สอบถามอาการบูสไหล 1.ทำไมถึงไหล 2.เกิดจากอาลัย 3.พี่คนไหนเคยเป็นแล้วแก้ปัญหายังงัยคร๊าบ 4. บูสไหลแล้วสามารขับรถต่อไปได้ไหมแล้วถ้ายังไม่ซ่อมจะมีอาการอาลัยตามมา 5. ขอบคุณทุกคำตอบคร๊าบ
การทำงาน เมื่อบูสเต็มหรือเลย ไฟจะติด(เพิ่งไปเปิดอ่านมาจากหนังสือรถ) 1.ชุดชิฟไลท์ 1.1ท่อน้ำ(เอาอันเล็กๆหรือใหญ่ๆก็ได้แล้วแต่ชอบจะยาว จะสั้นตัดกันเอาแล้วแต่ ปลื้ม55+)(ท่อน้ำทิ้งแอร์ดูดีมากๆ) 1.2อะไรก็ได้ที่มาครอบท่อน้ำแล้ว มันใสๆเห้นไฟข้างใน (บูชคันเกียร์ รถบางรุ่น ปาดข้างในออกครอบได้ไปหาเทียบกะท่อน้ำเอา) 1.3 พลาสติกสีใสๆ แล้วแต่ชอบ เอามาทำเป็นสีชิพไลท์ 1.4ขาตั้ง อันนี้ ใช้ความคิดสร้างสรรค์กันเอง อิอิ555+ 1.5หลอดไฟ(ledจะได้ไม่กินไฟ อิอิ) 1.6สายไฟ ทำดีกว่า 1.ต่อสายไฟกะหลอดไฟ 2.ตัดท่อน้ำก็แล้วแต่ชอบ 3.ยัดหลอดลงไปในท่อ 4.นำแผ่นพลาสติกวางบนท่อ แล้วเอาที่ครอบมาครอบ เสร็จแล้วอาจ จะพ่นสีเพื่อความสวยงามไม่ว่ากันได้ชิฟไลท์และ (อันที่จริง เอาหลอดไฟมาแขวนๆไว้ก็ได้ อิอิ) 2.ชุดทำงาน 2.1ท่อลม(ท่อแวคคั่ม) 2.2สายไฟ 2.3ฟิว(ตามสายและขนาดหลอดที่จิงไม่มีก็ได้) 2.4 pressure switch (อันนี้แพงสุดเลย ของใหม่เป็น 1000 แต่มือ2 500 บาทก็มี)เอาที่ปกติตัด แต่พอมีแรงดันมาแล้ว มันต่อวงจรนะ ก่อนอื่นเรามาตั้ง presssure switch กันก่อน ว่าจะให้เปิดที่บูสเท่าไหร่ ไปหาท่อแวคคั่ม วัดบูส แล้วก็ เข็มฉีดยามา ต่อสามทางเข้า pressure switch วัดบูส และเข็มฉีดยา กดเข็มฉีดยา ให้วัดบูสของเราขึ้นไปในตำแหน่งที่ต้องการ ให้ pressure swich ทำงาน เช่น สมมุติ 1 บาร์ ก็กดค้างไว้ จากนั้นให้เพื่อนปรับ pressure switch จนกว่าจะทำงาน ที่ 1 บาร์ ตั้งเสร็จแล้ว คราวนี้มาติดตั้งดีกว่า เอาสายไฟมา ต่อไฟจากขั้ว ig (สวิตส์ on) ผ่านฟิว ไป pressure สวิสต์ (ลืมบอกเอามันไปไว้ในห้องเครื่องนะ)ไปหลอดชิฟไลท์ อีกข้างลงกราวน์ จากนั้น นำสามทางมาต่อ สายแวคคั่ม จากที่ไปวัดบูสให้แยกไปที่ pressure ด้วยเป็นอันเสร็จ พิธี การทำงาน เมื่อบูสมาถึงค่าที่ตั้ง ไว้ pressure switch จะทำงาน ต่อวงจรให้ไฟติดก็แค่นั้นเอง ประโยชน์ อาจจะมีไม่มากสำหรับรถ โบแตนๆ เพราะถ้าบูสไหลไงก็ตัด 555+ แต่ถ้าเป็นรถโมที่ปลดบูสแล้ว อันนี้จะมีประโชน์อย่างยิ่ง เช่นเราปรับบูสมือไว้ ไม่เกิน 1 บาร์(เราตั้งpressure ไว้ 1.1 บาร์) พอบูสไหลปั๊บ ไฟขึ้น ยกปุ๊บ ไม่พัง(ดีจังมีสัญญาณเตือนโล่งไป) แต่ถ้าไม่มี ปรับบูสไว้ 1 บาร์ กดไปเลย แป๊ดๆๆๆๆ ป่อยๆๆๆๆ ไส้แตก อันเนื่องมาจาก