Laos Trip ตอนที่ 3 : Day 2 โดนลาวหลอกที่ปั๊มน้ำมัน - ถนนโลกพระจันทร์สู่วังเวียง - ร่วมฉลอง Happy New

การสนทนาใน 'Food & Travel' เริ่มโดย Emporio, 1 กุมภาพันธ์ 2010

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Emporio

    Emporio Active Member ทีมงานสมาชิก Super Moderator

    378
    35
    28
    เช้ามาผมตื่นแต่เช้า ไม่รู้เป็นไรวันทำงานตื่นสาย แต่เวลาไปเที่ยวเหนื่อยๆทีไรตื่นเช้าทุกที เช็ครถเป็นอันดับแรกครับ
    จริงๆแล้วรถผมเนี่ยะ ต้องล้างลิ้นปีกผีเสื้อมาตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้ว แต่ด้วยความฉุกละหุกเลยไม่ได้ล้าง
    จึงติดเอาอุปกรณ์มาด้วย เนื่องจากว่าเดินเบาเริ่มสดุดนิดๆ รถผมต้องล้างบ่อยๆเพราะใช้กรองอากาศแบบแสตนเลส ฝุ่นเข้าเยอะ

    นี่คือโรงแรมที่ตอนแรกเราตัดสินใจว่าจะนอน

    [​IMG]

    นี่คือม่านรูดที่เรานอนครับ อยู่ข้างๆกันเลย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    คาราโอเกะห้องรวมเมื่อคืน เป็นห้องที่อยู่ในสถานที่เดียวกับห้องพักนั่นแหละ

    [​IMG]

    [​IMG]

    เสร็จภาระกิจเกี่ยวกับรถ เช็คความพร้อมของรถ ก็ปลุกเมียที่รักออกไปชมเมืองยามเช้า
    ปล่อยให้พี่เก่งและครอบครัวนอนไปก่อน เพราะรู้ว่าปกติตื่นกันสายๆโน่น

    ผมกางแผนที่ขับรถเล่นไปทางตลาดจีนใหม่ เนื่องจากเส้นทางนั้นยังไม่เคยไป ครั้งที่แล้วได้แต่นั่งรถผ่าน
    ส่วนในเมืองหน่ะเดินเล่นหมดแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ใจก็ว่าจะหาที่ล้างรถซะหน่อย
    กะว่าจะล้างก่อนมาลาวก็ไม่ได้ล้างเพราะต้องรีบออกจากกรุงเทพ

    ขับรถเล่นไปเรื่อย เจอโชว์รูมรถจีนครับยี่ห้อ Chery เลยแวะดูเล่น พนักงานเพิ่งมาทำงานกันเอง
    เจอเซลล์ท่านนึง จึงลองถามราคาดู ไม่น่าเชื่อครับรุ่น QQ ที่มีขายในไทย ที่นั่นขาย 7500 ดอลลาร์
    คิดเป็นเงินไทยประมาณ สองแสนกลางๆ แต่ในไทยขาย 3 แสนกลางๆ

    อันนี้สิเด็ดสุด รุ่น Tiggo SUV ขับหน้าที่ผมได้มีโอกาส Test Drive ที่งาน Motor Expo
    ที่นั่นขายที่ราคา 16900 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5.6 แสน แต่ในเมืองไทยขาย 8 แสน

    กำลังอิจฉาคนลาวอยู่เหมือนกันว่าราคารถที่นั่นถูกจัง หรือกำแพงภาษีรถเมืองไทยมันสูง หรือบริษัทนำเข้าเอากำไรสูง
    ที่นั่นมีรุ่น A1 ที่กำลังจะมีขายในไทย ที่นั่นขาย 11000 ดอลลาห์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.6 แสน
    ราคาขายในไทยไม่รู้จะขายเท่าไหร่ ...

