เอามาให้อ่านกัน ก่อนที่จะไปออนทัวร์กับ คณะพาเพลิน กันก่อนปีใหม่นะครับ อาบ-อบ-นวด ทุกแห่ง เข้าไปได้เลยไม่ต้องเตรียมอะไรมากนอกจากสตางค์และความกล้า ถามคนเชียร์เรื่องค่าบริการและวิธีจ่ายให้ดี เพราะมีหลายแบบ ส่วนใหญ่ค่าบริการจะอยู่ระหว่าง 1,300 3,600 ต่อเวลา 2 ชั่วโมง รวมทุกอย่างแล้วนอกจากเห็นว่าบริการถูกใจจะทิปต่างหากอีกก็ไม่ผิดกติการแต่อย่างใด นอกจากอาบ-อบ-นวดแล้วก็คงเป็นตามแหล่งเที่ยวกลางคืนเช่น RCA จะมีผู้หญิงบริการแฝงตัวอยู่โดยทั่วไป ตาดีได้ตาร้ายเสีย พวก คาราโอเกะ หรือ ค๊อกเทลเลาจน์ ก็มี แต่พวกนี้ยุ่งยากเรื่องมาก สนนราคาก็ไม่ถูกต้องพาออกไปข้างนอก ต้องหาโรงแรม วุ่นวายไปหมด แถมต้องระวังตัวจัดเตรียมถุงยางไปให้พร้อม ไม่เหมือนกับไปอาบน้ำเพราะทุกอย่างพร้อมหมด เขาไปตัวเปล่า ออกมาตัวเปล่า (ตัวเปล่าจริง ๆ เพราะหมดสตางค์) สถานที่อาบอบนวดส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกเปรียบเสมือนห้องรับแขกตกแต่งสวยงาม ที่ได้ระดับจริง ๆ เหมือนกับล๊อบบี้ของโรงแรมชั้น ๆ เลยที่เดียว ส่วนประกอบที่สำคัญคือตู้กระจก ตู้นี้ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นกระจกด้านเดียว หมอนวดมองไม่เห็นแขกซึ่งไม่เป็นความจริง ในตู้นี้จะมี "หมอนวด" แต่งตัวสวยงามนั่งรอให้แขกเลือก ส่วนใหญ่จะเป็นชุดวับ ๆ แวม ๆ บางแห่งที่มีระดับหน่อย หมอนวดจะแต่งตัวมิดชิด คล้าย ๆ กับสาว ๆ ที่ทำงานอ๊อฟฟิส ใส่ถุงน่องรองเท้าเรียบร้อย ได้อามรณ์ไปอีกแบบ เครื่องแต่งตัวของหมอนวดก็แล้วแต่สถานที่ บางแห่งมีการเปลี่ยนไปตามเทศกาล เช่นช่วงหน้าร้อนจะกำหนดให้ หมอนวดทุกคนใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบางแห่งกำหนดให้หมอนวดใช่เฉพาะชุดชั้นในก็มี ในตู้จะมีโทรทัศน์ไว้ให้หมอนวดดูแก้เซ็งขณะรอแขก การตั้งโทรทัศน์ไว้ในตู้นั้นมีอีกเหตุผลหนึ่งคือให้แขกได้เห็นอริยาบทต่าง ๆ ของหมอนวด จะสังเกตุได้ว่าหมอนวดที่ดูโทรทัศน์อยู่ในตู้จะหัวเราะได้ง่ายกว่าปกติโดยเฉพาะเมื่อมีแขกยืนอยู่หน้าตู้ บริเวณหน้าตู้จะมีพนักงาน (มีทั้งหญิงและชาย) ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "คนเชียร์แขก" เราสามารถสอบถามรายละเอียดเช่น ประเภทของบริการ และ ราคา เป็นต้น นอกจากนี้ หากไม่แน่ใจในสายตาตัวเอง อาจถามเพิ่มเติมจากคนเชียร์ได้เช่นกัน แต่ต้องเข้าใจว่าส่วนใหญ่แล้วคนเชียร์จะมีหมอนวดในสังกัดของตนเองและมักจะเชียร์เด็กในสังกัดนั้นเป็นพิเศษ ทางทีดีให้เชื่อมั่นในตัวเองจะดีที่สุด หมอนวดที่นั่งในตู้จะมีเบอร์ บางแห่งในตู้จะมีหมอนวดหลายประเภท