กระทู้เกล็ดความรู้ น่าจำของ MR2

ตั้งกระทู้นี้เพราะว่า เวลาอยากทราบไรจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไล่หากระทู้เก่าๆ หรือโทรไปถามให้เปลือง เลยคิดว่ารวมเอาเกล็ดความรู้ ค่ามาตราฐานของ MR2 หรือไม่ก้ความรู้ใหม่ๆไว้กระทู้นี้ ติดหมุดซะ พี่ๆเพื่อนๆจะได้หาง่ายๆกันค่ะ


เรื่องตั้งศูนย์ ค่าล้อหน้า ล้อหลัง


ให้ระวังตอนที่เค้าเอา sensor วัดล้อมาหนีบกะล้ออ่ะ อย่าให้เป็นรอยก็พอ

ส่วนค่ามุมล้อ หน้าข้างละ 0 ถึง -0.5 2 ข้างรวมกันเอาให้ได้ 0 หรือ -1 ก็พอ หน้าจะนิ่งขึ้น อาจจะรู้สึกหนืดๆ นิดๆ

ล้อหลัง เอาให้ได้ข้างละ -3 ไปเลย รวมกันให้ได้ -6 เป็นสูตรสำเร็จของรถยนต์ mid engine

ป้องกันท้ายออกได้ ลองดู รถนิ่งขึ้นเลยอ่ะ


ส่วนค่าที่ผมบอกไปคือค่ามุม toe นะคับ ที่เป็นลบ เพราะตั้งใจให้เป็นมุม toe in

ไม่ใช่มุม camber นะคับ ช่วยได้เยอะนะ แต่รถจอดนิ่งๆ อาจจะหน่วงๆหน่อย

แต่ไม่ขนาด พาวเย่อร์คับ ลองดูคับ

By P'JiMMy_DioZ

 

เก๊ะ เก็บของที่อยู่ใต้คอพวงมาลัย ล่างๆ ขวาอ่ะครับ สลักซ้าย-ขวา มันชอบแตก

วิธีแก้ ไม่ต้องไปซื้อใหม่ แค่ถอดแผ่นคอนโซลใต้คอพวงมาลัยออกมา แล้วพลิกด้านหลังดู จะเห็นว่าที่มุมซ้าย ขวา ของเก๊ะ เล็กๆ อันนี้ จะมีรูให้เอาท่อยางเล็กๆ เสียบร้อย แทนสลักพลาสติกที่แตกได้เลยครับ

หรือใครแตก หลวมคอกแคก เอามาให้ผมทำให้ก็ได้ครับ


แล้วก้อ.......ซองหนังเก็บ T-bar มันมันได้เป็นของเทพอย่างที่เข้าใจกัน สั่งเข้ามาได้ครับ ผมสั่งมาแล้ว แต่ราคาแรงพอสมควร

 

เเบบว่าจำได้ว่ามีกระทู้นึงเคยพิมไว้เยอะ ก่อนขายรถ เลยเอามาEdit ใหม่เเล้วก็เอามาเเชร์ความรู้ตามที่คุณเอ๋ตั้งกระทู้ครับ...

อยากทราบข้อดี และข้อเสีย ของ MR2 คับ

พอดี ว่าจะเปลี่ยนรถอ่ะคับ ที่มองไว้ก็น่าจะเป็น MR2 หรือไม่ก็ 200 SX

1.MR2 ถ้าจะเล่นนี่ต้องเล่น ปีไหนดีคับ (เกียร์กระปุก) ราคาส่วนใหญ่อยู่ประมาณเท่าไหร่คับ?

2.เครื่องยนต์ ที่วางอยู่ใน MR2 นี่เดิมๆ จากโรงงาน มีรุ่นอะไรบ้างอะคับ มีแรงม้าแต่ละตัวอยู่เท่าไหร่?

3.MR2 ที่ขายในเมืองไทยแบ่งเป็นกี่รุ่นคับ และแต่ละรุ่นแตกต่างกันยังไงคับ?

4.เคยได้ยินมาว่า MR2 ขับไวๆ ถ้าไม่เคยขับนี่เบรคแรงๆ ท้ายปัดหรอคับ?

5.เรื่อง อะหลั่ย ซ่อม บำรุง MR2 นี่แพงไหมคับ?

ปล.ขอบคุณคับ สำหรับคำแนะนำ

เคยใช้มาหลายปีเเล้วก็ศึกษามาพอสมควรก็ขอเเชร์ความรู้ตามที่รู้เเละกานนะครับ

1. เล่นปีไหน ส่วนมาก รถเข้ามา ก็มีปี91-92 เเหละครับ ก็ จะเปนตัว Ver.1 กับ Ver.2 จาก5เวอร์ชั่น สภาพเดิมๆ Ver. 3ขึ้นไปหายากครับ ราคา ก็ 500,000 ขึ้นไป ตามสภาพคับ

2. เครื่องยนต์ พื้นฐานก็ 3Sโบกับ ไม่โบ ครับ เเบ่งเป็น 3S-GE กับ 3S-GTE ซึ่ง เเต่ละตัวก็ต่างกัน

3S-GE ที่ติดมากับversion1-2 จะเปน ตัวไอดีเหลี่ยม 165ม้า เเรงบิด 19.5

3S-GE "------------------3-4 จะเปนตัว ไอดีกลม 180ม้า เเรงบิด 19.5 (2ตัวนี้ Feelไม่ต่างกันมาก)

3S-GE "------------------5 จะเปนตัว BEAMS ระบบVVT-i ฝาเเดง 200ม้า เเรงบิด 21.0

3S-GTE "---------------------------" ตัว Airflow 225ม้า เเรงบิด 31.0

3S-GTE "---------------3-4-5 จะเปนตัว Non-airflow(จะใช้Mapsensorเเทน) 245ม้า เเรงบิด31.0

3. เเบ่งเปนกี่รุ่นก็ T bar กับหลังคาเเข็ง โบไม่โบ รุ่นสไปเดอร์ ไม่มีในเมืองไทยนะครับเท่าที่รู้มา(สวยมากมาย)เเตกต่างยังไง T-barก็เปิดหลังคาได้ เเนวๆhard top เเต่ปัญหาก็น้ำรั่วครับ เเต่CLKยังเปนเลย เท่าที่ได้ยินมา ทำใจนิดนึง รถหลายปีเเล้วครับ เเล้วก็คงไม่มีใครอยากขับตอนฝนตกมั้งครับ

4.อืมมม.... ท้าย ปัดก็ จะเปนตอนเข้าโค้งมากกว่านะครับ โดยเฉพาะตอนกลับรถ เเละใช้เกียร์M/T กรณีเกียร์Autoคงเเรงไม่พอให้ปัด( เเต่ก็ปัดได้ ถ้าอยาก ) ก็เปนเอกลักษณ์ ของรถรุ่นนี้เเหละครับ คล้ายโกคาร์ทเเต่ต่างที่ เเต่ถ้าปัดก็ไปทั้งคัน
วิธีเเก้ก็ ใส่ยางหลังหน้ากว้างๆหน่อย +ยางหนึบๆ หน้า7หลัง 8-9ประมาณนี้ครับ รถเดิมๆใส่หลังได้กว้าง9นิ้ว (ข้อมูลจากXO) หน้า205-215 หลัง 235-245 ประมานนี้

5.อะไหล่ ก็ไม่เเพงมากครับเเล้วเเต่ของด้วย(หาข้อมูลดีๆก่อนซื้อ) เเต่เครื่องถ้าวางใหม่ ก็พอสมควรครับ


อยากจะฝากว่า ความหล่อ MR2ยังหล่อเสมอครับ อันนี้เปนข้อดีข้อเสียในความคิดผมนะครับ
ข้อดี
1. ไม่เหมือนใคร คนใช้น้อย
2. Toyota ครับ
3. 3S ครับ3S
4. กินน้ำมันไม่จุมาก(เดิมๆ) ถ้าเทียบกับเครื่องตัวอื่น ผมเองใช้รถเเทบทุกวัน ถ้าเซตไม่ใช่เเบบตัวเเข่งเกินไป ใช้งานในเมืองสบายมากครับ
5. รถสองที่นั่งคันเเรกๆในชีวิตที่สามารถเอื้อมถึงในราคาหลักเเสน
6.ราคาไม่ค่อยตก เทียบกับรถบ้านทั่วไป
7. เปน Mid-ship ที่ commonสุดเเล้วครับ เพื่อนใช้Lotus Elan ไม่ไหว
8.ของเเต่งยังเยอะในท้องตลาด
9.ยามโบก+หาที่จอดหล่อๆให้ในหลายๆที่

