    เคนพิจารณารถนิสสันสีดำที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งให้แน่ชัด ยิ่งมองก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นคันเดียวกันกับที่พบในสนามแข่งรถพีระฯเมื่อตอนเย็น แม้จำหมายเลขทะเบียนรถไม่ได้ แต่เสื้อแจ๊กเก็ตที่แขวนอยู่หน้าต่างด้านหลังคือสิ่งชี้ยัน
    เขาเลื่อนไปจอดรถด้านหน้าพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน ขณะที่หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวตัดกับกางเกงยีนส์ขาสั้น สวมหมวกแก๊ปและรองเท้าสำหรับแข่งรถเดินเข้ามาหา
    "สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลา คือรถยางแตกน่ะค่ะ แล้วไม่รู้จะติดต่อกับใคร เผอิญพบเบอร์ติดต่อของคุณบนหน้ารถ ก็เลย..." หญิงสาวเปิดฉากพูดก่อน
    "ผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหมครับ" เคนเสนอตัว
    "ก็..เออ...ที่รถไม่มีแม่แรงน่ะค่ะ รบกวนขอยืมจากพี่ได้ไหมคะ" เธอพูดเสียงอ่อย
    เคนเดินกลับไปที่รถ เปิดฝากระโปรงท้าย หยิบแม่แรงขนาดเล็กออกมาพร้อมกับด้ามต่อขนาดกะทัดรัด เด็กสาวดีใจยื่นมือไปรับ แล้วรีบจัดแจงขึ้นแม่แรงทันที ทั้งที่ยังไม่ได้มีการคลายนอตล้อแต่อย่างใด
    "เดี๋ยวๆ คุณครับ"
    "มีอะไรหรือคะ" หญิงสาวชะงัก
    "มืดมากแล้ว ให้ผมช่วยดีกว่าครับ"
    ไม่มีเสียงตอบ แต่รอยยิ้มจากสาวหน้าใสทำให้เคนเข้าใจความหมาย ลงมือเปลี่ยนยางอะไหล่พร้อมเก็บเครื่องมือเข้าที่ด้วยเวลาไม่ถึง 10 นาที คนที่ขลุกอยู่กับรถอย่างเขาสามารถทำได้เป็นเรื่องปกติ
    "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่มาช่วย หนูคงต้องติดอยู่ตรงนี้อีกนาน"
    "ด้วยความยินดีครับผม"
    จัดแจงเก็บเครื่องมือเข้าที่ แต่ลมยางในล้ออะไหล่เหลือน้อยมาก แม้เพียงพอต่อการขับไปปั๊มเพื่อเติมลม แต่จะดีกว่าไหมหากเจ้าของรถตรวจสอบให้มีปริมาณลมเพียงพอเสมอ คิดในแง่กลับกันบ้าง ถ้าหากลมยางในล้ออะไหล่เหลือไม่เพียงพอต่อการขับล่ะ เป็นคุณจะทำอย่างไร
    "เลยไปข้างหน้าสัก 10 กิโลเมตร จะมีปั๊มน้ำมัน คุณไปเติมลมที่นั่นแล้วกัน ลมยางเหลือน้อยขนาดนี้อย่าขับเร็วมากนักนะครับ กะทะล้อจะเสียและยางอาจระเบิดได้ง่าย ผมจะขับตามคุณไปเรื่อยๆ "
    "ขอบคุณมากค่ะ"
    ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถของตัว รถสองคันขับตามกัน โดยใช้ช่องทางด้านซ้ายสุด เคนขับทิ้งระยะห่างคันหน้าประมาณ 50 เมตร
    ระยะทางแค่ 10 กิโลเมตร หากแต่ต้องขับรถด้วยความเร็วเพียง 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง แถมเป็นเวลากลางคืน จึงทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมาก
    ทันทีที่ถึงปั๊มน้ำมัน หญิงสาวจัดแจงลากสายยางเติมลมมาที่ล้อ แต่เติมไปได้สักครู่ก็ชะงักเพราะตัวเองไม่มีมาตรวัดลมยางติดตัวมาด้วย เคนยืนดูอยู่ไม่ไกลจึงหยิบจากกระโปรงท้ายของรถเขามาให้
    เคนเดินเข้าไปในร้านค้า ซื้อน้ำผลไม้มา 2 กระป๋อง ในขณะที่หญิงสาวเติมลมยางเสร็จพอดี แบ่งน้ำผลไม้ให้หญิงสาว 1 กระป๋อง
    "เชิญครับ" พูดพร้อมกับยืนน้ำผลไม้กระป๋องให้
    "ขอบคุณมากค่ะ" ฝ่ายหญิงยื่นมือมารับ ก้มหัวคำนับ พร้อมกับคืนมาตรวัดลมยาง
