Niche Cars เผยโฉมสุดยอดยานยนต์ McLaren 600LTครั้งแรกในไทย ที่งาน Thailand International Motor Expo 2018

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 29 พฤศจิกายน 2018

โดย News เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2018 เมื่อ 16:08
  1. News

    News Active Member Super Moderator

    1,005
    3
    38
    [​IMG]

    บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย เผยโฉม McLaren 600LT ครั้งแรกในประเทศไทย ณ งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2561 ณ บูธ A11 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    McLaren 600LT คือสมาชิกลำดับที่ 4 แห่งตระกูล LT (Longtail) ในกลุ่มสปอร์ตซีรีส์ (Sport Series) มุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพสูงสุด และทรงพลังสูงสุดในกลุ่มเดียวกัน พัฒนาจากวิศกรรมยานยนต์ชั้นเลิศของสายพันธุ์รถแข่ง GT ขนานแท้ เพิ่มความแรงและน้ำหนักเบา พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก ด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ ส่งมอบขุมพลัง 600 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ความแรงและเร็วเปรียบดั่งกระสุนเงิน ยกระดับตำนานตระกูล LT คลาสสิก ให้ก้าวล้ำสู่อนาคต ด้วยความเบาจากโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ รับประกันความรู้สึกร่วมของผู้ขับที่จะสัมผัสได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น เพื่อการขับบนท้องถนนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังคงคาแรกเตอร์ของรถสปอร์ต

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น 570S Coupé รถ McLaren 600LT มีน้ำหนักที่เบากว่าถึง 96.4 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ และการใช้แชสซีส์ MonoCell II คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบาลงถึง 75 กิโลกรัม พร้อมล้ออัลลอยที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาพิเศษ พัฒนาระบบกันสั่นสะเทือน เพิ่มประสิทธิภาพ front track รวมถึงการปรับการตกแต่งภายในที่คำนึงถึงการใช้ประโยชน์สูงสุด พร้อมพุ่งทะยานสู่ท้องถนนด้วยศักยภาพที่เหนือชั้นเต็มรูปแบบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    การปรับปรุงระบบความเย็นและการพัฒนาระบบระบายไอเสียทำให้ McLaren 600LT พุ่งทะยานด้วยความแรงและดุดันยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Active Dynamics Panel และเบาะนั่งรถแข่ง จะขับบนท้องถนนหรือสนามแข่งก็ง่ายดายสูงสุด นอกจากนั้นด้านหลังของรถยังเพิ่มขึ้น 47 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มแรงกดอากาศ และสมรรถภาพที่ดียิ่งขึ้นในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความดิบและความรู้สึกร่วมของผู้ขับต่อการตอบสนองของระบบเบรกน้ำหนักเบา ปีกนกคู่อะลูมิเนียม และยาง Pirelli P Zero TroFeo R ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อ McLaren 600LT โดยเฉพาะ เพิ่มความเร้าใจในการขับสูงสุด

    [​IMG]

    [​IMG]

    วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดตัว McLaren 600LT ว่า "นิชคาร์เปิดจำหน่าย McLaren 600LT ซึ่งจะนำเข้ามาในประเทศไทยเพียง 6 คันเท่านั้น ด้วยราคาเริ่มต้น 24.7 ล้านบาท การเปิดตัวซูเปอร์คาร์ในประเทศไทย ที่งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ ถือเป็นไฮไลต์ครั้งสำคัญ และเป็นโอกาสของแฟนรถทุกท่านที่จะได้ร่วมยลโฉมการออกแบบ และประสิทธิภาพระดับตำนานของแมคลาเรนได้อย่างใกล้ชิด"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 ในครั้งนี้ นอกจาก McLaren 600LT แล้ว บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ยังได้นำ McLaren 720S ซูเปอร์คาร์เจเนอเรชั่น 2 ในกลุ่มซูเปอร์ ซีรีส์ ที่ได้เปิดตัว ณ โชว์รูม นิช คาร์ เมื่อเดือนมิถุนายน มาจัดแสดงในงานครั้งนี้ด้วย McLaren 720S มีความทรงพลังถึง 720 แรงม้า เบากว่าและแรงยิ่งกว่า McLaren 650S รุ่นก่อนหน้า และพื้นที่ภายในที่พัฒนาสูงสุดเพื่อความสนุกในการขับที่มากกว่า พร้อมด้วย McLaren 570S Coupé คือผู้นำในรุ่นด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ และเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบขนาด 3.8 สร้างความเร้าใจในการขับ ทั้งนี้ แมคลาเรน Rolling Chassis คือส่วนที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนรถยนต์ตัวจริง ที่จะได้มีโอกาสยลโฉมยานยนต์จากบริทิชที่มีเทคโนโลยีและชื่อเสียงระดับชั้นนำของโลก