ข้อเสีย
1.นั่งได้สองคน เพื่อนเรียก รถเหนเเก่ตัว (ไมอ่ะ รถหล่อ) ล้อเล่นน่ะครับ มันก็ลำบากนิดนึง
2. ทำช่างรู้ไม่จิง งง ประเภท ทำได้ๆ เเล้วเปิดฝากระโปรงหน้า ถามเครื่องหายไปไหน
3. ไม่คุ้น สภาพช่วงล่างไม่ดี ยางไม่ดี อย่าลอง เข้าโค้งเเรง มีหวิว
4. อาจทำให้คุณขับรถเร็วขึ้น
5. ไม่มีเเอร์เเบค (เอาเซฟๆก็ใส่สี่จุดไปเลยครับ)จะเอาก็เเพงครับ ABSก็ไม่มี(ยกเว้นรถปีใหม่ๆ) ถ้าติดเพิ่มเอาสองอย่างนี้ก็หลักเเสนครับเคยไปถามTRD
6. รักเกิน สำหรับคนที่หารถที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ในราคาระดับนี้ เพราะขายไปเเล้วไม่อยากจะคิดว่าเค้าจะเอาไปทำอะไร ราคาจะเปนยังไง คุ้มไหมที่ขาย...
7.คนเเก่กับสาวๆ บางคนไม่ชอบ เพราะขึ้นลงลำบาก +ช่วงล่างเเข็ง สาวใส่กระโปรงสั้นก็อาจมีการโป๊เกิดขึ้นได้ตอนขึ้นลง
8. ทำให้หยิ่ง เวลาถูกมองนานๆ เเม้เปนเพื่อนก็ยังไม่รู้ว่าเค้ามอง (จิงๆ เขินอิอิ...)
9. ลุยน้ำท่วมไม่ได้ (ก็ไม่น่าลุยอยู่เเล้วล่ะครับ)MR2เดิมๆยังเตี้ยกว่ารถบ้านพอสมควรครับ ถ้าท่วมสูงจะได้ยินเสียงตุ๋งๆ

มาพร้อมกับเเรงกระเเทกของน้ำกับที่วางเท้า สร้างความเสียวได้พอสมควรถ้ารถดับ เเนะนำให้ปิดเเอร์ก่อนครับถ้าเลี่ยงไม่ได้จิงๆ เวลาเจอน้ำท่วม ผมจะเรียกว่า "ดำน้ำ" เเล้วถ้าเจอเเอ่งน้ำ อย่าเหยียบซี้ซั้วนะครับ MR2เปน รถเบา หน้าไว ท้ายหนัก อาจบินหรือเบี้ยวเข้าหาวัตถุไม่พึงประสงค์นะครับ ผมเคยเหยียบทีนึงตอนฝนตก รถเบี้ยวเข้าหาฟุตบาท เเต่เเก้ทันเลยรอดไป

ก็ข้อมูลที่มีก็ประมานนี้เเหละครับ หวังว่าเอาไปใช้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ... By Win

 

Code number สำหรับยางขอบกระจก T-Bar นะคะ เผื่อสำหรับท่านที่ต้องการจะไปสั่งกับทางศูนย์โตโยต้า ต้องเตือนก่อนว่า รอนานหน่อยนะคะ แต่ของแท้ชัวร์แน่นอนค่ะ

ปอลอว. ขอบคุนพี่ Jasma_arm หรือพี่อาร์ม โลดดดดดคร๊าาาาา

 

พอดีไปถามที่ 0 มาครับ เป็นรายการที่เปลี่ยนสายพานทามมิ่งครับ เป็น P/NO ของ 0 นะครับ
P/NO. ของรุ่น ST205 กับ SW20 ปี 95 เครื่อง 3SGTE (non air) ดังนี้
- ปั๊มน้ำ จะใช้ P/NO.16100-79235 ราคา 3,400 บาท
- สายพานไทมิ่งจะใช้ P/NO.13568-79105 ราคา 1,900 บาท
- ลูกรอกไทมิ่งใช้ P/NO.13505-88480 ราคา 1,800 บาท
- ซีลข้อเหวี่ยงใช้ P/NO.90311-42026 ราคา 185 บาท
- ซีลลูกเบี้ยวใช้ P/NO.90311-35040 ราคา 130 บาท
( ราคาดังกล่าวยังไม่รวม VAT )

 