    หญิงสาวดื่มน้ำรวดเดียวเกลี้ยง เคนมองหน้าแล้วยิ้ม เธอยิ้มตอบ พร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปาก
    "ฉันชื่อพลอยค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ"
    "เคนครับ"
    "ชอบแข่งรถหรือครับ" เคนถาม
    "ชอบค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเก่งหรอกนะคะ" พลอยตอบด้วยแววตาสดใส เธอมักอารมณ์ดีเสมอเมื่อได้พูดคุยถึงเรื่องรถแข่ง
    "เพื่อนๆ พลอยก็ชอบกันเยอะค่ะ แต่ส่วนใหญ่ชอบแข่งรถตอนกลางคืนกัน เขาบอกว่ามันกว่าในสนามเยอะเลย"
    "อ้อ..เป็นงั้นไป" เคนตอบเสียงแผ่ว พร้อมกับถอนลมหายใจ ทอดสายตาไปยังรถของพลอยก็เห็นเสื้อแจ๊คเก็ตจึงนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้
    "คุณพลอยครับ ไปได้เสื้อตัวที่แขวนอยู่ในรถมาจากไหนหรือ"
    พลอยเดินเข้าไปใกล้เคนที่ยืนอยู่ชิดรถ แล้วจึงเล่าว่า
    "อ๋อ ก็เมื่อหลายเดือนก่อนพลอยรถชนบนทางด่วนน่ะค่ะ ชนแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะขับเร็วมาก มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลเสียแล้วพร้อมกับเสื้อแจ๊คเก็ตตัวนี้แหละค่ะ คงเป็นของคนที่เขามาช่วยพลอยออกจากรถก่อนที่จะถูกไฟไหม้ เห็นพยาบาลเธอบอก"
    เหมือนลมหนาวพัดวูบ ขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด เคนจ้องมองดูเสื้อที่แขวนได้อย่างละเอียดผ่านกระจกบานใส
    "เปิดประตูได้เลยค่ะ" พลอยกล่าวเชื้อเชิญ
    เคนเปิดประตูด้านคนขับแล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตตัวนั้นออกมา พลิกดูคอเสื้อด้านในพบรอยฉีกขาด จึงมั่นใจในความคิดของเขามากขึ้น
    "มีอะไรหรือคะ" พลอยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเคนสนใจเสื้อตัวนั้นมากเป็นพิเศษ
    "เมื่อหลายเดือนก่อนผมพบรถชนกันบนทางด่วนจนไฟลุกไหม้ เจ้าของรถหมดสติ ผมอยู่ใกล้เหตุการณ์มากที่สุดจึงเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ..."
    พลอยมองหน้าเคน พร้อมกับอ้าปากค้าง
    "ถ้าอย่างนั้น เสื้อตัวนี้ก็คือของพี่...." พลอยพูดตะกุกตะกัก
    "ใช่ครับ ของผมเอง" เคนยิ้มตอบ
    "พลอยขอบคุณพี่มากนะคะ ถ้าในคืนนั้นไม่ได้พี่มาช่วย พลอยคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วล่ะค่ะ"
    เคนยิ้ม ไม่พูดอะไร พลอยดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้พบคนที่ช่วยชีวิตเธอ
    "พี่รีบไปไหนหรือเปล่าคะ ไปหาอะไรทานกันไหม จะได้นั่งคุยกันต่ออีกนิด"
    "ยินดีครับ ทานอะไรกันดีล่ะ ขอเป็นร้านที่บรรยากาศเงียบหน่อยก็แล้วกัน ผมไม่ค่อยถนัดร้านที่เสียงดังๆ "
    "เอ .. พลอยไม่ค่อยคุ้นกับแถวนี้เลยน่ะค่ะ ผ่านบ่อย แต่ก็ไม่เคยจอดแวะสักที"
    "แต่มันเริ่มดึกแล้ว กว่าเธอจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ยิ่งมืดเข้าไปใหญ่น่ะสิ"
    "อืมม.. จริงด้วยสิคะ งั้น..ก็ค่อยนัดทานอาหารที่หลังก็แล้วกัน พลอยมีเบอร์โทรพี่แล้ว สักวันพุธพอจะว่างไหมคะ"
    "ใกล้ๆ ค่อยนัดกันอีกทีดีกว่าไหมครับ"
    พลอยวิ่งเข้าไปในรถหยิบเศษกระดาษมาจดหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว ยื่นให้เคนก่อนที่จะแยกกันกลับ


