รอบสูง แล้วดับเหมือนนำมันไม่พอ นอกจากปั๊มติ๊กไม่พอแรงดันตกแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ อะไรได้บ้าง ตอนนี้ใส่ walbro gss342 รอบสูงยังดับเหมือนเดิม(ที่6-7 พีนรอบ บูสที่ 1.2 บาร์)
ปกติ สำหรับรถแรงๆที่ทำแรงม้ากันเกิน 350 ถ้ารอบสูงแล้วดับ เรามักจะเจอกันที่ปัญหา Air Flow อ่านค่าอากาศไม่ทันครับ ทำให้จ่ายน้ำมันหนาและดับครับ ต้องเปลี่ยนไปใช้ MAP Sensor แทน แต่ถ้ารถที่ไม่ได้ใช้เทอร์โบขนาดใหญ่มาก ส่วนมากไม่เจอปัญหานี้ครับ ส่วนปัญหา น้ำมันบางในรอบสูง ไม่ว่าจะเป็น ปั๊มแรงดันไม่พอ หรือ หัวฉีดไม่พอ ส่วนมากจะเจออาการ สะอึก และ เสียงเครื่องยนต์เขก ในรอบสูง ครับ แต่อาการที่เจอดับในรอบสูง ผมว่าสาเหตุมาจากน้ำมันท่วมหัวฉีด เพราะน้ำมันไหลกลับไม่ทันมากกว่าครับ การเปลี่ยนปั๊มน้ำมันแรงดันสูงๆ ต้องต่อเกจ์วัดแรงดันน้ำมันเบนซินดูตลอดเวลาครับ เพราะสาเหตุที่มันถอย ส่วนมากมีจากหลายสาเหตุ เช่น รางหัวฉีดเล็กเกินไป ท่อน้ำมันไหลกลับเล็กเกินไป หรือ เรกูเรเตอร์มีค่าKสปริงน้อยเกินไป เมื่อน้ำมันแรงดันสูงมากเลยต้านไม่อยู่ทำให้แรงดันมันถอยลงมาครับ การเปลี่ยนปั๊มติ๊กแรงดันสูงๆเพียงอย่างเดียว โดยไม่ทำองค์ประกอบอื่นๆในระบบน้ำมันควบคู่กันไป มีผลเสียมากกว่าผลดีครับ
รอบสูงแล้วดับ เครื่อง 93T ฝาไมเวค ลูก 4a , เทอร์โบ TD06 , หัวฉีด 450CC, เรกูเรเตอร์ SARD (แต่ยังไม่ได้เอาเรกูเรเตอร์เดิมออก ปรับแรงดันได้ต่ำสุดแค่ 3.5 บาร์ สูงสุดตอนลาก 5 บาร์ แรงดันไม่ตก แต่ดับ) กล่อง ,air flow 63T เดิมใช้ฝาเดิมติ๊ก 1J ไม่มีปัญหา พอใช้ฝาไมเวคจึงมีอาการ ลองไม่ให้ไมเวคเปิดก็ยังดับเช่นกัน ที่เปลี่ยนปั๊มติ๊กแรงดันสูงขนาดนี้เนื่องจาก ทีแรกคิดว่าเป็นที่ปั๊มติ๊กไม่พอเพราะแรงดันมันตก จึงเปลี่ยนมาใช้ 342 ผลที่ได้คือติ๊กไม่ตกแล้วแต่ยังคงดับเหมือนเดิม
ลองเอารังผึ้ง ที่ช่องซ้าย และ ขวา ของAIR Flow ออกดูครับ ปัญหาตอนนี้ น่าจะอยู่ที่กล่องประมวลผลไม่ทัน ทำให้น้ำมันท่วมหัวฉีดครับ
ดับ คุณโอ๋ครับ ทำไรตอนเดินเบาเรกูเรเตอร์ถึงปรับได้ต่ำสุดแค่ 3.5-4 บาร์ เองครับ ผมว่ามันสูงไปนะครับผมต้องการแค่เดินเบาให้ได้ซัก 3 บาร์ก็พอ มันเกี่ยวกับไม่ได้เอาเรกูเรเตอร์เดิมออกหรือป่าวครับ