    [​IMG]

    ข้อมูลรถยนต์รุ่นแมคลาเรน 600 แอลที (McLaren 600 LT)

    [​IMG]

    ภาพรวม McLaren 600LT

    เดิมที McLaren F1 ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการแข่งขัน แต่เมื่อผลิตออกมาแล้วกลับได้รับความนิยมในการแข่งขันอย่างมาก โดยในการแข่งขันรายการ 24 ชั่วโมง เลอม็องส์ (24 Hours of Le Mans) ปี ค.ศ. 1995 รถ McLaren F1 จีทีอาร์ (McLaren F1 GTR) ซึ่งใช้งานสวนทางกับวัตถุประสงค์ในการสร้าง กลับสามารถเข้าเส้นชัยได้ทั้งอันดับ 1, 3, 4, 5 และ 13 นับเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและทำให้แมคลาเรนกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพียงรายเดียวที่สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันที่โด่งดังและสุดแสนอันทรหดระดับโลกได้ในการลงแข่งขันครั้งแรก และยังเป็นสถิติอันน่าภาคภูมิใจซึ่งยังไม่มีใครทำลายได้ตราบจนทุกวันนี้ หากนั่นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของ McLaren F1 GTR เพราะรถยนต์รุ่นนี้ยังมีการพัฒนาไปจนถึงขั้นสูงสุด จนกลายเป็นหนึ่งในรถแข่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตยุคใหม่ นั่นคือรุ่น ลองเทล (Longtail)

    การผลิตซ้ำ McLaren F1 GTR ครั้งใหม่อันน่าตื่นใจเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงฤดูการแข่งขันปี 1997 และการยืดทรงตัวรถให้ยาวขึ้นอย่างสวยงามนี่เองที่ทำให้เกิดชื่อรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ โดยในช่วงแรกมีการผลิตขึ้นเพียง 9 คันหลังจากคันต้นแบบ ซึ่งนอกจากการสร้างช่วงตัวรถให้ยาวขึ้นเพื่อลดแรงต้านและเพิ่มแรงกดอากาศบนตัวรถ ยังมีการพัฒนาเพิ่มเติมภายใต้รูปลักษณ์ที่ยาวขึ้นนี้ อาทิ ระบบกันสะเทือนที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างสมบูรณ์แบบและระบบเกียร์ซีเควนเชียล (Sequential transmission) นอกจากนี้ ยังมีการลดน้ำหนักในทุกส่วนประกอบ ซึ่งทำให้ McLaren F1 GTR "ลองเทล" มีน้ำหนักเบาขึ้นอีกมากกว่า 100 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับ McLaren F1 GTR ซึ่งเป็นรถที่มีน้ำหนักเบามากเจ้าของแชมป์รายการ 24 ชั่วโมง เลอม็องส์ ในปี ค.ศ.1995

    การปรับแต่งขั้นสุดยอดนี้ก่อให้เกิดรถยนต์ที่เป็นหนึ่งในรถแข่งรุ่นจีทีที่มีความสวยงามมากที่สุดในยุคใหม่ และได้รับเสียงชื่นชมมากมายจากบรรดานักแข่งรถ โดย McLaren F1 GTR “ลองเทล” สามารถคว้าชัยชนะได้ 5 รอบจากทั้งหมด 11 รอบในรายการ FIA GT Championship ของปีนั้น และเข้าส้นชัยเป็นอันดับ 1 และ 2 ในรุ่นจีที คลาส รายการ24 ชั่วโมง เลอม็องส์ ซึ่งคู่แข่งที่เข้าใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างไปถึง 30 รอบ

    แมคลาเรนได้คืนชีพชื่อรุ่น "ลองเทล" อันเป็นตำนานอีกครั้งในงาน 2015 Geneva Motor Show ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ที่เน้นเรื่องสมรรถนะสูงสุดในตระกูลซูเปอร์ ซีรีส์ นั่นคือ แมคลาเรน 675แอลที (McLaren 675LT) ซึ่งได้รับการออกแบบให้สืบทอดความเป็นเลิศของรถยนต์รุ่นก่อน ๆ เพราะ แมคลาเรน 675แอลที ถือเป็นซูเปอร์คาร์ของแมคลาเรนที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของตระกูล Super Series ได้อย่างชัดเจนมากที่สุดจวบจนปัจจุบัน