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เสร็จจากศูนย์ Chery ระหว่างกลับ เห็นร้านท่อไอเสียครับ มีป้าย Nitto Header Turbo ติดอยู่ด้วย
    เดาว่าต้องมีท่อของ Nitto อยู่เต็มร้านแน่เลย จึงได้แวะเข้าไปสอบถาม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เนื่องจาก Nitto เป็นสปอนเซอร์หลักของรถแข่งในทีม RacingWeb Motorsport
    จึงได้สอบถามเรื่องของ และการนำเข้ามาขาย และรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับการตลาด
    กลับเมืองไทยจะได้เอาข้อมูลไปให้ทาง Nitto ไว้เป็นแนวทางการทำตลาด

    ก่อนกลับที่พัก แวะไปขับรถริมๆโขงเพื่อดูการก่อสร้างและพัฒนาแถวนั้นอีกทีตอนสว่าง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ก็ยังนึกไม่ออกครับว่าสร้างเสร็จแล้วจะเป็นยังไง แต่สังเกตุว่ามีธงเกาหลีติดอยู่บริเวณนั้นด้วย
    น่าจะเป็นการร่วมทุนกับเกาหลีอีกทีหรือเปล่าไม่แน่ใจ

    กลับมาที่พักครับ ครอบครัวพี่เก่งตื่นกันหมดแล้วทยอยอาบน้ำกันอยู่
    ผมจึงให้แฟนอาบน้ำ และวนรถออกมาหาที่ล้างรถต่อ เจออยู่ที่นึง คิดราคา 120 บาท แต่คิวยาวเหลือเกิน ก็เลยไม่ได้ล้าง

    กลับมาที่ห้อง อาบน้ำ เก็บของ เตรียมเดินทางสู่วังเวียง แผนตอนนั้นเปลี่ยนเป็น นอนวังเวียง 1 คืน แล้วเลยไปนอนหลวงพระบาง 1 คืน
    กลับมานอนวังเวียง 1 คืน แล้วขับยาวมาแวะเที่ยวในเวียงจันทน์ แล้วข้ามกลับมาไทยยาวไปถึงกรุงเทพเลย ดูท่าจะเหนื่อยนะเนี่ยะ

    รถเมล์ไฟฟ้าสภาพค่อนข้างเก่า(แสดงว่าเค้าใช้กันมานานแล้ว บ้านเรายังไม่มี 555) เจอวิ่งอยู่ระหว่าเราวนหาที่กินข้าว

    [​IMG]

    เราแวะกินข้าวที่ร้านอาหารแถวๆริมโขง เน้นง่ายและไวเพราะตอนนั้น 11 โมงกว่าเข้าไปแล้ว

    ไข่ดาวฟองใหญ่มากๆ

    [​IMG]

    ระหว่างนั่งกินข้าว มีตำรวจขับไล่จับมอเตอร์ไซค์ที่ขับย้อนศรมาดักหน้าได้ที่หลังรถผมพอดี
    แอบนั่งดูตั้งนาน ไม่มีการยัดเงินกันนะ ยึดใบอะไรไปซักอย่าง ซึ่งน่าจะเป็นใบขับขี่

    [​IMG]

    กินข้าวเสร็จ มุ่งหน้าสู่วังเวียงเลยครับ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องออกนอกเมืองไปทางไหนถึงจะไปวังเวียง
    เพราะเรามีแต่แผนที่ตัวเมือง ไม่ได้มีแผนที่ทั้งประเทศ เลยไม่รู้ว่าต้องวิ่งข้ามเมืองไปทางไหน
    จึงเดินไปถามสามล้อครับ ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดี และบอกทางลัดให้เราออกนอกเมืองได้เร็วขึ้นด้วย

    ช่วงก้ำกึ่งก่อนออกนอกเมือง เราแวะเติมน้ำมันเต็มถังซัก 1 รอบเพื่ออุ่นใจก่อนการเดินทาง

