***โปรดระวัง เล่ห์เลี่ยมประกัน อ.ซ.3 พลัส***

ขออนุญาตใช้นามสมมติทั้งเรื่อง เนื่องจาก บ.ดังกล่าว มีนักเลงคุม!?!?!?!?

ยาวนิดนะครับ

เรื่องมีอยู่ว่า

นาย ก. ได้ไปเที่ยว ณ สถานที่แห่งหนึ่ง จอดรถไว้ที่ลาดจอดรถ จากนั้น นางสาว ข. ซึ่งมาเที่ยวเช่นกัน ผ่านมาพบเห็นรถของนาย ก. ซึ่งจำรถได้ว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานเก่า จึงดีใจ รีบขับไปจอดในช่องจอดข้างๆที่ว่างอยู่พอดี ด้วยความที่รีบร้อน หรือสะเพร่าตามประสาผู้หญิง เข้าจอดในลักษณะหันหน้าเข้าซอง ทำให้เลี้ยวไม่พ้น จึงทำให้เฉี่ยวชนกับรถของ นาย ก. ที่มุมรถด้านขวา โดยมิได้ตั้งใจ

นางสาว ข. ตกใจรีบโทรบอกนาย ก. พร้อมขอโทษขอโพย ให้รีบออกมาดูรถด่วน นาย ก.ออกมาพบ ลมแทบใส่ กันชนแตก แก้มบุบ ส่วนรถของ นางสาว ข. เป็นรถปิกอัพกันชนเหล็ก จึงเป็นอะไรไม่มากนัก

นาย ก. ปลอบใจ นางสาว ข. ก็ดีใจที่ได้เจอ ไม่เป็นไร จึงโทรแจ้งนายหน้าขายประกัน อ.ซ.3 พลัส ซึ่งขายดิบขายดีในหน้า Car&service แห่งเวป RCW.นี้เอง

ซึ่งนาย ก. และนางสาว ข. ทำประกันกับนายหน้าคนนี้ คนเดียวกัน !?!?!

นาย ก.ถามว่า ใบยืนยันการเคลมที่แถมมาให้ในกรมธรรม์นั้น สามารถใช้ได้หรือไม่เพราะเป็นประกันประเภทเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างมีใบนี้เหมือนกัน

นายหน้าแนะนำอย่างดีว่าสามารถแลกใบแคลมกัน แล้วนำไปซ่อมที่อู่ซ่อมในเครือได้เลย (ซึ่งตรงนี้เป็นบ่อเกิดของปัญหาทั้งหมด)

จากนั้น วันถัดมา นาย ก. ได้นำรถเข้าซ่อมที่อู่ในเครือ ยื่นใบเคลมแจ้งรายละเอียด ปรากฎว่าเจ้าของอู่ทำหน้าเอ๋อเหรอ ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก (อ้าว ซวยแล้ว........)

เจ้าของอู่ก็ยังใจดี บริการให้ โดยรับรถไว้ แล้วโทร.ถามบริษัท อ.ซ. แต่ในการโทร.ถามข้อมูลนั้น เจ้าหน้าที่บริษัท อ.ซ. เอง ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ ว่าเคลมด้วยใบนี้ ทำอย่างไร โอนสาย (HOLD สาย
) ประมาณ 4-5 สาย ผลัดไปให้คุยกับเจ้าหน้าที่อีก 4-5 คน ซึ่งก็พูดไม่รู้เรื่อง ซึ่งเจ้าของอู่โกรธมาก ว่าทำไมไม่มีใครให้คำตอบได้ พร้อมทั้งช่วยด่าพนักงานบริษัท อ.ซ. ให้ด้วย แต่ก็รับรถไว้ด้วยความยินดี

เย็นวันนั้นเอง เจ้าของอู่โทรมาบอกว่า บริษัท อ.ซ. โทรกลับมาแล้ว บอกว่าเคลมไม่ได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่เคลมไปถ่ายรูป ณ ที่เกิดเหตุ (แล้วบริษัทจะแถมใบส้นตีนนี้มาทำไมในกรรมธรรม์ตั้ง 2 ใบ !?!?!?)

