เวลาทำรถแต่งขึ้นมาซักคัน สีใหม่ๆ แมกซ์ ใหม่ๆ ไม่อยากจะเอาออกไปไหน กลัวโน่นนี้ตลอด กลัวรถโดนขูด กลัวรถบุบ ไปไหนก็จะเอารถเดิมๆไป จนหลายคนบ่นว่าจะแต่งรถมาทำไมไม่ใช้ ผมโรคจิตไปมั้ย!
55 วิตกจริตด้วยคน แต่ไม่ได้กลัวว่าจะโดนขูดขีดหรือทุบบุบ ประมาณว่า ของแต่งในรถเยอะ(มั้ง) กลัวโดนสอย หรือโดนทุบกระจกเอาของในรถ โอยสารพัด รถแต่งฯ เยอะ ๆ สวย ๆ ก็ใช่จะมีความสุข ส่วนใหญ่ไปไหน ๆ ที่ต้องทิ้งรถห่างไกลนาน ๆ ผมก็ใช้รถอีกคัน ไม่งั้นคงต้องถอดกล่องฯ ถอดเกจ์ ฯลฯ ติดตัวไปด้วย เพราะเดี๋ยวนี้โจรมันเยอะจริง ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ แกะเอาโม้ดดดด ปล. รถผมรุ่นเก่าแล้วและของแต่งฯไม่เยอะอย่างที่คิดนะครับ
ทำสีประตูมาใหม่ๆ 2 อาทิตย์ รอยขูดกลับมาเหมือนเดิม เซ็งครับ แต่ก็ต้องยอม ของใช้งาน ต้องมีความเสื่อมตามสภาวะใช้งานครับ อย่าไปคิดมาก เครียดป่าวๆ
.... ปัญหาเหล่านี้เนี่ย ส่วนใหญ่เกิดกับผู้หญิงและคนขับรถมือใหม่ ตามสัญชาติญานของผู้หญิง เขาจะไม่ถนัดการควาบคุมเครื่องจักรกลอะไรพวกนี้ ไม่ว่าจะรถ คอม เกม ตรงนี้พอเข้าใจ ก็เหมือนกับให้ผู้ชายไปรีดผ้า ก็คงทำได้บ้างไม่ได้บ้าง รีดจนผ้าไหม้บ้าง พังบ้าง ส่วนพวกขับรถมือใหม่ ก็จะไม่ค่อยประสีประสาอะไรกับการใช้อุปกรณ์ในรถ ที่สำคัญไม่เคยดูหน้าปัทม์ หรือถึงดูก็ไม่รู้ว่าไฟอะไรหมายถึงอะไร พอมา พวกผู้หญิงหรือพวกมือใหม่พอมาเจอรถรุ่นอย่างว่า วีออส หรือรถ รุ่นใหม่ๆ จะมีอาการจำพวกนี้ครับ ขับจนจะสามทุ่มแล้วไฟหน้าพี่ยังไม่เปิดเลยครับ เพราะรถรุ่นใหม่ไฟหน้าปัทม์มันสว่าง แต่ก็อย่างที่บอกแกไม่เคยมองหน้าปัทม์อยู่แล้ว แล้วจะรู้ได้ไงว่าแม้ไฟหน้าปัทม์สว่าง แต่ไฟตรงวิทยุ หรือปุ่มแอร์มันยังมืดอยู่ ก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองไม่เปิดไฟหน้าขับ เพราะข้าไม่มองหน้าปัทม์ ข้าเปิดแอร์ไว้ไม่เคยปิด วิทยุเซ็ตไว้ช่องที่ฟังช่องเดียว สตาทรถปั๊มไปได้เลย ในรบรู้จักแค่คันเร่ง เบรค เกียร์ ต่อมาพอเริ่มรู้ตัวเองว่าลืมเปิดไฟขับบ่อยๆจนมีญาติสนิทมิตสหายมาเตือนแก พวกแกก็เริ่มเริ่มรู้จักสวิทไฟกันมากขึ้น รู้วาอ๋อ ไอหมุนขึ้นเนี่ยคือเปิดไฟหน้านะ ดันไปหน้าคือไฟสูง ปุ่มนี้สปอตไลต์นะ ปุ่มนี้ไฟตัดหมอกนะ แต่พอสอนมากๆข้ามันมีอาการเบลอบ้าง ลืมบ้าง ผนวกกับการที่ญาติสนิทมิตรสหายของคนขับเหล่านั้นยังไม่ได้สอนให้แกดูหน้าปัทม์เวลาขับรถ อาการเลยออกมาอย่างที่ว่า เปิดไฟสูงขับตลอดทาง เปิดไฟขับรถตอนเที่ยง เปิดตัดหมอกหลังขับบ้าง ที่เจอในวีออสเพราะปุ่มกดมันเหมือนเปิดสปอตไลท์หน้า แถมไฟหน้าปัทม์ที่โชว์ยังคล้ายๆกับสปอตไลท์อีก ส่วนวิธีจะบอกให้คนพวกนี้ทราบว่าเขาลืมเปิดนู่น ลืมปิดนี่นั้นคือ ไม่มีครับ เพราะญาติสนิทมิตรสหายแกยังไม่ได้สอนว่าเวลาขับรถให้มองกระจกหลัง กระจกข้าง สังเกตอาการรถคนอื่นด้วย วิธีเยียวยาคือ ให้สอนผู้ที่มีญาติสนิทมิตรสหายที่ขับรถอยู่ในจำพวกนี้เรื่องการดูหน้าปัทม์รถตัวเองขณะขับขี่ด้วยว่าไฟอะไรคืออะไร ตัวไหนหมายถึงอะไร ปัญหาเหล่านี้จะน้อยลงเยอะ และจะลดพวกปัญหางี่เง่าทั้งหลายได้เยอะ ไม่ว่าจะเครื่องฮีทจนดับ ขับจนน้ำมันหมด ถ้าญาติสนิทมิตรสหายได้ให้การรักษาเบื้องต้นแล้วจนอาการดีขึ้น ก็ควรจะเริ่มสอนเรื่องการสังเกตุสิ่งต่างๆโดยรอบขณะขับขี่ ถ้าขันที่สวนมากระพริบไฟสูงบ่อยๆใส่ แสดงว่าไฟหน้าเราไม่ได้เปิดไหม ถ้ามันเปิดค้างใส่เรากลับมาเลย แสดงว่าคุณเปิดไฟสูงค้างอยู่และกำลังโดนด่าพ่ออยู่ด้วย หรือถ้าคันหลังเปิดไฟสูงค้างใส่แสดงว่าไฟตัดหมอกหลังเปิดค้างอยู่และกำลังโดนด่าพ่อด้วยเช่นกัน ให้โทรเช็คคุณพ่อด้วยว่าสะดุ้งไปกี่ท วีธีการนี้จะช่วยพยุงอาการได้หลังจากที่ดีขึ้น (ส่วนพวกที่เป็นรถแต่งแล้วติดไฟตัดหมอกเพิ่ม ให้ญาติสนิทมิตรสหายสอนเขาเรื่องภูมิศาสตร์ไทยว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ไม่มีหมอกให้ตัด และรถแต่งของเขาไม่ได้สวยได้ด้วยไฟตัดหมอดอย่างเดียว ไม่ต้องโชว์มาก ถ้าอยากเป็นรถนอกมาก ให้ไปติดฮีทเตอร์เพิ่มด้วย จะเจ๋งอย่างแรง) ส่วนจะให้หายขาดนั้น มันต้องไปสอนคนที่สอนพวกนี้ขับรถครับ ไม่ว่าจะโรงเรียนสอนขับรถหรือญาติสนิทมิตรสหายเองว่า เวลาสอนคนขับรถไม่ใช่สอนแค่ขับออกไปถนน บอกวิธีขับขี่แค่นั้น มันต้องสอนกฏ ระเบียบการใช้ถนน การใช้รถเบื้องต้น สัญลักษณ์ต่างๆ ทั้งในรถและนอกรถ จนกระทั้งการออกใบขับขี่ในแต่ละครั้งที่ง่ายยิ่งกว่าสอบเลข ป.