    (*** ปั๊มน้ำมันช่วงเวียงจันทน์ - วังเวียง มีข้างๆทางเรื่อยๆจนออกนอกเมือง
    ช่วงที่ไม่มีปั๊มน่าจะยาวประมาณ 70 - 80 โลได้มั๊งถ้าจำไม่ผิดนะครับจะมีปั๊มอีกทีก็ช่วงเริ่มเข้าวังเวียงแล้ว
    ราคาน้ำมันเบนซินที่นั่นลิตรละ 8050 กีบ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 31.7 บาท ก็พอๆกับฝั่งไทยนะ)

    ไม่ว่าจะที่ไหนตอนเติมน้ำมัน ผมจะลงไปดูการเติมด้วยทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
    ผมสั่งเด็กปั๊มว่าเติมเต็มถังครับ ทุกอย่างก็ดูปกติดีครับ เลขก่อนเริ่มเติมเป็น 0 เด็กปั๊มก็เติมไปชวนคุยไป
    ถามว่าเรามาจากไหน มาจากเมืองไทยเลยหรอ จะไปเที่ยวไหนต่อ แล้วซักพักเด็กก็หยุดเติม
    แล้วถามว่าเติมแสนกีบบ่อ้าย ผมก็บอกว่าเติมเต็มถังไม่ได้เอาแค่แสนกีบ เด็กปั๊มเดินไป Reset หัวจ่ายครับ
    ก่อน Reset ผมก็เห็นตัวเลขบนตู้อยู่ว่า 1000... นับเลข 0 ไม่ทันว่ากี่ตัว 0 เยอะมากมาย
    เด็กปั๊มก็เริ่มเติมต่อจนเต็มถัง ซึ่งเติมเพิ่มไป 85000 กีบ ยอดรวมเป็น 185000 ผมก็จ่ายเงินไปและวนไปจอดฉี่ที่ห้องน้ำ

    พอขึ้นรถมาก็จดราคาเติมน้ำมันครับ ผมจะจดทุกครั้งที่เติมเพราะเที่ยวเสร็จจะได้มาหารค่าเดินทางกัน
    จดปุ๊บก็ลองคิดเป็นเงินไทยดูว่ากี่บาท ก็ต้องตกใจ เฮ้ยทำไมมันเติมตั้ง 7 ร้อยกว่าบาทวะ
    วิเคราะห์อยู่นาน ราคาน้ำมันที่ปั๊มคือลิตรละ 8050 กีบ เติมไปทั้งหมด 30 ลิตรเลยหรอ จะใช่หรอวะ
    เพิ่งเติมเต็มถังมาจากไทยตรงหนองคาย วิ่งข้ามมาลาว วิ่งในเมืองเวียงจันทร์ก็ไม่น่าจะเยอะ
    เข็มน้ำมันหายไป 1 ขีด มันจะเติมห่าอะไรตั้ง 30 ลิตร

    นั่งอึ้งอยู่ซักพัก คิดทบทวนทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น แม่งโกงกูแน่ๆตอนเติม 1 แสนกีบแรกนั่นแหละ
    หลังจากวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนไหนบ้างได้แล้ว ก็คิดแผนและคำพูดที่จะไปคุยกับเด็กปั๊ม
    แรกสุดเดินไปขอใบเสร็จครับ ให้เด็กมันเขียนให้ บอกว่าจะเอาไว้เป็นหลักฐานว่าเติมไปเท่าไหร่
    เด็กทำหน้านิ่งๆ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเขียนให้ครับ ระหว่างเขียน ก็เลยแกล้งถามไปว่า เออนี่ 185000 เนี่ยะคิดผิดหรือเปล่า
    รอบแรกหน่ะเติมไป 1 แสนหรือ 1 หมื่น เพราะผมเติมเต็มถังมาจากไทย วิ่งในเมืองเวียงจันทน์แป๊บเดียว เข็มลงไป 1 ขีด
    มันไม่น่าจะต้องเติมตั้ง 30 ลิตรนะ ถังน้ำมันผม 40 กว่าลิตรเอง ถ้าต้องเติม 30 ลิตรเข็มมันต้องตกไปจนจะหมดถังแล้วสิ
    เด็กปั๊มก็ทำท่าคิดตาม พอผมย้ำไปอีกทีว่า รอบแรกน่าจะเติมแค่ 10000 หรือเปล่า รวมเป็น 95000 กีบ ซึ่งก็คือเติมไป 11 ลิตรกว่าๆ
    น่าจะเป็นแบบนั้นนะเพราะรถเพิ่งวิ่งไปแป๊บเดียว เด็กมันก็เลยว่า สงสัยดูผิดครับ ขอโทษด้วย แล้วก็คืนเงินส่วนต่างมาให้