ต้องเอาเรกูเรเดิมออกครับ ไม่งั้นค่าแรงดันน้ำมันในระบบจะสูงมากอย่างที่เป็นอยู่ครับ เพราะมีสปริงต้านแรงดันซ้อนกันอยู่2ตัว ให้เลือกใช้ตัวเดียวครับ แล้วลองวิ่งดูว่าปัญหา หายหรือไม่ครับ แรงดันเบนซิน ในระบบเดินเบา ควรอยู่2.8 บาร์ อย่างที่พี่ช้างว่า สำหรับเครื่อง1.8+TD06+บูสไม่เกิน1.2 ปลายเกียร์3-4 แรงดันไม่ควรต่ำกว่า 4.2-4.5 บาร์ครับ ถ้าแรงดันปลายเกียร์ยังไม่ได้ ให้ลองขยับเดินเบาไปที่3บาร์แล้วลองดูใหม่ แรงดันน้ำมันควรจะมาเพิ่มอีกในปลายเกียร์ แต่วิธีการที่ดีที่สุดคือ ต้องดูโฆลดจากการจูนโปรแรกมครับ เพราะจะรู้ได้ว่าหัวฉีดจ่ายน้ำมันได้เพียงพอหรือไม่ เพราะเราเปลี่ยนเทอร์โบใหม่ ไม่งั้นLEAN จนน้ำมันบางเกิน จนไม่มีน้ำมันไประบายความร้อนให้แก่ลูกสูบ ไม่นานก็พังครับ ลูก 4A-GZE บูสท์ไหลไปซัก 1.6 สำหรับเทอร์โบขนาด TD06 ก็ละลายแล้วครับ ฉะนั้นน้ำมันต้องฉีดอย่างเหมาะสมและเพียงพอครับ ส่วนกล่องต้องโปรแกรม เพื่อจับA/F ปลายเกียร์3-4ดูครับ ว่าน้ำมันหนาขนาดไหน แล้วโปรแกรม Lean น้ำมันลง เพราะถ้ากล่องเดิมโปรแกรมเดิมโรงงาน จังหวะเวลาในการฉีดเท่าเดิม แต่หัวฉีดขนาดใหญ่ขึ้น+แรงดันน้ำมันในระบบสูงขึ้น จะกลายเป็นน้ำมันท่วมหัวฉีดอย่างที่เป็นอยู่ครับ เพราะมันฉีดในคาบเวลาเท่าเดิมแต่น้ำมันมันลงไปเยอะกว่าเดิม ต้องแก้ตารางโปรแกรมน้ำมันในกล่องใหม่ครับ
คือ ถ้าเรคกูเรต เก่าไม่ได้ เจาะ มันก็ จะทำงาน ซ้อนกันอะคับ ง่ายๆก็คือ ลองถอดเรคกูเรตเก่าออก แล้วให้ช่าง หาอะไรเจาะ รูน้ำมันที่ไหลผ่าน นะคับ ทะลวงไปเลย หรือไม่ถ้างั้น ไปโรงกลึง ให้โรง กลึงหางปลา เสียบสายน้ำมันกะได้คับ ---------- เพิ่มกระทู้เมื่อ 23:34:40 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 23:33:41 ---------- คือ ถ้าเรคกูเรต เก่าไม่ได้ เจาะ มันก็ จะทำงาน ซ้อนกันอะคับ ง่ายๆก็คือ ลองถอดเรคกูเรตเก่าออก แล้วให้ช่าง หาอะไรเจาะ รูน้ำมันที่ไหลผ่าน นะคับ ทะลวงไปเลย หรือไม่ถ้างั้น ไปโรงกลึง ให้โรง กลึงหางปลา เสียบสายน้ำมันกะได้คับ
มีผลเสียเรื่อง รอบเดินเบาการอ่านค่าอากาศของแอร์โฟร์จะเพี้ยน ต้องโปรแกรมแก้น้ำมันจากกล่องครับ ผลดี คือรอบสูงแอร์โฟร์อ่านค่าอากาศได้ทัน + อ้างถึง ตอบกลับ