กราฟแรกเป็น Narrow Band Oxygen Sensor ครับบลุงกุ้ง จะเห็นว่ามันสามารถวัดค่า AF ได้ในช่วง 14-15 เท่านั้น ขออธิบายเรื่อง AF นิดนึงละกันครับ AF หมายถึงอัตราส่วน อากาศต่อน้ำมันโดยน้ำหนักครับหมายความว่า AF 14 หมายถึง มีอากาศ 14 ส่วนโดยมวล ต่อน้ำมัน 1 ส่วนโดยมวล ง่ายก็คือ มีอากาศ 14 กรัม มีน้ำมัน 1 กรัม
และกราฟนี้สำหรับ WIDE BAND Oxygen Sensor ครับสามารถวัดได้ช่วงที่กว้างกว่าและรวดเร็วกว่าครับผมวัดได้ใน ช่วง 10-20 ครับ
อันนี้แถมครับ สำหรับศัพท์คำว่า LAMBDA เนี่ยเป็นหน่วยกลางอะครับเนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างชนิดกันเช่น เบนซิน ดีเซล แอลกอฮอล์ จะมีส่วนผสฒที่เหมาะสม(เกิดเผาไหม้สมบูรณ์)ที่ต่างกันครับ
เดี๋ยวขออ่านและทำความเข้าใจนิดนึงครับ อีกสักพักมีคำถาทต่อแน่นอนครับ กระทู้นี้มีประโยชน์กับท่านที่สนใจอีกหลายๆท่านเป็นแน่ครับ
ส่วนตรงนี้ผมไม่เข้าใจเรื่องของ WIDE BAND เลยครับมันคื่ออะไรเหรอครับ ถ้าผมไม่เข้าใจส่วนนี้ ผมจะไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดได้เลยครับ รวบกวนโนชอธิบายอีกสักหน่อยน่ะครับ
WIDE BAND Oxygen Sensor เนี่ยก็คือ sensor ที่สามารถวัดอัตราส่วน อากาศต่อน้ำมัน ได้ในช่วงกว้างอะครับตามชื่อส่วน Narrow Band ก็ในช่วงแคบอะครับ จากกราฟในแนวแกนตั้งเป็น Output จาก sensor ครับถ้าดูที่กราฟเนี่ยจะเห็นว่า Wide Band เนี่ยสามารถแปลง AF เป็น output ได้ในช่วง 10-20 แต่ Narrow Band จะแปลงได้ในช่วง 14-15 ครับ เพราะถ้าต่ำกว่า 14 output จะคงที่เลยครับ และสูงกว่า 15 Output ก็จะคงที่เลย ทำให้ต่ำกว่า 14 สูงกว่า 15 ไม่สามารถวัดได้นะครับ พอเข้าใจวิธีอ่านกราฟมั้ยครับ
ส่วนค่าที่เหมาะสมเหรอครับ มันอยู่ที่จุดประสงค์อะครับ (ต่อไปนี้เป็นความลับของ Tuner เลยนะเนี่ย) สำหรับ 14.7 นั้นเป็นค่าที่เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ครับจะไม่เกิดกาซ CO(8ร์บอนมอนนอกไซด์) 14.7 จึงถือว่าเป็นค่ากลางครับ สวนถ้าสูงกว่า 14.7 เนี่ยน้ำมันบางครับอันนี้จุดประสงค์เพื่อประหยัดน้ำมันครับ ส่วนส่วนผสมที่ทำให้เกิด power สูงสุดก็ 12.5-12.9 ครับ เหอๆ อันนี้หละที่ลุงกุ้งต้องจูนครับ ถ้าจุดไหนที่ต้องการกำลังสูงสุดต้องให้ได้ค่านี้ครับ แต่ว่าสำหรับเครื่อง Turbo ในช่วงที่บูสสูงๆนั้นจะเกิดความร้อนในห้องเผาไหม้สูงและอาจเกิดอาการ น็อก ได้เพราะฉะนั้นดู อุณหภูมิไอเสียครับ สำหรับจุดอ้างอิงที่ถูกนั้นควรจะติด Exhaust Temp วัดอุณหถูมิไอเสียที่บริเวณโข่งไอเสียเลย สว่นอุณหภูมินั้น สำหรับลูกสูบที่ไม่ใช่ FORGED 850 อาศาครับ แต่ผมคิดว่าถ้าบูสสูงๆเนี่ยมันเป็นไปไม่ได้ครับ ตัวผมจะยอมรับที่ 900 ครับถ้า FORGED ก็รับได้สูงกว่านี้ซัก 100 องศาครับ แต่เท่าที่เคยเห็น HKS เองที่จูนยังทะลุพันองศาเลยนะครับ อันนี้ก็แล้วแต่คน แต่ที่ผมบอกเนี่ยต้องติด Exhaust Temp ที่โข่งไอเสียนะ ถ้าติดใกล้ Oxygen Sensor เนี่ยมันจะหายไป 150-200 องศาเลยนะต้องระวังด้วย ต่อถ้าอุณหภูมิไอเสียสูงเกินก็ เพิ่มน้ำมันครับเพื่อให้ควมร้อนในห้องเผาไหม้ลดลงอุณหภูมิไอเสียก็จะลดครับ