ไม่ว่าปรับบูสมือจะเสีย(แล้วไอ้เนี่ยก็พังง่ายจริงๆซ ะด้วยนะ) หรือเวสเกตุไม่ยอมยก(บางทีแค่ท่อแวคคั่มหลุดก็เศร้าน ะครับ) มาตรวัดตัวนี้จะเห็นในรถยนต์แทบทุกคันที่มีการติดตั้งเทอร์โบเข้าไป รวมถึงรถยนต์ที่มีเทอร์โบมาจากโรงงานก็อาจจะมีตัวนี้มาให้ เนื่องจากมันเป็นตัวบ่งบอกสำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีแรงดันอากาศ หรือแรงบูสต์เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยเพียงไร มาตรวัดตัวนี้โดยปกติบนหน้าปัด จะมีค่าตัวเลขด้านล่างขึ้นมาที่ 0 ซึ่งเป็นค่าของ แวคคั่ม หรือ แรงดันลบ และจาก 0 ขึ้นไป จะเป็นของเทอร์โบ หรือ แรงดันบวก และในส่วนของเทอร์โบนี่เองที่จะเป็นส่วนบ่งบอกว่า เทอร์โบ กำลังทำงานอยู่สำหรับการดูค่าอัตราบูสต์เทอร์โบนั้น ถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดเดินช้ามาก เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า เทอร์โบมีขนาดใหญ่เกินไป ส่งผลให้ไอเสียที่ไปปั่นใบเทอร์โบไม่พอ การแก้ไขก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นแคมฯ องศาสูง รือไม่ก็เปลี่ยนจังหวะของวาล์วเป็นต้น นอกจากนี้หากบนมาตรวัดชี้ว่ามีแรงบูสต์สูงเกินไปจากที่มีการตั้งค่าเอาไว้ ก็อาจจะสรุปได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สปริงวาล์วของเวสต์เกต ที่เป็นตัวควบคุมแรงดันบูสต์ของเทอร์โบเป็นต้น สำหรับมาตรวัดอัตราการบูสต์นี้ อาจจะมีค่าการวัดไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจบ่งบอกค่าการวัดเป็น Bar (บาร์) หรือว่า psi (ปอนด์) อีกทั้งค่าสูงสุดของมาตรวัดบูสต์ ก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการ อุๆๆ นานๆ ได้ปล่อยพลังที บูสต์ไหล เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ 1. ท่อลมที่ไปที่ wastegate แตก หรือ หลุด ทำให้ประตูระบายไอเสีย ไม่เปิด พอไม่เปิด turbine มันก็ไม่ลดความเร็วสิครับ มันก็จะเกิดอาการบูสต์สูงขึ้นๆๆ ไปจนถึงขีดสุดที่ turbo ลูกนั้นจะผลิตได้ครับ ( หรือขีดสุดที่ไส้ในคุณจะทนได้ ) ตรวจสอบ : ลองไปคลำหาท่อลมที่ต่อมาจากบริเวณโข่งไอดี ดึงออกมาเลยครับ แล้วใช้ปากเป่าลมเข้าไป มันจะต้องเป่าลมเข้าไปไม่ได้ ถ้าเป่าได้ก็ อาจจะมีท่อลมแตก หรือมีข้อต่อท่อลมหลุดครับ 2. diaphragm ในกระป๋อง รั่ว หรือ ทะลุ อาการเดียวกันครับ คือ ประตูระบายไอเสียไม่เปิด เพราะลมที่มาดัน diaphragm นี่มันไม่มีที่จะให้ดัน ตรวจสอบ : ลองไปคลำหาท่อลมที่ต่อมาจากบริเวณโข่งไอดี ดึงออกมาเลยครับ แล้วใช้ปากเป่าลมเข้าไป มันจะต้องเป่าลมเข้าไปไม่ได้ ถ้าไล่ท่อลมดูแล้วชัวร์ ไม่มีรั่วไม่มีแตก ก็จะไล่ไปเรื่อยๆ ไปเจอที่กระป๋อง wastegate นี่ล่ะครับ ข้างในมันจะมีแผ่นกระบังลมอยู่ ซึ่งแผ่นนี้ พบได้เหมือนกันว่า เก่าๆ นานๆ มันก็ฉีก หรือทะลุได้ครับ บางทีมาจากการซนก็มี เช่นบางคนชอบไปดัดขามันให้โก่ง เพื่อจะให้บูสต์สูงขึ้น ปรากฏ การที่ไปเอาอะไรไปตอก ไปตีมัน ทำให้มันโดนดันออกจากศูนย์กลาง มันก็ฉีกได้ครับ ลักษณะมันเหมือนแผ่นยางที่มีรูตรงกลางไว้ขันเข้ากับแกนนี่แหละ โดน yank มากๆ มันก็ฉีกขาดได้เหมือนกัน 3. ท่อลมไม่รั่ว ไม่หลุด กระบังลมไม่ฉีก ก็อาจจะกระป๋องค้าง เกิดขึ้นได้ครับ คือ ดึงท่อนี้มา เป่าลมเข้าไปก็ไม่ได้ ดูท่าทางก็จะไม่รั่ว ก็อาจเป็นได้ครับ ว่าสนิม หรือน้ำ มันเข้าไปทำให้กระป๋อง wastegate คุณ ค้างได้เหมือนกัน เพราะข้างในมันมีลักษณะเป็นกระบังลม และมีแกนเลื่อน ตรวจสอบ : ปากเป่า คงไม่ขยับง่ายๆ หรอกครับ เพราะสปริงมันค่อนข้างแข็ง ให้ไปลองหากระบอกฉีดยามาลองอัดดูครับ ปกติแล้ว พอกดลมอัดเข้าไป ขา wastegate มันจะต้องขยับเล็กน้อย ถ้าดันอย่างแรงแล้ว ไม่พบการเคลื่อนไหวเลย ก็แสดงว่ามันคงจะค้างไปแล้วล่ะครับ ถ้าค้างในจังหวะเปิด ก็จะขับแล้วไม่มีบูสต์ หรือบูสต์ต่ำมาก แต่ถ้าค้างในจังหวะปิด ก็จะบูสต์ไหลครับ 4. บูสต์ไหล เพราะเครื่องเขก มีด้วยเหรอ มีครับ 4.1 ในบางกรณี พบว่า ถ้าเกิดปัญหาว่าเครื่องยนต์มีอาการเขกจัด จนกล่อง ecu ทำการตัดการจุดระเบิด สิ่งที่จะตามมา คือ ส่วนผสมที่ไม่ได้รับการเผาไหม้ จะไหลไปออกทางท่อร่วมไอเสีย แล้วสัมผัสกับประกายไฟ ที่ออกมาจากการเผาไหม้ของสูบข้างๆ เกิดการเผาไหม้ในแบบที่เรียกว่า afterburn คือการเผาไหม้ในบริเวณท่อร่วมไอเสีย มีผลให้ไอเสียมีปริมาณมากผิดปกติ จนไม่สามารถที่จะไหลออกไปทาง wastegate ในการทำงานปกติได้ อาการจะเหมือนรถมี anti-lag system ครับ คือมีปุ้งๆๆ และมีไฟแลบออกทางปลายท่อ กรณีนี้ ก็จะทำให้ turbo เกิดการ spool up เพิ่มความเร็วขึ้น จนมีอาการเหมือนบูสต์ไหลได้เหมือนกันครับ ตรวจสอบ : สังเกตุอาการปุ้งปั้งที่ว่านี้ครับ และอาจมีอาการโข่งไอเสียแดง ชนิดที่ว่าแดงกันตั้งแต่รอบต่ำๆ ประกอบด้วย 4.2 เขกแบบว่าเขกจริงๆ แต่กล่องไม่ตัด ก็จะมีอาการที่ว่า exhaust temp มีอุณหภูมิสูงมากผิดปกติ ซึ่งการทำงานของ turbo อาศัยพลังงานความร้อนในท่อไอเสียนี่ล่ะครับ เปลี่ยนไปเป็นพลังงานกลในการหมุนกังหัน