บ้านใครมีผู้สูงอายุก็เตรียมตัวพาไปลงทะเบียนเน้อ เค้าให้เฉพาะคนที่อายุเกิน 60 ปีนะ ถ้าหน้าตาเกิน 60 ปีนี่ไม่เกี่ยว อายุ60ปีขึ้นไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพ 26 ก.พ.-15 มี.ค. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่มีนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พม. เป็นประธานอนุกรรมการฯ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เป็นรองประธานฯ ส่วนปลัดกระทรวงพม. ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากหน่วยราชการอื่น ร่วมเป็นอนุกรรมการทั้งสิ้น 13 คน ซึ่งคณะอนุกรรรมการฯชุดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่าน นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อสรุปในที่ประชุมได้วางกรอบเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ โดยจะเริ่มให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปลงทะเบียน เพื่อรับเบี้ยยังชีพคนละ 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคมนี้ ซึ่งผู้สูงอายุในต่างจังหวัดลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามภูมิลำเนา ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)และองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ส่วนในพื้นที่กทม.ลงทะเบียนที่สำนักงานเขต จากนั้นในวันที่ 15 -31 มีนาคม 2552 คณะอนุกรรมการจะสรุปข้อมูลยอดรวมผู้มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพ และในวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป จะประกาศรายชื่อผู้สูงอายุที่อยู่ในเกณฑ์จะได้รับเบี้ยยังชีพตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะกำหนดรูปแบบและช่องทางการจ่ายเบี้ยยังชีพในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้อีกครั้ง โดยจะเชิญชมรมผู้สูงอายุ สมาคมผู้สูงอายุมาร่วมหารือและรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 9 เมษายน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคาดว่าเบี้ยยังชีพจะถึงมือผู้สูงอายุประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ อนึ่ง ปี 2552 ประมาณการผู้สูงอายุทั่วประเทศ จำนวน 7,440,000 คน เป็นผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพจากกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกทม.แล้วรวม 2,386,101 คน คงเหลือผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ 5,053,899 คน เมื่อหักยอดผู้สูงอายุที่ได้รับบำนาญจากระบบราชการ จำนวน 359,877 คนและผู้ที่คาดว่าไม่ประสงค์รับเบี้ยยังชีพ จำนวน 1,694,022 คน จะคงเหลือผู้สูงอายุที่รัฐจะต้องจ่ายเบี้ยยังชีพเพิ่มเติมประมาณ 3 ล้านคน โดยจะจัดสรรจากงบประมาณกลางปี 2552 ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติเงินในส่วนนี้จำนวน 9 พันล้านบาท สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุ 6 ด้าน อาทิ ฐานะทางเศรษฐกิจ อายุ และสุขภาพ เป็นต้น