มีวิธีไหนบ้างในการล้างรถเเล้วไม่ให้เป็นขนเเมว

คือว่ารถผมอะ พึงทำสีมาใหม่ เเล้วผมกลัวจะเป็น ขนเเมวอะ ผมทราบนะครับว่าบางทีมันก็ฝืนไม่ได้หรอกที่จะมี ขนเเมว บ้างเเต่เราจะทำยังไงได้บ้างครับให้มันมีน้อยที่สุดอะ
เรื่องผ้า เช็ดรถนี้ เป็นปัจจัยสำคัญไหมครับ

 

ถือว่าเป็นคำถามที่สุดยอดแห่งเดือน
ตอบยากมากคับ . . ( รอท่านอื่นมาตอบดีกว่า )

 

ผมว่าการล้างนี่ต้องล้างให้สะอาดจริง ๆ แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ด เช่นผ้าไมโครฯ เช็ดเอาครับ ถ้าล้างไม่สะอาดแล้วเช็ดมันจะเอาเม็ดฝุ่นมาขูดสีรถเป็นขนแมวได้ครับ ผ้าที่ใช้เช้ดก็ต้องสะอาดด้วยนะครับ เคยไปล้างตามคาร์แคร์บางแห่ง ผ้าเค้าไม่สะอาดพอมาเช็ดรถ รถผมเป็นขนแมวเลย เซ็ง !!

 

ตามนั้นคับ หัวใจหลักอยู่ที่ผ้าคับกับความสะอาดระหว่างสีกับวุตถุที่เสียดสีคับ ต้องไม่มีความกระด้างหรือแข็งจนเกินไป

 

นั้นดิ
ส่วนผมไม่ค่อยไปล้างคาร์เเค อยู่เเล้ว

 

ยากมากครับ

ส่วนวิธีผมใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่สีรถก่อนเช็ด เผื่อเอา ฝุ่นทรายออกไปก่อน

หรือ ขับรถลุยฝน ลุยน้ำ มา มันจะมีฝุ่นทรายเล็กๆ ติดด้านล่างของรถ แบบนี้ก็ต้องใช้น้ำฉีดก่อน เช็ดครับ

แต่ยังไงๆ รถก็หนีไม่พ้น ขนแมว

สุดท้าย ก็ต้องเอาไปขัดเคลือบสี เพื่อทำให้ขนแมว หมดไป ( บ้าง )

 

โอ้โห......ถามาซะตอบ ไม่ได้เลย

ทำใจล่ะกัน

ยังงัยก็ต้องมี ถึงใช้ผ้าไมไคไฟเบอร์ ก็เหอะ ยังงัยก็เป็น เพราะผมก็ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ อยุ่ ยังเป็นเลย รถเพิ่งทำสี มาเหมือนกันเลย

 

ต้องลองไปสังเกตพวกคาร์แคร์ดูครับ

ตอนที่เขาลบรอยขนแมว เขาใช้ผ้าแบบไหน

 

เห็นเค้าบอกว่า พยายามอย่าใช้ไม้ปัดขนไก่ เพราะทำให้เกิดรอยขนแมว

 

ล้างยังไงก้อคงหนีไม่พ้น ต้องมีรอยขนแมวไม่มากก้อน้อยนะคับ

แต่มันป้องกันได้ โดนการเคลือบสี ป้องกันไว้

 

หมั่น เคลือนสี ดีที่สุด ช่วยท่านได้

รถผม สีดำ ก็เครียดเหมือนกัน เคลือบ มัน ทุกอาทิด เลย

 

อยู่ที่เนื้อผ้า และการใช้ด้วยครับ พยายยามดูอย่าให้ มีเศษ ดินหรือทรายติดที่ผ้าครับก็ช่วยได้
แล้วลงเคลือบสีด้วยก็ดีครับ

 

วิธีการล้างรถ (ในแบบของผม)

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ขนแมวที่เกิดขึ้นเนี่ย เกิดขึ้นเพราะว่ามีฝุ่นหรือทราย หรืออะไรที่แข็ง ๆ ไปติดกับสีรถ แล้วเกิดการเสียดสี

