จริงครับ......................ต้องวัดกันแบบนี้ครับถึงจารู้ประสิทธิภาพของรถ เมื่อวานที่ไปกับ Coacch มาควันท่วม.......อิอิ เออพี่เจี๊ยบลองเอากราฟมาแนะนำชาว Sporttruck บ้างดิพี่ แหมถ้าได้ Test ฟรียิ่งดีเลยคับ..............555
เมื่อวานก็ไปกับแกมา แต่รอเจ้าตัวมาตอบดีกว่า แต่ขอบอกว่าคนTest ตีนโหดเกิ๊น เหยียบคันเร่งซะมิดเลย ถ้าคันเร่งทะลุเข้าห้องเครื่องได้ เค้าคงจาทำแบบนั้น
จัดไปครับพี่น้อง เอาวันไหนโทรมาบอกละกันครับ ส่วนพี่ภัค ขอโทดทีครับพี่ ผมมีใบเดียวเอง ได้รางวัลมาจาก แข่งที่พีระอ่ะ มิมิ
เดี๋ยวจะกราฟมาชี้ให้ดูว่าทำไม แรงบิด 580กว่าๆ ก็ได้แรงม้าแค่240 แรงบิด 500นิด ก็ได้แรงม้าแค่240 แล้วอยากรู้ไหมว่าทำยังไงถึงจะได้ ซัก 300ม้าดีนะ คริคริ
นี่เป็นกราฟแรงม้าของผม ทั้ง2อันนี้รถคันเดียวกันแต่ต่างกันที่โข่งหลัง บูสท์ประมาณ30-35(ไหลนิดๆ)อยู่ไม่เกินจากนี้ ลองสังเกตุดูว่าจะบอกอะไรเราได้ บ้าง
กราฟแรกผมใช้โข่ง .58 กราฟสองใช้โข่ง .70 2พอร์ท แรงม้าใกล้เคียงกัน อันแรกน้อยกว่าอาจจะเป็นเพราะว่าตอนหลังจากเทสมาพบว่าผ้าเวสเกตุรั่ว พอเปลี่ยนแล้วก็ใส่โข่งหลังเลย............ สิ่งที่ทำให้เรารู้ก็คือ........ 1 การใส่โข่งหลังใหญ่ทำให้ค่า แดรกเพาเวอร์น้อยกว่าใส่ใส่โข่งหลังเล็ก ถามว่าอะไรส่งผลให้แดร็กเพาเวอร์มีค่าน้อยลง 2. เส้นแรงบิดแทบจะเป็นเส้นเดียวกันเลยแต่ว่าเทอร์โบรอรอบกว่าเห็นๆ ถามว่า รอรอบแล้วมันดีกว่าหรือแย่กว่า 3. แล้วท่านจะเซ็ทรถแบบไหน........... 4. แล้วจะทำอย่างไรให้แรงม้าเพิ่มขึ้น ขอขอบคุณ TEST CAR ศรีนครินทร์ ที่ให้ไปเอารถไปเทสฟรีและทำให้เราได้ศึกษา ได้อย่างถึงแก่นแท้ของ แรงม้า........ และประเทืองปัญญามากขึ้น.....
Feeling .58 บูทส์เริ่มติดตั้งแต่ รอบ 2500ต่อนาทีแล้วเต็มที่3000รอบต่อนาที ดึงหนักกว่า.70มากนัก ขับสนุกมากห่วงบูทส์กำลังมานั้น สนุกมากเทอร์โบไม่ได้โหยหวนเท่าไหร่ทำงานสบายๆ ควันไอเสีย เยอะแต่ไม่ดำ ออกเทาๆครับ ออกเกียร์2 ปั้มรอบประมาณ 3000-3500 ชักครัชเลียนิ่มๆพอล้อฟรีแล้วปล่อยสุดออกได้สบายๆ กรอบรอบอยู่ที่3000-3500 สบายขขับง่ายๆเลย feeling .70 2port เกียร์1ลากไป4500รอบต่อนาทีถึงจะบูท์เต็ม สับเกียร์ 2 กระแทกแรงๆเร็วๆ บูทส์ยังไม่ฟาด นิ่งๆไม่ขึ้นไม่ลงอยู่ที่20-25psi พอรอบกวาดไปถึง3500แล้วค่อยๆกวาดขึ้นตามแรงดึงที่เพิ่ม ขึ้นไปแบบนิ่มๆ ถ้าลอยมากรอบต่ำกดออกไปบูทส์จะเต็มรอบปาเข้าไปเกือบ 4000 แล้วครับพี่น้อง ขับยังไงก็รู้สึกว่า .58 แรงกว่าเยอะมากๆ แต่มาวัดแรงม้าแล้วงงเลย ลงพื้นมากกว่าซะอีก ออกเกียร์ 1 อย่างเดียว เกียร์ 2 หมดสิทธ์เลย รอบในรอบปลายลื่นมากกวาดไปนิ่งๆไม่ทีท่าว่าจะ ตื้อจากการอั้นเลย เสียงเวสเกตไม่สนั่นเท่า.58 แต่ก็ดังฟังชัดดีครับ ที่สำคัญ ควันดำมากๆชิบหาย ยังกำรถท่ออินเตอร์หลุด อย่างนี้นี่เอง ที่ไดเร็กใช้จาน20 + โข่งใหญ่ๆ น้ำมันถึงพอ .5555