    มาต่อกันนะคับหายไปนาน

    กรุงเทพฯ / พุธ / 6.00 pm.
    'พลอย' โทรนัด 'เคน' เพื่อชวนไปทานอาหารเย็นที่บ้านย่านสุขุมวิท พ่อแม่ของพลอยอยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวคนเดียวเอาไว้ เคนตอบรับอย่างเต็มใจ แต่ขออณุญาติแต่งชุดแบบตามสบายเพราะเพิ่งกลับจากการทดสอบรถ
    แยกจากถนนใหญ่เข้าไปในซอยเล็ก ลัดเลาะแนวรั้วบ้านสลับกับร้านอาหารหรูหรา ไม่นานก็ไปถึงบ้านที่เป็นจุดนัดพบ เคนไปตรงตามเวลานัดหมายคือ 6 โมงเย็น แต่พอถึงหน้าบ้านก็ตกใจกับความใหญ่โตของบ้าน เพ่งมองเลขที่บ้านให้ชัดอีกครั้งก่อนที่จะเปิดประตูลงไปกดกริ่งที่ประตูบานเล็ก
    ประตูรีโมทเปิดเองอัตโนมัติเหมือนมีใครคอยเฝ้ามองผู้มาเยือนจากด้านใน
    "เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ" เสียงออกมาจากลำโพงขนาดเล็กที่เป็นระบบสื่อสารวงจรปิด
    เคนขับรถเข้าไปในเขตบ้าน ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวที่เป็นเนินหญ้าสำหรับพัทกอล์ฟ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ลานกว้าง จนไปถึงตัวบ้านหลังเล็กอันแรก คนรับใช้เดินมาต้อนรับและนำเคนเข้าไปในห้องโถงที่ต้องเดินผ่านสวนญี่ปุ่นและต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก มีบ้านหลังใหญ่รูปทรงทันสมัยอยู่หลังแนวต้นไม้และบ่อน้ำพุ เคนเหลือบไปเห็นรถสปอร์ต ราคาแพงอีกสองสามคันจอดอยู่ตรงทางเดินริมสวน
    ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปในบ้านก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง 'พลอย' เด็กสาวที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อตอนอยู่บนทางด่วน และพบอีกครั้งเมื่อรถยางแตกอยู่ข้างทางในคราบเด็กกะโปโล มาวันนี้อยู่ในชุดสีฟ้าสะอาดตา ผิวกายขาวเนียน ปล่อยผมยาวสลวย กำลังเดินลงมาจากบันได
    "สวัสดีค่ะพี่เคน" พลอยยกมือไหว้สวัสดี
    "สวัสดีครับ" เคนรับไหว้
    พลอยเชิญให้นั่งในห้องรับรองขนาดเล็กที่อยู่ถัดเข้าไปด้านในของตัวบ้าน เป็นห้องนั่งเล่นที่จัดไว้อย่างง่ายๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์หวายสลับกับโทนสีขาว เป็นห้องที่เรียบแต่ดูดีและสบายตาเคนนั่งลงบนเก้าอี้นั่งขนาดเล็ก และวางเป้ที่สะพายมาด้วยลงบนพื้นข้างๆ ตัว พลอยนั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้าม สักพักก็มีเด็กรับใช้นำน้ำดื่มมาให้
    "หิวหรือยังคะ" พลอยยิ้มถาม
    "ยังหรอกครับผม เพิ่งจะทานรองท้องในรถตอนเดินทางกลับจากสนามแข่งมานี้เองครับ"
    "เด็กกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่น่ะค่ะอีกสักครู่ก็ทานได้แล้ว"
    "คุณพ่อ คุณแม่ อยากรู้จักพี่เคนค่ะ พลอยเล่าให้ฟังว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่รถยางแตกกลางถนนก็ได้พี่เคนมาช่วยอีกครั้ง"
    "ก็เรื่องบังเอิญน่ะครับ เพราะปกติผมก็ไม่ได้เข้าไปสนามแข่งที่ไหนเลยมานานมากแล้ว"
    เด็กรับใช้เดินเข้ามาบอกว่าชุดอาหารเย็นจัดเรียบร้อยแล้ว เคนเดินตามหลังพลอยเดินไปในห้องทานอาหารที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตัวบ้าน ต้องเดินผ่านห้องโถงกว้าง และห้องทำงานที่จัดเป็นสัดส่วน
    สำรับอาหารจัดไว้ 4 ที่ บนมุมหนึ่งของโต๊ะนั่งขนาด 12 ที่ แม้อาหารจะเป็นแบบพื้นบ้านธรรมดาแต่ก็ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ผักทุกชิ้นมีการแกะสลักลาย ช้อนส้อมทำจากเงิน ในขณะที่ถ้วยชามทั้งหมดเป็นกระเบื้องเคลือบเนื้อดี
    สักพักที่ทั้งสองคนนั่งลง พ่อแม่ของพลอยก็เดินเข้ามา บรรยากาศในมื้ออาหารวันนั้นเป็นไปอย่างกันเอง พ่อของพลอยเป็นนักธุรกิจที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวมากนัก ส่วนแม่ก็ดูแลกิจการของทางบ้านตัวเอง บุคลิกและการพูดจาของเคนทำให้พ่อแม่ไว้วางใจเขามากยิ่งขึ้น พลอยเองก็ดูจะรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน ช่วงเวลาไม่นานนัก จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นคนคุ้นเคย เคนเป็นคนมีจิตใจงดงาม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ความเป็นไทยในตัวเคนหลายๆ จุดเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเขา
    "พ่อฝากน้องให้ดูแลด้วยก็แล้วกัน สะดวกไหมล่ะ พลอยเขาชอบรถแข่ง ถ้าเคนว่างๆ ก็ช่วยสอนน้องหน่อยเถอะ ไม่อยากให้เขาเดินผิดทางเหมือนวัยรุ่นกลุ่มอื่นๆ " พ่อพูดหลังจากรวบช้อนส้อมเข้าที่
    "เออ ดีเหมือนกันนะจ๊ะพ่อ คุณเคนเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะมีอะไรแนะนำลูกพลอยได้มาก" แม่ช่วยเสริม
    พลอยนั่งยิ้ม เคนยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว แล้วตอบว่า
    "ยินดีครับผม ถ้ามีสิ่งใดที่ผมพอจะช่วยเหลือได้โปรดบอกมาเลยครับ"
    "เย้ ดีจัง ถ้างั้นพี่เคนก็สอนพลอยขับรถแข่งสิคะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลดมาก
    "ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เอะอะ อะไร ก็ลงที่เรื่องรถแข่งไปหมด" คุณแม่บ่น
    "จะทำหรือจะเล่นอะไรก็ขอให้อยู่ในขอบเขตของความปลอดภัยก็แล้วกัน นอกนั้นพ่อไม่ว่าอะไรลูกหรอกนะ" คุณพ่อเอ่ยก่อนที่จะขอตัวไปเดินเล่นที่สนามหน้าบ้าน
    พ่อกับแม่ปลีกตัวไปนอกห้อง พลอยนั่งคุยกับเคนเรื่องรถสปอร์ตต่างๆ นานา รถประเภทที่ว่านี้มักจะอยู่ในใจของใครหลายคนที่หลงไหลในเรื่องราวของยนตรกรรม ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ล้วนเป็นเรื่องที่ทั้งคู่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พลอยชอบและหลงไหลในความเร็วเป็นหลัก ส่วนเคนจะให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฮเทคมากกว่า
    สองคนสองวัยแต่ใจตรงกัน เคนชายหนุ่มวัยเบญเพศที่มีประสบการณ์ในเรื่องรถยนต์มาอย่างโชกโชน ส่วนพลอยหญิงสาววัย 17 ปี แม้ดูว่าจะอายุไม่มาก แต่พลอยก็เริ่มขับรถตั้งแต่อายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น แถมรถที่เธอขับแต่ละคันมีพลังไม่เคยต่ำกว่า 200 แรงม้า
    "พี่เคนสอนพลอยให้ขับรถเก่งๆ หน่อยสิคะ"
    "น้องพลอยต้องการขับแบบไหนหรือครับ ขับอย่างไรจึงเรียกว่าขับรถเก่ง" เคนยิงคำถามหยั่งเชิง
    คำถามสั้นๆ แต่ทำให้พลอยต้องนิ่งคิดหาคำตอบอยู่นาน จนแล้วจนรอดก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เพราะพลอยเองก็รู้ดีว่าการขับรถเร็วไม่ได้หมายความว่าขับเก่งแต่อย่างใด การที่ขับรถแรงมากๆ ก็มิใช่ว่าจะเก่งกว่ารถที่อยู่ข้างๆ อีกเช่นกัน หรือการขับเปลี่ยนเลนไปมาแสดงความคล่องแคล่วจนดูน่าหวาดเสียวจะเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้เกี่ยวกับความเก่งเลยแม้แต่น้อย
    แล้วคำว่าเก่งของเคนคืออะไร
    ขับรถเก่งในความหมายของเคนคือต้องขับเช่นไร
    คนแบบไหนที่เคนจะเรียกว่าขับรถเก่ง
    "แล้วมันคืออะไรล่ะคะพี่เคน"
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มีนาคม 2008
  5. p'Error