    และเพื่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลังรถยนต์รุ่นคูเป้ที่ผลิตในจำนวนจำกัดถูกจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็ว แมคลาเรนจึงสร้างสรรค์รถยนต์รุ่นแมคลาเรน 675แอลที สไปเดอร์ (McLaren 675LT Spider) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนที่เน้นสมรรถนะเร็วแรงสูงสุดเท่าที่แมคลาเรนเคยผลิตมา โดยรถตัวอย่างทั้ง 500 คันจำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

    แมคลาเรน 600แอลที คูเป้ (McLaren 600LT Coupé) ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ 4 ซึ่งใช้ชื่อแอลที และเป็นรถ "ลองเทล" รุ่นแรกในตระกูล Sports Series โดยจำหน่ายครั้งแรกในรูปแบบรถคูเป้ ซึ่งแมคลาเรน 600แอลที จะทำการผลิตในจำนวนจำกัด

    ความแรงและเร็วเปรียบดั่งกระสุนเงิน
    • น้ำหนักเบาขึ้น - เบาขึ้นถึง 69.4 กิโลกรัม
    • ประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ดีขึ้น - เพิ่มแรงกดอากาศบนตัวรถอย่างมีนัยสำคัญ
    • กำลังแรงขึ้น - 600 แรงม้า
    • ความเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ที่มากขึ้น - ตอบสนองนักขับได้เฉียบคมและฉับไวอย่างแท้จริง
    • เร็วขึ้น - เพิ่มสมรรถนะวิ่งทางตรง ประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักเบา
    • จำกัดจำนวนการผลิตอย่างเคร่งครัด

    โครงสร้าง
    • โครงสร้างซูเปอร์คาร์แบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
    • การใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อเสริมประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์อย่างครอบคลุม โดยใช้แทนส่วนประกอบอลูมิเนียมและสารประกอบคอมโพสิต
    • โครงช่วงล่างคาร์บอนไฟเบอร์แบบ MonoCell II รุ่นใหม่ น้ำหนักเพียง 75 กิโลกรัม คุณสมบัติเบาขึ้น แข็งแรงขึ้น และคงตัวมากกว่าอลูมิเนียมหรือเหล็กกล้าที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน
    • ลดน้ำหนักในส่วนประกอบหลักทั้งคัน
    • แมคลาเรน 600แอลที คูเป้ น้ำหนักเบากว่า 570เอส คูเป้ ถึง 96 กิโลกรัม

    ดีไซน์
    • ดีไซน์สไตล์รถแข่งที่ดุดัน พร้อมติดตั้งแพ็คเกจอากาศพลศาสตร์และโครงรถที่ยืดความยาว สมกับชื่อ แมคลาเรน “ลองเทล”
    • ระบบกันสะเทือนแบบลดระดับความสูงและดีไซน์ร่องด้านหน้า มอบรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สองแบบ ทั้งแบบ 5 หมุดและ 10 หมุด
    • ดีไซน์ไฟหน้าดุดันยิ่งขึ้น เผยโครงคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนหลังคาที่ดูตัดกันชัดเจน และการตกแต่งภายในแบบ Alcantara® เต็มรูปแบบ ผสานกับการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว สอดรับกับสีรถเข้มน้ำหนักเบาในโทนเมทัลลิกที่มอบความลึกลับน่าค้นหายิ่งกว่าเดิม
    • การตกแต่งภายในเน้นการใช้ประโยชน์ มีน้ำหนักเบา เสริมสมรรถนะในสนามแข่ง โดยไม่มีการปูพรมพื้น ไม่มีกล่องเก็บสัมภาระ และติดเครื่องหมายที่ 12 นาฬิกาบนพวงมาลัย

    สมรรถนะการขับขี่
    • สมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ในกลุ่มรถยนต์ซูเปอร์-สปอร์ตคาร์ มอบอัตราเร่งแรงสุดในคลาสเดียวกัน
    • รถยนต์ที่ทรงพลังสูงสุดในตระกูล Sport Series เท่าที่เคยผลิตมา ด้วยเครื่องยนต์ทวิน-เทอร์โบชาร์จ วี 8 แบบ 3.8 ลิตรเพื่อการแข่งขัน มอบกำลังเพิ่มขึ้น 30 แรงม้าและแรงบิดอีก 20 นิวตันเมตร
    • การจูนเสียงแบบใหม่ด้วยระบบท่อไอเสียด้านบนที่แรงยิ่งกว่าเดิม
    • การระบายความร้อนที่ดีขึ้นและลดแรงดันท่อไอเสียด้านหลัง ทำให้ 600แอลที พุ่งทะยานไปได้อย่างทรงพลังยิ่งขึ้น