๒ มันควรจะเป็นมาตรฐานอยู่แล้วถ้าหากคุณจะขับรถใช้ถนน คุณต้องรู้ ผมเป็นนักแข่งรถคนหนึ่งที่เวลาขับรถบนถนน พยายามทำตามกฏระเบียบตลอดเวลา (ยกเว้นเรื่องความเร็ว) แต่เซ้งกับเรื่องเดิมๆพวกนี้ครับ แล้วอาการมันยังลามไปถึงพวกมือเกามือเก๋าที่ว่าขับกันมานานทั้งหลาย ไม่ว่าจะวิ่งช้าข้าก็จะขับขวา เส้นห้ามจอดก็จะจอด แทรกเลน์เอาเปรียบเขาไม่ได้ก็น่าเกลียดพอแล้วนี่มันเล่นจอดรอให้ไฟเขียวแล้วกูค่อยแทรกต่อ ไม่สนใจรถทางเลี้ยวที่เขากดแตรด่าพ่อดาแม่อยู่ข้างหลังหรอก ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ทนๆอ่านอีกหน่อย เพราะหลายๆคนคงจะไม่รู้และน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นด้วย เวลาเกิดอุบัติเหตุ ชนท้ายเขาเนี่ย ยังไงก็ผิดนะครับ กรุณาเลื่อนรถไปจอดข้างๆทาง หรือหลบไปตกลงกันที่อื่น ไม่ใช่เปิดไฟขอทาง ยืนตกลงกันโก้เก๋อยู่กลางถนน ผมเคยโดนชนท้ายอยู่กลางถนนสุขุมวิท แถวหน้าเอ็มโพเรี่ยม รถที่ชนเป็นซีวิคแต่งๆ ชนเข้ามาแรงพอสมควร ผมเห็นการจราจรมันคับคั่งมาก คลานกันไปเรื่อยๆ ผมก็เลื่อนรถไปเรื่อยๆ ซีวิคก็ตามมาเรื่อยๆ จนผมเจอข้างทางว่างๆเกือบจะถึงแยกอโศก ก็จอดรถตกลงกันโดยที่ไม่ได้เพิ่มภาระให้การจราจร ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงไม่กล้าลงจากรถ ให้บัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอะไรก็ได้ ให้เบอร์เขาแล้วนัดขับตามไปคุยในปั้มน้ำมันหรือที่ไม่เปลี่ยวก็ได้ หรือแม้จะชนกันแบบหนักขึ้นมาหน่อย หรือเบียดกันแบบดูไม่ออกว่าใครจะผิดหรือถูกก็เถอะ ถ้ารถมันยังเลื่อนได้ ไม่ต้องรอจนประกันหรือตำรวจมานะครับ ไปหินหรืออะไรก็ได้เอามาขูดถนนตรงล้อรถของเราและคู่กรณื ขูดมันลึกๆให้แน่ใจว่ารอยมันจะไม่เลือนง่ายเหมือนที่ตำรวจใช้สีสเปรย์พ่นบนถนน แล้วเลื่อนออกไปตกลงกันที่อื่น ไมใช่ยืนโก้เก๋อยู่บนถนนนะครับ วิธีนี้เป็นวิธีสากลที่ปฏิบัติได้ ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนรูปคดีอะไร ถ้าตำรวจมองรอยล้อรวมกับคำอธิบายเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุแล้วยังไม่เข้าใจ เขาจะขอให้คุณเลื่อนรถคุณกับคู่กรณีของคุณไปที่รอยที่คุณขูดไว้แล้วให้ลงมายืนโก้เก๋คุยกันใหม่ (เข้าทางเลยสิ) เรื่องพวกนีมันเรียนรู้ได้ มันเป็นวิธีสากลทั่วไปที่มีให้ศึกษาทั้งในตำราหรือสอบถามจากคนที่มีประสพการณ์ก็น่าจะรู้ อย่าเพิ่มภาระให้การจราจรเลยครับ กรุงเทพรถติดมากพอแล้ว ไปจอดกันกลางถนนอย่างนั้น บางทีอยู่ในมุมอับ กลางคืนมองยากๆ คันหลังที่ตามมาไม่ทันสังเกตุจะเกิดอุบัติเหตุซ้อนเอาได้นะครับ ส่วนวิธีที่จะบอกคันอื่นๆว่าเขาลืมนู่นลืมนี่ ผมว่ามันต้องคิดกันแล้วใช้กันในวงให้ถูกต้องแล้วเข้าใจเป็นอันเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคันหน้าลืมเปิดไฟ คันที่ขับสวนมาอาจจะดับไฟแล้วเปิดไฟใหม่สองครั้งอะไรทำนองนี้ อาจจะเริ่มจากในสมาชิกเว็บนี้แล้วขยายไปเรื่อยจนคนอื่นรู้กันทั่วไป แล้วมันถึงจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ไม่งั้นบอกไปแล้วรู้บ้างไม่รู้บ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็เหมือนกับสัญญานไฟที่รถใหญ่เขาใช้ๆกัน เช่น ไฟเลี้ยว ซ้าย ขวา ขวา หรือ ขวา ซ้าย ซ้าย ใหม่ๆก็ใช้กันในกลุ่มสิบล้อ เดี่ยวนี้ก็แพร่หลายไปจนเป็นสากล (เฉพาะในประเทศเรานะครับ ต่างประเทศเขาก็มีของเขาไม่เหมือนกัน) ลองคิดดูว่าคำว่า "สวัสดี" มันก็ใช้วิธีการนี้ที่ทำให้มันเกิดและแพร่หลายไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่าจะทำให้เป็นจริงนี่ยากขนาดไหนนะครับ ยังไงถ้าใครมีโครงการจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริง ผมขอฝากคิดสัญญานวิธีการบอกผู้หญิงคันข้างๆที่จะไปงานราตรีสโมสรว่า "เฮ้ยๆๆๆ กระโปรงแลบออกมาจากรถแล้ว"
ผมก้อเป็นเหมือนกันคับ แต่ล้อเป็นรอยเนี่ย เซ็งสุดๆคับ สีรถ เรื่อยเวลาจอดต้องหาที่จอดดีๆ ชิดเสาอีกฝั่งเยอะๆ เพราะว่ากลัวประตูอักคันมากระแทก แล้วก้อก่อนขึ้นรถขับออกไป ต้องเดินวนรอบรถ1รอบก่อนทุกครั้ง วันไหนฝนตกกลับมาขอให้ได้ล้างหรือเช็ดซักนิดก้อยังดี เพื่อนๆเป็นกันบ้างไหมคับ
ผมอ่ะคงแปลกกว่าใคร ยิ่งรถใหม่รถเนียน ยิ่งอยากเอาๆออกไปให้ไกลบ้าน เพราะทั้งหมาเอย เเมวเอย ไอ้นกบ้าอีก ฝุ่นก็เยอะ สารพัดครับ สรุปออกเเต่เช้า เข้าดึกๆ อิอิ
มีรถจอด สะส่วนหย่ายยยย ไม่ได้ขับ แต่ก็ถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่เปื้อนก็ยังล้างง ปีนึง คับ ไม่กี่พัน โล โดนที่บ้านหาว่า โรคจิต มีรถไม่ยอม ขับ อิอิ