บอกไว้ก่อนนะครับว่า ยาวมาก ... จุดประสงค์คือ เพื่อจุดประกายคนที่ไม่เคยไป เพราะการไปเที่ยวแบบ BackPack ผมมองว่ามันมีความสนุกของตัวมันเอง ยิ่งถ้าไปในที่ๆต่างบ้านต่างเมืองด้วยแล้ว ความสนุกมันอยู่ตรงการที่ต้องดูแลตัวเองนี่แหละ ถ้าคิดจะอ่านเพื่อเอาไว้เป็นข้อมูลเพื่อจะได้ไปเที่ยวแบบนี้บ้างก็ทนอ่านไป แต่ถ้าอยากจะดูแต่รูปอย่างเดียวก็เลื่อนๆดูเอาแล้วกัน เป็นทริปที่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว ตะลุยๆไปเรื่อยแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ไปกัน 3 คน เริ่ม Vividchy ต้องพาแม่ไปทำธุระที่บ้านยายที่อุดรในช่วงหยุดปีใหม่ แอบเซ็งนิดๆที่ช่วงหยุดยาวปีใหม่กะว่าจะไปเที่ยวปาย แต่ทำไงได้ จำเป็นต้องไปอุดรนี่หว่า ตอนแรกกะว่าจะไปนอนแถวๆริมโขงฝั่งไทยให้ได้บรรยากาศ แต่พอเริ่มถามน้าๆที่อุดรดูก็ว่าไปเที่ยวลาวมันไปไม่ยากเท่าไหร่ ไปนอนเล่นก็สนุกดี ก็เลยตัดสินใจวางแผนไปกันเดี๋ยวนั้นเลยง่ายดี ตอนตัดสินใจก็ช่วงเย็นวันที่ 29 แล้ว พอดีเอาหมามาเที่ยวด้วย เลยเริ่มจากหาโรงพยาบาลสัตว์ เพื่อฝากหมาเอาไว้เพราะคงเอาหมาข้ามชายแดนไม่ได้ หลังจากนั้นก็แวะไปขนส่งที่อุดร เพื่อหาข้อมูลว่าตอนเช้าจะไปลาว ต้องทำยังไงบ้าง มีรถกี่โมง ... ตอนแรกอยากเอารถข้ามไปด้วยแต่ไม่ได้วางแผนมาก่อน การขับรถข้ามไปขั้นตอนยุ่งยากเกินกว่าที่จะเตรียมตัวกันทัน วางแผนว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่เวียงจันทน์ 2 วัน 1 คืนในงบที่ถูกๆ ขอเล่าโดยละเอียดหน่อยแล้วกัน เผื่อคนอื่นอยากไปเที่ยวแบบนี้บ้าง เพราะน่าไปมากๆในค่าใข้จ่ายที่ไม่สูงเลย หมดกันไปคนละ พันนิดๆ ก็อยู่ได้แล้ว 2 วัน 1 คืนที่ประเทศลาว เที่ยวครบทุกที่ในเวียงจันทน์ ค่ารถจากอุดร ตรงไปเวียงจันทน์คนละ 80 บาท แต่คนจะซื้อตั๋วได้ต้องมี Passport หรือถ้าไม่งั้น ต้องทำใบผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งใบผ่านแดนชั่วคราวสามารถทำได้ที่ชายแดนในราคา 40 บาท และอยู่ในลาวได้นานสุด 3 วัน 2 คืน แต่ถ้ามี passport สามารถอยู่ได้หลายวัน ทีนี้การไปแบบไม่ได้วางแผนมาก่อนนั้นค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะการไปวางแผนเอาในเวลากระชั้นนั้น ต้องมีความชัวร์ในการวางแผนค่อนข้างสูง เราเลยเลือกที่จะทำใบผ่านแดนชั่วคราวจากที่อุดรเลย ซึ่งค่าใช้จ่ายแพงเหมือนกัน แต่เพื่อความชัวร์และไม่เสียเวลา เลยโดนค่าดำเนินการไปคนละ 170 เพื่อที่ว่าในตอนเช้าเราสามารถขึ้นรถจากอุดรสาย อุดร - เวียงจันทน์ ได้เลย ถ้าจะไปทำเองที่ชายแดน จะไม่สามารถซื้อตั๋ว อุดร-เวียงจันทน์ได้ เพราะตอนซื้อเค้าจะขอตรวจก่อน ถ้าจะไปทำเองในราคา 40 บาทที่ชายแดน จะต้องใช้ สำเนาบัตรประชาชน รูปถ่าย และต้องนั่งรถไปลงชายแดนก่อน แล้วค่อยผ่านขั้นตอนการทำ ซึ่งเสียเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ทำแบบนั้นนั่งรถ อุดร-เวียงจันทน์ไม่ได้เพราะรถเค้าจะไม่รอเราทำ เช้าวันที่ 30 ตื่นเช้ามาไปขนส่ง รอบรถที่ต้องไปคือ 10.30 จริงๆแล้วมีรอบ 8.30 แต่การไปฝากเค้าทำใบผ่านแดนในตอนเย็นของวันก่อนนั้นเค้าไม่สามารถทำได้ทัน ทำให้ต้องทำตอนเช้า ซึ่งจะไม่ทันรอบ 8.30 เลยต้องไป 10.30 แต่พอไปซื้อตั๋วตอน 10 โมง ก็เกิดเรื่องน่าสลดใจขึ้น คือป้ายแปะหน้าห้องซื้อตั๋วเขียนไว้ว่ารอบ 11.30 ไอ้เราก็งงว่าแล้วรอบ 10.30 ล่ะ เค้าบอกเต็มแล้ว ฮ่วย !! เค้าก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ห่างกันชั่วโมงเดียวเอง เออ..