เช่น ประเภทธรรมดา ประเภทดารา หรือประเภทบีคอส เป็นต้น เมื่อเลือกหมอนวดที่ถูกใจได้แล้วก็แจ้งเบอร์ต่อคนเชียร์แขก คนเชียร์แขกจะเป็นคนเรียกหมอนวดที่เราเลือกส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขยายเสียงและจะเรียกเหมือนกันหมด เช่น "157 ทำงาน" มีบางแห่งที่พัฒนาไปมาก การเรียกหมอนวดให้ทำงานจะใช้สัญญาลักษณ์มือโดยไม่จำเป็นต้องออกเสียงเลย หลังจากนั้นคนเชียร์ก็จะพาแขกไปรับห้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเค้าเตอร์มีเจ้าหน้าที่คอยออกเวลาและเบอร์ห้อง จะเลือกจ่ายก่อน หรือ จ่ายทีหลังก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะจ่ายทีหลัง หมอนวดที่เลือกจะออกมาพบแขกบริเวณนี้ ส่วนใหญ่จะกำหนดเป็นระเบียบให้หมอนวดไหว้แขกอข่างสุภาพเมื่อพบกันทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นขาประจำหรือไม่ก็ตาม เพราะถือว่าแขกคือผู้มีพระคุณ เมื่อหมอนวดรับใบเวลาและเบอร์ห้องแล้วก็จะพาแขกขึ้นห้อง อาจขึ้นลิฟท์หรือขั้นบันไดก็แล้วแต่สถานที่ พอเข้าห้อง อย่าเพิ่งผลีผลามเพราะจะมีเด็กเสิรฟ์ตามมาติด ๆ เพื่อสอบถามว่าต้องการดื่มอะไรหรือไม่ ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องของแขกต้องแสดงน้ำใจ ถามหมอนวนเสมอว่าน้องจะดื่มอะไร ส่วนใหญ่ก็จะเป็น กาแฟเย็น ชาดำเย็น หรือน้ำมะนาว อะไร ๆ เทือกนี้ แต่แขกบางคนสั่งเบียร์ หรือกับแกล้มอื่น ๆ ก็ได้ การจู่โจมของหมอนวดที่มีประสบการณ์สูง ส่วนใหญ่จะสังเกตจากปฏิกิริยาของแขกว่าจะมาไม้ไหน ส่วนใหญ่คือการกอด การลูบไล้ร่างกายของแขก นั่งตัก การป้อนน้ำ การนอนบิดขี้เกียจ บนเตียง บางแห่งถือเป็นระเบียบว่าหมอนวดต้องทำหน้าที่ถอดถุงน่องรองเท้าให้กับแขกทุกราย หรือบางคนใช้เทคนิคการถอดเสื้อผ้า ถ้าอ่อนประสบการณ์หน่อยจะเป็นพวกที่รอให้แขกเป็นฝ่ายเริ่มรุก คำถามยอดนิยมซึ่งใช้เปิดฉากการสนทนาคือ "มาคนเดียวหรือคะ" หรือ "มาบ่อยไหมคะ ทำไมไม่เคยเห็น" ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าช่วงโหมโรงอย่าหักโหมเดี๋ยวจะจอดป้ายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ขั้นตอนต่อไปคือการอาบน้ำ กรรมวิธีก็แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่หมอนวดจะเป็นคนเปิดหรือผสมน้ำในอ่าง แต่บางแห่งเป็นหน้าที่ของ "แม่บ้าน" หมอนวดเป็นผู้ปรับอุณหภูมิของน้ำให้ได้ตามความต้องการของแขก อ่างน้ำมาตรฐานในห้องจะเป็นอ่างขนาดใหญ่ซึ่งสามารถอาบพร้อมกันได้สองคน บางแห่งที่คุณภาพดี ๆ จะมีห้องที่เรียกว่าเพนท์เฮาส์ หรือห้องชุด ประกอบด้วยห้องเล็ก 2-4 ห้อง ห้องกลางเป็นสถานที่รับประทานอาหารหรือเหล้า มีเด็กเสิร์ฟและบาร์เครื่องดื่มประจำห้อง มีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่แขกสามารถสั่งเพลงคาราโอเกะเพื่อร้องกับหมอนวดหรือจะให้หมอนวดร้องให้ฟังก็ได้ ถ้าไม่ชอบร้องเพลงจะดูรายการโทรทัศน์ หรือ กดไปช่องวงจรปิดดูเด็กในตู้โดยจะดูภาพมุมกว้างเห็นทุกคนในตู้ หรือจะเลือกโหมดโคสอัพ ดูคนใดคนหนึ่ง ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ ส่วนกลางห้องจะเป็นอ่างจากุสซี่ขนาดใหญ่อาบพร้อม ๆ กันได้หลายคน นอกจากนี้ยังมีตู้อบซาวน่าไว้บริการด้วย การใช้บริการห้องแบบนี้เหมาะสำหรับพวกกระเป๋าหนัก หรือนักธุรกิจเชิญลูกค้าไป "ปูเสื่อ" ต้องมีงบประมาณขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไปและต้องเรียกหมอนวดมาบริการอย่างน้อย 3 คน กลับมาเรื่องห้องธรรมดา เมื่อเปิดน้ำเรียบร้อย หมอนวดจะชวนแขกลงอ่าง หลังจากทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด หากเป็นการอาบแบบ "บีคอส" จะมีอุปกรณ์เพิ่มคือแพยาง บางแห่งจะมีที่คลุมผมแจกให้ด้วยเพื่อกันไม่ให้ผมเปียก การอาบแบบบีคอส หมอนวดจะใช้น้ำฝักบัวรดตัวแขกและตัวเองให้เปียกทั่วตัวเสียก่อน แล้วให้แขกนอนหงายลงบนแพยาง จากนั้นก็จะใช้สบู่เหลวละเลงจนเกิดฟอง แล้วจึงนอนทับลงไปบนตัวแขก ใช้อวัยวะสำคัญคือหน้าอก หน้าท้อง และอวัยวะเพศของตัวเอง ลูบไล้ไปจนทั่วตัวแขก แต่จะไม่ยอมให้ล่วงล้ำนอกจากแขกจะขวัญอ่อนน้ำแตกไปเสียก่อน เมื่อละเลงด้านหน้าจนพอใจหรือเมื่อเห็นว่าแขกไม่เสร็จแน่ ๆ ก็จะขอให้แขกนอนคว่ำและดำเนินการช้ำด้านหลังอีกรอบ จากนั้นจึงขอให้แขกลงแช่ในอ่างแล้วหมอนวดก็จะตามลงไปโดยจะนั่งลงระหว่างขาทั้งสองข้างของแขกในลักษณะนั่งคุกเข่าแล้วช้อนก้นของแขกขึ้นวางไว้บนตักของตัวหมอเอง ลักษณะนี้ จะทำให้แขกอยู่ในสภาพการนอนแอ่น และจะสร้างความตื่นตัวทางเพศให้กับพวกไก่อ่อนได้ไม่น้อย หมอนวดจะเริ่มขั้นตอนด้วยการขัดขี้ไคล โดยใช้มือขัดไปตามแขนทั้งสองข้าง และหน้าอกของแขก จากนั้นก็จะลงสบู่แขนทั้งสองข้าง หน้าอกและหน้าท้อง และขาทั้งสองข้างในที่สุด ถึงตอนนี้ หมอนวดจะเริ่มปล่อยน้ำออกจากอ่างให้น้ำลดระดับลงเพื่อเริ่มขั้นตอนการทำความสะอาดอวัยวะเพศของแขก การทำความสะอาดอวัยวะเพศนี้เป็นเทคนิคเฉพาะตัว บางคนที่เก่ง ๆ จะแถมการบีบกษัยให้กับแขกด้วย แขกหลายคนที่สามารถผ่านด่านอรหันต์มาตกม้าตายเอาด่านนี้ก็มีเยอะ จากนั้น หมอนวดก็จะขอให้แขกลุกขึ้นนั่งหันหลังเพื่อขัดขี้ไคลและฟอกสบู่ด้านหลัง