เบรกมือ เบรก เป็นคำมาจากภาษาต่างประเทศที่คนไทยเราเรียกทับศัพท์จนคุ้นเคย และเกือบทุกขั้นตอนและชิ้นส่วนรวมถึงระบบการทำงานของเบรก ที่เราเรียกทับศัพท์จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป หลายครั้งที่เรียกย้อนกลับมาเป็นภาษาไทย กลับหาคนเข้าใจได้ยากยิ่งกว่าการเรียกทับศัพท์เสียอีก "ห้ามล้อ" คือ คำภาษาไทยที่เรียกกันอย่างเป็นทางการ เบรกจาน หรือห้ามล้อชนิดจาน คือความหมายของคำว่า ดิสก์เบรก ส่วน ดรัมเบรก ในภาษาไทยเราเรียกว่า เบรกดุม หรือห้ามล้อชนิดดุม แถมยังมีคำว่าเบรกก้ามปูเพิ่มขึ้นมาอีกชนิดหนึ่งด้วยซ้ำ เบรกก้ามปูก็คือเบรกที่เราเห็นกันในรถจักรยานเป็นส่วนใหญ่ ที่ใช้การทำงานโดยมียาง 2 ชิ้นหนีบตัวเข้ามาประกบกับขอบล้อ นั่นละคือเบรกก้ามปู ซึ่งในรถยนต์รุ่นเก่า การทำงานของเบรกมือก็จะทำงานในลักษณะคล้ายกันกับเบรกก้ามปู มี เบรกชนิดหนึ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกได้ตรงตามการใช้งานมากคือ Parking Brake ซึ่งสามารถแปลได้ว่า ห้ามล้อใช้สำหรับจอดรถ แต่พอมาเป็นภาษาไทยเราเรียกว่าเบรกมือ ซึ่งอาจจะเห็นว่าเป็นเบรกชนิดเดียวในรถยนต์ยุคแรก ที่ใช้มือเป็นตัวสั่งการบังคับให้กลไกทำงาน ในขณะที่เบรกอื่นๆ เช่นเบรกหน้า และ เบรกหลัง ต่างใช้เท้าเป็นตัวเริ่มต้นสั่งการทั้งสิ้น การเรียก Parking Brake ว่า เบรกมือ นี้เอง ที่ทำให้ผู้ใช้รถส่วนหนึ่งเกิดความสับสนกับหน้าที่การทำงานของเบรกดังกล่าว มีใจความสำคัญว่า ห้ามใช้เบรกมือขณะขับรถ มิฉะนั้นจะเกิดอันตราย ทำไม และจะใช้ได้เมื่อไรถึงไม่เกิดอันตราย และเขามีเบรกมือเอาไว้ทำไม อัน ที่จริงเบรกที่เรียกกันว่าเบรกมือนั้น ปัจจุบันนี้ก็ไม่น่าเรียกกันว่าเบรกมือแล้ว เพราะมีเบรกที่ทำหน้าที่แบบเดียวกันในรถยนต์หลายยี่ห้อ ที่ใช้เป็นตัวเริ่มบังคับกลไก ที่เห็นบ่อยหน่อยก็คือรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์นั่นเอง ที่ใช้เท้าเป็นตัวกดคันบังคับ แต่ยังใช้มือเป็นตัวคลายกลไกอยู่ เบรก มือส่วนใหญ่จะทำหน้าที่หยุดการเลื่อนไถลของรถด้วยการจับล็อกที่เพลากลางหรือ ที่กลไกเบรกที่ล้อหลัง ดังนั้นหากใช้เบรกมือทำงานขณะที่รถวิ่งอยู่ โอกาสที่รถจะหมุนคว้างเสียการทรงตัวจึงมีมากกว่าการใช้เบรกปกติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าในขณะที่เหยียบเบรกตามปกตินั้น