@@@ พี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากโทลเวย์เป็นไงกันบ้างครับ!!!??? @@@

จากกรณี...



ผู้บริหารดอนเมืองโทลเวย์ ยืนยัน วันที่ 22 ธ.ค. นี้ มีการปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทาน

ผู้บริหารดอนเมืองโทลเวย์ ยืนยัน วันที่ 22 ธันวาคมนี้ มีการปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทาน ขณะที่ภาครัฐเตรียมมาตรการรับมือปริมาณรถบริเวณถนนวิภาวดี-รังสิต ที่คับคั่ง
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ ดอนเมืองโทลเวย์ ว่า เบื้องต้นจากการพิจารณาเงื่อนไขข้อกฎหมายที่แก้ไขล่าสุดในปี 2550 การขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้ดอนเมืองโทลเวย์มีสิทธิ์ที่จะปรับขึ้นซึ่งเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน แต่ทั้งนี้ภาครัฐจะขอดูคำตัดสินกรณีบริษัท วอเตอร์ บราว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยดอนเมืองโทลเวย์ที่ฟ้องรัฐกรณีข้อพิพาทที่มีการก่อสร้างถนนโลคัลโรด หลังจากรัฐมีการต่อสัญญาสัมปทานให้ดอนเมืองโทลเวย์อีก 25 ปี แลกกับการยอมลดค่าผ่านทางให้เหลือ 20 บาทเป็นระยะเวลา 1 ปี สมัยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมาสู่การฟ้องร้องในครั้งนี้ แต่ในสัญญาระบุว่าการแก้ไขสัญญาจะไม่นำไปสู่การฟ้องร้อง ซึ่งภาครัฐยืนยันจะต่อสู้ตามแนวทางหากคำตัดสินว่าบริษัท วอเตอร์บราวผิดจริง ดอนเมืองโทลเวย์ต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวด้วย สำหรับการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณถนนวภาวดี-รังสิต คาดว่าจะมีปริมาณรถเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 หรือ 20,000 คันจาก 200,000 คันที่ใช้ดอนเมืองโทลเวย์ เบื้องต้นจะมีการปรับปรุงป้ายรถเมล์แก้ไขจุดตัดไม่ให้การจราจรคับคั่ง พร้อมจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์แนะนำเส้นทางในการเดินทาง รวมถึงการแก้ไขปัญหาระยะยาวการสร้างทางกลับรถที่ไม่ผิดสัญญาสัมปทาน
ด้านนายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริหารบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 21 ธันวาคมนี้ การปรับขึ้นค่าผ่านทางจะมีผลทันที จาก 55 บาท เป็น 85 บาทตลอดเส้นทาง ทั้งนี้ยอมรับว่าผลจากการปรับค่าผ่านทางในครั้งนี้อาจส่งผลให้ผู้ใช้ทางลดลงประมาณร้อยละ 30-40 แต่เชื่อว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-20 แต่ทั้งนี้บริษัทจะขอใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนในการศึกษาผลกระทบจากนั้นจะมีมาตรการจูงใจให้คนหันกลับมาใช้ทางเพิ่มขึ้น


พี่ น้องเป็นอย่างไรกันบ้าง ส่วนตัวมีความรู้สึกเห็นใจผู้มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ คิดสภาพออกเลยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยทำงานบ. อยู่แถวเพลินจิต ผมบ้านอยู่ดอนเมือง ก็คงจำเป็นต้องใช้ อ้วกแน่ๆ

แสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อสังคมอย่างแรงของบ.ดอนเมืองโทลเวย์ครับ

สรุปตัวเลขวันแรก 22 ธ.ค. ผู้ใช้น้อยลง 41% แต่รายได้บวกเพิ่มจากปกติ 400,000.- กว่าบาทครับ

 

เมื่อก่อนไม่คิดอะไรมากก็ขึ้นนะ แต่ต่อไปจะขึ้นที ต้องคิดหลาย ๆ รอบหน่อย แพงเหลือเกิน

 