นาย ก. จึงโทรแจ้ง นางสาว ข. และนัด นางสาว ข. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำรถมาประกบคู่กันแล้วให้พนักงานเคลมมาถ่ายรูป

นางสาว ข. โทรไปถามบริษัท อ.ซ. ว่าจำเป็นต้องเป็นสถานที่เดิมหรือไม่ บริษัทบอกว่า "ที่ไหนก็ได้"

ทั้งสองคนจึงนัดพบกันในที่ ที่สะดวกทั้งสองฝ่าย แล้วโทรเรียกพนักงานเคลมมาถ่ายรูป

เมื่อพนักงานเคลมมาถึง ได้ทำการถ่ายรูป แล้วให้เขียนเอกสาร 2-3 แผ่น จากนั้นพูดจาค่อนแคะว่า ไม่เชื่อว่าชนกันจริง เดี๋ยวนี้ทำอย่างนี้กันเยอะ แล้วถามว่า "ทำไมเพิ่งมาแจ้ง ทำไมไม่แจ้งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ"

นาย ก. และนางสาว ข. ชี้แจงไปว่า "ก็โทรถามนายหน้าแล้ว นายหน้าเคยบอกว่า มีปัญหาอะไรให้โทรหาเค้าได้เลย เค้าจะติดต่อ บ.ให้ แล้วนายหน้าก็บอกว่า ให้แยกกันไปซ่อมได้เลย เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ต้องมีกระบวนการอะไรบ้าง"

จากนั้น พนักงานเคลม ก็โทรไปถามนายหน้าคนนั้น ว่ามีคนโทรแจ้งหรือยัง นายหน้าตอบว่า แจ้งแล้ว และเค้าเองเป็นคนแนะนำให้แยกไปซ่อม ซึ่งเค้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก

พนักงานเคลมวางหูจากนายหน้า แล้วหันมาพูดกับเราพลางทำหน้าเบื่อหน่ายว่า "นายหน้ามันไม่รู้เรื่องหรอก มันขายอย่างเดียว"

นาย ก. และนางสาว ข. เหวอเล็กน้อย เพราะเราต่างเป็นลูกค้า จะไปรู้กระบวนการภายในของบริษัทเค้าได้อย่างไร นายหน้าบอกให้ทำอะไร เราก็ทำอย่างนั้น แล้วเอาคนไม่รู้เรื่องมาขายประกันได้อย่างไร ไม่ผ่านการอบรมก่อนหรือ

เมื่อพนักงานเคลมถ่ายรูปเสร็จ ก่อนไปยังข่มขู่อีกว่า "หากเป็นการเคลมฉ้อฉล คุณมีปัญหาแน่!?!?!? " พูดขู่ลูกค้าเฉยเลย

นาย ก. อธิบายว่า ถ้าวันนั้น นายหน้าไม่บอกให้แยกกันไปซ่อม แล้วเราจะไปหรือ เราก็เรียกมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว ทำไม่ต้องพูดอย่างนี้

พนักงานเคลมบอกว่า รอยชนไม่น่าจะใช่ มีรอยอื่นด้วย คุณไม่ได้ชนกันจริงแน่ ผมดูออก (ก็รอยอื่นมันรอยเก่า กูไม่จำเป็นต้องอธิบายมากมาย มึงก็เขียนเคลมให้เท่าที่มึงดูออกและพิจารณาสิ มึงเป็นพนักงานเคลมนี่) แล้วคุณสองคนก็รู้จักกัน (อ้าว.....ก็เคยทำงานที่เดียวกันนิ ทำไมเราต้องอธิบายความสัมพันธ์ให้คนอื่นฟังด้วย) ทำประกันกับนายหน้าคนเดียวกันด้วย (ในเวป RCW.ทำกับนายหน้าคนนี้เป็นร้อยมั๊ง) ถ้าบริษัท อ.ซ. ตรวจสอบว่าไม่ได้ชนจริง คุณโดนแน่ จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซด์กลับ (โห...เก๋าจังโว๊ยยย)

จากนั้น นาย ก.ได้เอาใบเคลมที่พนักงานแคลมไร้การอบรมมารยาทคนนั้นไปยื่นที่อู่ แล้วเล่าเหตุการณ์ที่ประสบให้ฟัง เจ้าของอู่ได้ฟังดังนั้น พลางบ่นถึงบริษัท อ.ซ.ให้ฟังอย่างยืดยาว ซึ่งบริษัทนี้ก็มีปัญหากับอู่เหมือนกัน อู่บ่นๆอยู่ว่า ไม่อยากรับบ.นี้แล้วเหมือนกัน มันเป็นอย่างนี้แหละ ลูกค้ามาบ่นทุกรายกว่าจะได้ซ่อม