แม้ว่ากลไกจะไปบังคับให้เบรกทั้ง 4 ล้อทำหน้าที่พร้อมกัน แต่วิศวกรผู้ออกแบบก็ได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า เบรกที่ล้อหน้าจะต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเบรกที่ล้อหลัง และเมื่อล้อหน้าทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า รถก็จะมีอาการหมุนหรือเสียการทรงตัวน้อย ในภาษาอังกฤษเรียกเบรกมือว่า Parking Brake นั่นหมายถึงว่า เบรกชนิดนี้ให้ใช้งานในขณะที่รถจอดเท่านั้น เป็นการใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้รถเกิดการเคลื่อนที่หรือเลื่อนไหลไปในขณะ ที่ไม่มีใครอยู่ในรถ หรือในขณะที่ต้องการจอดนั่นเอง โดยเบรกมือที่เราเรียกกันนี้ส่วนใหญ่ใช้สายสลิงเป็นกลไกสำคัญในการเหนี่ยว รั้งกลไก ดังนั้นเมื่อใช้งานไปนานๆ หรือทุกๆ 1 ปี จึงควรให้ช่างทำการปรับตั้งความตึงหย่อนของสายสลิงให้ได้ระดับ เมื่อดึงเบรกมือขึ้นมาจะได้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้ ขับขี่รถที่ดีจึงควรดึงเบรกมือขึ้นมาทุกครั้งที่จอดรถ ยกเว้นแต่ในกรณีที่ไปจอดรถขวางทางผู้อื่นเท่านั้น แม้แต่การจอดรถขณะติดไฟแดงหรือจอดรถรอการจราจรนานๆ ก็ควรดึงเบรกมือขึ้นมาเพื่อป้องการลื่นไถลทุกครั้งเช่นกัน และในรถยนต์ที่มีคันบังคับเบรกมืออยู่ระหว่างเบาะที่นั่งของผู้ขับและผู้ โดยสารตอนหน้า พึงหลีกเลี่ยงการเอาสิ่งของใดๆ ไปวางเกะกะในบริเวณคันบังคับเบรกมือ เพราะอาจจะทำให้คันบังคับเบรกมือถูกปลดลงไม่สุดเมื่อต้องการปลด ทำให้เกิดกรณีเบรกค้างหรือเบรกไหม้ขึ้นมาได้ เมื่อพบ ว่ามีไฟแสดงสัญญาณเบรกมือติดขึ้นที่หน้าปัด ทั้งที่แน่ใจว่าได้ปลดเบรกมือลงอย่างแน่นอนแล้ว ให้จอดรถให้สนิทแล้วลองดึงและปลดเบรกมือแรงๆ 2-3 ครั้ง เพราะสวิตช์สัญญาณไฟเบรกมืออาจจะค้างได้ แต่หากพบว่าสัญญาณไฟเตือนยังติดอยู่ ก็ให้ตรวจดูที่กระปุกน้ำมันเบรก เพราะรถยนต์หลายยี่ห้อที่ติดตั้งตัววัดสัญญาณไว้ที่กระปุกน้ำมันเบรก เพื่อเป็นตัววัดว่าระดับความหนาของผ้าดิสก์เบรกลดลงจนถึงระดับที่ควรเปลี่ยน ดังนั้นเมื่อผ้าเบรกบางลงมากๆ น้ำมันเบรกจะลดลงเพราะน้ำมันเบรกส่วนหนึ่งจะไหลไปแทนที่ความหนาของผ้าเบรก ที่ลดลงไป พอน้ำมันเบรกลดระดับลงไปตัววัดสัญญาณจึงส่งสัญญาณไปให้ไฟเตือนแดงขึ้นนั่น เอง ส่วนผู้ขับรถที่ดึงเบรกมือขึ้นทุกครั้งที่จอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องจอดรถค้างคืน