ส่วนใหญ่จะถามแขกว่าจะสระผมหรือไม่ด้วย ฟอกหลังเสร็จก็จะให้แขกยืนขึ้นเพื่อขัดขี้ไคลขาด้านหลัง ก้น และล้างสบู่ให้จนหมดจด ถึงตอนนี้หมอจะถามแขกว่า "ฉี่ไหมคะ" ถ้าจะปวดก็ฉี่ลงอ่างไปเลยหมอนวดจะทำความสะอาดให้อีกครั้งเมื่อฉี่เสร็จ แถมด้วยการรินน้ำยาบ้วนปากให้แขกบ้วนปากเป็นเสร็จพิธี พาแขกขึ้นจากอ่างได้ หมอนวดจะเป็นผู้เช็ดตัวให้กับแขกหรือถ้าแขกจะเช็ดเองก็ไม่ขัดข้อง สถานอาบอบนวดที่ได้มาตรฐานจะจัดผ้าเช็ดตัวสะอาดไว้ในให้อย่างน้อย 5-6 ผืน จากนั้นก็จะพาแขกไปนอนบนเตียง หรือแขกจะเลือกสูบบุหรี่หรือดื่มเบียร์รอขณะที่หมอนวดกับไปอาบน้ำให้ตัวเองเพื่อความสดชื่นและให้แน่ใจว่าตัวเองสะอาดหมดจดก่อนที่จะให้บริการขั้นต่อไป เมื่ออาบน้ำล้างคราบไคลให้กับตัวเองจนหมดจดแล้ว หมอนวนจะหรี่ไฟ หรีโทรทัศน์ (หรือปิดเสียง)บางคนที่ขึ้อายหน่อยอาจหรี่ไฟตั้งแต่ก่อนลงอ่างแล้วก็มี จากนั้นก็จะชวนแขกขึ้นเตียง กรณีที่แขกนั่ง ลืมอธิบายไปหน่อยเรื่องห้อง ห้องธรรมดาส่วนใหญ่จะประกอบด้วยส่วนเปียกและส่วนแห้ง เป็นห้องที่มิดชิด บางแห่งอาจเจาะรูไว้เพื่อให้แม่บ้านประจำชั้นแอบดูความประพฤติของผู้ใช้ห้องด้วยก็ได้ ส่วนเปียกจะมีอ่างอาบน้ำและบริเวณหน้าอ่างสำหรับกิจกรรมบีคอส ส่วนแห้งจะปูพรมทั้งหมดและเป็นห้องปรับอากาศ เครื่องแต่งห้องอย่างน้อยจะมีเก้าอี้หรือโซฟา สองตัวกับโต๊ะกาแฟ สุดท้ายคือเตียงที่ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดคิงไซส์พร้อมหมอนสองใบ เตียงนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา หรือเป็นทรงกลม ก็มี ส่วนประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะขาดเสียมิได้คือกระจกบนฝ้าเพดานซึ่งสะท้อนภาพบนเตียงอย่างชัดเจน ที่เคยได้ยินมาแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันคือบางแห่งจะมีบริการพิเศษสำหรับแขกที่ชอบดู โดยจะจัดเป็นห้องเฉพาะในชั้นถัดไปที่จะมีช่องสามารถมองผ่านกระจกด้านเดียวที่อยู่บนฝ้าของห้องชั้นล่างได้ด้วย เมื่อขึ้นเตียงแล้วถ้าแขกไม่เริ่มบุกหมอนวดจะเป็นฝ่ายบุก อาจเริ่มจากการค่อย ๆ บีบนวดแข้งขาให้กับแขก หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการลูบไล้ ดูดนม ดูดจู๋ จนแขกเริ่มมีอารมณ์เต็มที่จะใส่ปลอกให้กับแขกอย่างนุ่มนวล แล้วจึงเริ่มกระบวนการร่วมเพศ ถ้าสังเกตให้ดี หมอนวดส่วนใหญ่จะพยายามทำให้กับแขกโดยหมออยู่ข้างบน เหตุเพราะด้วยท่านี้ ตัวหมอนวดเองสามารถควบคุมจังหวะ ความเร็วและความแรงได้ อีกประการหนึ่งคือสามารถทำให้แขกเสร็จเร็ว และ ทำให้มือแขกไม่สามารถจับนมหมอได้สะดวก