    p'Error New Member Member

    237
    3
    0
    อ่านจบไปเรื่องเดียวเองเยอะๆเกิน แต่เปงห่วงคนใช้ถนนคับซิ่งกันไม่คิด
     
  6. tOon`

    tOon` Well-Known Member Member

    2,324
    43
    48
    แลกเบอร์กันแล้วไปไหนต่ออะ? พี่กิ๊ฟ
     
  7. BLACK_IMPUL

    BLACK_IMPUL New Member Member

    385
    1
    0
    อิอิอิ อดใจรอ ติดตามตอนต่อไป อิอิ
     
  8. mommamz

    mommamz New Member Member

    964
    4
    0
    ติดตามภาคต่อครับ แล้วเคนขับรถอะไรอ่า
     
  9. vynnz

    vynnz New Member Member

    727
    4
    0
    เออ หนุกดีแฮะ สายตาสั้นเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงเลย แล้วเค้าบอกป่ะทางด่วนไหน จะไปแอบดู
    แล้วแลกเบอร์กันแล้วไงต่ออ่ะ อย่างรุๆๆๆๆ แล้วเคนคือคัย คัยคือเคน
     
  10. tamzii

    tamzii New Member Member

    43
    1
    0
    สนุกดีจัง ตื่นเต้นเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

    รออ่านต่อ นี่เรื่องจริงหรือเรื่องแต่งคะ
    ถ้าเรื่องแต่ง คนเขียนนำเสนอเรื่องได้ชัดเจนดีมากเลย

    ชอบ ชอบ
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กุมภาพันธ์ 2008
  11. PeMhom

    PeMhom New Member Member

    1,163
    3
    0
    อ่านแล้ว แฉะ เลยครับท่าน
    ตาแฉะ น่ะอย่าคิดมากสิ
    นิดนึงครับ ท่านเทพกิฟท์ เห็นใจ ตาบ้าง ตา แก่แล้ว ขอตัวอักษรน้องๆ หม้อแกงหน่อยสิ
    รออ่านตอนต่อไปอยู่
     
  12. suncaro@sr20

    suncaro@sr20 New Member Member

    249
    0
    0
    โทรมาเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมอะ แก่แล้วตาลายอ่านไม่ทันเยอะโคตร....................................
     
  13. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาโดนอ้างอิงจากประสบการของผู้เขียน........คับ
    ส่วนตอนต่อไปยังไม่มาเลยคับ.........มาเมื่อไรจะจัดมาให้พี่น้องในคลับได้ติดตามต่อทันทีคับ.........
    ส่วนตัวหนังสือปรับให่ใหม่แล้วนะคับ.........ต้องขอโทษคนแก่ขับรถทองหมูกแดงด้วย........เด๋อ
     
  14. mono seat

    mono seat New Member Member

    36
    0
    0
    เคน ขับ Presea R11 สีขาว ล้อกว้างๆ สวยๆอ่ะครับ
    555 ล้อเล่น....
     
  15. vynnz

    vynnz New Member Member

    727
    4
    0
    ใช่เคน หวมยป่ะ อ่ะล้อเล่นเหมือนกานนนนนนน อิอิ
     
  16. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    เคน มา หมวย ซะงั้น.........
     
  17. mono seat

    mono seat New Member Member

    36
    0
    0
    นึกว่า "เคน เอา ไม่ ปวย" อ่ะๆๆๆๆ
     
  18. mommamz

    mommamz New Member Member

    964
    4
    0
    เคน ซวย เลย งาน นี้
     
  19. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    กลายเป็นกระทู้....เคน ป่วย แทนเลย
     
  20. poomsiri

    poomsiri New Member Member

    672
    8
    0
    มาต่อกันข้างบนเลยนะคับ......เดียวจะขาดตอนกัน
     
  21. vynnz

    vynnz New Member Member

    727
    4
    0
    แล้วบ้านพลอยอยู่สุขุมวิทเท่าไหร่อ่ะ จะไปแอบดู
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้