เห็นใจเขาเหมือนกัน

ได้ทุนคืนเมื่อไหร่ ก็ลดราคาลงบ้างแล้วกันนะครับ

ต้องด่ารัฐบาลยุคที่ให้สัมปทาน รู้ว่าเสียเปรียบแล้วยัง "อยาก" อีก

 

เริมปรับตัวมาเดือนนึงแล้วครับ

เลิกขึ้นแน่นอน ถ้าไม่คอขาดบาดตายจริงๆ

 

ไปรังสิต...............แม่งแพงกว่าไปชลบุรีอีก......!!!!~

 

เช้านี้ โทลเวย์ โล่งเลย

 

ถ้าขึ้นไปแล้ว ถนนมันเลื่อนพาไปเอง ก็น่าขึ้นอยู่นะราคานี้..

 

พร้อมใจกันไม่ใช้โทลเวย์
เผื่อว่าคนใช้น้อยแล้วจะลดราคาลงเท่าเดิม

 

ถ้ามีเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ ผมก็ไม่ขึ้นนะ เพราะว่าขึ้นไปก็ขับได้แค่ 110 km/h ไม่รู้จะเสียเงินขึ้นไปทำไม

 

จากเเพงอยู่เเล้ว กลายเป็นเลิกขึ้น

 

แต่ก็ยังดีที่มีส่วนฟรีให้ขึ้นนิดนึงนะครับ (อนุสรณ์สถานไปลงรังสิต)

 

แพงเกินอ่า

 

นักการเมืองไทย
ให้สัมปทานใคร ประเทศไม่เคยได้ประโยชน์สูงสุดหรอกครับ ตระกูลตัวเองมีแต่...รวยเอา รวยเอา

 

ออกเร็วขึ้นอีกนึดดีกว่า...

 

ผมตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นโทลเวย์แล้วครับ ยกเว้นในกรณีเร่งด่วนจริงๆเท่านั้นถึงจะขึ้นครับ จ่ายค่าทางด่วนแพงกว่าค่าอาหารมาตราฐานหนึ่งมื้อถึงสองเท่า ไม่ไหวนะครับ รัฐบาลไม่เห็นจะมีแนวทางช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เลยครับ ไม่เห็นว่าจะทำให้ประชาชนรับรู้ถึงการประชุมหาแนวทางแก้ไข หรือ หาทางออกในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถนนวิภาวดีรังสิตไม่มีไฟแดง แต่รถติด!!! นั่นแสดงถึงการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุดหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างหน้าสนามบินดอนเมือง รถจะติดช่วงนั้นมากๆ สาเหตุนั้นมาจาก...........ตรงจุดจอดป้ายรถประจำทางครับ จอดไม่เป็นระเบียบ ซ้อนคัน ท้ายโผล่กินเลนออกมามาก หรือไม่ก็จอดมันกลางถนนซะเลย แล้วรถด้านขวามันก็เบียดๆกับทางซ้าย มันก็ติดซิครับ ผ่านพ้นจุดนั้นมาก็โล่งครับ มาติดอีกทีก็เลยช่วงหลักสี่มาแล้ว เริ่มมาชะลอตัวก่อนถึงแยกบางเขนตรง ม.เกษตร แล้วก็ยาวไปถึงช่วงรัชวิภา พ้นช่วงนั้นไปก็โล่งไปอีกนิด ไปติดต่อตรงช่วงลาดพร้าว ซึ่งติดเฉพาะเลนซ้าย เลนขวากับเลนกลางยังพอวิ่งได้ จากนั้นไปติดตรงช่วงหอการค้าเลยครับ
ผมว่ารัฐบาลน่าจะมีแนวทางแก้ไขให้ประชาชนมากกว่านี้นะครับ ไม่ใช่ว่าเค้าอ้างสัญญาแล้วทำอะไรไม่ได้ก็เฉยเมยซะงั้น หาทางออกทางอื่นให้ประชาชนบ้างก็ดี เช่น ปรับปรุง Local Road ให้ใช้งานได้ดีกว่านี้ ไหนๆก็โดนฟ้องร้องเรื่องนี้อยู่แล้ว ตอนนี้รถจากวิภาวดีจะเข้ามาใช้ local road ยังไม่สะดวกเลยครับ กว่าจะเข้าได้ก็รถติดต่อแถวกันยาวๆ คนเค้าก็เบื่อกันซิครับ ไม่รู้ว่าเราจะได้รัฐบาลไหนเข้ามาทำงานอย่างจริงๆจังๆบ้างนะครับ

ประชาชนก็ต้องจำใจใช้ทางด่วนไฮโซกันต่อไป.......