ก็มันจำเป็นแล้วนี่หว่า นี่ยืนดูด้วยความหวาดๆว่าคันนี้มันจะวิ่งถึงไหมเนี่ยะ พอเอาใบผ่านแดนชั่วคราวยื่นให้เค้าเพื่อซื้อตั๋ว เค้าก็ถามว่าใช่ที่จองไว้หรือเปล่า ก็บอกว่าใช่ มาจองไว้เมื่อวาน เค้าก็หยิบตั๋วรอบ 10.30 ที่เขียนไว้ให้แล้ว 3 ใบขึ้นมาให้ 555 เล่นเอาใจเสียไปเลย ที่แท้กั๊กไว้ให้แล้วนี่หว่า เอาเป็นว่า เสียค่าดำเนินการไป 170 แพงกว่าทำเอง 130 ก็คุ้มแหละ ได้ความชัวร์ดี พอขึ้นรถเกิดความวุ่นวายนิดหน่อย เนื่องจากตั๋ว 1 ใบดันไปซ้ำกับฝรั่ง 1 คน แต่ก็จบด้วยดีเมื่อพนักงานเก็บตั๋วเอาตั๋วไปเคลียร์ให้ที่ห้องขายตั๋ว และพอดีมีที่ว่างให้นั่งอีก 1 ที่ แต่แล้วก็เกิดเรื่องเศร้าอีกแล้ว ระหว่างที่หลับอยู่บนรถ ก็รู้สึกว่ารถหยุดอยู่กับที่นานมาก ไอ้เราก็ตื่นขึ้นมาตั้งนาน ทำไมรถมันไม่ไปต่อวะ ทั้งๆที่อุดร - ชายแดนหนองคายหน่ะ 40 นาทีก็ถึงแล้ว ถามไปถามมา ... มีคนปวดขี้ครับพี่น้อง !!! ขอให้คนขับจอดแวะขี้ที่ร้านค้าข้างทาง ขี้เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ขี้แล้วให้คนอื่นรอเนี่ยะ ช่วยเร็วๆหน่อยได้ไหม ไม่ใช่บิวท์แม่งอยู่นั่นแหละ หลายๆคนบนรถเริ่มไม่พอใจ เริ่มส่งเสียงเซ็งแซ้ไปทั่วรถ และแล้ว พระเอกของเราก็เดินกลับขึ้นมาบนรถ ทุกคนหันไปมองคนนั้นเป็นสายตาเดียวกัน แต่ไอ้คนที่ไปขี้มากลับไม่ใส่ใจ ... เอาวะ ดีกว่าให้มันขี้แตกบนรถ เหม็นไปทั้งคัน เมื่อรถถึงชายแดน เราเสียเวลาไม่มากในขั้นตอนผ่านแดน รถจอดประมาณ 15 นาที ทุกคนก็พร้อมที่จะออกนอกประเทศ พอรถข้ามสะพานมิตรภาพเสร็จ ก็ถึงขั้นตอนเข้าประเทศลาวก็จอดประมาณ 15 นาทีเช่นกัน คนที่ใช้ใบผ่านแดนจะเสียเวลาไม่มาก คนที่มี Passport เสียเวลาเรื่องวีซ่าบ้างเล็กน้อย ก็เข้าสู่ลาวได้โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับแลกตังคนละ 1 พัน ได้เงินมาคนละ 2 แสน 4 หมื่น กีบ คือ 1 บาท = 242 กีบ 1000 บาทไทยแลกได้เป็นแสนกีบเลย เมื่อไปถึงท่ารถที่เวียงจันทน์ สิ่งแรกที่ได้ยินคือ ไอ้แว่น ไอ้แว่นดำ ไปไหน ไอ้แว่นดำ สามล้อไหม เฮ้ยแม่ง ... ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เรียกเรา ไอ้แว่นดำเลยหรอวะ แต่พอนึกขึ้นได้ว่า อ้ายในภาษาลาวคือ พี่ ก็พอเข้าใจนะว่าเรียกเราพี่ แต่อ้ายของเค้านี่สั้นมากๆจนเรียกว่าออกเสียงว่า ไอ้ เนี่ยะ พี่ช่วยลากเสียงยาวๆหน่อยน่าจะดีนะ ลงรถมาก็ฝ่าวงล้อมของสามล้อที่มารอจับเหยื่อ แล้วก็หาข้าวกินก่อนอย่างแรก ได้ร้านอาหารตามสั่งแถวนั้นแหละ ดูเมนูแล้วสั่งไม่เป็น อ่านไม่ออก พอดีเห็นเด็กถือก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟโต๊ะข้างๆ เลยบอกไปว่า เอาแบบนั้น 3 ที่ ก็เลยได้กินก๋วยเตี๋ยวลาวกันเป็นมื้อแรก ก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวในไทยนี่แหละ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40 บาท ชามใหญ่มากกกก พอท้องอิ่ม ก็มีกำลัง ตอนแรกว่าจะเหมาตุ๊กๆให้พาเที่ยว แต่เปลี่ยนใจ ลองซื้อแผนที่ดูก่อน มาได้แผนเวียงจันทน์ พร้อมสถานที่ท่องเที่ยว ตรงไปรษณีย์คิดเป็นเงินไทย 60 บาท ตอนแรกเห็นตรงชายแดนมีขาย 