คำเตือน สำหรับผู้ที่ใช้ MR-2

รถเครื่องวางกลางลำ จะมีน้ำหนักส่วนใหญ่ ตกอยู่ตรงกลางของรถ ในการขับขี่ ทางตรงนั้น ความมั่นคงอาจมีไม่มากเท่ากับรถขับหน้า แต่สิ่งที่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนคือ มีการตอบสนองต่อการบังคับควบคุมที่ดี คือง่ายในการบังคับให้เปลี่ยนทิศทาง การเข้าโค้ง ไม่ต้องใช้ความพยายาม หรือออกแรงมากนัก อาการของตัวรถส่วนใหญ่ จะมีลักษณะเป็นกลางมากๆ ไม่มีอาการแหก วอกแวก ให้ความมั่นใจได้สูง ทั้งนี้เป็นเพระน้ำหนักส่วนใหญ่ ตกอยู่กลางรถ ระหว่างเพลาหน้ากับเพลาหลัง อาการหนักหน้า หนักหลัง หรือถูกชักจูงด้วยน้ำหนักที่เกิดเป็นแรงเหวี่ยง ของด้านหน้าและด้านท้ายจึงมีไม่มาก อย่างไรก็ตาม การขับขี่ รถเครื่องยนต์วางกลางลำ ควรระมัดระวัง อย่าประมาท ทั้งนี้เป็นเพราะ ถ้ามันเกิดเสียหลัก หรือรถหมุนขึ้นมา มันจะหมุนโดยมีกลางรถเป็นจุดหมุน ดังนั้นการหมุนจึงเร็วและหยุดยาก รวมทั้งการแก้ไขเวลารถหมุน จะลำบากกว่ารถขับหน้า คนมีชื่อเสียงโด่งดัง และมีกะตังเยอะ ต้องมาเสียท่าและเสียชีวิทกับรถประเภทนี้มามากต่อมาก คือตอนขับด้วยความเร็วสูง มันจะให้ความรู้สึกมั่นคง รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับคุณ ยามเทโค้ง แถมยังง่ายต่อการมุดเปลี่ยนเลน
ยิ่งขับยิ่งสนุกรวมทั้งความมัน แต่ถ้าเกิดเป็นเรื่องขึ้นมาเมื่อไหร่ ส่วนมากมัก ก ร ะ จา ย เพราะยากที่จะแก้มันยามเป็นเรื่อง สำหรับมือธรรมดาที่ไม่ไช่ระดับมืออาชีพ
ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ในการบังคับควบคุมรถสูง

^
^
^ก็อปมาจากไหนไม่รู้นานแล้วจำไม่ได้ครับ

 

กว่าจะเป็นmr2

 

ลูกปืนล้อหน้าSW20 ครับ
ยี่ห้อ Koyo รหัส DAC3063W-1CS44

 

เบิกได้ยังอ่ะครับ

 

ลูกปืนล้อเบิกตามนั้นได้แล้วครับ

ส่วนยางอะไหล่ โดยพี่ "บุคคลทั่วไป" พี่ยอด


ติดรถ 135 - 70 - 15 ครับ


ส่วนแบบขอบ 17 ที่ผมพกอยู่ เป็นเบอร์ 125 - 70 - 17 ครับ ได้มา 3000 แน่ะ แม่งแพงพอๆ กับล้อแม็กไทยขอบ 17 ใหม่ๆ เลย

ตอนซื้อดูดีๆ นะครับ เพราะตอนที่ผมไปเลือก มันมีอยู่ 2 วง เบอร์ 125 - 70 - 17 เหมือนกัน แต่มันสูงไม่เท่ากันนะ ห่างกันประมาณ 2 เซน อ่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ผมเลยเลือกอันเตี้ยมา (ติดรถ evo 9) ยัดลงได้แบบว่า พอดีมากๆ เรียกได้ว่าถ้าเอา 125 - 70 - 17 อีกอันนึงมา อาจจะยัดไม่ลงก็ได้


ใส่เบรคอะไรอยู่ครับ ถ้าจานโตไม่เกิน 310 มิล เอาเป็นล้ออะไหล่ 16 ยางบางๆ ก็ได้นะครับ ถูกกว่าเยอะ และไม่ต้องลุ้นว่าจะยัดลงซุ้มรึป่าวด้วย

 

หัวเกียร์ MR2 ใช้แบบ 12 x 1.25

12 = ไซส์
1.25 = รูปแบบเกลียว (ละเอียด)

จริงๆ toyota ก็ใช้แบบนี้เหมือนกันหมดแหละครับ 555