เรื่องมันยังไม่จบ วันต่อมา พนักงานเคลมคนเดิมคนนั้น ได้โทร.หานางสาว ข. พร้อมพูดจาข่มขู่อีกว่า ทางเราพิจารณาดูแล้ว พวกคุณไม่ได้ชนกันจริงแน่ ถ้าทางเราส่งเรื่องถึงบริษัทแม่ พวกคุณจะโดนคดีอาญา และเป็นปัญหาใหญ่แน่ ให้นางสาว ข. มาทำเรื่องยกเลิกการเคลม แล้วทางบริษัทจะไม่เอาเรื่อง

นางสาว ข. ด้วยความเป็นผู้หญิง จึงเกรงกลัว รีบทำเรื่องยกเลิก และโทร.บอกนาย ก. พร้อมทั้งบอกว่าเดี๋ยวหนูซ่อมให้เอง ไม่ต้องใช้ประกันซ่อมแล้ว หนูกลัวมีปัญหา

นาย ก.โมโหมาก ว่าพนักงานเคลมคนนี้มันยิ่งใหญ่มาจากไหน ถึงพูดจาข่มขู่ลูกค้าตลอดเวลา แต่นางสาว ข. ได้เตือนสติและไม่อยากให้มีเรื่อง เพราะต่างฝ่ายต่างต้องทำงาน ไม่มีเวลาไปสู้คดีบ่อยๆ ซึ่งคงใช้เวลาอีกเป็นเดือน หรือง่ายที่สุดถ้าเราฟ้องกลับ ก็ฟ้องได้ ฐานหมิ่นประมาทหาว่าเราโกหกว่าชนกัน แต่นางสาว ข. บอกช่างมันเถอะ ปีหน้าก็เปลี่ยนบริษัทแล้วกัน ถ้ามันทำแบบนี้กับหลายๆคนเข้า เดี๋ยวก็เจ๊ง หรือไม่ก็มีคนจัดการแทนเราเอง เอาเวลามาทำงานดีกว่า ไม่มีเวลามาติดต่อบ่อยๆแล้ว แค่นี้ก็เสียเวลามาเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่ได้เรื่องได้ราว

เรื่องนี้จึงจบลงที่ นางสาว ข. ออกเงินค่าซ่อมให้ นาย ก.เอง โดยที่บริษัท อ.ซ. ประกัน 3 พลัส ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แถมยังก่อให้เกิดความเครียด วิตกจริต และเสียประสาทอีกด้วย

ปล. ขอบพระคุณทุกท่านที่ทนอ่าน อยากตั้งข้อสังเกตให้ทุกท่านดังนี้

1. ทำประกันกับบริษัทนี้ ห้ามรู้จักกัน เพราะเดี๋ยวถูกหาว่า นัดมาชนกันเอง

2. ทำประกันกับบริษัทนี้ ห้ามชนกับรถคันที่ทำจากนายหน้าคนเดียวกัน เพราะเดี๋ยวหาว่ารู้จักกันอีก

3. ทำประกันกับบริษัทนี้ ต้องสุภาพเรียบร้อย ห้ามมีปากมีเสียง หากพูดมาก เดี๋ยวโดนพนักงานเคลมข่มขู่เอา

4. ทำประกันกับบริษัทนี้ ต้องเชื่อบริษัทแม่เท่านั้น (ซึ่งก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่) อย่าเชื่อนายหน้าขายประกัน

5. โทร.ติดต่ออะไรก็ตามกับบริษัท ต้องถามชื่อผู้ให้ข้อมูลทุกครั้ง และจดให้ดี ว่าถามเมื่อเวลากี่โมง คนตอบชื่ออะไร นามสกุลอะไร ไม่งั้นพอเราโทรถามอีกครั้งนึง คนอื่นรับ มันบอกไม่ใช่ ไม่มีข้อมูลนี้ คุณคุยกับใคร ใครให้ข้อมูลคุณ เราจะเหวอแดก.....

สุดท้าย อยากให้เพื่อนสมาชิกวิพากษ์ วิจารณ์กันว่าเรื่องนี้ใครผิดครับ

1. นาย ก. ซวยเอง เพราะแทนที่จะโทรแจ้งอุบัติเหตุกับบริษัท กลับโทรไปขอคำแนะนำจากนายหน้า

2. นางสาว ข. ต่างหากที่ซวย ที่เสือกรู้จักกับ นาย ก.