100 บาท 555 นั่นไง ดีนะมาหาซื้อในเมือง แล้วก็ได้น้องที่ทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์อธิบายสถานที่ท่องเที่ยวคร่าวๆให้ฟัง คนลาวอัธยาศัยดีมาก ไม่ว่าถามอะไร ทุกคนก็จะยิ้มแย้ม อธิบายให้เป็นอย่างดี และเราสามารถพูดไทยกับเค้าได้เลย เค้าฟังออก แต่บางครั้งตอนเค้าตอบมา เราอาจจะงงในศัพท์ของเค้าบ้าง บ้านพี่เมืองน้องกันก็แบบนี้แหละ คุยกันได้รู้เรื่อง โดยไม่ต้องเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นบ้านพี่ ใครจะเป็นเมืองน้อง เมื่อได้ข้อมูลจากน้องที่ไปรษณีย์มาว่า จริงๆแล้วเวียงจันทน์เป้นเมืองเล็ก เดินเอาก็ได้นะ พอดูแผนที่ เราก็เลยลองเดินดู ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ก็ใกล้ๆกันจริงๆ แต่จุดหมายแรกที่เราต้องหาก่อนคือที่พัก เพราะตอนนั้นก็เกือบบ่าย 2 เข้าไปแล้ว ระหว่างทางก็แวะ ธาตุดำ ซึ่งเป็นเหมือนเจดีย์ ทั้งองค์เป็นสีดำ อยู่ใกล้ๆไปรษณีย์ แต่ระหว่าเดิน เจอเสากั้นรถแบบเมืองนอก คือเสามันกดลงไปให้รถผ่านได้ แล้วก็ผุดขึ้นมากั้นรถได้เหมือนเดิม ก็ตกใจ เฮ้ย ลาวมีแบบนี้ด้วยหรอ พอถ่ายรูปได้รูปเดียว ก็มีเสียโวกเวกโวยวายว่า No Picture จากคนใส่ชุดคล้ายตำรวจ ก็ตกใจ กูทำไรผิดวะ พอดีมีคนลาวเดินผ่านมา ก็เลยถามเค้าว่าตรงนี้คืออะไรหรอ ทำไมห้ามถ่ายรูป เค้าบอกเป็นสถานฑูต อเมริกา ฮ่วย !!! กูไม่รู้นี่หว่า... เดินไปซักหน่อยก็ถึงธาตุดำ หลังจากนั้นเราเดินไปตามแผนที่ ในช่วงนั้นเองที่ได้ชมบ้านเมืองของเค้า และได้เจอรถราที่แปลกตาตามสไตล์เที่ยวแบบ BackPack คันนี้ไม่ใช่ Chery QQ นะ แต่เป็น Daewoo Matiz ที่ QQ Copy มา อันนี้ Toyota จำได้ว่า Daihatsu รุ่นนึงก็ Body นี้คงไลน์ผลิตเดียวกัน ส่วนคันนี้ Kia Picanto น่าจะเป็นตัว minor change เพราะไฟหน้าดูล้ำสมัยกว่าตัวที่ขายในไทย ก็เดินไปเรื่อยๆ ไปตามแหล่งที่พัก ซึ่งที่นั่นเรียกว่า "เรือนพัก" เราเดินเข้าออกอยู่หลายถนน แวะถามราคาอยู่หลายที่ มีให้เลือกตั้งแต่ 200 บาทไทยไปจนถึง 58 $US เลยทีเดียว เจอรถสวยๆอีกแล้ว รุ่นนี้เคยเจอในไทยด้วย Daewoo Matiz สีขาว เล็กน่ารัก กระทัดรัด กระชับมือ เมื่อ SsangYong ทำรถกระบะ หน้าตาเลยกลายเป็นกระบะที่มีกลิ่นอาย Ssangyong ตอนแรกว่าจะนอนในราคา 700 - 1000 จนได้ที่พักราคา 1150 นอน 3 คน พร้อมอาหารเช้า 3 ที่ แต่ไปเจออีกที่ ราคา 1440 พร้อมอาหารเช้า เตียง 3 ที่ สถานที่สวยดูดี ความรู้สึกคือแพงไปหน่อย แต่เอาล่ะ มากับผุ้หญิงตั้ง 2 คน นอนดีๆหน่อยแล้วกัน เพราะถ้าผมไปกันตามประสาผู้ชายแบบ BackPack คืนนึงเราใช้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นแล้ว คงเลือกนอนถูก 200 - 500 ห้องพัดลม ห้องน้ำรวมแล้วแหละถูกดี รังรักของเรา 3 คน พอได้ที่พัก จัดการเก็บของเสร็จแล้วก็ประมาณบ่าย 3 ครึ่ง เริ่มวางแผนเที่ยวว่ายังพอจะเที่ยวอะไรได้บ้าง เลยเลือกเอาวัดใกล้ๆก่อน ซึ่งแถวนั้นมี 2 วัดคือ วัดษะเกตุ และวัดอะไรไม่รู้อีกวัดนึงจำชื่อไม่ได้ และมีหอคำ(รัฐสภา) ซึ่งอยู่ใกล้ๆติดๆกันเลย เดินจากที่พักแค่ 10 - 15 นาทีก็ถึงแล้ว เลยเริ่มเดินไปเที่ยวกัน ระหว่างเดินก็เจอไฮไลท์ของทริปนั่นคือ Chery QQ ตัวเป็นๆ ที่กำลังจะมีเข้ามาขายในไทย มีมูนรูฟอีกต่างหาก ผมเดินดู QQ โดยรอบ เป็นรถที่ สวย และน่ารักนะ เรื่อง QC ของรถดูจากภายนอกแล้วพอๆกับ Proton ความรู้สึกส่วนตัวคือมันเป็นรถที่ใช้ได้คันนึงเลยแหละ ไม่ได้ดูแย่ หรือดูกะโหลกกะลา เหมือนกับที่ใครๆเค้าคาดเดากันไว้ อย่างน้อย Chery มันก็ขายดีที่สุดในจีน ของเค้าก็ต้องมีคุณภาพกว่ายี่ห้ออื่นๆในจีนบ้างแหละ เทียบกับ Matiz ของ Daewoo เหมือนกันยังกะแกะ คันนี้ Hyundai รุ่นอะไรไม่รู้ไม่ได้ดูมา แต่เป็นอีกหนึ่งรถเล็กๆที่ลาวนิยมใช้กัน เจอ Kia Picanto อีกแล้ว คราวนี้ในระยะประชิด ตู้ไปรษณีย์ หอสมุดแห่งชาติ ถนนของที่นั่น เดินเล่นได้ความแปลกตาจนลืมเมื่อย ถนนเค้าสะอาดดีนะ QQ สีขาว จอดรอไฟแดงอยู่ เราไปที่วัดษะเกตุก่อน ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด ที่นั่นคือวัดเก่าแก่ที่สุดของเวียงจันทน์ เราโชคดีที่วันที่เราไปเป็นวันที่ฟ้าสวยมากๆ ถ่ายรูปมาสวยดี หลังจากนั้นเราก็เดินข้ามมาอีกวัดนึง แต่ทว่าปิดแล้ว ที่นั่นวัดที่ให้ท่องเที่ยวจะปิดประมาณ 4 โมงเย็น ส่วนหอคำที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นก็เข้าไม่ได้ ได้แต่ยืนดูอยู่ข้างหน้า เราจึงตัดสินใจเดินต่อไปที่ ประตูชัย ที่จากตรงหอคำ ก็มองเห็นประตูชัยได้ชัด ก็นึกว่าใกล้ ที่ไหนได้ ไกลเหมือนกันนะ เดินซะเมื่อยเลย แต่ก็คุ้มที่ได้ดูอะไรแปลกตาไปเรื่อยเปื่อย มีธนาคารกรุงไทยด้วย เลี้ยวขวาได้ ต้องระวัง !!! ตู้ไปรษณีย์อีกแล้ว ป้ายรถเมล์ Hyundai Sport คาดว่าป้าที่ยืนอยู่นั่นแหละคนขับ ... Hyundai คันเล็กๆ เทียบให้ดูว่าของเค้าเล็กจริงๆ ... (รถเล็กนะ) น้องนักเรียนที่นั่นเค้าใส่ผ้าถุงกันไปเรียน ดูเรียบร้อยดี ผลัก ที่นั้นเรียกว่า ยู้ มี RX8 วิ่งด้วย เดินเล่นที่นั่นข้ามถนนก็ระวังหน่อยแล้วกัน รถขับกันคนละฝั่งกับเมืองไทย ใครไปจะติดว่าข้ามถนนต้องดูขวาก่อน แต่ที่นั่นต้องดูซ้ายก่อน เราเกือบถูกมอไซค์สอยไปแล้ว เนื่องจากดูขวา แต่ไม่ดูซ้าย ถึงประตูชัยจนได้ แสงแดดกำลังดีเลย ประตูชัยใหญ่มากๆ ภายในมี 5 ชั้น ค่าเข้าคนละ 20 บาท ส่วนมากค่าเข้าที่ท่องเที่ยวจะเก็บคนละ 20 บาททุกทีเลย พอขึ้นมาก็หอบแดกครับ แสงดี แต่นางแบบทำตาหยี๋ทำไมวะ ได้เห็นวิวมุมสูง มาทั้งทีก็ต้องขึ้นให้ถึงแหละนะ พอลงมาได้ก็วางแผนว่าจะทำยังไงต่อดี เริ่มจะมืดแล้ว คงเที่ยวที่อื่นต่อไม่ได้อยู่แล้ว แถวนั้นมีส้มขายด้วย ลูกเล็กๆโลละ 20 บาท ไม่มีเม็ด อร่อยมากกก ก็เลยว่าจะหาร้านกินข้าวแล้วก็พักผ่อน แต่คราวนี้ไม่เดินแล้วนะ ตอนแรกจะลองโบกรถเมล์ไป ซึ่งถามจากคนแถวนั้นแล้วบอกว่ามีรถเมล์เหมือนกัน ไปลงได้แถวๆที่พัก แต่โบกทีไรไม่จอดซักที จนหมดความอดทน โบกตุ๊กๆ ตุ๊กๆก็ไม่จอด ... จนคิดขึ้นได้ ลืมไป โบกผิดฝั่ง พอดีตรงนั้นเป็นวันเวย์ แล้วเราดันไปยืนโบกฝั่งซ้ายของรถ ซึ่งที่ลาวเค้าต้องโบกฝั่งขวากัน 555 ระหว่างรอโบกรถก็เหมือนเดิม ถ่ายรูปรถเล่น ตุ๊กๆบอกราคาแพงมากๆ ตอนแรกบอกมาว่า 35000 กีบ (140 บาท) พอผมทำเสีย โห 35000 เลยหรอ ถึงได้บอกมาว่า 30000 พอเราบอกแพงอีก ไม่เป็นไร ยังไม่ไปดีกว่า ค่อยบอกว่า 20000 กีบ(80 บาท) ต่อ 15000 ก็ไม่ยอม เอาวะ 15000 ก็ได้ นั่งมาแป๊บเดียวถึงแล้ว ฮ่วย ... 