ประชาชนที่ประสงค์จะบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย สามารถติดต่อบริจาคได้ที่ โอนเงินเข้าบัญชีของสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี : สภากาชาดไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติประเทศพม่า เลขที่ : 045-3-04285-5 ประเภท : กระแสรายวัน ธนาคาร : ไทยพาณิชย์ สาขา : สภากาชาดไทย หมายเหตุ แฟ็กซ์ใบนำฝากพร้อมเขียนชื่อและที่อยู่ มาที่สำนักงานการคลัง หมายเลข 02 2500120 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่ โทร. 02 -2564068-69
แม่น้ำอิระวดีเออล้น ท่วมมิดทั้งเมืองเหลืออยู่แค่นี้ นี่คือน้ำลดแล้วนะครับ ถ้าตอนพายุเข้า คงมิดหลังคาบ้านทุกหลังแหละ นี่แหละที่ทำให้คนตายเยอะ
ไม่ใช่ว่ารัฐบาลพม่าปิดตัวเองเกินไปหรอกครับ เหตุที่พม่าต้องเลือกที่จะรับความช่วยเหลือ มันก็เพราะเรื่องการจัดสรรทรัพยากรหลังจากให้ความช่วยเหลือล่ะครับ พม่ายังเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ พวกไอ้กันจ้องกันตาเป็นมันเลยล่ะครับ
อันนี้ที่ คนไทยเรารอดจากพายุ อ่านแล้วท่านจะรักในหลวงของเรา ฝนเทียมในหลวงป้องกันภัยนาร์กีสให้แก่ไทย ขออณุญาตนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเล่าสู่กันฟัง เมื่อวันศุกร์ผมได้มีโอกาสได้เข้าค่ายที่ศูนย์ฝึกทหารของค่ายนเรศวร วันแรกที่เข้าไปกะบรรยากาศครึ้มๆ ผมก็ว่า เอ... แปลกๆนะ ทำไมอากาศอบอ้าวเหมือนจะมีฝน แต่ก็คิดว่าคงเป็นไปตามสภาพอากาศ พอไปถึงก็ทำกิจกรรมจนได้เข้าหอประชุมตอนดึกใกล้เวลานอนมากแล้ว อาจารย์เอกราช ท่านได้มาพูดถึงเรื่องของฝนที่ตกนี้ว่า "ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงให้คณะทำงานเกี่ยวกับฝนเทียม รีบทำฝนเทียม เพื่อเป็นแนวกันลมพายุดีเปรสชั่น ซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่พระองค์ทรงเหมือนกับเทวดาองค์นึงที่ทราบเรื่องนี้ก่อน ถามว่าตอนนั้นกรมอุตุรู้เรื่องนี้ไม๊ ... ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุที่ประเทศพม่าด้วยซ้ำ พอคณะทำงานด้านฝนเทียมทำงานเสร็จ ด้วยความสำเร็จ... ผลงานที่พระองค์ได้ทำ ก็ก่อให้เกิดผล เมื่อเกิดพายุอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ที่พม่า และพายุนี้ก็ได้สร้างความเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศพม่า จนทำให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลกับประเทศ ... แต่สำหรับประเทศไทย แนวกำแพงฝนเทียมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงสร้างไว้ก็ทำให้เกิดฝนตกเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับพายุที่จริงๆแล้วสามารถสร้างความเดือดร้อนกับประเทศได้มาก " พอผมได้ทราบผมถึงกับอึ้งขนลูกซู่ กับ สิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้ให้กับประเทศของเรา ถึงแม้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทราบเรื่องนี้ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมสะเทือนใจกับสิ่งที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ วันที่2ที่เข้าค่าย ครูฝึกได้เปิดวีซีดีเกี่ยวกับพระองค์ให้ดู ผมก็ดูไปเรื่อยๆจนถึงตอนนึงที่เค้าตัดเอาตอนที่พระองทรงเสด็จพระราชดำเนิน เพื่อไปส่งเหล่ากษัตริย์จากต่างประเทศ คณะทูตที่มาเข้าเฝ้าในงานฉลองศิริราชสมบัตครบ60พรรษา ภาพที่ทำให้ผมปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวใจก็คือตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินลงบันได(ขอโทษครับพอดีไม่ทราบว่าเขียนยังไง) พระองค์เกือบหกล้ม ดีที่ทหารรักษาพระองค์ที่เดินนำหน้าคอยประคองพระองค์ไว้ พอพระองค์ทรงยืนได้ ก็ปัดมืออก ผมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสตรงนั้นทันทีไม๊ หรือตรัสกับคนสนิทในภายหลัง ว่า " ไม่ต้องมาพยุงเรา เราจะเดินให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า เราเดินได้ ให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าเราสามารถปกครองคน64ล้านคนด้วยตัวของเราเองได้ " ถึงตอนนี้แล้ว ...น้ำตาผมคลอเบ้า คนที่ดูกันก็สะอึ้นกันไปหลายคน ทุกๆคนในที่นั้นเงียบหมดกับคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ผมได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนข้างๆว่า สงสารพระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนัก ถึงแม้นจะอายุเยอะแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงรักและเป็นห่วงลูกๆหลานของพระองค์ ลูกๆหลานๆที่อยู่ในประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดี อาจารย์ได้บอกกับพวกเราเมื่อวีซีดจบว่า พระองค์เหมือนฝนที่ทำให้ประเทศร่มเย็น เหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำ ที่ๆพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข มีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกพระองค์หากแม้นมีใครผ่านมาอ่าน ถึงจะเป็นคำพูดที่อาจจะได้ยินมาบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่สามารถจะคัดกรองคำพูดใดๆมาพูดได้อีกนอกจาก "ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชา เป็นร่มโพธิทองของเหล่าปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านาน " ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