​

เอ็มจีซี มารีน เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเรือยอร์ช อะซิมุท รุ่น Flybridge 66 และ Atlantis 43 ร่วมงาน "ไทยแลนด์ ยอร์ช โชว์ 2018" (Thailand Yacht Show 2018) ที่จังหวัดภูเก็ตปลายเดือนนี้

คุณชัญโญ มานะกุลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็มจีซี มารีน (เอเชีย) จำกัด เผยว่าในงาน Phuket Rendezvous 2018 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการปิดการขายเรือรุ่น Flybridge และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จนี้ บริษัทฯ จึงนำเรือ Azimut Flybridge 66 รุ่นใหม่ล่าสุดมาเปิดตัวในงาน Thailand Yacht Show 2018

"ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เรือ Flybridge 66 จะปรากฎตัวในประเทศไทย ดังนั้น เพื่อที่จะไม่ให้พลาดโอกาสพิเศษดีๆ เช่นนี้ ผมอยากจะเชิญชวนเจ้าของเรือยอร์ชและผู้ที่สนใจได้มาสัมผัสและยลโฉมเรือยอร์ช ที่มีการออกแบบที่สวยสะดุดตา และมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด Azimut Yachts เป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่แท้จริง เป็นผู้ผลิตเรือยอชท์สุดหรูยาวนาน ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง" คุณชัญโญ กล่าวด้วยความตื่นเต้น

Azimut Flybridge 66 เป็นเรือยอร์ชที่มีโครงสร้างทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ขนาด 20 เมตรลำนี้ ถือกันว่าเป็นเรือยอร์ชที่มีเทคโนโลยีไฮเทคที่สุด และนวัตกรรมกรรมที่ทันสมัยมากมาย Azimut Flybridge Collection เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากรุ่นหนึ่ง โดย Flybridge รุ่น 62 และ 64 มียอดขายมากกว่า 300 ลำที่ผ่านมา

​

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้ชมเรืออะซิมุท Atlantis 43 ซึ่งเป็นเรือยอร์ชที่มีการตกแต่งภายนอกและภายในสไตล์อิตาเลียน ตัวเรือได้รับการรออกแบบให้มีรูปทรงปราดเปรียว และง่ายต่อการควบคุม พร้อมความหรุหราสะดวกสบายแบบไร้ที่ติ

เรือรุ่นนี้ออกแบบอย่างลงตัว ผสมผสานระหว่างความสง่างามและสมรรถนะ สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 35 น็อต และท่านจะอดประหลาดใจไม่ได้ว่าเรือ ขนาด 43 ฟุตลำนี้สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานด้านต่างๆของนักเดินเรือที่หลงใหลในประสบการณ์การท่องทะเลในสไตล์อิตาเลียนได้อย่างครบถ้วน ดังที่มีผู้ให้นิยามว่า "สมบูรณ์อย่างไร้ที่ติ"

คุณชัญโญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝั่งทะเลอันดามัน อย่างภูเก็ต กระบี่ ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในธุรกิจเรือยอร์ชติดต่อกันมาหลายปี เพราะเป็นพื้นที่ที่ดึงดูดนักแล่นเรือทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมาก เม็ดเงินของตลาดท่องเที่ยว

เรือยอร์ชของไทยมากกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมกับกล่าวชื่นชมรัฐบาลไทยที่มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญในการก่อให้เกิดเม็ดเงินไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหลัก อย่างธุรกิจมารีน่า รวมถึงการจ้างงานในพื้นที่ ดึงดูดให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเรือยอร์ช เข้ามาลงทุน ซึ่งจะผลักดันการเติบโตของธุรกิจให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง