ครบรอบ 10 ปี Porsche Panamera : ยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู ผู้บุกเบิกขุมพลังไฮบริด

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 22 พฤษภาคม 2019

โดย News เมื่อ 22 พฤษภาคม 2019 เมื่อ 05:59
  1. News

    News Active Member Super Moderator

    1,003
    3
    38
    [​IMG]

    ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ปอร์เช่ได้เผยโฉมรถยนต์เพื่อรองรับตลาดกลุ่มใหม่ นั่นคือ พานาเมร่า (Panamera) บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำจากประเทศเยอรมนี นำเสนอยานยนต์แกรน ทัวริสโม่สายพันธุ์แรกเมื่อเดือนเมษายน 2009 นี่คือยานพาหนะสุดหรูที่ไม่มีคู่แข่งรายใดเทียบเคียงได้ ยนตรกรรมที่ผสมผสานระหว่างสมรรถนะชั้นเลิศที่ผู้ขับขี่สามารถ สัมผัสได้จากรถสปอร์ต หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความหรูหราและเปี่ยมด้วยอรรถประโยชน์ของรถยนต์ซาลูน ในช่วงแรก ปอร์เช่วางแผน กำลังการผลิตไว้เพียง 20,000 คันต่อปี หลังจากนั้นเป็นต้นมา ความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายส่งผลให้ พานาเมร่า (Panamera) มียอดส่งมอบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 235,000 คัน

    [​IMG]

    "ในฐานะของยานยนต์ที่เป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและถ่ายทอดความเหนือชั้นต่อไปยังปอร์เช่รุ่นอื่นๆ แสดงให้ เห็นถึงบทบาทที่สำคัญยิ่งของพานาเมร่า (Panamera) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประวัติศาสตร์ของแบรนด์ตลอดช่วงระยะ เวลา 10 ปีที่ผ่านมา" ข้างต้นคือความเห็นของ Michael Steiner อดีตรองประธานกรรมการส่วนงานการผลิต ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริหารส่วนงานวิจัยและพัฒนา “จากความหลากหลายของขุมพลังขับ เคลื่อนไฮบริดสมรรถนะสูง ถือได้ว่านี่คือการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าของปอร์เช่อย่างแท้จริง” ปัจจุบันนี้ เจเนอเรชันที่ 2 ของสปอร์ตซาลูนจากปอร์เช่ ได้รับการผลิตขึ้นในโรงงาน Leipzig พร้อมตอบสนอง ทางเลือกที่ด้วยตัวถัง 3 สไตล์ โดยมี Thomas Friemuth รับหน้าที่เป็นรองประธานกรรมการส่วนงานการผลิตตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2018 เป็นต้นมา

    [​IMG]

    รถต้นแบบ 4 ที่นั่งคันแรก พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของปอร์เช่ 356 (Porsche 356)
    ประวัติความเป็นมาของรถสปอร์ต 4 ที่นั่งจากปอร์เช่ ย้อนกลับไปในภูมิหลังของบริษัทเป็นระยะ เวลายาวนานกว่า 70 ปี วิศวกรของปอร์เช่ได้เคยนำเสนอแนวคิดดังกล่าวในช่วงยุค 1950 โดยพวกเขาทำการพัฒนา รถยนต์ 4 ที่นั่งอันแสนสะดวก สบาย ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปอร์เช่ 356 (Porsche 356) นั่นคือรถยนต์ที่มีชื่อว่า Type 530 ซึ่งได้รับการขยาย ความยาวฐานล้อ เพิ่มขนาดของประตู รวมทั้งยกระดับความสูงของหลังคาห้องโดยสารตอนหลัง ก่อให้เกิดวิวัฒนาการ อื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย อาทิ รถต้นแบบ 4 ประตูอันมีพื้นฐานมาจากปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ต่อมาในช่วงยุค 1980 ปอร์เช่ 928 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น และ Ferry Porsche ได้เลือกใช้รถยนต์รุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถส่วนตัวของเขา ในปี 1988 ความพยายามครั้ง ใหม่ของปอร์เช่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาด้วย Type 989 รถสปอร์ต 4 ประตูคูเป้ที่มาพร้อมพื้นที่ตอนหลัง สำหรับผู้โดยสาร 2 ที่นั่งอย่างเต็มรูปแบบ ประจำการด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ติดตั้งใต้ฝากระโปรงหน้า ทั้งนี้งานออกแบบของรุ่น 989 ได้รับการถ่ายทอดมาถึงปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ในรุ่นรหัสตัวถัง 993 ที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับรถต้นแบบคันอื่นก่อนหน้า ปอร์เช่ 989 (Porsche 989) ยังคงเป็นได้แค่เพียงรถยนต์ต้นแบบ ด้วยสาเหตุด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาต่อยอดรถยนต์รุ่นดังกล่าวจึงถูกยุติลงในช่วงต้นปี 1992