    เรื่องนี้น่าคิดนะครับ แผนแยบยลแบบนี้ใครเป็นคนคิดให้เด็กปั๊มใช้ เพราะการโกงครั้งนี้ใช้หลักการอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับจิตวิทยารวมกันหลายขั้นตอน
    1. การหยุดเติมที่เลข 10000 กีบ แล้วถามคนขับว่าแสนกีบบ่ออ้าย ... คนไทยไม่ชินกับการเติมน้ำมันราคาเป็นหลักหมื่นหลักแสนครับ
    มองแว๊บเดียวไม่ทันนับหรอกว่า 0 มันกี่ตัว แต่เด็กปั๊มพูดชี้นำความคิดมาว่าแสนกีบบ่ออ้าย ทำให้เมื่อเรามองแว๊ปไปที่ตู้ เห็น 10000 เลข 0 มันเยอะๆ
    ไม่ทันได้นับหรอกครับว่ามัน 1 หมื่น หรือ 1 แสน ก็เชื่อไปแล้วว่าเลขมันหยุดที่ 1 แสน แล้วเด็กมันก็ Reset หัวจ่ายเริ่มเติมใหม่
    2. ตอนจ่ายเงิน ผมไม่เอ๊ะใจครับ เพราะเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่ารอบแรกเติม 1 แสน บอกยอดรวมมา 185000 ก็ควักเงินจ่ายไป
    ไม่ทันได้คิดว่าทั้งหมดแล้วเติมคิดเป็นเงินไทยไปเท่าไหร่ และเติมไปกี่ลิตร
    3. ถ้าเด็กปั๊มมั่นใจว่ามันถูก มันต้องเถียงหัวชนฝาแล้วครับ ต้องทอนคืนมา 90000 กีบไม่ใช่เงินน้อยๆ เกือบ 400 บาทไทย
    แต่นี่พอฟังเราอธิบายก็ตอบมาเฉยๆว่า สงสัยดูผิดแล้วก็คืนเงินให้

    ถ้าวันนั้นไม่ได้เติมเต็มถังล่ะ ถ้าเค้าถามมาว่า 1 กีบพอบ่ออ้าย แล้วเราเกิดบอกว่าพอ แล้วจ่ายไปแสนกีบ โดยคิดว่าคงเกือบเต็มถังแล้วล่ะ
    คงวัดอะไรไม่ได้เลยเพราะไม่มีค่าอะไรมาเทียบเคียงว่าเติมไปเท่าไหร่หรือกี่ลิตรเข็มคงขึ้นมานิดเดียวเพราะเติมไปจริงๆแค่ 40 บาท
    และเราคงรู้สึกแค่ว่า สงสัยเติมไปยังไม่เต็มถัง เด็กปั๊มคงเนียนเลยครับ เติม 1 หมื่น ได้เงิน 1 แสน
    แต่ถึงสั่งเติมต่อมันก็ Reset ตู้ก่อนเติมต่อ ทั้งๆที่จริงๆแล้วสามารถเติมต่อได้เลยโดยไม่ต้อง Reset
    เพราะยังไม่ได้เอาหัวจ่ายไปเก็บไว้ที่ตู้ ตัวเลขสามารถเติมต่อได้จะ Reset ทำไม !?!?