80 บาท วิ่งแค่เนี๊ยะถึงแล้ว ดีไม่นั่งมาตั้งแต่ราคา 35000 กีบ ตรงที่เราลงจากสามล้อ เป็นโซนน้ำพุกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยร้านอาหารแพงๆสำหรับขายฝรั่ง คนลาวๆอย่างเราจึงเลือกไปหาร้านบ้านๆกินแถวๆริมน้ำโขง ที่ไหนได้ ริมน้ำโขงหน่ะแพงฉิบหาย... ตอนเดินไปริมน้ำโขง ก็ผ่านโรงแรมที่เรานอน เริ่มมืดแล้ว เห็นพระจันทร์ยิ้มตาเดียวอยู่เหนือโรงแรมพอดี พอกินเสร็จก็เดินกลับมาแถวโซนน้ำพุ เพราะเค้ามีงานเตรียมฉลองปีใหม่กัน ระหว่างทางแวะร้านขายของฝาก ที่ดูหน้าร้านแล้วน่าจะแพง แต่จริงๆแล้วราคาถูกมาก เจอ Chery QQ อีกแล้ว คราวนี้สีขาว เริ่มสังเกตุเห็นได้ว่า ช่วงล่างของ QQ ทำมาสูงกว่า Matiz ที่โซนน้ำพุ คืนนั้นมีวงดนตรีมาเล่นเพื่อ test ระบบต่างๆก่อนเล่นจริงในคืนถัดไป และก็มีลานเบียร์ย่อมๆที่เริ่มเปิดให้บริการแล้วก็เลยนั่งกิน นั่งฟังเพลงซะหน่อย ปรากฏว่าเพลงที่เล่น ทำนองเหมือน บุษบาของโมเดิร์นด๊อก แต่เนื้อร้องไม่เหมือนกัน 555 มีเด็กเชียร์เบียร์ด้วย น่ารักและดูเรียบร้อยทุกคนตามวัฒนธรรมของลาว นั่งชิลได้ซักพักดนตรีก็เลิก test ก็หมดรมณ์ เดินไปร้านขนมปัง Vividchy อยากกินนม สั่งนมมา ที่นั่นใช้คำว่า นมใส่จอก ส่วนผมซื้อเบียร์ลาวมา 1 ขวดเล็ก เพื่อสานต่อจากกระป๋องเมื่อกี้ที่ลานเบียร์ เด็กในร้านถามผมว่า เบียร์ให้ไขให้ไหม ผมก็งงอะไรวะไข เค้าก็ทำท่าเหมือนจะเปิดขวดเบียร์ อ่อ ไขคือเปิดนี่เอง ก็ยังไม่ให้ไขให้ จะไปไขเองที่โรงแรม ก่อนเดินกลับเรือนพัก ก็เดินเล่นเตลิดไปเจอแหล่งขายของจากจีนโดยบังเอิญ ก็เดินเล่นกันอยู่พักใหญ่ แล้วก็เดินกลับเรือนพักด้วยความอ่อนล้า ทางเดินในเมือง ประดับไฟตามต้นไม้เตรียมฉลองปีใหม่ ตัวแรง Supra จอดอยู่ข้างทาง รถจีนยี่ห้อ Geely ที่กำลังจะเข้ามาขายในไทย อ่อ ลืมเล่าไป ตอนออกจากร้านขนมปัง เจอยายแก่ๆคนนึงเป็นรถเข็นขายข้าวหลามอยู่ ไอ้เราก็นึกเกิดอยากลองกินว่าข้าวหลามลาวเป็นยังไง แกทำขาย 2 ขนาด ขนาดใหญ่ และเล็ก ก็กะว่าซื้อซัก 2 - 3 บ้องเผื่อเอากลับไปกินที่ไทยด้วย ยายแกบอกราคามาถึงกับอึ้งแดกไปเลยบ้องใหญ่ 15000 กีบ(60 บาท) บ้องเล็ก 10000 กีบ (40 บาท) โหยายกะขายข้าวหลามแล้วปลูกบ้านได้เลยหรือไงวะ ก็บอกยายว่า แพงจัง ยายแกไหว้ปะหลกๆ บอกว่าสงสารยายนะ ยายเลี้ยงหลานอีก 3 คน ทำทานกับยายนะ แล้วก็ไหว้อยู่นั่นแหละ พอดีผมหันไปมองร้านข้างๆเป็นรถเข็นขายโรตีคนขายเป็นผู้ชาย คนขายโรตีแม่งมองหน้าผมพร้อมกับยิ้มมุมปาก เป็นนัยๆว่า มึงโดนยายสะกดจิตเข้าให้แล้ว .... ก็สงสารยายอะนะ ซื้อแม่งบ้องเล็กมาบ้องเดียวพอ (บ้องนั้นเอากลับมาไทย ยังไม่ได้กิน เสือกลืมไว้ในตู้เย็นบ้านยายที่อุดร ... เวรจริงๆ) ตัดภาพกลับมาที่โรงแรม ก่อนนอนผมก็สำเร็จโทษเบียร์ลาว นอนหลับสบายไป
ตื่นเช้ามา กินอาหารเช้าโรงแรม แพ็คของแล้ว Check Out เลยเพื่อเดินไปเที่ยวต่อ โดนปลุกกันแต่เช้า แต่พอรู้ว่าต้องรีบไปเที่ยวให้ครบจะได้ไปช๊อปปิ้งต่อก็ร่าเริงกันขึ้นมาทันที Picanto สีเหลือง ยุดดดดดดดด ... ก็เดินไปเที่ยววัดที่อยู่แถววัดษะเกตุนั่นแหละ ที่เมื่อวานไปไม่ทันเพราะปิดไปก่อน ตอนกลางวันคนเยอะเหมือนกัน ทัวร์มาลง แอบเซ็งนิดๆ เลยถ่ายรูปมาหน่อยเดียว มีแต่ทัวร์จากไทย เดินเข้าไปในคนไทยเกลื่อนเลย น่ารักปะล่ะ !!! ไม่รู้คนไทยที่มากับทัวร์ หรือคนลาว แต่ก็ถ่ายไว้ก่อนแหละ แอบถ่ายหอคำ(รัฐสภา)มาด้วย โดยการลอดช่องประตูแล้วถ่ายมา เสร็จจากวัดนั้นตามแผนก็ต้องไป ธาตุหลวง คือที่เก็บอัฐิพระพุทธเจ้า