หมอนวนส่วนใหญ่จะหวงนมเนื่องจากกลัวเสียทรงจะยอมให้จับหรือดูดบ้างพอเป็นพิธี ที่หวังจะไปบี้ไปขย้ำคงยาก อย่าลืมว่านวดที่ฝีมือดี ๆ ในช่วงเศรษฐกิจดี ๆ จะทำงานโดยเฉลี่ยวันละ 3-4 รอบ ในช่วง 14.00 น. - 24.00 น. ของแต่ละวัน เดือนหนึ่งจะหยุดได้ประมาณ 6 วันเพื่อพักฟื้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่มีรอบเดือน หมายถึงหมอนวดพวกนี้ต้องผสมพันธ์กับแขกโดยเฉลี่ย 70 ครั้งต่อเดือน ซึ่งเท่ากันอัตราเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ของคนไทยต่อ 1 ปี ดังนั้น จึงต้องระวังรักษารูปร่างของตนตามสมควร เพื่อให้อายุใช้งานและหาเงินยืนยาวก่อนที่จะโดนลดชั้นไปในที่สุด กระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นจะใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อเสร็จกิจแล้วจะมีเวลาให้แขกนอนอ้อยอิ่งได้อีกพักใหญ่ ๆ ให้สังเกตได้จากหมอนวด หากเห็นหมอนวดเริ่มแต่งหน้าทาคิ้วแสดงว่าใกล้หมดเวลาแล้ว ลุกไปล้างเนื้อล้างตัวและแต่งตัวได้ ข้อควรระวังในที่นี้คืออย่าเผลอหลับ ถ้าเจอหมดนวดมีคุณธรรมปลุกก็ดีไป แต่ถ้าหมอไม่ปลุกโดยอ้างว่ากลัวว่าจะรบกวนแล้วละก็คุณอาจต้องจากดับเบิ้ล หรือ ทริปเปิ้ล ก็ได้ เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยหากจะทิปหมอนวดให้ทิปในช่วงนี้ อัตราทิปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100-500 ร้อยขึ้นอยู่กับสถานที่และบริการ ถามว่าจำเป็นต้องทิปหรือไม่ ตอบว่าไม่จำเป็นถ้าไม่กลัวถูกด่าลับหลัง บางแห่งหมอนวดอาจต้องทิปแม่บ้านด้วยประมาณ 50-100 บาท ถ้าแขกใจดีจะออกให้ก็ไม่ขัดข้อง ค่าชั่วโมงนั้นหมอนวดจะพาแขกไปจ่ายที่เค้าเตอร์ที่รับเบอร์ห้องครั้งแรกนั่นแหล่ะ เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็กลับบ้านได้ หมอนวดจะตามมาส่งพร้อมกับอวยพรว่า "โชคดีนะพี่" จบแล้ว ถ้ายังสงสัยอะไร โทรถาม ชายแมน เสนา ได้เลยนะก๊าบ อิอิอุอุ
ขอบคุณครับคุณต้นสำหรับความรู้ที่ผมเกิดมาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าอาบอบนวดข้างในเป็นอย่างไง วันนี้อ่านซ่ะตาลายเลยรู้เลย อิอิ ประสบการณ์ท่านนี่สูงจิงๆๆ
ขำว่ะ เห็นภาพเลย อ่านไปเห็นภาพไป ตาลายไป ขอบคุงกั๊บที่นำมาเล่า ไม่เคยไปเลยสักครั้ง ไม่เคยรู้เลยว่าข้างในมันเป็นไง อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง กบน้อยเชยชะมัดยาดดดดเลย แต่พี่ ๆ ทั้งหลายจะไปแต่ละที ก้ระวังด้วยเน้อออ โห รับแขกที เดือนละ 70 คน พักฟื้นแค่ ห้าหกวัน บรื๋ออออออ น่ากัวนะ