เรื่องที่ควรรู้ไว้ของ "ยาง"

การสนทนาใน 'Civic ES Group' เริ่มโดย yoosabai, 1 กรกฎาคม 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. yoosabai

    yoosabai New Member Member

    163
    14
    0
    เรื่องของ ยางงงงงงงงง ครับ

    ยางรถยนต์ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญยิ่งชิ้นนึงที่ไม่ควรมองข้ามเพราะยางเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ระหว่างตัวรถกับพื้นถนน ฉะนั้นเราควรรู้เรื่อง Basic ของยางบ้าง อย่างว่านะ "รู้ไว้ใช่ว่า ให้คนอื่นหาม"

    1.1 ขนาดของยาง
    โดยปกติทั่วไปจะรู้กันแต่เพียงขนาดยางตามเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ ... เช่น "เฮีย..ยางใส่ล้อ 16 นิ้ว เส้นเท่าไหร่" หรือ "โอ้แม่เจ้า ยางรถคันนั้นแม่งโคตรบางเลย" ทั้งหมดนี้พูดถึงขนาดของยางแต่หมายถึงคนละส่วนกัน
    ขนาดของยางประกอบไปด้วย 5 ส่วนที่มีความสัมพันธ์กัน

    ส่วนที่ 1: ความกว้างของหน้ายาง (tire width) คือความกว้างของยางที่สัมผัสพื้นถนน(จริงๆแล้วคือความกว้างระหว่างแก้มยางในและนอก แต่มันก้อคือๆกัน) มีหน่วยเป็น มิลลิเมตร (mm)

    ส่วนที่ 2: อัตราส่วนของความกว้างของหน้ายางหรือที่เรียกว่าความสูงของแก้มยาง (Aspect Ratio) มีหน่วยเป็น percent เช่น ถ้าอัตราส่วน = 50 และหน้ายางกว้าง 205 มิล ความสูงของแก้มยาง = .50 x 205 = 102.5 มิล แต่ตัวเลขที่เห็นบนยางไม่ใช่ 102.5 แต่เป็น 50 (อัตราส่วน) ถ้าตัวเลขนี้น้อยจะหมายถึงแก้มยางที่บาง ส่วนมากมาในรูป 70 65 60 55 50 45 40 ...

    ส่วนที่ 3: โครงสร้างของยาง (Construction)
    R - Radial ยางเรเดียว ไม่มีใยเหล็ก
    D - Diagonal Belt ยางเสริมใยเหล็กแนวเฉียง
    B - Bias Belt ยางเสริมใยเหล็กเบี่ยง
    ยางรถทั่วไปสมัยนี้จะเป็น R ส่วนมาก

    ส่วนที่ 4: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อที่ใช้กับยาง (Diameter) มีหน่วยเป็นนิ้ว (inches)

    ส่วนที่ 5: หน่วยการรับน้ำหนักกับหน่วยความเร็วสูงสุด (Service Description & Speed Index) บ่งบอกถึงน้ำหนักสูงสุดที่ยางรับได้ รวมถึงความเร็วสูงสุดที่ยางวิ่งได้ เช่น 90H: 90 หน่วยรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 600 กิโลกรัมต่อยางหนึ่งเส้น, H หน่วยความเร็วสูงสุดไม่เกิน 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    หน่วยการรับน้ำหนักไม่ค่อยมีปัญหากับพวกเราๆนัก นอกจากจะเป็นกระบะขนของเลยขอไม่ลงรายละเอียด
    หน่วยความเร็วสูงสุดมีดังนี้
    S - 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    T - 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    U - 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    H - 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    V - 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    W - 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    Y - 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    ZR - มากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    ในบางกรณี ยางบางรุ่นใช้ ZR ซึ่งหมายถึงยางเรเดียวที่วิ่งได้เกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    --> ก่อนเหยียบเร็วมากๆ ควรดูจุดนี้ของยางก่อนนะ ถ้าใช้เกินความเร็วที่ระบุไว้นานกว่า 5 นาทีจะทำให้หน้ายางร้อนจนละลายได้ เลยขอเตือนไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    ตัวอย่าง: ตัวเลข+ตัวอักษรที่อยู่บนยาง = 205/50R16 91Y มีความหมายดังนี้
    205 คือส่วนที่ 1 (ความกว้างของหน้ายาง)
    50 คือส่วนที่ 2 (อัตราส่วนความกว้างของหน้ายาง)
    R คือส่วนที่ 3 (ยางเรเดียว)
    16 คือส่วนที่ 4 (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ)
    91Y คือส่วนที่ 5 (บรรทุกได้ไม่เกิน 615 กิโลต่อเส้น และ ขับเร็วได้ไม่เกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ในบางกรณีอาจจะมีระบุแบบนี้ 235/45ZR17 ซึ่ง ZR มีความหมายแบบเดียวกับตารางข้างต้นในส่วนที่ 5


    1.2 ประเภทของยาง

    ยางแบ่งประเภทตามรถและแบ่งย่อยตามลักษณะการใช้งาน โดยทั่วไปจะแบ่งในลักษณะนี้

    - ยางรถยนต์บ้าน (รวมรถ sport รถแต่งด้วย)
    - ยางแข่ง: มีร่องดอกยางน้อย เป็นยางที่นิ่ม เกาะถนนมาก หมดเร็วมาก ไมสามารถรีดน้ำได้(ยกเว้นยางแข่งพื้นเปียก) ราคาแพงมากๆ
    - ยางสมรรถนะสูง: ยางแข็งขึ้นมาหน่อย เกาะถนน หมดเร็ว รีดน้ำได้ ราคาแพง ส่วนมากมีสียงค่อนข้างดังเวลาวิ่ง Ex. Bridgestone Potenza RE050 Pole Position, Michelin Pilot Sport, Falken Azenis Sport, Yokohama Advan Neova, Toyo Proxes ST1
    - ยางทุกฤดู: แข็งขึ้นอีก เกาะถนนน้อยลง ดอกยางละเอียด ใช้ได้ดีในฤดูฝน เงียบ ราคาไม่แพงมาก Ex. Michelin Energy, Falken Azenis ST115, Bridgestone Potenza
    - ยางธรรมดา: ยางแข็ง ใช้ได้นานทนทาน ราคาถูก เกาะถนนน้อยกว่ารุ่นอื่น
    - ยางรถกระบะและรถบรรทุกเบา
    - ยางขนของหนัก: ตัวยางจะหนาพิเศษ
    - ยาง off road: ดอกยางใหญ่และลึก
    - ยางรถบรรทุกหนักและยางรถที่ใช้ในอุตสาหกรรม

    ทั้งนี้ในการเลือกควรนึกถึงความต้องการและการใช้งานเป็นหลัก

    1.3 ดอกยาง

    หลายท่านคงไม่ทันสังเกตุดอกยาง หรือแค่คำนึงถึงความสวยงามของดอกยาง โดยที่ไม่ทราบว่าคุณลักษณะของยางนั้นขึ้นตรงกับดอกยางด้วย ที่แน่ๆคือความสามารถในการรีดน้ำ กับความเงียบในการขับขี่ แต่ถ้าจะมาอธิบายในรายละเอียดคงเข้าใจกันลำบาก เลยจะขอบอกจุดที่ง่ายๆละกัน

    - ดอกยางที่ละเอียดแบบซอยยิบเล็กๆ จะทำให้ลดเสียงเวลาตัวยางบดกับพื้นถนน --> เงียบ
    - ดอกยางที่มีร่อง(ไม่ว่าจะหยักๆหรือร่องตรง) จะสามารถรีดน้ำได้ดีกว่ารุ่นที่ไม่มี
    - ดอกยางที่มีน้อย(มีพื้นเรียบเยอะ) จะเกาะถนนแห้งได้ดี แต่ไม่เกาะเลยถ้าถนนเปียก