 

ขออภัย... "...แท้ๆครับ" :sad::sad:

 

พวกผู้ใหญ่เค้าเห็นแต่ประโยชน์ตัวเองแท้ๆครับ...

 

55 ยังขึ้นไป 2 ครั้งเอง

 

ถ้าไม่รีบมากๆๆก็อย่าไปขึ้นดูสิจะทำไงต่อไป ให้เขาตายไปข้างอิอิ

 

ถ้าค่อยๆขึ้นทีละ 5 บาทๆ ไปเรื่อยๆยังพอรับได้
นี่ขึ้นพรวดเดียว 30 บาท ใครจะไปรับได้หล่ะคร้าบ

 

ดีนะ

เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว

ไม่ต้องขึ้นทางด่วน

ไม่งั๊น

" กู จะ เอา อะไร แดก เข้าไป ครับ เดือน ๆ นึง "

---------- Post added at 13:27:23 ---------- Previous post was at 13:27:07 ----------

ดีนะ

เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว

ไม่ต้องขึ้นทางด่วน

ไม่งั๊น

" กู จะ เอา อะไร แดก เข้าไป ครับ เดือน ๆ นึง "

 

ผมก้อเลิกขึ้นคับ ถ้าไม่เร่งรีบอะไร วิ่งข้างล่างดีกว่า

แต่ถ้ารถติดมากนี่ จะคุ้มค่าน้ำมันรึป่าว อันนี้ต้องลองดูๆ หุหุ...

 

ไม่ขึ้นมานานเเล้ว ใช้วิธีเผื่อเวลาโดยออกเดินทางให้เร็วขึ้น
นอกจากมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆถึงค่อยใช้บริการครับ
ขึ้นไปวิ่งเร็วก็โดนจับ วิ่งเลี่ยงทางอื่นอ้อมๆเอาดีก่าทำเวลาได้
วิ่งข้างล่างดีก่ามีร่มคอยกันเเดดกันฝนด้วยข้างบนไม่มี อิ อิ

 

ทุกวันนี้ ก้อจาบ้า กะค่าใช้จ่าย ยังต้องมาเจอ ค่าทางด่วน มหาโหดอีก !!!!

เห็นใจเค้านะครับ

แต่ ก้อ เห็นใจ + สงสารตัวเองมากกว่าครับ จนจาแย่แล้ว

---------- Post added at 15:14:20 ---------- Previous post was at 15:14:02 ----------

ทุกวันนี้ ก้อจาบ้า กะค่าใช้จ่าย ยังต้องมาเจอ ค่าทางด่วน มหาโหดอีก !!!!

เห็นใจเค้านะครับ

แต่ ก้อ เห็นใจ + สงสารตัวเองมากกว่าครับ จนจาแย่แล้ว

 

มองในแง่ร้าย......

น่าเห็นใจ คนที่ต้องไปทำงาน

สมมุติว่า ทำงานได้วันละ 300

มันจะเอาเงินที่ไหน กินข้าว เติมน้ำมันหล่ะวะเนี่ย

มองในแง่ดี...

