ลองมาแล้ว 1 ถัง ที่ปั๊มบางจากเอกมัย ปั๊มนี้แถมน้ำด้วย นอกจากจะได้ขวดเล็ก 1 ขวด แล้วยังแถมน้ำมากับน้ำมันด้วย สตาร์ทตอนแรก เครื่องสะดุด วิ่งไม่เป็นเลย เบาก็ดับ นึกในใจ สงสัยต้องถ่ายออกซะแล้ว ปรับอัตราส่วนน้ำมันก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก พอวิ่งมาได้ 4-5 กม. พอน้ำที่ปนอยู่กับน้ำมันเริ่มลดลงไป อาการผิดปกติก็หายไป เดินเรียบเหมือนเดิม มีสะดุดบางเล็กน้อยตอนที่วิ่งสะเทือนถนนขรุขระ แต่พอตอนหลังๆ ก็ไม่มี คาดว่าน้ำในระบบคงเหลือน้อยหรือหมดไปแล้ว เรื่องของอัตราเร่ง ดีกว่าเดิมเล็กน้อย แบบไม่ค่อยรู้สึก (ต้องปรับส่วนผสมด้วยครับ) การกินน้ำมัน พอๆ กับแก๊สโซฮอล์ 95 แต่ยังไม่ได้วัดอย่างเป็นทางการ เพราะถังนี้วิ่งทดลองอัตราเร่ง จะเปลืองกว่าปกติแน่นอน ใครจะลองใช้ ให้ตรวจสอบระบบส่งน้ำมัน ท่อเก่าก็เปลี่ยนซะ พลาสติกกรองที่ตัวปั๊มถ้าเหลืองให้เปลี่ยนใหม่เลย รวมไปถึงโอริงหัวฉีดด้วย และที่สำคัญที่สุด ควรจะต้องมีตัวปรับเพิ่มน้ำมัน อย่างน้อยก็เรกูเลเตอร์ ถ้ากล่องจูนได้ สมควรที่จะจูนรอม หรือ ก็ต้องหา piggyback มาใส่ เพราะอัตราส่วนผสม มันต่างจากเบนซิน 95 พอสมควร จาก 14.7:1 ไปอยู่ที่ 14.07:1 (แก๊สโซฮอล์ 95 จะอยู่ประมาณ 14.26:1 จากการคำนวนคร่าวๆ) ถ้าวิ่งใช้อัตราเร่ง มันจะค่อนข้างบาง แต่ถ้าใช้งานปกติไม่อัดก็พอใช้ได้ เห็นอู่ v-pro โฆษณาในหนังสือ แล้วว่า จูนกล่องใช้ E20 ได้ อยากประหยัดอีก ลิตรละ 2 บาท จากแก๊สโซฮอล์ 95 หรือ 6 บาทจาก เบนซิน 95 ก็ลองดูได้นะครับ อ้อ... เครื่องคาร์บิว ไม่แนะนำให้ใช้นะครับ มันกัดลูกลอย อาจจะทำให้นมหนูตัน หรือลูกลอยกร่อนได้ แต่ถ้ายอมเปลี่ยนลูกลอยใหม่ ท่อยาง ชุดซ่อม โอริงต่างๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่ก็ต้องหมั่นดูเป็นระยะนะครับ
พี่ก้องอย่างรถผมต้องทำไรมั่งครับ อยากประหยัดมั่งเวลาใช้งานปกติ และอยากกลับมาแรงเหมือนเดิมตอนแข่งอ่ะครับ
ระวังนะพี่ก้อง E20 มันกัดท่อยาง กัดโอริงธรรมดา ได้ดีกว่า E10 เยอะนะครับ ขนาดรถที่ผลิตปี 2007 บางรุ่นยังไม่กล้ารับรองเลยครับ เพราะส่วนผสมของพวดโอริง ท่อยางส่งน้ำมัน ไม่ได้ผลิดมาเพื่อทนทานต่อการกัดกร่อนของแอลกอฮอล์ขนาดนี้ครับ ที่ญี่ปุ่นเค้ายังไม่มีใช้เลยครับ E20 เนี่ย แต่ที่ใช้อยู่ชัวร์ๆก็ บราซิลครับ
ที่ญี่ปุ่นผลิตแอลกอฮอล์ไม่พอต่อการใช้เป็นเชื้อเพลิงนี่ครับ ถ้ามีเหลืออย่างบลาซิล หรือ อเมริกา เค้าก็ใช้แล้วละครับ ท่อน้ำมันไม่ค่อยห่วงหรอกครับ เพราะของผมเปลี่ยนเป็นซิลิโคนแล้ว แล้วมันก็ช่วงสั้นๆ ไม่ควรจะมีผลต่อการกัดกร่อนแล้วละลายออกมาจนอุดตันหัวฉีด การกร่อนของยางจากการใช้แอลกอฮอล์ก็ไม่ได้กร่อนจนชิ้นส่วนหลุดออกมาเป็นชิ้นๆในทันที ออกจะมาในทางค่อยๆ สึกกร่อนซะมากกว่า แต่ถ้าท่อเก่าๆ เริ่มหมดอายุมันก็กร่อนออกมาเร็วหน่อย รถที่ผลิตปี 2007 เค้าไม่รับรองแน่นอนครับ ไม่ใช่ว่ามันจะใช้ไม่ได้ซะทีเดียว แต่ต้องมีการปรับแต่งระบบน้ำมัน อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนท่อส่งน้ำมันซะด้วยซ้ำ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนเรื่องการฉีดน้ำมัน ซึ่งเป็นเหตุผลทางการตลาดมากกว่า เนื่องจากเป็นรถที่ขายไปแล้ว ถ้ามีการปรับเปลี่ยนให้ใช้ได้ จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะใครๆ ก็ต้องเอารถเข้ามาปรับเปลี่ยน งานศูนย์บริการก็จะเยอะขึ้นจนทำงานปกติไม่ทัน และค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนอาจจะสูง เนื่องจากว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนบางชิ้นอย่าง ecu จนคิดว่าไม่น่าจะคุ้มต่อการเปลี่ยนไปใช้ E20 ดังนั้นรถที่ขายไปแล้ว ก็ปล่อยเลยตามเลยไปดีกว่า เพราะไม่มีผลต่อยอดขาย ในขณะที่รถใหม่ มีการปรับลดเรื่องภาษี จึงต้องมีการปรับให้ใช้ E20 ได้ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบทางการตลาด มีใครสงสัยเรื่องว่า jass ที่ขายอยู่ตอนนี้ทำไมถึง ไม่มีการรับรองให้ใช้ E20 ได้ ทั้งๆ ที่ city ที่ใช้เครื่องตัวเดียวกันกลับใช้ได้....? เป็นเหตุผลทางการตลาดเหมือนเดิมแหละ....ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า jass กำลังออกตัวใหม่เร็วๆ นี้ ดังนั้น jass ที่ขายอยู่ตอนนี้จึงเป็น stock ที่กำลังจะโละ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ E20 ให้ต้นทุนเพิ่ม และการโละออกของรุ่นนี้ ก็ต้องมีการดั๊มราคาลงมาเพื่อให้ขายได้ง่ายขึ้นอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนให้ใช้ E20 ได้ ก็ต้องปรับลดราคาจนกำไรหดลงไปอีก ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้มก็ได้ สู้รอตัวใหม่ออกมาแล้วตั้งราคาให้ต่ำลงมาเพื่อสู้กับ yaris ที่ออกรุ่น J ราคาต่ำมาจะดีกว่า....
ใช้ครับ เพิ่มเติม ถังน้ำมันต้องเป็นพลาสติก ท่อทางเดินเป็นเหล็กมะได้แล้ว ผมไปสัมมนามากับ ปตท. และวิศวกรของบริษัทรถโตโยต้า เมื่อสองปีมาแล้วมั๊งครับ ***มันไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์นะ ถ้าถ้าสูงกว่านี้ต้องใช้เทคโนโลยี่ของบอส ในการตรวจวันค่า เอทานอล และปรับการจุดระเบิด ให้เหมาะสม มิฉะนั้นมันจะสิ้นเปลิืองโครต... ***เบนซินให้ค่า Heat Value ประมาณ 300 000 กว่าบีทียูชั่วโมง/ยูเอสแกลนลอน ***เอทานนอลให้ค่า Heat Value ประมาณ 170 000 กว่าบีทียูชั่วโมง/ยูเอสแกลนลอน ความสิ้นเปลืองขึ้นอยู่กับปริมาณเอทานอลและการควบคุมการเผาไหม้ ***สัก 5-10 ใช้ครับเอทานอล ระยะเกินจากนี้แพงมากครับ เนื่องจากวัตถุดิบผลิตจากห่วงโซอาหารของสิ่งมีชีวิต(คนและสัตว์ แปลมาจากเว็ปไซด์ขององค์ของอเมริกา จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร) แต่หลังจากนั้นต้องเป็นไฮดรอเจนครับ จะใช้ในรูปแบบเซลเชื้อเพลิงหรือ สันดาปภายใน กำลังแตกแยกสองแนวความคิดสองฝ่าย แต่ปัจจุบันถังเก็บจบแล้วพัฒนาพร้อมใช้แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะลงเลยอย่างไร หรืออาจให้เราเป็นผู้เลือก เหมือนบลูเรย์ กับ HD DVD หรือปล่าว (คือระบบไหนให้ประสิทธิภาพดีกว่า ประหยัดกว่า ดูแลบำรุงรักษาน้อยกว่าและง่ายกว่า) ***แต่ที่สำคัญคือไฮดรอเจนผลิตจากน้ำ...ถูกมาก ใช้ไม่มีวันหมด ***ตอนนี้ปัญหาราคาน้ำมัน (OPEC) และโลกร้อนเป็นตัวเร่ง น่าจะได้ใช้ประมาณสัก 15 ปี บวก/ลบ
ยังไม่เชื่อที่บอกว่า อัตราเร่งดีกว่าเดิมเล็กน้อย อย่างที่ท่านข้างบนบอก ค่า heating value อย่างไรก็ต่ำกว่า เบนซินปกติ สันดาป ได้พลังงานน้อยกว่าเดิมแน่ๆ
อย่าลืมว่าผมไม่ได้ใส่เข้าไปเฉยๆนะครับ ผมมีการปรับเชื้อเพลิงตามเข้าไปด้วย ตัวปรับก็เป็นลักษณะของ piggyback ซึ่งในช่วงปกติ จะอยู่ใน mode close loop ซึ่งค่อนข้างจะ lean burn ในแง่ของ E20 และ การเผาไหม้เมื่อมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย มันจะเผาไหม้ได้หมดจดกว่าเป็นน้ำมันล้วนๆ ถ้าใครใส่เข้าไปโดยไม่ทำอะไรเลย มันก็ต้องแย่กว่าเดิมแน่นอนครับ และอัตราเร่งที่ได้ มันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างเห็นได้ชัด เอาเป็นประมาณว่า น้อยกว่าแอร์ตัดต่อแล้วกันครับ
ผมใช้มาได้ประมาณ ปีนึงแล้วล่ะ E10 Octane 91 กับเครื่อง คาบูเรเตอร์ คับ ทุกวันนี้ ยังไม่มีปัญหาอะไร หลังจากเติมมาปีนึงเต็มๆ แต่ไม่รู้อนาคตคับ ท่อยางก้อไม่ได้เเปลี่ยน เครื่องก้อไม่ได้จูน ไม่เคยทำอะไรเลย เติมๆ อย่างเดียว อัตราเร่งไม่ต่างจากเดิม อัตราสิ้นเปลืองเท่าเดิม (สำหรับรถผมนะ) แต่ประหยัดเงินขึ้น เพราะเติมได้จำนวนมากกว่า ไม่เติมก้อไม่ได้คับ ค่าน้ำมันเดือนนึงตก 7000 ยอมคับ
ขอเพิ่มเติมข้อมูลนิดนึงครับ จากที่ได้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม อัตราส่วนผสมที่ดีที่สุดของ E20 อยู่ที่ประมาณ 13.5 ต่อ 1 ครับ ฉะนั้นจึงควรมีการปรับอัตราส่วนผสมกันใหม่ อย่างที่พี่ก้องบอก ซึ่งสามารถทำได้หลายๆ วิธีแต่จะให้ชัวร์ควรมีเครื่องมือวัด หรือ จูน Real Time ครับ ตอนนี้ผมได้ลองเติมไปแล้ว ครั้งแรกเติม 200 บาทจากหมดถัง ได้ 6.8 ลิตร (ราคา 29.19 บาท) วิ่งได้ 78 โล แบบซัดบ้าง (7-8 พันรอบ) วิ่งธรรมดาบ้างในเมือง รวมสิ้นปลือง 11.47 กิโลเมตร/ลิตร ตอนนี้กำลังทดสอบครั้งที่ 2 เติมไป 500 บาทได้จำนวนน้ำมัน 17.1 ลิตร ตอนนี้กำลังทดสอบอยู่ครับ โดยรวมผมว่าวิ่งดีและลื่นกว่าเดิมครับ ปล.ของผมใช้วิธีจูน ROM โดยใช้ AF มิเตอร์วัดอัตราส่วนผสมครับ
พี่ครับ ที่บอกว่าพอวิ่งมา 4-5 กม. น้ำปนอยู่กับน้ำมันเริ่มจางลง อาการผิดปกติก็หายไป เดินเรียบเหมือนเดิม น้ำที่ปน มานี่หมายความว่าอะไรอ่ะคับ