    ในการใช้งานของยาง ดอกยางจะมีการสึกเหรอลงไปเรื่อย ทำให้สมรรถนะด้อยลง จึงควรจะเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาอันควร แต่จะรู้ได้งัยว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว

    อายุของยางขึ้นอยู่กับตัวแปรสองอย่างนั่นคือ เวลา และ การใช้งาน เวลาน่ะวัดได้แต่การใช้งานล่ะวัดยังงัย คำตอบคือใช้ดอกยางวัดเอา

    ยางแต่ละรุ่นกับยี่ห้อมีเครื่องหมายบ่งบอกระดับของดอกยางที่อาจจะต่างกันออกไป โดยส่วนมากจะเป็นเครื่องหมายสามเหลี่ยมที่ขอบแก้มยางใกล้ดอกยาง สังเกตุง่ายๆว่าถ้ามีการกินดอกยางจนถึงเครื่องหมายนี้แสดงว่าสมควรจะเปลี่ยนยางได้แล้ว หรือจะดูที่ดอกยาง ถ้าตื้นแล้วก้อสมควรเปลี่ยน

    ถ้าเวลาขับรถตอนเลี้ยวแล้วมีเสียงยางเอี๊ยดๆ ถึงแม้ว่าจะขับช้าก้อตาม นั่นก้อเป็นอีกสัญญาณนึงที่บอกว่าใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว

    บันทึกการเข้า


    1.4 ลมยาง

    ลมยางใครว่าไม่สำคัญ ถ้ามากไป หรือ น้อยไป มีผลเสียทั้งนั้น
    ลมยางเป็นสิ่งนึงที่เจ้าของรถควรจะ check เดือนละครั้ง
    แล้วทำไมต้อง check ล่ะ
    - ลมยางมีผลต่อสมรรถนะในการขับขี่
    - ลมยางมีผลต่ออัตราการกินน้ำมัน
    - ลมยางมีผลต่อการสึกเหรอของยาง (โดยเฉพาะดอกยาง)
    - ลมยางมีผลต่อความปลอดภัย

    โดยทั้วไปแล้วยางจะสามารถรองรับความดันของลมยางที่เหมาะสมได้ในช่าวความดันนึง นั่นคือไม่จำเป็นที่จะต้องเป๊ะๆ ในการขับขี่ตามปกติลมยางจะมีการเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานและอุณหภูมิของยาง ตามหลักของ thermodynamics (PV=nRT) เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้ความดันเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาตรถูกจำกัดให้คงที่ ฉะนั้นเมื่อจอดรถอยู่นานๆยางอาจจะดูแบนๆแต่ลมยางเป็นปกติ

    ช่วงระดับความดันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับชนิดของยาง ถ้าเป็นรถที่ใช้ยาง+ล้อเดิมจากโรงงาน สามารถดูได้ที่ sticker ข้างประตูรถ จะมีหน่วยเป็น PSI (pounds per square inch) ซึ่งทั่วไปจะอยู่ที่ 30ต้นๆ PSI แต่ถ้าเป็นยาง+ล้อใหม่ ให้ดูที่คู่มือยางใหม่บวกกับลักษณะการใช้งานของรถตนเอง

    ผลเสียของลมยางที่ไม่เหมาะสม
    ลมยางมากเกิน - การขับขี่จะแข็งกระด้าง เด้งไปมา ความสามารถในการรีดน้ำน้อยลง ดอกยางจะสึกเหรอมากตรงส่วนกลางของยาง อายุการใช้งานยางสั้นลง
    ลมยางน้อยเกิน - ขอบยางจะรับภาระหนัก มีโอกาสยางระเบิดถ้ายางหมดอายุแล้ว ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นในการเครื่อนรถไปข้างหน้า กินน้ำมันมากขึ้น ดอกยางสึกเหรอมากตรงขอบ อายุการใช้งานสั้นลง