เหนื่อย สำหรับอาการน็อกที่ได้ยินนั้นแก้ได้ทั้ง เพิ่มน้ำมันและลดไฟ(Retard)ครับ แต่ถ้าเราคิดว่าน้ำมันอัตราส่วนเหมาะสมแล้วก็ลดไฟครับ เอาแค่นี้ก่อนละกันคงต้องมีงงกันแน่ งง ตรงไหนถามแล้วกันครับ
14.7 เนี่ยมลพิษตำเพราะก๊าซที่เป็นอันตรายก็คือ CO เนี่ยหละ ก็ถ้าไม่มีไรเดินเบา ก็ 14.7 ครับหรือถ้าไม่คิดจะประหยัดมากก็ 14.7 ครับสำหรับเครื่องยนต์ที่ยังมี cat อยู่ก็ 14.7 ครับเพื่อไม่ให้เกิดก๊าซ CO มากเกินไป cat จะได้ไม่ต้องทำงานหนักครับ
ผมเริ่มเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณก่อนเลยย ในตอนนี้น้ำมันผมปรับอยู่ที่บวกลบ 12.5-12.9เกลียกันไป ในรอบประมาญ 3500ขึ่นไปเลยครับ(ติดโหลดน่ะครับ) อันนี้เป็นแบบนี้ ค่อนข้างไปทางหนาครับ หลังๆเวลาถอนคันเร่งไฟออกตูดเลยครับ (แต่โคตรแด.... เลยครับ) ส่วนเรื่องของไฟอันนี้ผมปรับได้เกือบจะโอเคแล้วครับเมื่อก่อนเขกกันลั้นไปหมด แต่ตอนนี้อาจต้องพึ่ง AFแล้วครับ เอเป็คปากกามันก็มั้วๆกันไปก่อน เดี๋ยวมาถามอีก อิอิ ความรู้ท้างน้นนน
อีกอันนึงน่ะครับ เรื่องของมลพิษ ในรถของผมสำหรับรถแข่งผมไม่ต้องคำนึงเลยใช้มั้ยครับ ถ้าต้องปรับกันไปถึง12.0หรื่อ11.0 แหะๆถามเล่นๆน่ะครับ เดี๋ยวหาว่าเป็นตัวทำลายมลพิษ อิอิ
อีกที่ครับ เพราะเมื่อก่อนตอนผม แข่งประกวดแบคไฟล์ ในตอนนั้น ผมปรับมันไปที่ประมาณ10.0บวกลบ (แบบไม่ติดโหลดครับ) ได้ที่ 1ซ่ะงั้น แต่โทษที่หัวเทียนบอดทุกหัวเลยย
ครับลุงกุ้ง ไม่ต้องสนใจมลพิษหรอกครับรถแข่งอะ การปรับน้ำมันไปในช่วง 12.5-12.9 เนี่ยรถจะแรงขึ้นพอรู้สึกได้เลยยิ่งมีการปรับไฟไปด้วยแล้วด้วยนะครับ ฟิลลิ่ง จะเปลี่ยนไปเลยหละครับลุงกุ้ง ผมถึงได้ว่ารถลุงกุ้งมันแรงผิดจาก SR เดิมๆ
ถามโนชอีกครั้งครับเรื่องของออกเทนครับ ว่าทุกๆครั้งที่ผมลงแข่งผมจะใส่ออกเทนบูสครับ ถ้าในปรกติผมใช้95 มันจะมีผลก่อการปรับจูนน้ำมันและไฟอย่างไงครับ เพราะผมคิดว่าในอนาคตผมจะทำถังเอ เพื่อที่จะใช้ออกเทน130แทนครับ แล้วมันจะมีผลต่อการปรับจูนอย่างไงครับ