ไอ้ช่วงที่ผมไปลองเติมมา มันเป็นตอนที่ E20 ออกมาใหม่ๆ ไม่ค่อยมีใครเติมซักเท่าไหร่ ประกอบกับว่าฝนมันตก ทำให้น้ำมันที่เติมอาจจะมีน้ำปนมาบ้าง อันเนื่องมาจากไอน้ำในถังที่เค้าเก็บไว้มันกลั่นตัวกลายเป็นน้ำ พอมันดูดเข้าเครื่อง มันก็เลยสะดุด ตอนนั้นใจเสียเลย คิดว่างานเข้าซะแล้ว กะว่าถึงบ้านแล้วจะถ่ายน้ำมันออก พอใกล้ๆ ถึง มันก็หาย พอใช้งานอีกครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็เลยใช้มาตลอด
update หลังที่เติมครั้งที่ 2 จำนวนเงิน 500 บาท สามารถวิ่งได้ 180 กิโลครับ เฉลี่ย 10.52 กิโลเมตร/ลิตร ได้น้อยกว่าครั้งแรก อาจป็นเพราะรถตากแดดทั้งวันเป้นเวลา 2 วันครับ อาจจะมีระเหยไปบ้าง แต่โดยรวมถือว่า ประหยัดและวิ่งได้ไกลกว่าเดิมครับ ตอนนี้กำลังลองเติมครั้งที่ 3 จำนวน 500 บาท จะรายงานผลให้ทราบกันต่อไปครับ
แก๊สโซฮอล์ (E10) คือแก๊ซโซฮอล์ที่มีอัตราส่วนการผสมน้ำมันเบนซินกับเอทานอลในอัตราส่วน เบนซิน 9 ส่วน ต่อเอทานอล 1 ส่วน (คิดเป็น 10%) สำหรับประเทศไทย แก๊สโซฮอล์ที่จำหน่ายใน ปัจจุบันเป็นแบบ 95 http://www.moderncar.co.th/other/95.htm (ข้อมูลจาก Audi) งั้น E10 คือโซฮอล์ 95 ใช่ไม๊ครับ คือผมใช้โซฮอล์ 91 กับเครื่องคาร์บูเดิมมา 4 ปี ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มันก็แค่ช่วงสั้นๆ คงต้องใช้สัก 6-8 ปีน่าจะรู้ ตอนนี้เป็น D15B Vtec ก็ใช้ โซฮอล์ 91 สลับ โซฮอล์ 95 แล้วแต่หาได้ เคยลองคิดว่าถ้ายังใช้ 3D อยู่ (เพราะรักเขาจริงๆ) ก็น่าจะลองเปลี่ยนท่อทางน้ำมัน และส่วนอื่นๆเพื่อให้รองรับ E10,E20 หรือ E85 ได้ แล้ว 3Dคันเก่งจะได้อยู่กับผมนานๆ ตอนนี้มีผู้ริเริ่มแล้ว ผมอยากให้ลองจนสำเร็จนะครับ เชียร์ๆจริงๆ เพราะรถหลายรุ่นที่หลายท่านอยากเก็บเขาไว้ แต่อาจจำใจขายทิ้งเพราะหาน้ำมันมาให้เขาไม่ได้ (ถ้าเบนซินธรรมดาแพงมากๆ) จะได้อยู่กับเขานานๆ คนไทยเก่งอยู่แร้น
แก๊สโซฮอล์ 95 คือ E10 ครับ ส่วนเรื่องที่จะเติม แก๊สโซฮอล์ 95 หรือ 91 ผมแนะนำให้ดูจากมาตรฐานของเครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์กำหนดให้เติมเบนซิน 91 ก็สามารถเติมแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ได้ครับ แต่ถ้ากำหนดให้เติม 95 ควรเติม แก๊สโซฮอล์ 95 อย่างเดียวครับ เพราะระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ออกแบบมาไม่เหมือนกันครับ ตัวอย่าง อัตราส่วนผสมของน้ำมัน เบนซิน อัตราส่วนผสมที่ดีที่สุดในรอบเดินเบา 14.7 : 1 แก๊สโซฮอล์ (E10) อัตราส่วนผสมที่ดีที่สุดในรอบเดินเบา 14.2 : 1 E20 (ออกเทน 95) อัตราส่วนผสมที่ดีที่สุดในรอบเดินเบา 13.5 : 1 ฉะนั้นรถที่ในปี 95 - 2007 จึงสามารถเติมแก๊สโซออล์ ได้เพราะอัตราส่วนผสม เบนซิน กับ E10 ใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถเติม E20 ได้เพราะอัตราส่วนผสมค่อนข้างต่างกัน ถ้าเติมไปโดยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนตารางการจ่ายน้ำมัน ก็จะมีผลกระทบกับเครื่องยนต์แน่นอนครับ