turbine ซึ่งต่ออยู่แกนเดียวกับ compressor ซึ่งทำหน้าที่ในการผลิตลม ซึ่งถ้าอุณหภูมิไอเสียที่สูงมาก ก็ทำให้ turbo มีการติดบูสต์ที่ไวขึ้น รวมถึงทำให้เกิดการไหลผิดปกติได้ในบางกรณีเหมือนกัน ตรวจสอบ : โข่งแดง เขาไอเสียร้าวบ่อย หรือรถวิ่งแป๊บๆ ความร้อนสูง 5. เอาอะไรที่มัน simple บ้าง 5.1 wastegate นี้ เคยถูกดัดขา หรือตั้งขาตึงมา การทำเช่นนี้ มีผลให้บูสต์สูงขึ้นได้ด้วยความประหยัด จริงอยู่ครับ แต่สิ่งที่จะตามมาก็คือ ทำให้ระยะเปิดสุดของประตู มีน้อยลง เพราะมันถูกรั้งไปก่อนด้วยการดัดขานี้แล้ว ถ้าประตูเปิดน้อย ความสามารถในการระบายก็น้อยลง และการใช้บูสต์ที่สูงขึ้น จะทำให้เครื่องยนต์มีปริมาณไอเสียที่มากขึ้น แต่ประตูเล็กลง = จะเกิดอาการบูสต์ไหลครับ 5.2 ใช้บูสต์สูง ( ทำให้เกิดปริมาณไอเสีย ) มากเกินไป กว่าที่ขนาดของ wastegate จะรองรับได้ ถ้าเราปรับแต่งรถไปมากๆ เช่นมีการใส่ปรับบูสต์ หรือเปลี่ยนขนาดของ turbo หรือขยายความจุเครื่องยนต์ หรือแต่งฝาสูบ มีการใช้แคมองศาสูง เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ เมื่อถึงจุดนึง จะต้องพิจารณาความเหมาะสมของอุปกรณ์ที่มีมาแต่แรกแล้วครับ จึงเป็นที่มาของการใช้ wastegate แยกครับ เพราะจะมีขนาดวาล์วที่มีความเหมาะสมกับปริมาณไอเสียที่เกิดขึ้นมากกว่า เพื่อหวังผลให้การคุมบูสต์ครับ 5.3 ท่อไอเสียตัน หรือ cat ตัน รถเก่า รถมือสอง รถมือสาม ใช้ไปนานๆ เกิดขึ้นได้นะครับ ถ้า exhaust back pressure มีมาก แต่ turbo ยังสู้ไหว คือไม่ใช่ว่าอั้นซะจนใบพัดหมุนไม่ไหว ก็จะเกิดอาการแบบนี้ครับ ก็คล้ายๆ กับรถที่บูสต์กันเยอะๆ แต่ฝาสูบไม่ flow น่ะครับ ดูว่าบูสต์เยอะเชียว คือบูสต์มากขึ้นๆๆ แต่รถไม่วิ่ง อาการประกอบคือ เครื่องจะร้อนผิดปกติด้วยครับ ตรวจสอบ : ก็ตรวจสอบรถของคุณดูครับ ว่ามีองค์ประกอบเช่นนี้หรือไม่ โชคดีครับ พยายามหาสาเหตุให้เจอ และรีบแก้ไขครับ มีอะไรจะมาเพิ่มเติมให้ โบเดิม หรือ โบเดี่ยวครับ สปริงเวสเกตท์กระป๋องค้างหรือเปล่าครับ
ไม่ได้พังคร๊าบ ผมตั่งกระทู้ไว้เป็นความรู้ของทุกคนคร๊าบ ขอบคุณพี่มากมากเลยได้ความรู้ขึ้นเยอะคับ ผมว่าจะไปกั้นห้องกับดันขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเอางัยดีอยากได้แต่เสียงไม่อยากแรงคร๊าบ รถโบเดิมต้องทำงัยคับ งบน้อยอีกต่างหาก
มานไม่ไหลหรอกแค่ไม่บ้าบูสก้อพอแร้วนิ แค่กั้นห้องกะรองแหวนเอานะ เพราะว่าดัดขาเวสเกตบูสมานจะเยอะเกินไปมั๊ย + อ้างถึง ตอบกลับ