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    Mirage, Meteor และ Phantom: เปิดไฟเขียวอนุมัติการผลิต พานาเมร่า (Panamera)
    เริ่มต้นยุคมิลเลเนี่ยม ปอร์เช่ศึกษาทิศทางของตลาดรถยนต์และวิเคราะห์คู่แข่งอย่างจริงจัง ผลคือการตัดสินใจพัฒนา รถสปอร์ต 4 ประตูซาลูนทรง hatchback อีกครั้ง ก้าวย่างของการเจาะเข้าสู่ตลาดรถยนต์ระดับหรูไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เกินกว่าจะเพิกเฉยอีกต่อไป ดังนั้นแล้ว Wendelin Wiedeking ประธานกรรมการบริหารในขณะนั้น จึงวางกลยุทธ์ การพัฒนาเอาไว้โดยมุ่งเน้นที่ความโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ชั้นเลิศ พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ตอบโจทย์การใช้งาน และเอกลักษณ์งานออกแบบอันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวของปอร์เช่ Michael Mauer รองประธานผู้ดูแลส่วนงาน Style Porsche กล่าวเสริมไว้ว่า: "เราต้องการสร้างสรรค์รถสปอร์ต 4 ประตูที่มีแนวหลังคาสุดโฉบเฉี่ยว และมีประตูบานท้าย ขนาดใหญ่สไตล์รถ hatchback" ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบ คำจำกัดความแนวคิด 3 รูปแบบได้ถูกนำมาคัดเลือก เพื่อใช้เป็นแนวทางหลักในการปฎิบัติงาน ประกอบด้วยคำว่า "Mi-rage" "Meteor" และ "Phantom" เพื่อให้ รถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นจริงนั้น ถือกำเนิดด้วยความลงตัวแต่ยังรักษาไว้ซึ่งความกร้าวแกร่งและดุดัน ในท้ายที่สุดข้อดีของ แนวคิดทั้ง 3 ประการได้ถูกนำมาใช้อย่างสมบูรณ์แบบ ตามมาด้วยการขนานนามใหม่ที่ได้รับเลือกเป็นชื่อรุ่น: พานาเมร่า (Panamera) โดยมีแรงบันดาลใจจากการแข่งขันระยะยาวสุดหฤโหด ซึ่งจัดขึ้นในประเทศเม็กซิโก "Carrera Panamericana"

    [​IMG]

    การเปิดตัวสุดอลังการกลางเมืองเซี่ยงไฮ้
    พานาเมร่า (Panamera) ได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนทั่วโลก เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2009 ด้วยวิธีการที่สร้างความอัศจรรย์ใจได้อย่างเหลือเชื่อ โดยปอร์เช่เชิญสื่อมวลชนสายรถยนต์จากทั่วทุกมุมโลกมาร่วม เป็นสักขีพยานในงาน press conference ซึ่งจัดขึ้นบนชั้นที่ 94 ของตึกระฟ้า World Financial Center กลางเมืองเซี่ยงไฮ้ พานาเมร่า (Panamera) ถูกส่งไปยังสถานที่จัดงานด้วยลิฟท์ภายในอาคาร ที่ถูกออกแบบขึ้นโดยเฉพาะเพื่อขนส่ง เจ้าหน้าที่ กว่า 60 ชีวิตต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง และสามารถเดินทางได้ด้วยความสูงถึง 400 เมตร ภายในระยะเวลาเพียง หนึ่งนาทีเท่านั้น

    [​IMG]

    ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) คันแรก หรือที่รู้จักด้วยรหัสเรียกขานภายในองค์กรว่า G1 ได้รับการพัฒนาให้ เหนือล้ำกว่าคู่แข่ง โดยมีแนวคิดหลักที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความสะดวกสบาย เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีเหนือชั้น นับเป็นครั้งแรกสำหรับการติดตั้งระบบ start-stop ในรถยนต์ระดับหรู จากสายการผลิตปกติ นอกจากนี้ ในรุ่นเรือธง พานาเมร่า เทอร์โบ (Porsche Turbo) ยังได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ air suspension ซึ่งสามารถปรับระดับปริมาตรอากาศภายในได้ตามความต้องการเป็นครั้งแรกของโลก เช่นเดียวกับสปอยเลอร์หลังที่ สามารถปรับระดับได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยนตรกรรมแกรน ทัวริสโม่ (Grand Turismo) สุดหรูจากปอร์เช่ยังเป็นผู้กำหนด บรรทัดฐานใหม่ให้แก่รถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่กำลังจะตามมา ด้วยหน้าจอแสดงผลรูปแบบใหม่และแนวคิดในการควบคุม ฟังก์ชันการทำงานผ่านหน้าจอ

    ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) รองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งานด้วยระดับของขุมพลัง เครื่องยนต์ที่มีให้เลือกมากมาย ครอบคลุมสมรรถนะตั้งแต่ระดับเริ่มต้น 250 แรงม้า ถึงสูงสุดที่ 550 แรงม้า ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์ดีเซล และระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด ผสานระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อหลังและ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ในช่วงแรกของการเปิดตัว เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ V6 และ V8 ไร้ระบบอัดอากาศ โดยสามารถเลือก ใช้ระบบส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือตามความนิยมของลูกค้าส่วนใหญ่ที่เลือกใช้เกียร์ อัตโนมัติอัจฉริยะ คลัทช์คู่ 7 จังหวะ Porsche dual clutch transmission PDK สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และระบบขับเคลื่อนไฮบริด ที่ตามมาภายหลัง ได้รับการติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

    นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยรุ่นเอ็กเซ็คคูทีฟ (Executive) ซึ่งเป็นรุ่นที่มีฐานล้อยาวพิเศษ สำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศจีน พร้อมกับการปรับโฉมในปี 2013 เครื่องยนต์ได้รับการเพิ่มพลังสูงสุดเป็น 570 แรงม้า ในขณะนั้น พานาเมร่า (Panamera) ได้กลายเป็นรถยนต์รุ่นหนึ่ง ของปอร์เช่ที่ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รถสปอร์ตแกรน ทัวริสโม่ (Gran Tur-ismo) คันนี้ทำหน้าที่เจาะตลาดกลุ่มใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีบทบาทในการเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งในแง่ของ อัตราการเติบโตของปอร์เช่ในตลาดประเทศจีน จนกระทั่งสามารถลงหลักปักฐานบนแผ่นดินมังกรได้อย่างยั่งยืน

    [​IMG]

    รุ่นใหม่ล่าสุด: เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในปี 2016
    กระบวนการพัฒนาปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชันที่ 2 (G2) เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ยิ่งขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนแกรนทัวริ่งจากรุ่นปกติและรุ่นฐานล้อ ยาว คือสไตล์ตัวถังที่ 3 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่บนพื้นฐานเดียวกัน: พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม (Sport Turismo) เปิดตัวในปี 2017 ด้วยงานออกแบบภายนอกที่เฉียบคม และแนวคิดในการออกแบบตัวถังที่เน้นรองรับความอเนกประสงค์ บนรถยนต์ระดับหรู ทิศทางการพัฒนาด้วย "Concept Sport Turismo" ถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกในงานแสดง มหกรรมยานยนต์ Paris Motor Show เมื่อปี 2012 และได้รับการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอีกมากมายหลังจากนั้น เพื่อให้ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) เจเนอเรชั่นที่ 2 ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำเมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ทันทีที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกในวันที่ 28 มิถุนายน 2016

    [​IMG]

    [​IMG]