โทล์เวย์คงได้เป็นทางด่วนจริงๆสักทีแบบว่า ใครอยากเร็วต้องลงทุน แต่ขอร้องเหอะ
จะมีตำรวจไว้จับทำ " ปลาทอง " มึงหรอ

( ปลาทอง = เรื่องแหยม 2 )

ทางด่วน มีไว้ขับ 80 หรอคับ ตรงด่านดอนเมืองเนี่ย

 

แพงเกิ๊น ..... 85 บาท แพงกว่าค่าขนมลูกอีก

 

ข้นจากประชาชื่นไปลงดาวคะนองยังถูกกว่าอีก

 

แม่ง เพี้ยนนนนนน

 

เปิดใจเจ้าพ่อโทลล์เวย์ สมบัติ พานิชชีวะ วันนี้ผมยังรอเวลาและโอกาส


โดย ประชาชาติธุรกิจ เมื่อ วัน จันทร์ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2549 02:06 น.

สัมภาษณ์

ก่อนที่จะปิดฉากสนามบินดอนเมือง ในวันที่ 28 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา เพื่อย้ายไปที่ใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้บริหารบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานโทลล์เวย์ ได้คาดการณ์กันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า บริษัทได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามากน้อยแค่ไหน ต้องรอให้สนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้อย่างเป็นทางการ

วันนี้เวลาผ่านไป 1 เดือนแล้ว สถานการณ์ของโทลล์เวย์เป็นยังไง ประชาชาติธุรกิจ ได้สัมภาษณ์พิเศษ สมบัติ พานิชชีวะ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ในเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิและทิศทางของบริษัทที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคต

- รู้ล่วงหน้ามั้ยว่าสนามบินดอนเมืองจะย้าย

สมัยก่อนไม่มีใครรู้ รู้แต่ที่พูดกันว่าหนองงูเห่า พูดกันมา 40 ปี ไม่คิดว่าจะจริงจัง มารู้จะเกิดจริงๆ เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ที่รัฐมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาว่าจะสร้างสนามบิน แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักที่โทลล์เวย์ย่ำแย่เพราะรัฐทำอะไรไม่คิดถึงบริษัททำให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะสร้างทางแข่งขันขึ้นมาโดยไม่ต้องเสียเงิน เป็นการแข่งขันแบบไม่เป็นธรรม

- วันนี้สถานการณ์บริษัทเป็นยังไงบ้าง

รายได้ลดไปอย่างที่คิดไว้ ซึ่งลดมากจากที่คาดคะเนไว้ ก่อนที่ย้ายสนามบินดอนเมือง รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 3.3 ล้านบาทต่อวัน เมื่อสนามบินย้ายไป วันนี้ตกเหลือ 2.4 ล้านบาทต่อวัน หายไปประมาณ 9 แสนบาทต่อวัน เฉลี่ย 27% หรือประมาณ 30,000 คันต่อวัน จากเดิมที่ปริมาณรถที่มาใช้โทลล์เวย์อยู่ที่ 129,000 คันต่อวัน

ผ่านมา 1 เดือน คิดแล้วรายได้หายไป 27 ล้านบาท ถ้าคิดเป็นปี หายไป 324 ล้านบาท ถือว่าเยอะมาก หายไป 27% ตอนเริ่มต้นย้ายไปใหม่ๆ ไม่มากประมาณ 22% แต่ทุกวันรถก็หายไปเรื่อยๆ ที่หายไปเพราะรถไม่วิ่งบนโทลล์เวย์ ไปวิ่งข้างล่างแทน เพราะเมื่อสนามบินย้ายการจราจรข้างล่างก็โล่ง

ผมนะนั่งดูบัญชีรายได้ทุกวัน ตั้งแต่วันแรกที่สนามบินดอนเมืองย้ายไปสุวรรณภูมิ วันแรกรายได้หายไป 6 แสนบาท วันที่สองหายไป 7 แสนบาท วันที่สามหายไป 8 แสนบาท และมาล่าสุดหายไป 9 แสนบาท รายได้หายไปเรื่อยๆ ผมดูแล้วก็ใจหาย เพราะเป็นธุรกิจ คิดแต่ว่าแย่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีแผนรองรับและแก้ไขอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดค่าใช้จ่าย เพราะโทลล์เวย์ไม่เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่จะสามารถรัดเข็มขัดได้