    การตกแต่งภายในห้องโดยสาร
    • การตกแต่งภายในแบบ Alcantara® เน้นการใช้ห้องโดยสารที่เหมาะสมกับการแข่งขัน เพื่อลดน้ำหนักตัวรถให้เบาลง
    • แผงควบคุม Active Dynamics Panel ช่วยให้นักขับสามารถตั้งค่าระบบเกียร์ส่งกำลังและการควบคุมของ 600แอลที ให้เหมาะสมกับสภาพถนนหรือสนามแข่งได้อย่างดีเยี่ยม
    • อุปกรณ์มาตรฐานไม่รวมระบบปรับอากาศ ระบบนำทางด้วยดาวเทียม และระบบเครื่องเสียง (มีให้เลือกเป็นออพชั่นแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย) เพื่อลดภาระน้ำหนักของตัวรถ
    • ที่นั่งแบบรถแข่งโครงคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ครั้งแรกในรุ่นแมคลาเรน พี1 (McLaren P1™) ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
    • นำเทคโนโลยีของรถในตระกูล Ultimate Series มาใช้ใน 600แอลที และที่นั่งแบบรถแข่งโครงคาร์บอนไฟเบอร์มาจากแมคลาเรน เซนนา มีเป็นออพชั่นให้เลือกติดตั้งได้ตามต้องการ

    ความเป็นหนึ่งเดียวกับนักขับ
    • นิยามใหม่แห่งยานยนต์แอลที: เร็วแรง ดุดัน และโดดเด่นบนสนามแข่ง พร้อมมาตรฐานที่สอดคล้องกับกฎระเบียบการขับขี่บนท้องถนนสูงสุดของรถยนต์แมคลาเรนในตระกูล Sports Series
    • ระบบเบรกน้ำหนักเบารุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมปีกนกอลูมิเนียมหล่อคู่จากตระกูล Super Series เพื่อเพิ่มสัมผัสแห่งการขับขี่และลดภาระน้ำหนักตัวรถ
    • ยางรุ่น Pirelli P ZERO™ Trofeo R พัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อการพุ่งทะยานในสนามแข่งและความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวในการขับขี่
    • มอบบริการ Pure McLaren Road Owner Track Day เพื่อการขับขี่ในสนามแข่งพร้อมคำแนะนำการขับขี่โดยผู้เชี่ยวชาญ ฟรีในแพ็คเกจ

    อากาศพลศาสตร์
    • ส่วนท้ายสูงขึ้น 47 มม. สมชื่อ "ลองเทล" เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงของแรงกดอากาศให้เพิ่มมากขึ้น
    • เสริมส่วนประกอบตัวรถที่เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งรวมถึงปีกหลังขนาดใหญ่ ดิฟฟิวเซอร์หลังอันทรงพลัง รวมถึงสปลิตเตอร์หน้าและสเกิร์ตข้างรุ่นใหม่
    • แรงกดอากาศบนตัวรถโดยรวมมากกว่ารุ่น 570S ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงและเพิ่มประสิทธิภาพในสนามแข่ง
    • พื้นคาร์บอนไฟเบอร์ด้านหน้ารุ่นใหม่ออกแบบให้มีช่องอากาศเข้า ผ่านช่องระบบระบายความร้อนไปบนเบรกหน้า เพื่อให้สามารถระบายความร้อนสูงที่เกิดจากสมรรถะการขับขี่ที่สูงขึ้น

    [​IMG]