    พานาเมร่า (Panamera) G2 มีภาพลักษณ์ที่สปอร์ตและงามสง่ายิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ใช้งานเปี่ยมอรรถประโยชน์ เช่นเดิม: แนวหลังคาที่ทิ้งตัวลงในแนวดิ่งอย่างชัดเจน ตัวถังด้านหลังที่ถูกปรับให้โค้งมนกลมกลืนพร้อม แผงไฟท้ายคาดยาวตลอด บ่งบอกเอกลักษณ์ของยนตiกรรมปอร์เช่ยุคใหม่ ภายใต้รูปทรงอันกร้าวแกร่งได้ถูกบรรจุ นวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ ล้ำสมัยเอาไว้เต็มพิกัด แน่นอนว่ารวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด อาทิ หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวรถด้วยระบบสัมผัส ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ three-chamber air suspension ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering และระบบควบคุมเสถียรภาพ การทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ PDCC Sport electromechanical roll stabilisation ยิ่งไปกว่านั้น พานาเมร่า (Panamera) ยังถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น บนเส้นทางสาธารณะ หรือแม้แต่ในสนามแข่ง ความเร็วสูง ด้วยประสิทธิภาพอันน่าตกตะลึงจากการวิ่งทำเวลา ต่อรอบสนาม Nürburgring-Nordschleife ภายใน 7:38 นาที ภายใต้การบังคับควบคุมโดยนักขับทีมโรงงานปอร์เช่ Lars Kern ด้วยรถ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) รุ่นมาตรฐานไร้การปรับแต่งใดๆ ขุมพลังเครื่องยนต์ในรุ่นล่าสุด ได้รับการพัฒนาให้รองรับการใช้งานได้ เหมาะสมยิ่งขึ้น พร้อมกับพละกำลังที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน: เครื่องยนต์บล๊อกใหม่ ถูกนำมาเสริมทัพอย่างลงตัว ถ่ายทอดกำลังอย่างต่อเนื่องสมบูรณ์ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ PDK ตอบสนองต่อความต้องการใน ทุกระดับความแรง เริ่มต้นตั้งแต่ 330 แรงม้า จนกระทั่งรุ่นสูงสุดปลั๊ก-อิน ไฮบริดพกพาพลังมหาศาลติดตัวมาถึง 680 แรงม้า

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขุมพลังไฮบริดพร้อม boost strategy ที่ให้สมรรถนะเทียบเคียงซูเปอร์คาร์
    ปอร์เช่กำหนดบรรทัดฐานและเป้าหมายหลักในการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัยพานาเมร่า (Panamera) เป็นจุดเริ่มต้นในปี 2011 ด้วยการติดตั้งระบบ full hybrid แบบคู่ขนาน เป็นครั้งแรกของโลกในรถยนต์ซาลูนระดับหรู พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) คือหนึ่งในรถยนต์ที่ให้ความประหยัดเชื้อเพลิงดีเยี่ยมที่สุดของปอร์เช่ แม้ว่าจะมีพละกำลังสูงสุดถึง 380 แรงม้าก็ตาม หลังจากนั้นสองปี พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) จึงได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะสปอร์ตซีดานขุมพลัง plug-in hybrid คันแรกของโลก ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 416 แรงม้า พร้อมพิสัยการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวสูงสุดถึง 36 กิโลเมตรสำหรับเจเนอเรชันล่าสุด ของพานาเมร่า (Panamera) ปอร์เช่ได้บรรจุแหล่งกำเนิดพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสมรรถนะสูงหลากหลายระดับความแรง เอาไว้อย่างครบถ้วนในทุกรุ่น: ระบบ boost strategy ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากยนตรกรรมซูเปอร์สปอต์ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้รถแกรนทัวริ่งสามารถกระทบไหล่กับสปอร์ตพันธุ์แท้ได้อย่างลงตัว แต่ยังคงมีสิ่งที่เหนือกว่านั่นคืออัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 462 แรงม้าใน พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) และ รุ่นเรือธง พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า

    "ด้วยศักยภาพอันล้ำเลิศของพานาเมร่า (Panamera) G2 ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะสามารถยกเอาสมรรถนะสุดยอดเยี่ยม ของระบบขับเคลื่อนไฮบริด จาก 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) มาบรรจุลงในรถยนต์หรูได้อย่างเหมาะสมลงตัว" ข้างต้นคือคำกล่าวของ Gernot Döllner รองประธานกรรมการส่วนงานสายการผลิต ผู้รับหน้าที่ดูแลการผลิต พานาเมร่า (Panamera) ตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2018 ปัจจุบันรับผิดชอบส่วนงาน product concept development ให้แก่ปอร์เช่ กลยุทธ์การทำงานดังกล่าวได้ผ่านการพิสูจน์ด้วยเสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้า: ในปี 2018 ที่ผ่านมา กว่า 67 เปอร์เซ็นต์ของปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) ที่ถูกส่งมอบถึงมือผู้หลงใหลความแรงในทวีปยุโรป ล้วนแล้วแต่เป็นรุ่นที่ได้รับการติดตั้ง ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด ทั้งสิ้น

    [​IMG]

    พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo):
    อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.6 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 10.4 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 238 กรัมต่อกิโลเมตร
    พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid):
    อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 37-38 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.7-2.6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 16.1 – 16.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 62-60 กรัมต่อกิโลเมตร
    พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid):
    อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 30 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 3.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 16.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 74 กรัมต่อกิโลเมตร

    อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยนและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบ ตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่า การตรวจวัดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 22 พฤษภาคม 2019

แบ่งปันหน้านี้