บริการเช็คระยะ 100,000 เมตร​

หลายปีที่ผ่านมา Rolls-Royce Motor Cars ได้รังสรรค์ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์คันเล็กที่สุด ผลิตด้วยความพิถีพิถันและได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก ยนตรกรรมบีสโป๊กคันนี้มีความพิเศษอยู่ในใจของทีมงานคุณภาพ 2,000 คนของแบรนด์ และล่าสุดรถยนต์คันนั้นได้เดินทางกลับมาสู่ Global Centre of Luxury Manufacturing Excellence ที่กู้ดวูดเพื่อเข้ารับบริการตรวจสภาพและซ่อมบำรุง

รถยนต์ไฟฟ้าสั่งผลิตพิเศษ Rolls-Royce SRH ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลเซนต์ริชาร์ดในเมืองชิชิสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ทำหน้าที่สำคัญในการพาผู้ป่วยเด็กของแผนกกุมารศัลยศาสตร์แบบวันเดียวกลับได้ใช้ขับพาตัวเองไปสู่ห้องผ่าตัดแทนการเดินหรือนั่งรถเข็น ความคิดธรรมดาแต่แยบยลนี้ช่วยเปลี่ยนความวิตกกังวลและช่วงเวลาวิกฤตให้เป็นความทรงจำที่งดงามและประสบการณ์ที่สนุกสนานสำหรับเด็ก ๆ พ่อแม่ และทีมบุคลากรแพทย์พยาบาล

นับตั้งแต่เริ่มให้บริการในปีพ.ศ. 2560 รถยนต์คันนี้ได้มอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายอย่างมีสไตล์ในแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์แก่ผู้กล้าหาญตัวน้อยมาไม่ต่ำกว่า 2,000 คน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมของลักษณะการใช้งานซึ่งแบรนด์ไม่คิดว่าจะมียนตรกรรมโรลส์-รอยซ์คันอื่นถูกใช้งานในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็คือการที่ถูกขับผ่านโถงทางเดินเป็นประจำโดยเด็กที่ไม่มีใบขับขี่ และมีความประหม่าตื่นเต้นย่อมส่งผลต่อสภาพตัวถังและสีตัวถังที่งดงามอย่างแน่นอน

ดังนั้น จึงต้องมีการเรียกรถกลับ Home of Rolls-Royce เพื่อเข้ารับบริการเช็คระยะ 100,000 เมตร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของแผนกบีสโป๊ก รวมถึงทีมช่างเทคนิค และช่างฝีมือผู้ทุ่มเทเอาใจใส่เพื่อซ่อมแซมให้สภาพรถกลับเป็นเช่นเดิม

เดวิด เคลย์ตัน-อีวานส์ หัวหน้า Charity for Love Your Hospital องค์การการกุศลเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลเซนต์ริชาร์ด โรงพยาบาลเวิร์ธดิ่ง และโรงพยาบาลเซาท์แลนด์ส กล่าวว่า “ขอขอบคุณทีมงานที่น่าทึ่งของโรลส์-รอยซ์อีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอันดีแก่โรงพยาบาลเซนต์ริชาร์ด รถยนต์คันพิเศษนี้ได้ส่งต่อความเบิกบานใจ รอยยิ้ม และประสบการณ์การเข้าโรงพยาบาลเชิงบวกให้แก่ผู้ป่วยเด็กและครอบครัวของพวกเขา”

หลังจากที่ได้เข้ารับการบริการและซ่อมบำรุงเรียบร้อยแล้ว รถยนต์ได้คืนกลับสู่โรงพยาบาลเพื่อทำหน้าที่แสนธรรมดาแต่ทรงคุณค่า

เกี่ยวกับยนตรกรรม Rolls-Royce SRH
ทีมงานขนาดเล็กได้ออกแบบและสร้างตัวถังบีสโป๊กขึ้นจากวัสดุไฟเบอร์กลาสเสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เติมความสมบูรณ์แบบด้วยกระจังหน้าแบบแพนธีออนที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ฝากระโปรงหน้ามาจากของยนตรกรรมขนาดจริงที่ตัดให้ได้ขนาด ตกแต่งด้วยสองโทนสีเช่นเดียวกับที่รังสรรค์ให้กับยนตรกรรมสั่งผลิตขนาดปกติ พร้อมด้วยฝาครอบล้อ เบาะที่นั่งและเส้นโค้ชไลน์คู่ที่สีเข้ากับรถ

ที่นั่งไม้ทำด้วยมือพร้อมเบาะที่นั่งทำจากไวนิลเกรดเครื่องมือแพทย์ เชื่อมร้อนเพื่อไม่ให้มีรอยต่อที่อาจดักฝุ่น ทีมงานยังได้ออกแบบแผ่นรองพักเท้าอลูมิเนียมขึ้นพิเศษเพื่อสามารถถอดออกทำความสะอาดได้

เพื่อเป็นไปในทิศทางของการสร้างสรรค์ยนตรกรรมแบบบีสโป๊ก ชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนหนึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นใหม่โดยเฉพาะ รวมถึงแผ่นกันรอยชายบันได แผงหน้าปัดรถ 3 มิติ ดุมล้อและสเปเซอร์รองล้อ และชิ้นส่วนตกแต่งต่าง ๆ และเพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยโลโก้ RR แกะสลักด้วยเลเซอร์ และสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy เพื่อสะท้อนถึงความเป็นโรลส์-รอยซ์ที่แท้จริง ส่งมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ไร้เสียงรบกวนในแบบฉบับของ Rolls-Royce รถยนต์ไฟฟ้า และเช่นเดียวกับยนตรกรรมคันอื่นที่ต้องมีการจำกัดความเร็ว ในกรณีนี้อยู่ที่ 4 ไมล์ต่อชั่วโมงจากปกติอยู่ที่ 155 ไมล์ต่อชั่วโมง การรังสรรค์ยนตรกรรม คันพิเศษนี้ใช้เวลาประมาณ 400 ชั่วโมงจึงเสร็จสมบูรณ์โดยใช้เวลาส่วนตัวนอกเวลางานของทีมงานแต่ละคนในการทำงาน

Andrew Ball, Head of Corporate Relations, Rolls-Royce Motor Cars กล่าวทิ้งท้ายว่า "ด้วยการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ และขั้นตอนการผลิต รถยนต์คันนี้ คือยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่แท้จริงในฉบับย่อ ด้วยการใช้งานมาตลอดระยะเวลา 4 ปี เดินทางมาแล้ว 2,000 เที่ยวในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายแต่ยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่บุบสลายเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าการดูแลเอาใจใส่ และความใส่ใจในรายละเอียดอยู่ในทุกขั้นตอนของการผลิต ไม่บ่อยนักที่จะพบยนตรกรรมที่กลับมาสู่ Home of Rolls-Royce มีรอยขีดข่วน และสีถลอก ในกรณีนี้เราไม่ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่ารถยนต์ได้ถูกใช้ และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งคือวัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคัน เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสให้การบริการและดูแลรถยนต์หนึ่งเดียวคันนี้ ตลอดจนเจ้าของและคนขับคนพิเศษมาโดยตลอด"

ดังที่ Sir Henry Royce ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ กล่าวไว้ว่า "สิ่งเล็ก ๆ สร้างความสมบูรณ์แบบ แต่ความสมบูรณ์แบบไม่ใช่สิ่งเล็ก"