เวลาล้างรถ ถ้ารถสกปรก ให้เอาน้ำฉีด แต่ที่เราทำไม่ได้ดี เพราะว่าน้ำมันไม่แรงเหมือนที่ร้านไงครับ ฝุ่นและสิ่งสกปรกมันเลยออกได้ไม่มาก ให้ใช้วิธี ชโลมน้ำให้ทั่วก่อน แล้วค่อย ๆ เอามือลูบที่รถเปล่า ๆ เลยครับ เพราะมือเราจะรู้ว่าหากโดนเศษหินเศษทราย จะเบามือลงเอง ระหว่างเอามือลูบก็ให้ถือน้ำฉีดไปด้วยนะครับ สิ่งสกปรก(พวกเม็ดทราย ฝุ่น) จะได้ไหลลงมา

แล้วค่อยลงโฟมหรือแชมพู โดยใช้ฟองน้ำนุ่ม ๆ และแยกฟองน้ำด้านบน และชายล่างกับล้อด้วย เพราะข้างล่างทรายและฝุ่นมันเยอะ

ฉีดน้ำให้สะอาดสุด ๆ ตรงนี้ บางคนล้างคนเดียว กว่าจะทำให้รถสะอาดทั้งคัน มันแห้งก่อนครับ ให้ระวัง เพราะคราบสกปรกมันก็จะไปเกาะอีกอยู่ดี เวลาเช็ดแห้งจะทำให้เป็นรอย

อันนี้สำคัญครับ ฟองน้ำที่ใช้ล้างเสร็จแล้ว เอาไปทำความสะอาดให้ดี เพราะมันจะเป็นตัวสะสมทราย อาจทำให้การล้างครั้งต่อไป ทำให้สีเป็นรอยได้ ส่วนใหญ่จะเอาไปแช่น้ำ เพื่อให้ฟองน้ำมันคลายตัว เอาสิ่งสกปรกออกมา

เวลาเช็ดแห้ง ให้เอาผ้าชาร์มัวเช็ดหมาดก่อนครับ แล้วค่อยเอาผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดให้แห้ง

ตรงนี้คือข้อแตกต่างระหว่าง ที่ร้าน กับ

1. ร้านคาร์แคร์(ดี ๆ) ส่วนใหญ่จะมี Spray wax หรือ Detailer ซึ่งมันจะผสมสาร Lube ให้เวลาเราเช็ดแล้วมันลื่น ทำให้เช็ดง่าย ไม่หนืด ซึ่งจะทำให้ขนผ้าไปเสียดสีกับสีรถ ทำให้เป็นรอยขนแมว (น้ำยาพวกนี้หาซื้อได้ทั่วไป สำคัญ แต่ไม่ค่อยเห็นมีคนใช้)

2. ถ้าเราล้างเอง เราไม่มีลมค่อยเป่าตามช่อง ตามซอกครับ อาจทำให้น้ำมันขังด้านใน นาน ๆ ไปอาจทำให้รถผุ หรือสีหมองเพราะคราบน้ำได้ครับ

3. น้ำที่ร้านใช้ มีแรงดัน และปริมาณน้ำมากครับ ซึ่งแค่แรงดันมันก็ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกไปเยอะแล้ว แถมในซุ้มล้อ หรืออะไรก็ตามที่มือไปไม่ถึง มันก็ความสะอาดได้พอควรครับ

4. ล้างเอง เก็บรายละเอียดจริง ๆ อาจใช้เวลาถึง 2 - 3 ชั่วโมง แต่เวลาไปร้าน 45 นาที เพราะเค้ามีกับซัก 10 คน 20 มือคอยทำ และ20ตา คอยดูและสังเกตุว่าตรงไหนไม่สะอาดครับ

