ปัจจุบันรถสกู๊ตเตอร์หรือรถเกียร์ออโตเมติค 4 จังหวะ ได้รับความนิยมมากขึ้น สังเกตได้จากตลาดของรถประเภทนี้มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมากนับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา และเป็นที่คาดหมายว่าว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ความแตกต่างระหว่างรถสกู๊ตเตอร์/รถเกียร์ออโตเมติคทั่วไป » รถสกู๊ตเตอร์ หรือรถเกียร์ออโตเมติค 4 จังหวะ - เครื่องยนต์มีขนาดเล็ก อยู่ในพื้นทีปิดและทำงานที่ความเร็วรอบสูงตลอดเวลา ทำให้มีความร้อนสะสมสูง - ส่งกำลังแบบ CVT โดยใช้สายพานเป็นตัวส่งกำลัง - การหล่อลื่นเป็นแบบแยกส่วน คือ เครื่องยนต์และชุดเฟืองท้ายแยกออกจากกัน - ชุดคลัทช์เป็นแบบคลัทช์แห้ง ไม่ต้องการการหลอ่ลื่น » รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะทั่วไป - ชุดคลัทช์เป็นแบบคลัทช์แห้ง ไม่ต้องการการหลอ่ลื่น - เครื่องยนต์อยู่ในสถานที่เปิด ทำให้ความร้อนสะสมไม่สูง - ส่งกำลังโดยใช้ชุดเฟืองและชุดโซ่ - การหล่ลื่นเป็นแบบไตรโซน (Tri Zone) คือหล่ลื่นร่วมกันทั้งเครื่องยนต์ คลัทช์ ระบบเกียร์ - ชุดคลัทช์เป็นแบบคลัทช์เปียก (ชุดคลัทช์จมอยู่ในน้ำมันเครื่อง) ทำให้ต้องการการหล่อลื่นที่เหมาะสม คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องรถสกู๊ตเตอร์ / รถเกียร์ออโตเมติค 4 จังหวะ 1. น้ำมันเครื่องต้องมีคุณสมบัติในการช่วยลดความร้อนสะสมที่บริเวณเครื่องยนต์ เนื่องจากการทำงานของเครื่องยนต์จะเกิดความร้อนอยู่ในช่วง 100 ํc - 180 ํc และบางครั้งความร้อนอาจขึ้นไปถึง 800 ํc ที่บริเวณหัวลูกสูบและแหวนลูกสูบตัวบน ซึ่งความร้อนดังกล่าวเป็นสาเหตุให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพและเกิดการสึกหรอที่เครื่องยนต์ 2. น้ำมันเครื่องของรถเกียร์ออโตเมติค 4 จังหวะ เป็นการหล่อลื่นเฉพาะส่วนเท่านั้น จึงต้องมีการเพิ่มคุณภาพที่แตกต่างไปจากน้ำมันเครื่องของรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะทั่วไป 3. น้ำมันเครื่องสำหรับรถเกียร์ออโตเมติค 4 จังหวะ ต้องการเพิ่มสารคุณภาพที่แตกต่างจากน้ำมันเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำมันสกู๊ตเตอร์ 4 จังหวะทำงานที่ความเร็วรอบที่สูงกว่า ทำให้เกิดความร้อนสะสมสูงกว่าเครื่องยนต์ของรถยนต์ 4. ไม่มีการช่วยหล่อลื่นแผ่นคลัทช์ จึงสามารถใส่สารลดความฝืด ( Friction Modify) ได้มาก ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 5. น้ำมันเครื่องยนต์สำหรับรถสกู๊ตเตอร์ หรือรถเกียร์ออโตเมติค 4 จังหวะ ไม่ต้องการการสารป้องกันการสึกหรอ มาก จึงไม่มีคราบเข่าตกค้าง ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดและยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องเกรดรวมดีกว่าเกรดเดียวอย่างไร ฟิล์มน้ำมันใสกว่าที่อุณหภูมิต่ำ - ทำให้สตาร์ทติดง่าย - ช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ - น้ำมันเครื่องไหลได้เร็วกว่าทำให้ไปหล่อลื่นส่วนต่างๆได้รวดเร็วกว่า ที่อุณหภูมิสูงน้ำมันเกรดรวมมีฟิล์มน้ำมันที่หนากว่าน้ำมันเครื่องเกรดเดียว - ลดเสียงดังของเครื่องยนต์ - ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ที่มา mocyc .com
ผมว่า อย่างเราๆ ดูแลเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 4000 กม หรือใช้น้ำมันสังเคราะห์ไปเลยถ้ามีตังส์ เปลี่ยนสายพาน ตามคู่มือช่าวงแรกที่ 24000 กม แล้วก็เปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นทุกๆ 2 ปี หัวเทียนปีละหัวไปเลย ส่วนน้ำมันเฟืองแล้วแต่กำลัง ของผมเปลี่ยนตามคู่มือ ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับคุณไบตอง