ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ ( จากด้านล่าง อย่าลืมเลื่อนลงไปอ่านด้วยนะ ) สิทธิพิเศษสำหรับผู้บริจาคโลหิตค่ะ 1. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษได้ ไม่เกินร้อยละ 50 2. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล + ค่าห้องพิเศษและค่าอหาร ได้ร้อยละ 50 3. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 100% + ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50 4. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ " ขอพระราชทานเพลิงศพ " ได้เป็นกรณีพิเศษ ** เฉพาะผู้บริจาคโลหิตเท่านั้น ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ **5 ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 9 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ตรวจวิเคราะห์สารเคมีในโลหิตได้ เช่น ตรวตจหาน้ำตาล , ไขมัน , การทำงานของตับ , การทำงานของไต ฯลฯ โดยผู้บริจาคโลหิตสามารถใช้สิทธิ์ได้ ปีละ 1 ครั้ง เพื่อนๆ พี่ๆ คนใด ที่น้ำหนักตัวเกิน 45 ก . ก . ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ต้องทานยาเป็นประจำ ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ อยากจะชวนไปช่วยกันบริจาคเลือดทุกๆ 3 เดือนเป็นประจำนะคะ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ มักจะไปบริจาคกันปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งก็คือ " วันเฉลิมฯ " ทำให้ช่วงวันเฉลิมจะมีเหลือเข้าสภากาชาด เยอะจนล้น แต่ในขณะที่ไม่ใกล้กับวันเฉลิมฯ จะมีปัญหาเรื่องเลือดหมดคลัง จึงอยากจะชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ไปบริจาคเลือดกันนะคะ เพราะนอกจาก เราจะได้ทำบุญ ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์แล้ว เรายังเป็นการตรวจสุขภาพตัวเราเอง ไปในตัวด้วยนะคะ เพราะถ้าหากสุขภาพเราไม่ดี ทางสภากาชาด เค้าก้อไม่รับบริจาคโลหิตจากเรานะคะ ไว้สัปดาห์นี้ จะไปบริจาคเลือด แล้วจะส่งภาพถ่ายมาให้ดูใหม่นะคะ อย่าลืม ** บริจาคเลือดทุก 3 เดือนนะค๊า ** อย่าลืม ** อ่าน FW เมล์ด้านล่างด้วยนะ ** * v * คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นผลมาจากการบริจาคโลหิตโดยแท้ !!! รุ่นพี่ของเราคนหนึ่ง อายุประมาณ 35 ปี ทำงานอยู่ที่ ทีพีไอ สำนักงานใหญ่ ซึ่งบริษัทมีสวัสดิการให้ พนักงานตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี ผลการตรวจล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว ปรากฎว่าพี่เค้าเป็นโรคลิ้น หัวใจรั่ว ซึ่งคุณหมอก็งงเหมือนกัน เพราะเกือบทั้งหมดของคนที่เป็นโรคนี้ มักเป็นมาแต่กำเนิด หลังทราบผล พี่เค้าก็ไปปรึกษาคุณหมอ สรุปว่า ทางเดียวที่จะรอดได้ก็ต้องผ่าตัด เพื่อดูว่าสามารถ ซ่อมลิ้นหัวใจได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ หลังจากปรึกษาที่รพ.เซ็นหลุยส์ ค่าใช้จ่ายในการ ผ่าตัดประมาณ 3 -4 แสนบาท จึงลองไปปรึกษาที่รพ.จุฬาฯ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1 แสน กว่า ๆ จึงตัดสินใจไปผ่าตัดที่รพ.จุฬา ฯ แต่ก่อนหน้านี้ พี่เค้าบริจาคเลือดทุก ๆ 3 เดือนมาโดยตลอด รวมทั้งหมดที่บริจาคก็ 49 ครั้ง และ พี่เค้าก็ได้รับคำแนะนำมาว่า ทางสภากาชาดจะช่วยเหลือในส่วนของค่าห้องในการพักรักษาตัวได้ จึงได้ไปขอจดหมายรับรองจากสภากาชาดไว้ ว่าได้บริจาคเลือดจำนวนครั้งเท่านี้จริง อย่างน้อย ก็จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง พี่เค้าเพิ่งได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 48 นี้เอง วันที่ออกจากรพ. ก็ต้องไป เคลียร์ค่าใช้จ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นเงิน 110,000 บาท แต่พี่เค้าต้องจ่ายจริง คือค่ายาเพียง 9,800 บาทเท่านั้น เพราะสรุปว่า สภากาชาดออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เจ้าหน้าที่ของรพ.แจ้งว่า ได้รับสิทธิ์เหมือนกับข้าราชการคนหนึ่ง ส่วนของค่ายาที่ต้องจ่ายเองนั้น เพราะเป็นยาบัญชีประเภทสอง ซึ่งถึงจะเป็นข้าราชการก็ต้องจ่ายส่วนนี้เองเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ยังแนะนำอีกว่า เพียงแค่คุณบริจาค เลือดกับสภากาชาดอย่างน้อย 24 ครั้ง คุณก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้เหมือนที่รุ่นพี่เราได้รับไปแล้ว นี่ถือเป็นโชค 2 ชั้นเลยนะ ได้บุญจากการบริจาคเลือดแล้ว ยังเหมือนได้ประกันแถมมาอีก ถ้าใครมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี ก็พยายามไปบริจาคเลือดไว้นะ แต่ขอย้ำว่า นับเฉพาะที่บริจาค ไว้กับสภากาชาดเท่านั้นนะ