5. อันนี้สำคัญที่สุดครับ คือหมั่นเคลือบสีรถให้บ่อย ๆ ครับ เพราะบ้านเราล้างรถบ่อย แถมสภาพอากาศค่อนข้างแย่ ทำให้น้ำยามันอยู่ได้ไม่นาน ให้สังเกตดูรถที่เคลือบสีบ่อย ๆ ครับ ว่ามันจะลื่น ซึ่งความลื่นเนี่ยแหละ เป็นตัวทำให้สีไม่ค่อยเป็นขนแมว เพราะเมื่ออะไรมาติด ก็หลุดง่าย หากเกิดการเสียดสี ก็จะผ่านไปเบา ๆไม่หนืด ๆ ฝืด ๆ เหมือนรถไม่เคยเคลือบสีเลย ตรงนี้หากทำเอง มันเหนื่อยมากครับ แถมกินเวลาซักครึ่งวัน แถมเปลืองน้ำยามาก ๆ เพราะไม่มีเครื่องไว้ลงน้ำยา

 

เคลือบสีครับ

เอาประเภทที่มันทนทายาทหน่อย

ราคาก็แล้วแต่ยี่ห้อ

สามารถทำเองได้ที่บ้าน ใช้เวลาหลายชั่วโมงหน่อย

ได้ออกกำลังกายด้วย

------------------------------------------

ผลแตกต่างระหว่าง เคลือบ กับ ไม่เคลือบ

เทียบกับแป้งที่ใช้เล่นสงกรานต์

ไม่เคลือบ ------------>>>> ล้างรถมัน 3 ทียังออกไม่หมดเลยเจ้าคราบแป้งเนี่ย

เคลือบ ---------------->>>> รอรถมันแห้ง แป้งมันก็หลุดมาเป็นผง เอานิ้วปัดก็ออก

 

อุปกรณ์ล้างต้องมีคุณภาพด้วยนะ ผมว่า

 

แวะมาหาความรู้ครับ...

 

ตามข้างบนว่าเลยครับ ของผมก็พยายามทำอยู่หลายวิธี แต่ก็ยังไม่แคล้วเป็นรอยอยู่ดีครับ

 

ต้องพยายามเคลือบสีครับ ล่าสุด ไปเคลือบเเม็กไคว มาครับราคา เเรงเหมือนกัน เเต่ถ้ารักจริงก็ต้องยอม

 

ถ้าสีดำรอดยากครับ ทางที่ดีก็ไปขัดสีกำจัดรอยซะปีละครั้ง

 

ถามอีก นิดครับ ราคา ขัดสี ลบขนเเมว อะเท่าไรหรอ
เเล้วจะทำให้สีบางลงไหม

 

ผมว่าต้องล้างให้สะอาดๆคับ เพื่อป้องกันพวกเม็ดทราบ กรวดที่ติดมากลับสีรถเวลาเช็ดคับ พยายามใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์คับ ผมว่ามันช่วยให้เป็นขนแมวลดลงได้คับ
ส่วนการขัดเคลือบสี ผมใช้ผลิตภัณฑ์ของแมกไกว์อยู่ก้อดีคับ

 

มันจะบางลงเป็น ไมครอน ครับ แต่ว่า เคลือบไว้ป้องกันได้ดีครับ เพราะว่า อย่างสีดำ ตัวสีจะมีการชึ้นฝ้า หรือเงาไม่ลึก มันเกิดจากการ หมักหมม ครับ

 

เลี้ยงหมาไว้ไกล้ๆรถตอนล้างรถครับ

 

ยากครับ ทุกวันนี้ผมรักษาสีรถสุดๆ ยิ่งสีดำนี่ยิ่งห้ามปัดเลย

พวกไม้ปัดฝุ่นมหัศจรรย์ล่ะตัวดี เวลาปัดมันจะเก็บฝุ่นไว้

แล้วขึ้นขนแมว พยายามใชลมเป่า ไม่ก้อล้างเอาครับ

ของผมนี่ขนาดระวังสุดๆ ยังหนีไม่พ้นเลย

 

ตอนนี้ของผมขี้ใคลขึ้นตรึมเลย

เพิ่งทำสีเส็ดไม่ถึงเดือนเอง

 

ผมว่านำรถ..ไปเครือบสาร..เหโลเมิ่อ..น่าจะดี...กว่า..
อยากลองเอาไปเครื่อบอยู่เนี้ย.:teeth:

 

ผ้าที่ใช้สำคัญมากๆ ครับ เพราะถึงจะเป็นไมโครไฟเบอร์ ถ้าคุณไม่หมั่นเปลี่ยนผ้าใหม่ หรือใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มบ้าง ผ้ามันจะเริ่มแข็ง

ส่วนการลบหรือกลบรอยขนแมวนั้น เคลือบอย่างเดียวไม่ค่อยได้ผล ต้องมีน้ำยา "กลบ"รอยขนแมว เน้นว่ากลบนะครับไม่ใช่ลบ
คือ มันจะทำหน้าที่เข้าไปกลบรอยวง ๆ เส้นๆ ที่เวลาสีรถคุณโดนแสงกระทบ มันจะเห็นสิ่งที่เราเรียกว่า "ขนแแมว"
จากนั้น จึงค่อยเคลือบสีเพื่อความเงาและคงทนครับ

 

ของผมเนี่ย ใช่ผ้าฝื่นเดียวกันหมด ตั้งแต่ ล้าง จนเช็ด ครับ แต่ต้องขยันบิดน้ำออกบ่อยๆนะ

อ่ออีกอย่าง ล้างน้ำเปล่าๆ ไม่เคยใช่น้ำยาอะไรเลยครับ

 

ฟองน้ำ เวลาล้างรถให้ล้างจากบนลงล่าง บิดซักออกเป็นระยะเพื่อเอาฝุ่นทรายออกในขณะล้าง ควรเลือฟองน้ำที่เป็นรูถี่ๆ ไม่ควรใช้รูใหญ่เพราะฝุ่นทรายตกค้างได้ดีเชียว แบบที่ขายในโลตัส2อัน18บาทก็พอแล้ว ผมใช้อยู่ จะเปลี่ยนใหม่เวลาสกปรกจะได้ไม่เสียดาย ของผมฟองน้ำเริ่มดำๆหน่อยผมก็จะเปลี่ยนเลยครับ ล้างประมาณ5ครั้งก็เปลี่ยนละ ละก็จะเอาฟองน้ำพวกนี้ไว้ล้างล้อแทน 9บาท ใช้5ครั้งก็คุ้มละ

ผ้าเช็ด ถ้าเลือกได้ผ้าเช็ดรถไม่ควรเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ถึงแม้จะเป็นcotton 100% เพราะตะเข็บก็ยังเป็นใยสังเคราะห์ที่มีคม พวกผ้าดิบผ้าขาวม้าเก่าๆมันจะซับน้ำดีมากครับ และยังเป็นcottonอีกด้วย ตะเข็บก็ไม่มี แต่คุณต้องซักบ่อยๆให้มันเก่าๆเลยนะ ดูดน้ำดีและนุ่มด้วย หรือไม่คุณจะใช้พวกชามัวร์ก็ได้ แต่จะให้ดีก็ต้องทำให้มันเก่าๆเลย คล้ายๆการซื้อผ้าเช็ดตัวมาใช้ใหม่ ตอนมันใหม่ๆก็ไม่ค่อยเช็ดน้ำได้ แต่พอมันเก่าๆละมันจะซับน้ำดีมาก ทำนองนั้น

น่าจะใช้แชมพูล้าง เพราะมันจะเบาแรงเราได้เยอะ ฝุ่นที่ติดแน่นจะหลุดออกง่ายกว่า ฟองจากแชมพูจะนำพาฝุ่นให้ลอยติดออกมา และหากมีฝุ่นติดอยู่ เจ้าฟองหนานุ่มนี่แหละจะช่วยบรรเทาแรงกดแรงถูจากทรายที่ติดกับฟองน้ำ

ไม้ปัดฝุ่น เป็นไปได้ไม่ควรใช้เลย หากฝุ่นเกาะหนาแนะนำให้เอาน้ำฉีดหรือเก็บไว้ล้างทีเดียวเลย การเอาไม้ปัดมาปัดมันเหมือนกับการเกลี่ยฝุ่นให้ทั่วบนผิวรถ เม็ดทรายที่ติดมากับตอนน้ำกระเซ็นโดนรถ ก็จะเป็นสครับชั้นดีที่คอยทำลายผิวสี ถ้าจะให้ดีที่สุดก็น่าจะต้องใช้ลมเป่า บ้านใครมีปั๊มลมกะหัวฉีดก็ดีไป