- ประเมินดูแล้วสถานการณ์จะเป็นยังไงต่อไป

ยังไม่ได้ประเมินเลย ผมไม่รู้ว่า 1 เดือนที่ผ่านมานี้ ถือว่าอิ่มตัวหรือยัง ไม่รู้ว่าเดือนหน้านี้รถจะหายไปอีกเท่าไหร่ จะมากหรือน้อยกว่านี้หรือเปล่า ยังประเมินไม่ได้ แต่ดูแล้วถ้าหายคงจะไม่มากเท่าไหร่

- จะแก้ปัญหายังไง

ไม่มีอะไรที่ปรับได้ เพราะมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ คงต้องดูต่อไป ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน รอเวลาให้การจราจรเติบโตเองตามธรรมชาติ หวังว่าสนามบินดอนเมืองทางรัฐบาลจะนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้งหนึ่ง

- เปิดดอนเมืองอีกครั้งสถานการณ์บริษัทจะกลับมาเหมือนเดิม

คงไม่เท่าเดิม แม้ว่าสนามบินดอนเมืองจะเปิดใช้อีกครั้ง จะทำอะไรก็ตาม ปริมาณรถคงไม่กลับมาเท่าเดิม ที่รัฐบอกว่าจะเป็นสนามบินของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ซึ่งก็มีวันละไม่กี่ไฟลต์ รถคงไม่มากเท่าไหร่ เพราะดูแล้วคนมาใช้โทลล์เวย์คงไม่มาก

- แต่ช่วยให้บริษัทดีขึ้น

ใช่ แต่คงไม่มาก ขึ้นอยู่กับแผนการพัฒนาของรัฐด้วย จะใช้สนามบินดอนเมืองทำอะไรต่อไป ถ้าเป็นประโยชน์และสามารถดึงคงมาใช้บริการมากๆ จะทำให้รถที่มาใช้โทลล์เวย์มากขึ้นด้วย เราจะได้ผลพวงจากตรงนี้ ซึ่งตรงนี้อาจจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสของเราได้ แต่ความหวังคงมีไม่มากนัก

- จะปรับแผนการตลาดบ้างมั้ย

ธุรกิจโทลล์เวย์คงไม่มีอะไร ไม่เหมือนธุรกิจขายของ มันอยู่เฉยๆ ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ใช้บริการ คนอยากใช้ก็มา ไม่ใช้ก็ไม่ต้องมา คนที่มาใช้เพราะเดินทางไปทางเหนือ คนที่ไม่ไปแถมอะไรให้เขา เขาก็ไม่มาใช้ มันไม่เหมือนกับธุรกิจอื่น เป็นธุรกิจอยู่กับที่ บริการที่ตายตัว ยิ่งขณะนี้บริษัทย่ำแย่ คนที่มีทางเลือกจะลงใช้ข้างล่าง นอกจากคนที่อยากจะไปเร็ว ขับรถให้สบายใจ เพราะข้างบนขับเรียบ ขับสบายไม่เครียด กะเวลาที่แน่นอนได้ ตอนนี้ไม่มีแผนจะทำการตลาดอะไรได้ ต้องอยู่เฉยๆ รอโอกาส แต่ก็โชคดีที่มีศูนย์ราชการที่ถนนแจ้งวัฒนะเข้ามา คงจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าจะให้โชคดีมากกว่านี้ ถ้ามีการพัฒนาทางโซนเหนือมากขึ้น

- ผู้ถือหุ้นว่ายังไงและเสนอแนะอะไรบ้าง

ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็ถาม ผมก็ตอบแบบนี้ เหมือนกับที่บอกกับสื่อมวลชน จะตอบอย่างอื่นได้ยังไง เพราะสถานภาพเป็นแบบนี้ ไม่มีการเสนอแนะอะไร เพราะมันทำอะไรไม่ได้จริงๆ

- มีใครจะขายหุ้นทิ้งบ้างเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้

มี แต่ไม่มีคนซื้อ ทุกคนอยากจะขาย ผมเองก็อยากขาย ถ้าได้ราคาที่เหมาะสม ตลอดเวลาที่คุยกันมา ผมอยากได้เงินทุนคืน จากที่ผมลงทุนไปแล้ว ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 3 บาท ก็ไม่มีคนซื้อ อาจจะเป็นเพราะโครงการไม่มีอนาคต