    ข้อมูลด้านเทคนิค แมคลาเรน 600แอลที

    รุ่นเครื่องยนต์ / เครื่องยนต์ M838TE 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ วี8 3,799 ซีซี
    ระบบขับเคลื่อน / ติดตั้งเครื่องยนต์ตามแนวแกนตัวรถ ขับเคลื่อนล้อหลัง
    กำลังแรงม้าเครื่อง (เบรกฮอร์สพาวเวอร์/กิโลวัตต์) @รอบต่อนาที / 600 (592/441) @7,500
    แรงบิด นิวตันเมตร (ปอนด์ ฟุต) @รอบต่อนาที / 620 (457) @5,500-6,500
    ระบบส่งกำลัง / 7 สปีด กระปุกเกียร์แบบ SSG โหมด Normal, Sport และTrack
    พวงมาลัย / พวงมาลัยไฮดรอลิกส์ไฟฟ้า
    โครงช่วงล่าง / โครงคาร์บอนไฟเบอร์แบบ MonoCell II monocoque พร้อมโครงสร้างการชนอลูมิเนียมทั้งด้านหน้าและหลัง
    ระบบกันสะเทือน / ตัวซับแรงแบบแปรผันอิสระ ปีกนกอลูมิเนียมคู่ โหมด Normal, Sport และTrack
    ระบบเบรก / จานเบรกคาร์บอนเซรามิก (หน้า 390 มม. หลัง 380 มม.) คาลิเปอร์อลูมิเนียม (หน้า 6 ลูกสูบ หลัง 4 ลูกสูบ)
    ล้อ (นิ้ว) / หน้า 8 x 19 นิ้ว หลัง 11 x 20 นิ้ว
    ยาง / ยาง Pirelli P ZERO™ Trofeo R (เลือกแบบ P ZERO™ ได้โดย ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) หน้า 225/35/R19 หลัง 285/35/R20
    ความยาวตัวรถ มม. (นิ้ว) / 4,604 (181.3)
    ช่วงล้อ มม. (นิ้ว) / 2,670 (105.1)
    ความสูง มม. (นิ้ว) / 1,194 (47.0)
    ความกว้างรวมกระจกข้าง มม. (นิ้ว) / 2,095 (82.5)
    ความกว้างพับกระจกข้าง มม. (นิ้ว) / 2,045 (80.5)
    ความกว้างไม่รวมกระจกข้าง มม. (นิ้ว) / 1,930 (76)
    ระยะล้อ (ถึงกึ่งกลางหน้าสัมผัส) มม. (นิ้ว) / หน้า1,680 (66.1) หลัง 1,591 (62.6)
    น้ำหนักรถเปล่าที่เบาที่สุด กก. (ปอนด์) / 1,247 (2,749)
    น้ำหนักรถเปล่า (ของเหลว + น้ำมัน 90%) กก. (ปอนด์) / 1,356 (2,989)
    ความจุถังน้ำมัน ลิตร (หน่วย UK / US แกลลอน) / 72 (15.8 / 19)
    ความจุสัมภาระ ลิตร / หน้า 150 ลิตร

    ข้อมูลประสิทธิภาพ แมคลาเรน 600แอลที
    0 -97 กม./ชม. (0-60 ไมล์/ชม.) 2.8 วินาที
    0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.) 2.9 วินาที
    0-200 กม./ชม. (0-124 ไมล์/ชม.) 8.2 วินาที
    0-300 กม./ชม. (0-186 ไมล์/ชม.) 24.9 วินาที
    0-400 ม. / ¼ ไมล์ 10.4 วินาที
    ความเร็วสูงสุด 328 กม./ชม. (204 ไมล์/ชม.)
    200-0 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม. -0) ระยะเบรก ม. (ฟุต) 117 (384)
    100-0 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม. -0) ระยะเบรก ม. (ฟุต) 31 (102)

    อัตราการปล่อยไอเสีย กรัม/กม. หน่วย EU NEDC 266 (หน่วย EU WLTP: 276)

    อัตราการใช้เชื้อเพลิง หน่วย EU ลิตร/100 กม. (หน่วย UK ไมล์/แกลลอน)
    การคำนวณรวม 11.7 ลิตร/100 กม. (24.1 ไมล์/แกลลอน)
    สภาวะในเมือง 16.3 ลิตร/100 กม. (17.3 ไมล์/แกลลอน)
    สภาวะนอกเมือง 9.1 ลิตร/100 กม. (31.0 ไมล์/แกลลอน)
    อัตราการใช้เชื้อเพลิง หน่วย EU WLTP ลิตร/100 กม. (หน่วยUK ไมล์/แกลลอน)
    การคำนวณรวม 12.2 ลิตร/100 กม. (23.2 ไมล์/แกลลอน)

    [​IMG]


    ติดตามข่าวสารได้ที่
    Media website: www.bangkok.mclaren.com/
    Facebook : www.facebook.com/mclarenautomotive , www.facebook.com/McLarenTH
    You Tube: www.youtube.com/mclarenautomotivetv
    หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนิชคาร์กรุ๊ป กรุณาติดต่อ 02-321-1111 โชว์รูมเปิดบริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.30 น.
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 29 พฤศจิกายน 2018

แบ่งปันหน้านี้