ซึ่งไกลกว่าประตูชัยไป 1 เท่าตัว แต่ตรงนั้นมันใกล้ขนส่ง เราตัดสินใจเดินไปขนส่งก่อนเพื่อที่ว่าจะได้ติดต่อเรื่องรถกลับไทยให้เรียบร้อยก่อน ระหว่างเดินไปขนส่ง เจอธนาคารไทพาณิชย์ด้วย ก็ได้คำแนะนำจากคนขับสามล้อที่รอดักคนอยู่แถวนั้นว่า กลับไทยได้หลายแบบ แบบแรกคือ นั่งรถทัวร์รวดเดียวถึงอุดรเลย เหมือนกับขามา คนละ 80 บาท แบบสองคือ นั่งรถประจำทางไปที่ด่านชายแดน แล้วไปต่อรถข้ามไปเองอีกที ค่ารถคนละ 40 บาท อย่างที่สามคือ เหมาสามล้อไปชายแดน เหมารวมประมาณ 150 - 200 เราได้คำแนะนำอย่างดี เลยลองถามพี่สามล้อคนนั้นว่า เรายังไม่ไปตอนนี้ เรายังมีแพลนจะเที่ยวให้ครบก่อน คือเราจะไป ธาตุหลวง แล้วก็จะไปตลาดจีน(ที่ๆมีมือถือจีนขายเยอะๆ) แล้วกลับมาตลาดเช้า (มีมือถือจีนขายเยอะเหมือนกัน) แล้วค่อยไปชายแดนเพื่อเดินตลาดชายแดน สามล้อบอก เอางี้ไหม เหมาผมเลย ผมพาไปตามที่ต้องการ จอดรอทุกที่และพาไปจนถึงชายแดน คิด 600 โอ้ว ไม่นะ แพงไป อีกอย่างเราอยากใช้เวลาเดินซื้อของนานๆหน่อย จะมาเหมาสามล้อให้จอดรอก็ไม่ใช่เรื่อง เลยตกลงกันแค่ไปธาตุหลวง รอเราเดินเที่ยวถ่ายรูปเสร็จ แล้วก็พาเราไปตลาดจีน แล้วก็จบแค่นั้น ตกลงราคากันไว้ที่ 50000 กีบ (200บาท) สามล้อก็ตกลงตามนั้นพาเราไปธาตุหลวงทันที ระหว่างทางเค้าพาเราแวะโซนร้านมือถือจีนที่เป็นทางผ่าน แถวนั้นมีร้านประมาณ 4 - 5 ร้าน ก็เลยแวะลองดูราคากันก่อนว่าเท่าไหร่ ร้านแรกเริ่มแถวๆ 4000 นิด ก็ทำเป็นถามๆไว้ ระหว่างนั้นผมแอบปลีกตัวมาเดินร้านอื่น ... แม่งแค่ร้านข้างๆกัน เปิดราคามา 3000 - 3400 ร้านห่างกันแค่ 3 - 4 ก้าว ถูกกว่าเครื่องละพัน เราเลยขอตัวออกมาก่อน เพราะยังจะได้ไปดูราคาขายมือถืออีกหลายๆที่เลยยังไม่ซื้อตรงนั้น และสามล้อก็พาเราไปธาตุหลวง ระยะทางไกลพอสมควร หน้าวัดมีพระนั่งหลังรถกระบะให้คนทำบุญแล้วพระจะผูกข้อมือให้ พอดีตอนเดินออกจาธาตุหลวงมีร้านขายของเต็มไปหมด เลยเสียเวลาค่อนข้างมาก สามล้อดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เค้าก็ดีนะ คือเราดูออกแต่เค้าก็เก็บอาการ แค่พูดกับเราน้อยลงเฉยๆ ระหว่างทางเจอแซนตาครอสสาวลาวด้วย อันนี้เด็ดสุด ... โชว์รูมรถ Chery QQ จอดกันข้างทางแบบนี้แหละ เสียดายไม่มีเวลา ไม่งั้นแวะลงไปขอ Test รถดูน่าจะดี อิอิ เพราะตอนตกลงราคา เราบอกว่าแวะแป๊บเดียวถ่ายรูปแล้วก็ไปต่อเลย ที่ไหนได้ แวะเกือบชั่วโมง 555 ตอนเค้าพาเราไปถึงตลาดจีนเลยทิปให้เค้าไปอีกหมื่นกีบ รวมเป็น 6 หมื่นกีบ(240 บาท) เค้าขอบคุณเราใหญ่เลย ที่ตลาดจีนมีของขายเยอะ ทั้งกระเป๋า ของเล่นเด็ก และหลายๆอย่างจากจีนที่เราเห็นขายอยู่ที่คลองถมนั่นแหละ ก่อนเดินโซนขายมือถือ เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวจีนที่นั่น เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ มีทั้งเส้นที่เหมือนทำจากเต้าหู้ และมีแบบเส้นหมี่ ราคาจำไม่ได้ ไม่แพงมากหรอก กินตามสภาพ แต่อร่อยและอิ่มมาก ตอนแรกว่าจะกินรองท้อง ที่ไหนได้พอได้กิน ก็สั่งเพิ่มอีกจนอิ่มไปเลย ราคามือถือที่ตลาดจีนอยู่แถวๆ 3000 - 3400 ทุกร้าน (รุ่นที่เล็งไว้คือรุ่น copy iPhone ทั้งที่ดู TV ได้และดูไม่ได้) แต่มีอยู่ร้านนึง พอเราทำท่าจะยังไม่เอา ตะโกนตามหลังมาว่า 2700 เอาไหม !?!? แหม เดินหนีทีนี่ราคาลงฮวบเลยนะ ก็ดูไว้หลายๆร้านนะ แต่ก็ยังไม่ซื้อ เพราะจะซื้อคนละเครื่อง กะว่าไปดูที่ตลาดเช้าแถวท่ารถก่อนค่อยตัดสินใจ ถ้าที่นั่นแพงกว่ามากก็ค่อยเหมารถกลับมาคลาดจีนอีกทีก็ยังคุ้ม จากตลาดจีนไปตลาดเช้า สามล้อคิด 15000 กีบ(60 บาท) แม่งไกลกว่าตอนนั่งจากประตูชัยมาน้ำพุแต่ราคาถูกกว่า ตลาดเช้าก็เหมือนเป็นห้างที่ลาว ข้างในจะมีโซนขายมือถือร้านขายเยอะมาก เหมือนมาบุญครองเลย ที่นี่มือถือรุ่นใหม่ๆจะมีเยอะกว่าที่อื่นๆ ของในตู้วางเยอะมากๆ เหมือนเป็นแหล่งใหญ่เลยก็ว่าได้ เราได้มือถือจากที่นี่คนละเครื่อง เนื่องจากราคาแพงกว่าราคาต่ำสุดที่ได้จากตลาดจีนแค่เครื่องละ 50 - 100 บาท และร้านที่นี่ดูน่าเชื่อถือมากกว่า ก็ตัดสินใจเอาเลย จะมีที่ยังไม่ได้ดูอีกที่คือตลาดที่ชายแดน ซึ่งถึงตอนนั้น เราคงไม่วิ่งกลับไปกลับมาอีกแล้วเลยซื้อโลด ได้กันมา 3 เครื่องในราคา 2800 2900 และ 4200 อีกเครื่องที่ราคาแพงหน่อยเพราะเป็นรุ่นใหม่เพิ่งออก ทำด้านหลังสวยเหมือน iPhone เด๊ะ ราคาเลยแพงกว่ารุ่นเก่า 1 พัน ถ้าซื้อรุ่นเก่าจะได้ราคา 3200 ก็แลกกันไปกับรุ่นใหม่ software ตัวใหม่ และหน่วยความจำเยอะกว่าเดิม เสร็จเรื่องโทรศัพท์ ก็เตรียมกลับไทย โดยเลือกกลับรถเมล์ประจำทางเพื่อเอาบรรยากาศ รถเมล์คิดคนละ 40 บาท รอคนเต็มค่อยออก บางรอบมียืนด้วย ระยะทางไม่ไกล 15 - 20 นาทีก็ถึงชายแดนแล้ว ระหว่างเดินเกือบถึงรถเมล์ มีคนขับตุ๊กๆมาดักเรา บอกไปชายแดนไหม คนละ 50 ออกรถให้เลย เรามองหน้ากัน.... พร้อมใจกันลืมบรรยากาศบ้านๆบนรถเมล์พื้นเมืองในบัดดล ... ไปโลดพี่แพงกว่ารถเมล์คนละ 10 บาทเอง 555 ระหว่างทางผ่านทุ่งนาที่ลาวด้วย สรุปแล้วช่วงบ่ายที่สามล้อตอนแรกที่เสนอเหมาเรา 600 เพื่อพาไปครบทุกที่และพาไปส่ง เราเลือกที่จะดำเนินการเองในแต่ละช่วง ซึ่งหมดค่าเดินทางเองไป 240 + 60 + 150 = 450 พอถึงตลาดชายแดนมี Duty Free เหมือนที่สุวรรณภูมินั่นแหละ ดูหรูหรา เราก็งง ไหนวะที่ขายโทรศัพท์ เลยถามคนในนั้น เค้าว่าอยู่ข้างๆ เราเลยขับถ่ายของเสียกันที่ Duty Free ให้คุ้มก่อนค่อยเดินออกมา เจอโซนขายของบ้านๆเหมือนมาบุญครองนั่นแหละ ของขายมั่วๆกันไปหมด มีร้านโทรศัพท์ 6 - 7 ร้าน ลองถามๆราคาดู ราคาถูกกว่าทุกที่ที่เราไปดูมานะ ถูกกว่าเครื่องละประมาณ 200 ได้ แต่ละร้านเป็นร้านเล็กๆ ดูแล้วที่ตลาดเช้าน่าเชื่อถือกว่าเยอะ ก็ไม่เป็นไร แพงหน่อยเอาน่าเชื่อถือดีกว่าเลยไม่ค่อยเสียดายมากนัก และที่สำคัญ 3 เครื่องที่ซื้อกันมา ล้วนเป็นรุ่นออกใหม่ที่ไม่มีขายที่ชายแดนเลย ที่ตลาดจีนก็มีแค่ 2 ใน 3 เครื่องของเราเท่านั้นที่มีขาย เลยสรุปให้ได้ว่าถ้าใครไปก็หาซื้อโทรศัพท์ที่ตลาดเช้าดีที่สุด เราเดินเล่นโดยใช้เวลาไม่มาก ก็ต้องเตรียมหาข้อมูลการเดินทางข้ามกลับไทยแล้ว เลยเดินไปถามตำรวจ ตำรวจก็เรียกคิวรถตู้ให้ รถตู้ถามว่าเราจะไปไหน ก็บอกว่าเราจะไปอุดร โดยแค่จะข้ามไปหนองคายแล้วไปขนส่ง แล้วจะนั่งรถทัวร์ไปเอง รถตู้คิดแต่ราคาเหมายาวให้เราโดยคิดคนละ 200 บอกว่ามีรถไปอุดรเลย รอคนเต็มค่อยไป กับอีกทีก็เหมา 800 ไปเลยนั่งกัน 3 คน ออกเลย โอ้ววว แพงจัง ไม่เอาหรอก เลยเดินหลบฉากออกมาหาข้อมูลใหม่ ถามจากสามล้อแถวนั้นได้ความว่า เดินผ่านขั้นตอนออกนอกประเทศ เสร็จแล้วซื้อตั๋วรถเมล์ที่ตู้ขายตั๋วห้องสุดท้ายนั่นแหละ คนละ 15 