- คุณสมบัติอยากจะทิ้งธุรกิจนี้

ก็อยากทิ้ง แต่ไม่รู้จะสลัดทิ้งยังไง คิดไปไม่มีประโยชน์ จะขายให้รัฐ รัฐจะซื้อถูกๆ ไม่เป็นธรรม สมัยคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ราคา 6 บาท ตอนนี้ผมก็รอดูโอกาส ถ้าขายได้ราคาผมก็ขาย แต่ถ้ารัฐอนุมัติตามที่บริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลงกับกรมทางหลวง ผมจะมีความหวังมากๆ เพราะจะได้ขยายอายุสัมปทานไปอีกเป็น 27 ปี จากเดิมที่เหลืออยู่ 16 ปี ซึ่งจะเป็นรายได้ระยะยาวเข้ามา กินถึงรุ่นหลาน เพราะต่อไปโดยธรรมชาติเศรษฐกิจโต คนเดินทางไปทางเหนือจะมากขึ้น แต่ต้องรอเวลา

แต่อย่างน้อย ผมก็ภูมิใจ ได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ประชาชน ในการสร้างทางให้คนเดินทางสะดวกขึ้น ไปไหนมาไหนไม่เครียด เมื่อก่อนถ้าไม่มีโทลล์เวย์ คนไปทางเหนือเป็นง่อยไปแล้ว เมื่อ 15 ปีก่อน ไปสนามบินดอนเมืองใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ลำบากยากเข็ญแค่ไหน ผมนึกถึงวันนี้แล้ว ก็มีความภูมิใจ นักท่องเที่ยวมาลงดอนเมืองรำคาญมากกว่าจะถึงโรงแรม มีโทลล์เวย์ใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที

- จะเซ็นเอ็มโอยูกับกรมทางหลวงเมื่อไหร่

ยังไม่รู้เลย ต้องรอให้รัฐบาลอนุมัติรายละเอียดที่ได้ทำร่วมกับกรมทางหลวงเสียก่อน ซึ่งขณะนี้ให้ทางอัยการตรวจร่างสัญญาอยู่ ในรายละเอียดกรมทางหลวงจะยืดอายุสัมปทานให้เป็น 27 ปี แลกกับที่บริษัทลดค่าผ่านทางให้ เรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่บริษัทเรียกร้องไปก็จะหมดไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นผลเสียหายจากการที่รัฐสร้างถนนโลคัลโรด ทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด สะพานข้ามแยกลาดพร้าว เป็นต้น ทุกอย่างเป็นอันเลิกแล้วกันไปที่ไม่ถูกต้องตามสัญญา มาเริ่มต้นกันใหม่

- ภาระหนี้ของบริษัท

ตอนนี้เรามีหนี้อยู่ประมาณ 10,500 กว่าล้านบาท ขาดทุนสะสม 5,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเราได้ปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว ชำระหนี้ใน 15 ปี นับจากปี 2549 เป็นต้นไป จ่ายดอกเบี้ยปีละ 600 ล้านบาท เงินต้นช่วงปีแรกจะค่อนข้างถูก ปีละ 50 ล้านบาท แต่ปัจจุบันรายได้ของบริษัทลดลงมาก จากผลกระทบการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ เหลือ 876 ล้านบาท จากเดิมที่เคยได้ 1,200 ล้านบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว รวมถึงค่าเสื่อมปีละ 200 ล้านบาท จะเหลือเงินประมาณ 20 กว่าล้านบาทเท่านั้นในแต่ละปี ดูแล้วปีนี้ทั้งปีบริษัทจะขาดทุน

ฟังสัมภาษณ์วันนี้เค๊าบอก "สิ่งที่เค๊าทำ มันเหมาะสมแล้ว..."

 

แพง ๆๆๆ เหมือนเรา ช่วย เค้า ผ่อน เลย

นั่งรถ เมล์ แทนแล้ว