ตลอดช่วงเดือนนี้ที่ผ่านมาผมไม่ได้ใช้รถเลย จอดทิ้งไว้บ้านตลอด จะเพราะด้วยรถไม่ค่อยดีด้วย ขาผมก็ยังไม่หายดีด้วย แต่ด้วยความหวังดีของคุณแม่ กลางวันเค้าก็มาเปิดประตูระบายกลิ่นอับให้ เย็นก็ปิด แต่รุ้สึกว่าเค้าจะไม่ได้ปิดไฟในรถให้ตอนเปิดประตูเมื่อวานมาลองสตาร์ทดู แต่บุญไม่มี แบตหมดคับ ก็เลยจั๊มแบตกับรถคุณแม่สตาร์ทเอา สตาร์ททิ้งไว้ประมาณ15นาที ดับเครื่องลองอีกที ไม่ติดเหมือนเดิม T_T แบบนี้เท่ากับแบตมันไม่เก็บไฟลาโลกไปแล้วใช้รึเปล่าคับ รึว่าแค่ไฟหมดเฉยๆ ยังชาตร์ได้ ถ้าชาตร์ได้ ต้องไปชาตร์ที่ร้านรึว่าสตาร์ทเครื่องชาตร์ได้รึเปล่าคับ รึว่าเปลี่ยนเลยดีกว่า เรื่องของเรื่องคือเสียดายตังล่ะคับ แบตลูกนึงก็เปนพันบาท ลูกนี้ก็ประมาณครึ่งปีเองไม่น่าจะไปเร็วขนาดนั้น
ลองไปร้าน ให้เขาชาร์จไฟก่อนครับ แล้วลองมาใช้ดู ถ้ามันไม่รอดอีกคงต้องเปลี่ยน แต่ควรใช้รถบ้างนะครับ จอดเป็นเดือนนี่นานไป ถ้าไม่ได้ใช้จริง ให้ถอดขั้วแบตออกครับ
ผมเคยเป็นแบบนี้คับ ตอนแรกลองจั๊มแบตแล้วสตาร์ททิ้งไว้ พอดับเครื่องแล้วก้อสตาร์ทไม่ติดเหมือนเดิม ก้อเลยเอาไปชาร์ตไฟที่ร้าน หลังจากชาร์ตทิ้งไว้ ทางร้านลองเอาเครื่องมาจิ้มดู ปรากฎว่ากำลังไฟอ่อนเนื่องจากแบตตารี่ไม่สามารถเก็บประจุไฟไว้ได้ สุดท้ายก้อต้องเสียตังเปลี่ยนจนได้ 555+
เอาแบตไป เช็ค ร้านเรยคับ เค้าสามารถ วัดความถ่วงจำเพาะ ให้ได้ว่า มัน สภาพดีมั๊ย ความจิง ติดเครื่องแล้วให้มันชาต ก็ได้นี่คับ ขอรอบเครื่อง เกิน พัน หน่อย :sad:
แบตหมด กับ แบตเสื่อม ไม่เหมือนกันครับ ธาตุของแบตเตอรี่ เป็นหลักการทางไฟฟ้าเคมี ที่ต้องมีการ ถ่ายเทประจุ (เก็บประจุ-คายประจุ) ในตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ชาร์จครั้งแรก ถ้าทิ้งไม่ต่อวงจรไว้โอกาสที่ แบตจะถ่ายเทประจุกับอากาศและแรงดันไฟฟ้าต่ำลงก็เกิดขึ้นได้ เป็นปกติ การที่จอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยต่อสายวงจรแบตเตอรี่ทิ้งเอาไว้ ถึงไม่มีการสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่ก็มีการถ่ายเทประจุอยู่ตลอดเวลาครับ เพราะมีวงจรไฟฟ้าหลายจุดที่ต่อตรงไม่ผ่านสวิตซ์กุญแจอยู่ และการถ่ายเทโดยตัวมันเองกับอากาศ ฉะนั้นเรื่องแบตเตอรรี่หมดจึงถือเป็นเรื่องปกติสำหรับกรณีนี้ครับ หากต้องการจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ควรถอดสายแบตเตอรี่ออก หรือ สตาร์ทรถให้เกิดการถ่ายเทประจุ ทุกวัน 5-7 วัน (สำหรับแบตที่สภาพค่อนข้างดี อาจจะอยู่ได้ถึง 2 อาทิตย์ ครับ) สำหรับแบตลูกที่หมด ถ้าสภาพยังสมบูรณ์ โดยเปิดดูช่องเติมน้ำกลั่น ดูธาตุแบตต้องไม่มีสีดำหรือคราบดำจับ สามารถพ่วงแบต แล้วสตาร์ท เติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับ นำรถออกไปวิ่งซัก 4-5 กิโล ให้ไดชาร์จ ชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าไปเก็บใหม่ให้เต็ม ก็จะสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติครับ มีข้อระวังคือ แบตที่มีธาตุแบตที่ได้คุณภาพและมีสภาพการดูแลรักษาที่ดีจะสามารถชาร์จประจุกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าแบตเตอรี่ ที่ยี่ห้อแปลกๆราคาถูกๆ ไม่ได้คุณภาพ เมื่อเราปล่อยให้แบตหมดหลายๆครั้ง โอกาสที่ธาตุแบตจะเสื่อมสภาพและไม่สามารถชาร์จประจุกลับมาได้ใหม่ หรือได้แต่ความจุของประจุลดน้อยลง(ที่เรียกว่าแบตไม่เก็บไฟ) มีโอกาสเกิดขึ้นได้ครับ
ผมเคยแบต อ่อนๆ เปิดดูน้ำกลั่นโอ้ว แทบแห้ง เลยซื้อ น้ำกลั่นแบบสีชมพูๆ ในปั้มเจ็ทมาเติม (มันเขียนวา ช่วยยืดอายุ และประจุไฟได้ดีขึ้นมั้ง) เติมไป สองขวดแหนะก่าจะเต็ม ยังไง ลองเช็คน้ำก่อนนะ
ของผมเติมน้ำกลั่นแล้วก้อยังใช้ต่อได้อยู่นะครับ ลองดูขีดวัดระดับน้ำกลั่นที่ข้างๆตัวแบตน่ะครับ (ถ้ามีพลาสติกบังคงต้องถอดออกมาดูครับ)
เร็ว ๆ นี้รถแฟน นึกว่าเป็นที่แบต เปลี่ยนแบตก็แล้ว ไม่หาย ไป ๆ มา ๆ ขั้วแบตเสียครับ เปลี่ยนแล้วหาย ดูขั้วกันด้วยครับผม
แบตหมด = ใช้ไฟจนหมด ชาร์จใหม่ได้ แบตเสี่อม = แบตไม่สามารถเก็บไฟได้ ชาร์จแล้วก็ไม่เก็บประจุ ลองทำตามข้างบนบอกดูก่อนครับ ว่าหมด หรือเสื่อม
เอ้ออันนี่คันเก่าที่บ้านเคยเป็นเลย ซันนี่ แบตเป็น ขี้กราก ตรงขั้ว สีขาวกรังเลย ต้องเคาะๆ ออก สงสัยมันโดน น้ำกรดแบต เลยต้อง หา ยางที่ฝาแบ็ต จากแบ็ตเก่าๆ มาเปลี่ยน เพราะยางมันขาด ขั้วแบต ขี้กราก บานเลย พอขี้กรากหาย รถชึ่งเดียวติด หุหุ + อ้างถึง ตอบกลับ