บาทมั๊ง(ถ้าจำไม่ผิด) ก็จะได้นั่งรถเมล์พาข้ามสะพานไปส่งที่ฝั่งไทย แล้วค่อยไปหารถกลับอุดรเอาที่นั่น ก็ทำตามนั้นเลย นี่แหละขวัญใจคนจน ถึงได้ว่า คนทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า เค้าคงไม่เหมารถตู้วิ่งหัวละ 200 หรอก ถ่ายรูปไว้ที่แผ่นดินลาวก่อนข้ามกลับสยามประเทศ เก็บตก Chery ที่ชายแดน รุ่นอะไรไม่ทราบดูบึกบึนดีนะ ก่อนกลับเหลือบไปเห็น รถที่เข้ามาลาวทุกคันต้องถูกพ่นยาฆ่าเชื้อที่ล้อรถก่อน นั่งรถเมล์กลับฝั่งไทยด้วยความอาลัยอาวรณ์ อยากอยู่ต่ออีกซักคืนจัง .... กลับมาไทยแล้ว ต้องเรียกสามล้อไปส่งที่ขนส่ง โดนไปคนละ 30 บาทเพื่อไปหารถกลับอุดร ถึงขนส่งมืดไปหน่อย รถกลับอุดรหมดแล้ว แต่มีรถระยองผ่านอุดรได้เหลืออยู่เลยขึ้นมา คนละ 40 บาท เห็นม๊ะ ... 15 + 30 + 40 = 85 บาทเอง รถตู้เล่นซะ 200 จบแล้วทริปสั้นๆในต่างแดนแบบฉุกละหุกตามสไตล์ ไปกับกูถูกแต่เหนื่อย !!! เที่ยวจนครบทุกที่ในเวียงจันทน์ หวังว่าคนที่ได้อ่านเรื่องราวโดยละเอียด คงได้จุดประกายให้ได้คิดที่จะไปลองเที่ยวลาวดูซักครั้ง สวัสดี....
อ่านจนหมดเลย สนุกมากๆครับ ผมก็เคยไปมาทีเเต่เอา 4wd ไปกัน 3-4 คันไปลุยป่าอาทิตย์นึงมันส์โคตร นอนเต้นท์ยุงเเม่มกัดเต้นท์ทะลุเลยครับ หุหุ
แหม เพิ่งไปมาเมื่อตอนปีใหม่นี่เอง Board เพิ่งเปิดนี่หว่า เชื่อสิ หลายๆคนอ่านแล้วเค้าก็อยากไป ทริป BackPack แบบนี้ ทั้งถูก และสนุก นี่ว่าจะเอาทริปเดินเขาขึ้นหิมาลัยทางเนปาลมาลง โหดมันฮา ตลอดทริป แต่ก็นะ ไปมาเกือบ 2 ปีแล้ว กลัวมีคนแซวว่าทริปดองปลาร้า ไปนานแล้วเพิ่งเอามาลง ปล.ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้เดินบนเส้นทางเดินเท้าที่สูงที่สุดแห่งนึงบนพื้นโลก มีแผนว่าใน 1 - 2 ปีนี้อยากไปเดินขึ้นหิมาลัยทางอินเดียตามคอนเซปเดิม "ไปกับกู ถูกแต่เหนื่อย" .... พี่หนุ่มสนใจไหมล่ะ หรือว่าอายุเกินแล้ว ร่างกายไม่อำนวย 555
เห็นรูปยอดเศียรพระที่ขาดไปมั้ยครับ เคยไปลาว แล้วก็ถามเค้าว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เค้าบอกในสมัยโบราณ คนไทยมาตีเวียงจันทน์ แล้วตัดเอาของมีค่าไป (คนโบราณจะใส่แก้วแหวนเงินทองไว้ตรงนั้น) ผมเลยควักเงินใส่คืนไป (เพราะเห็นเค้ามีเงินใส่อยู่ก่อน) เหมือนเป็นการใช้หนี้เอาเคล็ดครับ
พี่ปอนี่เติ้ลเองนะ(จำได้ปะ MINICAขาว DAIHUTSU CLUBอะ) พอดีเพิ่งได้เข้ามาอ่านในท่องเทียว เห็นพี่ปอโพสไว้ เลยอยากลองไปดูบ้างแบบนี้น่าสนุกดี แล้วถ้ามีโอกาสอันใกล้ๆนี้ จะโทรไปปรึกษาบ้างนะ "ไปกับกู ถูกแต่เหนื่อย" โดนจิงๆคำนี้เพราะทริปต่างๆที่ผ่านมามีไปกับทัวร์ เซ็ง...เติ้ล
ถ้าจำไม่ผิด600-700กิโลเมตรได้ครับ ปล......ข้อมูลจากทริปนี้......ทำให้ผมอยากไปเที่ยวลาวเลยอ่าครับ........ขอบคุณพี่เจ้าของกระทู้ด้วยครับ
เล่าเรื่องได้น่าฟัง ยิ่งเห็นภาพยิ่งสนใจ ยากไปมั่งจัง เอาใจช่วยนะ เล่าซิครับเที่ยวหิมาลัย ถึงคนอื่นว่าเก่า แต่ความทรงจำของผู้ที่ได้ไปมายังแจ่มชัด และใหม่เสมอ จริงไหมครับ คนที่ไม่มีโอกาสได้ไปอยากฟัง อยากเห็น และอยากสัมผัสด้วยสายตา
ลาว เป็น อีกที่ ที่ควรไปเที่ยวด้วยประการทั้งปวง ถ้าเป็นไปได้ มีเวลาหลายวัน ไปให้ถึง หลวงพระบาง จะรู้ว่า เพื่อนบ้านเรา ก็มีอะไรน่าเที่ยว ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ครับ น่าอ่านมากๆ