3. นายหน้า ที่ให้ข้อมูลว่าแยกกันไปซ่อมได้เลย

4. พนักงานเคลมมารยาทเหี้...ๆ

5. ตัวบริษัทแม่

ขอกราบขอบพระคุณครับ

 

แย่จัง

 

เลว สุดๆ อะ

 

คิดหนักเลย.. เวลาจะทำประกัน

 

กำลังจะทำ เจอแบบนี้ขอบายดีกว่า

 

ฟินนิค (ขออภัยถ้าพิมผิด)ด้วยครับขนาดประเภท1 นะ เราอยู่ทางหลักเข้าทางขนาน เข้าไปแล้วนะมันถึงชน

เราถูกอยู่แล้ว แจ้งพร้อมกันของมันวิริยะแป้ปเดียวมา ของเราฟินนิครอแม้ง45นาที พอมาถึงเล่าให้มันฟัง
มันบอกเราถูก แป้ปเดียวไปคุยห่าไรกับฝั่งนั้นไม่รู้กลับมาบอกว่าเราผิด ผมก็ไม่ยอม มันบอกว่าถ้าไม่มีคนรับผิดต้องไปหา
ร้อยเวร มันพูดต่อ ถ้าไปหาเราผิดแน่นอน ผมถามมันว่าเค้าให้เงินคุณมาเท่าไหร่ ตอนมาทีแรกบอกเราถูก

เราบอกผมไม่รับผิดนะ ถ้าคุณอยากรับผิดก็
รับผิดไปเอง ยังไงๆใครผิดก็ซ่อมทั้ง2ฝ่ายอยู่แล้ว เพราะชั้น1ทั้งคู่
วันต่อมามันโทรมาบอกว่าสืบพยานคันนั้นมาว่าเราสลับคนขับ คนขับจิงไม่มีใบขับขี่ ของมันก็สลับ
แถมเมามาด้วย รถก็ป้ายแดงห้ามขับกลางคืนอยู่แล้ว
จะหาเรื่องไม่ยอมจ่ายจำไว้ดีๆนะครับฟินนิค ช้า ลูกเล่น รับเงิน ทำประกันของมันมา5ปี
ปีละ15000 5ปีไม่เคยเคลมพอเคลมทีปัญหาเยอะฉิบ

 

.....แย่เลย

 

แย่หวะ

 

"พนักงานเคลมคนเดิมคนนั้น ได้โทร.หานางสาว ข. พร้อมพูดจาข่มขู่อีกว่า ทางเราพิจารณาดูแล้ว พวกคุณไม่ได้ชนกันจริงแน่ ถ้าทางเราส่งเรื่องถึงบริษัทแม่ พวกคุณจะโดนคดีอาญา และเป็นปัญหาใหญ่แน่ ให้นางสาว ข. มาทำเรื่องยกเลิกการเคลม แล้วทางบริษัทจะไม่เอาเรื่อง"

เออ แล้วไงวะ เมิงมีมาเอาเรื่องด้วยเหรอ กรูจะได้ฟ้องกลับ เอาไงหล่ะอ้ายเหี.. ไม่ต้องไปกลัวมันครับพวกนี้มันลอง ถ้าหงอก็เสร็จมันไป ถ้าไม่มันก็ยอม พวกสันดาน

 

เซ็งจิต ระยำจิงๆ บ.นี้

 

เคสนี้ผมว่านายหน้าผิดเต็มๆครับ ให้คำแนะนำลูกค้าโดยไม่ได้ศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติที่แท้จริงสำหรับประกันประเภทนี้ครับ

ส่วนลูกค้าก็ผิด (เล้กน้อย) โทษฐานที่ไม่ยอมโทรเข้าฝ่ายเคลมโดยตรง ซึ่งจะมีเบอร์ฉุกเฉินอยู่ทั่วประเทศ แนบอยู่ในเอกสากรมธรรม์ แต่กลับโทรเข้าหานายหน้า ซึ่งไม่ใช่พนักงานเคลม (ชื่อก็บอกว่าเขาเป็นแค่นายหน้า) ผลก็เลย ซี้.ั๊วต่า นายหน้าพามั่ว ไปกันใหญ่

ส่วนพนักงานเคลม ผิดที่ไปข่มขู่ลูกค้า บริการหมาไม่แดก

อู่...ไม่ผิด และเป็นอู่ที่น่ารักที่สุด ผมอยากได้อู่แบบนี้จัง:sad:

 

ทำเรื่องร้องเรียนไปที่ สำนักงาน คปภ. เลยนะครับ
สายด่วน 1186 ครับผม


http://www.oic.or.th

 

กำแย่จังเจอประกันแบบนี้ ทำอีกอันมาไม่รู้จาเป็นงี้ป่าว - -

 

โคตรแย่เลยหว่ะ

 

ของผม "ธนชาต" คับ ดีมากคับ

 

ก็เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ทำประกันมา3ปีเละ

 

แย่เลยคับเสียความรู้สึก แจ้งกรมประกันภัยเลยคับ

 

เหมือนของผมเลยคับ

 

อ๋อ บริษัท เอ เชี่ยยยยยย 3 พลัส เนี่ย เอง

 

เป็นผมจะโกรธ นส.ข มากเลยครับ เราไม่ผิดแล้วจะกลัวอะไร ขึ้นศาลก็ขึ้นสิ ตรูจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย ทั้งแพ่ง และอาญา ให้เข็ดตรูดเลย

ลืมบอก ผมใช้ ไทยศรีซูริก งับ มาเร็วเคลมเร็ว ปายเร็ว แว๊บๆ

 

เบื่อกับพวก คนเคลม จริงๆเลย กวนตีน เรื่องมาก อย่างงั้นอย่างงี้ ผมว่าเป็นอาชีพที่เสี่ยง(ที่จะ)ตายเหมือนกันนะ อิอิอิ

 

เวรกรรมผมเพิ่งต่ออายุไปด้วยสิ

 

เคยทำอยู่แต่หมดไปแล้ววยังไม่ได้ต่อ

เจอแบบนี้ก้อแย่อ่ะดิ

 

ของผม ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย 3+
โดนชนแล้วหนี แต่จำทะเบียนได้ ให้ไปแจ้งความ
จากนั้นเอาใบแจ้งความไปทำเครม
ได้ใบเครมมา แต่มันบอกว่ากันชนผมมีรอยเก่า
ทั้งๆที่กันชนผมไม่เคยมีรอยเลย
มันให้งบทำ 800 บาท ที่เหลือออกเอง
แย่มากๆ ตอนนี้กะว่าจะไปฟ้อง สคบ ให้มันรู้เรื่องไปเลย

 

ต้องอ่านสัญญาให้ดีนะคับพวกนี้ไม่ไหวเลย

 

อ้าวเพิ่งต่ออายุไป บริษัทนี้เลย

 

นาย ก. ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ......แต่นางสาว ข. รีบร้อน ขวัญเสียไปหน่อย จากการถูกข่มขู่ของพนักงานเคลม เลยรีบแจ้งยกเลิกการเคลม (ผมเข้าใจ เป็นใครๆก็ไม่อยากมีคดีความ ถ้าต้องมีเรื่องสืบพยานแล้ว ต้องเสียเวลาอีกเป็นอาทิตย์แน่ๆ กับอีแค่รถชนกันธรรมดาเนี่ยนะ )

ไม่งั้นนาย ก. เอาเรื่องถึงที่สุดแน่ ไม่บนดิน ก็ใต้ดิน แม่งตุ๊ดว่ะ โทรเข้าหาผู้หญิง เอาคดีอาญามาขู่ ถ้ามึ...โทรหานาย ก.สิ จะอัดเทปแล้วนำมาออกรายการแฉแต่เช้าเลย

แต่นาย ก.ก็ยังติดใจ ที่นายหน้าให้ข้อมูลผิดๆ และเหตุที่โทรหานายหน้าเป็นคนแรก ก็เพราะตอนมาขายประกัน นายหน้าคนนี้พูดจาดีมากๆๆๆๆๆ บอกว่าเกิดอะไรขึ้นโทร.หาผมคนแรกได้เลย ผมจะติดต่อบริษัท จัดการให้ทั้งหมด แล้วเป็นไงล่ะ เวร....ความรับผิดชอบในคำพูดหายไปไหน บอกมาได้คำเดียวสั้นๆว่า "ก็ผมไม่รู้"

 

อ๋อ....พนักงานเคลมแม่งจะหากินอย่างนี้นี่เอง ทุกบริษัทเลยหรือเนี่ย ความรู้ใหม่ครับ ทุกคนระวังไว้

 

แย่ จิงๆ ครับ