ออกเทนบูส ผมไม่แน่ใจว่ามันมีส่วนผสมยังไงครับเติมไปแล้วทำไมถึงแรงขึ้นก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน อะครับ แต่ว่าถ้าลุงกุ้งจะใช้ออกเทน 130 เติมแทนน้ำมัน 95 เลยเนี่ย ก็ต้องจูนใหม่ครับทั้งน้ำมันและไฟเลย เหตุผล น้ำมัน - ที่ต้องจูนใหม่เนื่องจาก ออกเทน 130 มีส่วนผสมสารเพิ่มประสิมธิภาพอยู่มากมีตัวน้ำมันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับออกเทนที่ต่ำกว่านั้นหมายความว่า ในปริมาณเท่ากันจะมีน้ำมันน้อยกว่า เพราะฉะนั้นถ้าโปรแกรมน้ำมันเดิมโดยรวมน้ำมันจะบางครับ ทำให้ต้องจูนใหม่ให้หนาขึ้น ไฟจุดระเบิด - เนื่องจากมีออกเทน 130 หมายความว่ามีความสามารถต่อต้านการชิงจุดระเบิดที่มากกว่า 95 เพราะฉะนั้นเราสามารถ advance ไฟจุดระเบิดได้อีกทำให้เครื่องมีแรงบิดแรงม้าที่มากขึ้นการตอบสนองต่อคันเร่งดีมากขึ้นครับ เพราะการ Advance จังหวะการจุดระเบิดนั้นจะทำให้น้ำมันไประเบิดตอนที่ลูกสูบอยู่ห่างจาก TDC(จุดศูนย์ตายบนไม่มาก) พูดง่ายๆ คือ ห้องเล็กๆ ระเบิดเนี่ยมันก็จะมีแรงมากในการถีบลูกสูบลงมาครับ
และอีกนิดครับ แต่ที่ประเทศไทยผมยังไม่เห็นใครทำครับ คือ ถ้าใช้ออกเทนสูงสามารถปาดฝา หรือ ลดประเก็นเพื่อเพิ่มกำลังได้เพราะ ออกเทนสูงๆจะทนได้ ครับที่ญี่ปุ่นผมเห็นทำกัน เครื่อง Turbo กำลังอีด 10 อะไรประมาณนี้ไม่ได้แนะนำให้ทำนะลุงกุ้งแต่บอกให้ฟังเฉยๆ
ออกเทนบูสที่ผมซื้อมาใช้ ที่เป็นของ elf มันจะบอกว่าของเค้าทำใหเรงม้าเพิ่มขึ่น 31.5 ครับ เข้าใจว่ามันจะเพิ่มค่าออกเทนขึ่นจาก95 แล้วเป็นอีกเท่าไหร่ไม่ทราบเหมื่อนกันครับ แต่ใช้แล้วก็โอเคครับ มันลดอาการเขกแกรกๆได้ดีครับ แต่เดี่ยวนี้ผมจูนไฟเหมาะกับมันแล้ว แทบจะไม่ต้องพึ่งออกเทนบูสแล้วครับ แต่ก็ยังใช้อยู่ครับเพราะติดจายยย ถึงแม้มันจะแพงก็ตาม
คิดว่านอกจากเพิ่มค่าออกเทนแล้ว น่าจะมีสารอย่างอื่นด้วยหละครับเพราะเติมแล้วแรง นะครับ ลุงกุ้งเนี่ยชอบลองของจริงๆ
ผมว่าเนื้อหาตรงนี้ มันมีประโยชน์กับใครอีกหลายๆคนในที่นี้น่ะครับ การถามตอบไม่ใช้จะให้ความรู้แค่คนสองคนน่ะครับ มันจะทำให้ใครหลายๆคนที่กำลังสนใจเรื่องแบบนี้อยู่ได้รับรู้ตามไปด้วยครับ ไมแปลกเลยน่ะที่ปูนิ้มจะรู้เรื่องพวกนี้ ถ้ารู้นิสิแปลก อิอิ
ผมก็หวังว่าจะเป้นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วยหละครับสำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับการ จูน กล่องอะ อยากให้มีคนมาถามนอกจากพี่กุ้งอะ เบื่อแล้ว........ ล้อเล่นหนะครับ (อารมณ์เดียวกับพี่กุ้งอยากให้มีนัก DRIFT เยอะๆมั้ง ลุงกุ้งเบื่อหน้าเก่าๆ)
ผมคิดว่าการที่เราเสียเงินในการทำรถนั้น สิ่งที่เราควรจะเอามาให้ได้นอกเหนือจากรถที่เสร็จอย่างไม่มีปัญหาก็คือ ความรู้ ครับ ไหนๆก็เสียเงินแล้วก็ลงไปลุยด้วยเลยเพื่อที่จะได้เห็นเข้าใจในรถของเรา และได้มี ส่วนร่วม กับรถของเรา มันทำให้ผมคิดว่ารถคันนี้เราก็มีส่วนร่วมในการทำให้มันเสร็จขึ้นมา แล้วมันจะทำให้เรารักรถของเรามากกกกกเลยครับผม และเราก็ได้ประสบการณ์ และความรู้ติดมาอีกด้วยครับ