สิ่งที่ทำให้เรารู้ก็คือ........ 1 การใส่โข่งหลังใหญ่ทำให้ค่า แดรกเพาเวอร์น้อยกว่าใส่ใส่โข่งหลังเล็ก ถามว่าอะไรส่งผลให้แดร็กเพาเวอร์มีค่าน้อยลง แรงบิดมาในรอบปลาย ทำให้ม้าตายระหว่างทางน้อยลง 2. เส้นแรงบิดแทบจะเป็นเส้นเดียวกันเลยแต่ว่าเทอร์โบรอรอบกว่าเห็นๆ ถามว่า รอรอบแล้วมันดีกว่าหรือแย่กว่า รอรอบดีตรงที่แรงม้าไม่ได้ลงพื้นทีเดียวหมด สังเกตุจากความชันของกราฟแรงม้า ระหว่างของ .58 และ .70 แต่แย่ตรงที่กว่ากราฟจะขึ้นที่จุดสูงสุดใช้เพาเวอร์แบรนด์ที่กว้างจนเกินไป 3. แล้วท่านจะเซ็ทรถแบบไหน........... ให้กราฟแรงบิดให้ออกมาในแบบช่วงความชันของกราฟแคบที่สุด และมีค่าความชันประมาณ 0.5 - 0.8 แล้วค่อยขึ้นนอนไปยาวๆ 4. แล้วจะทำอย่างไรให้แรงม้าเพิ่มขึ้น ปิดบูสวิ่งเรย
แรงม้าที่ทำได้กับแรงม้าที่ลงพื้น ถ้าเราทำให้แรงม้าที่ทำได้กับแรงม้าที่ลงพื้นให้มันใกล้เคียงกันล่ะจะทำได้แรงม้ามาฟรีๆโดยที่ไม่ต้องโมดิฟายใช่ไหม วันนี้ขอถามว่า ตอนนี้ผมใส่เฟืองท้าย 3.5 ถ้าผมใส่เฟืองท้าย 4.3 แล้วไปเทสแรงม้าโดยปัจจัยอื่นๆเดิม หมดจะได้แรงม้าเพิ่มขึ้นหรือลดลงครับ
เฟืองท้ายมันช่วยในการทดรอบการหมุนของล้อกับระยะทาง ไม่ได้ไปทดอัตราแรงบิดแรงม้า ในการเทสไดโนจะได้ แรงม้าที่ฟลายวิล กับแรงม้าที่ล้อลงพื้น แรงม้าที่สูญเสียไปในระหว่างการเดินจากฟลายวิลลงสู่พื้น ไม่ได้เกิดจากการทดอัตราเฟืองท้าย แต่เกิดจาก load ที่มีระหว่างล้อกับพื้นซะมากกว่า ( แรงต้านของลูกกลิ้งบนไดโนก็มีผลด้วยครับ ) ผิดถูกตรงไหนช่วยแก้ไขด้วยนะครับพี่เจี๊ยบ
แรงม้าที่ไดโนวัดได้นั้นคือ กำลังไฟฟ้า ก็คือP มาจากเจนเนอเรเตอร์ที่ติดอยู่กับลูกกิ้ง แล้วถึงจะเอากำลังไฟฟ้ามาแปลง เป็นแรงม้า ค่าแรงบิดคิดจากค่าสลิป คือเค้าวัดความแตกต่างของรอบ เครื่องกับการหมุนของลูกกลิ้งนั่นเอง เอามาหาค่าแรงบิด......... แต่แรงม้าวัดจากกำลังไฟฟ้าที่ปั่นได้โดย ตรง ทีนี้ถามว่า หากเราใช้เฟืองท้ายที่สูงหรือต่ำนั้นจะให้กำลังแรงม้าเพิ่มขึ้นหรือลดลง ต้องคิดก่อนว่า ถ้าเฟืองท้ายมันต่างกัน อะไรบ้างที่ทำให้ไม่เหมือนกัน 1 ความเร็วของลูกกลิ้ง เฟืองท้ายต่ำลูกกลิ้งจะหมุนได้รอบที่สูงกว่า 2 อัตราเร่งของลูกกลิ้งจะสูงกว่าถ้าให้เฟืองท้ายเบอร์สูง แรงม้าหรือเพาเวอร์มาจาก กระแส/แอมป์ คูณด้วยแรงดัน/โวล์ ( I * V) ความจริงก็คือไม่แตกต่างหรอก เพราะว่า การหมุนของโรลเลอร์เจนเนอร์เรเตอร์ นั้นกว่าจะได้กระแสมานั้นมันก็มีรอบการหมุนของลูกกลิ้งอยู่ด้วยเช่นลูกกลิ้งหมุนได้น้อยรอบแต่ ว่ามีอัตตราเร่งที่สูง ทำให้ได้กระแสค่านึง กับลูกกลิ้งที่หมุนแบบมีอัตราเร่งที่ช้าแต่หมุนด้วยรอบที่เร็ว กว่าก็ให้ค่ากระแสได้เท่ากับค่านั้น ด้วยเช่นกันครับ นี่แทบจะขุดเอาสมันเรียนมาบอกกันเลยนะเนี่ย