    ข้อยกเว้นในการใช้ลมยาง
    - ถ้าใช้วิ่งบนทะเลทราย ต้องใช้ลมยางครึ่งนึงของปกติเพื่อเพิ่มแรงเสียดทานกับทราย
    - ถ้าใช้ในการ Drag ล้อที่ขับเคลื่อนควรใช้ลมยางที่อ่อนกว่าปกติเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสตอนออกตัว

    1.5 อายุการใช้งานของยาง

    ตามที่เคยบอกไว้แล้วว่าอายุของยางขึ้นอยู่กับตัวแปรสองอย่างนั่นคือ เวลา และ การใช้งาน

    เวลา - ตามปกติยางจะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2 - 4 ปี ขึ้นอยู่กับชนิด ยิ่งสมรรถนะสูง อายุการใช้งานจะสั้น อุณหภูมิ+ภูมิประเทศก็มีส่วน ถ้าใช้ในที่ร้อนหรือหนาวมากๆ อายุการใช้งานก็จะสั้นลงด้วย แล้วทำไมยางถึงต้องมีระยะเวลาใช้ล่ะ นั่นเพราะว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความยืดหยุ่นของโมเลกุลของยางเสื่อมลงตามเวลา ทำให้เนื้อยางแข็งขึ้น ซึ่งทำให้คุณสมบัติต่างๆของยางด้อยลงไปจนไม่สามารถใช้งานได้

    การใช้งาน - ยางจะสึกเหรอตามการใช้งาน ซึ่งสามารถสังเกตุได้ง่ายจากดอกยาง เมื่อดอกยางหมดไปเรื่อยๆ คุณสมบัติต่างๆของยางก็ค่อยๆหมดไปเช่นกัน

    สัญญานต่างๆที่บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว
    1. ถ้าเวลาขับรถตอนเลี้ยวแล้วมีเสียงยางเอี๊ยดๆ ถึงแม้ว่าจะขับช้าก้อตาม
    2. ยางลดการเกาะถนนลง โดยเฉพาะตอนถนนเปียก
    3. ผิวยางดูแล้วแห้งและบางจุดเริ่มแตกลาย
    4. ใช้นิ้วกดลงแล้วไม่มีความรู้สึกยืดหยุ่นของยาง

    ยาวไปหน่อยนะครับ แต่ก็น่าจะมีประโยชน์ครับ :) :eek::eek:
     
  2. tui013

    tui013 New Member Member

    1,777
    238
    0
    ขอบคุณครับ
     
  3. momo0101

    momo0101 New Member Member

    182
    19
    0
    ขอบคุณ นะคับ
     
  4. TON_MK3

    TON_MK3 New Member Member

    423
    28
    0
    ข้อมูลแน่น............
     
  5. Chit_ES

    Chit_ES New Member Member

    23
    2
    0
    ขอบคุณครับ
     
  6. aum_ES

    aum_ES New Member Member

    237
    10
    0
    ขอบคุณครับ
     
  7. jk2475

    jk2475 New Member Member

    332
    40
    0
    ขอบคุณครับ
     
  8. eit_mut

    eit_mut New Member Member

    191
    16
    0
    ขอบคุณมากเลยคับ ความรู้อีกแล้ว
     
  9. oat_28

    oat_28 New Member Member

    1,150
    53
    0
    ข้ อ มู ล ปึ ก จั ง อิ อิ
     
  10. kukkukku

    kukkukku New Member Member

    21
    0
    0
    ความรู้ๆ ขอบคุณครับ
     
  11. .:: ป๋องแป๋ง ::.

    .:: ป๋องแป๋ง ::. New Member Moderator

    591
    73
    0
    ขอบคุณหลายครับ
     
  12. lipo555

    lipo555 New Member Member

    29
    2
    0
    ขอบพระคุณรุนช่องคับ
     
  13. kyo_fong

    kyo_fong New Member Member

    12
    0
    0
    เนียน......แหล่ม
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้