เช้าขึ้นมาเมื่อสตาร์ทรถและจะนำรถออกไปใช้ หากพบว่ารถมีกำลังน้อยลงเหมือนกับลักษณะของเบรกติดเบรกค้าง หรืออาจจะพบว่าเมื่อเคลื่อนตัวรถไปข้างหน้าแล้วมีเสียงกระแทกเกิดขึ้นที่ บริเวณใต้ท้องแถวล้อหลัง นั่นหมายถึงว่าผ้าเบรกของคุณไม่ยอมคลายตัวตามการคลายของคันเบรกมือ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ เกิดจากการรัดและหดตัวของผ้าเบรกที่ถูกดึงขึ้นมาใช้งานขณะร้อนและหดตัวลงใน ตอนกลางคืนที่อากาศเย็น บวกกับผ้าเบรกที่รัดตัวแน่นจนเกิดสุญญากาศระหว่างหน้าสัมผัสผ้าเบรก กับหน้าสัมผัสจานเบรกทำให้คลายตัวออกได้ยาก พบอาการอย่างนี้ก็เพียงแค่ถอยหลังออกตัวแรงๆ ผ้าเบรกก็จะคลายตัวง่ายขึ้น และนำรถไปปรับตั้งสายสลิงเบรกเสียใหม่เท่านั้นเองครับ ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก teentoa.com ขอขอบคุณ พี่ คนเมือง
ข้อมูลแน่นปึ๊กครับ แต่ขอบอกไว้อย่างนึงอาจจะไม่เป็นทุกคันนะครับ รถเพื่อนผมมันเป็นรุ่นเก่ามากๆ มันดึงเบรคมือจอดไว้ที่บ้านเสร็จแล้วเช้ามาสต๊าทไม่ติดเพราะแบตหมด ก็เลยทิ้งใว้อย่างงั้นแล้วเอามอไซด์ไปทำงาน รอจนกระทั่งเงินเดือนออก เลยไปอีก15วัน รวมแล้ว45วันมันไม่ได้ขยับรถไปไหน ปรากฎว่าพอวันที่6ของการจอดน้ำท่วมบ้านท่วมถึงครึ่งล้อ มันก็ลืม รอจนน้ำลดก็ไม่ได้สนใจ พอไปซื้อแบตมาใส่เท่านั้น ดึงเบรคมือลงไม่ได้ครับ เพราะสนิมกิน ต้องขึ้นแม่แรงรื้อเบรคหลังกันยกใหญ่ นี่แหละน้าไม่ใช่ป้ายแดง555 ---------- Post added at 22:00:55 ---------- Previous post was at 22:00:36 ---------- ข้อมูลแน่นปึ๊กครับ แต่ขอบอกไว้อย่างนึงอาจจะไม่เป็นทุกคันนะครับ รถเพื่อนผมมันเป็นรุ่นเก่ามากๆ มันดึงเบรคมือจอดไว้ที่บ้านเสร็จแล้วเช้ามาสต๊าทไม่ติดเพราะแบตหมด ก็เลยทิ้งใว้อย่างงั้นแล้วเอามอไซด์ไปทำงาน รอจนกระทั่งเงินเดือนออก เลยไปอีก15วัน รวมแล้ว45วันมันไม่ได้ขยับรถไปไหน ปรากฎว่าพอวันที่6ของการจอดน้ำท่วมบ้านท่วมถึงครึ่งล้อ มันก็ลืม รอจนน้ำลดก็ไม่ได้สนใจ พอไปซื้อแบตมาใส่เท่านั้น ดึงเบรคมือลงไม่ได้ครับ เพราะสนิมกิน ต้องขึ้นแม่แรงรื้อเบรคหลังกันยกใหญ่ นี่แหละน้าไม่ใช่ป้ายแดง555
ใช้ยางดอกน้อยครับ เอาที่แก้มยังนิ้มหน่อย เริ่มฝึกนะครับ จะลานหรือยูเทิร์น ตามสะดวกและความเหมาะสมครับ + อ้างถึง ตอบกลับ