เคลือบสีบ่อยๆ ช่วยบรรเทาได้ครับ

มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ ที่บ้านผมมองผมเป็นคนวิตกจริตแล้วเนี่ย ละเอียดอ่อนพอสมควร

 

ฟองน้ำ เวลาล้างรถให้ล้างจากบนลงล่าง บิดซักออกเป็นระยะเพื่อเอาฝุ่นทรายออกในขณะล้าง ควรเลือฟองน้ำที่เป็นรูถี่ๆ ไม่ควรใช้รูใหญ่เพราะฝุ่นทรายตกค้างได้ดีเชียว แบบที่ขายในโลตัส2อัน18บาทก็พอแล้ว ผมใช้อยู่ จะเปลี่ยนใหม่เวลาสกปรกจะได้ไม่เสียดาย ของผมฟองน้ำเริ่มดำๆหน่อยผมก็จะเปลี่ยนเลยครับ ล้างประมาณ5ครั้งก็เปลี่ยนละ ละก็จะเอาฟองน้ำพวกนี้ไว้ล้างล้อแทน 9บาท ใช้5ครั้งก็คุ้มละ

ผ้าเช็ด ถ้าเลือกได้ผ้าเช็ดรถไม่ควรเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ถึงแม้จะเป็นcotton 100% เพราะตะเข็บก็ยังเป็นใยสังเคราะห์ที่มีคม พวกผ้าดิบผ้าขาวม้าเก่าๆมันจะซับน้ำดีมากครับ และยังเป็นcottonอีกด้วย ตะเข็บก็ไม่มี แต่คุณต้องซักบ่อยๆให้มันเก่าๆเลยนะ ดูดน้ำดีและนุ่มด้วย หรือไม่คุณจะใช้พวกชามัวร์ก็ได้ แต่จะให้ดีก็ต้องทำให้มันเก่าๆเลย คล้ายๆการซื้อผ้าเช็ดตัวมาใช้ใหม่ ตอนมันใหม่ๆก็ไม่ค่อยเช็ดน้ำได้ แต่พอมันเก่าๆละมันจะซับน้ำดีมาก ทำนองนั้น

น่าจะใช้แชมพูล้าง เพราะมันจะเบาแรงเราได้เยอะ ฝุ่นที่ติดแน่นจะหลุดออกง่ายกว่า ฟองจากแชมพูจะนำพาฝุ่นให้ลอยติดออกมา และหากมีฝุ่นติดอยู่ เจ้าฟองหนานุ่มนี่แหละจะช่วยบรรเทาแรงกดแรงถูจากทรายที่ติดกับฟองน้ำ

ไม้ปัดฝุ่น เป็นไปได้ไม่ควรใช้เลย หากฝุ่นเกาะหนาแนะนำให้เอาน้ำฉีดหรือเก็บไว้ล้างทีเดียวเลย การเอาไม้ปัดมาปัดมันเหมือนกับการเกลี่ยฝุ่นให้ทั่วบนผิวรถ เม็ดทรายที่ติดมากับตอนน้ำกระเซ็นโดนรถ ก็จะเป็นสครับชั้นดีที่คอยทำลายผิวสี ถ้าจะให้ดีที่สุดก็น่าจะต้องใช้ลมเป่า บ้านใครมีปั๊มลมกะหัวฉีดก็ดีไป

เคลือบสีบ่อยๆ ช่วยบรรเทาได้ครับ

มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ ที่บ้านผมมองผมเป็นคนวิตกจริตแล้วเนี่ย ละเอียดอ่อนพอสมควร




เห็นด้วยอย่างยิ่งคับ ผมใช้ผ้าเช็ดตัวเก่าเลาะตะเข็บออกดีกว่าชามัวร์คับ