    ใครไปก็ระวังเรื่องนี้ด้วยนะครับ เจอมากับตัว ลาวจากเมืองไทยโดนเจ้าตำหรับลาวหลอกเอาซึ่งๆหน้า
    เพราะเราไม่ชินกับตัวเลขหลายๆหลักที่ประเทศเค้า จะจ่ายเงินทำอะไรทีควรจะคำนวนเป็นเงินไทยก่อนทุกครั้งว่าผิดปกติหรือเปล่า

    ออกจากปั๊ม มุ่งหน้าสู่วังเวียง ขับไปเซ็งไป ถึงจะได้เงินคืนแต่ก็เซ็งที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
    แต่ก็ช่างมัน ใช้สมาธิอยู่บนถนนที่เราไม่คุ้นเคยการขับชิดขวาดีกว่า ช่วงก่อนออกนอกเมือง รถเยอะครับ ขับลำบากหน่อย
    เพราะทำความเร็วไม่ค่อยได้ และเราต้องได้ตกใจทั้งคันรถเมื่อจู่ๆเจอวัวบ้า วิ่งออกมาจากข้างถนน วิ่งไปยิ้มไปมุ่งหน้ามาทางเรา
    ยังไม่ทันได้แตะเบรค มันก็วิ่งเข้าซอยไปซะก่อน ลักษณะเหมือนวัวเด็ก มันคงวิ่งเล่นของมัน แต่วิ่งเร็วมากๆ
    อันตรายเหมือนกันนะเนี่ยะ วิ่งไปยิ้มไปอีกต่างหาก

    เมื่อเราเริ่มออกสู่นอกเมือง รถเริ่มน้อยลงครับ ทำความเร็วได้เยอะขึ้น ไม่สงสัยเลยว่าทำไม ร้อยกว่าโลถึงขับกัน 4 ชั่วโมง
    เพราะถนนไม่ค่อยดี แซงกันลำบากเป็นเลนรถสวน ตอนนั้นผมคิดถึงโช๊คหลังอีกคู่นึงที่ติดหลังรถมา
    คือรถผมเนี่ยะจะมีโช๊คหลังติดรถไว้อีกคู่ เป็นโช๊คที่มีความหนืดสูง ใช้ในเมืองจะกระด้างหน่อย
    เวลาใช้ในเมืองเลยจะใส่โช๊คที่นิ่มกว่า ซึ่งการเดินทางมาลาว ก็เห็นว่าตลอดการเดินทางโช๊คนิ่มที่ใส่อยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
    มีนานๆครั้งจะมีบางจังหวะที่มีผ่านทางขรุขระแล้วโช๊คยุบตัวจนยันกับยางกันกระแทกบ้าง แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากไปกว่านั้น
    แต่พอมาถึงทางที่วิ่งไปวังเวียง ถนนเป็นคลื่นมากครับ เริ่มสร้างปัญหากับช่วงล่างที่นิ่มเกินไป ยิ่งรถแบกน้ำหนักเยอะกว่าปกติขนาดนี้แล้ว
    จังหวะจั๊มลงสุดมันยังมียางกันกระแทก แต่จังหวะดีดกลับแรงๆถ้าโช๊คมีความหนืดน้อยจะอันตรายมากๆ ยิ่งถ้าวิ่งมาเร็วๆมันจะดีดทำให้รถเสียหลักได้เลย

    ผมเริ่มคุยกับพี่เก่งว่าเราคงต้องจอดเปลี่ยนโช๊คกันแล้วแหละ โช๊คคู่หลังเปลี่ยนไม่ยาก ถอดน๊อตบนล่าง 2 ตัวก็เปลี่ยนได้แล้ว
    ปัญหาอยู่ที่ ผมมีบล๊อคเบอร์ 17 แต่ข้างเดียว แต่การเปลี่ยนต้องใช้ประแจเบอร์ 17 อีก 1 ตัวซึ่งไม่ได้เอาติดรถมา
    ระหว่างทาง เจอเหมือนร้านขายอะไหล่รถอยู่ข้างทาง จึงแวะหาซื้อประแจ บอกราคามา 80000 กีบ ตกประมาณ 3 ร้อยนิดๆ
    ถือว่าไม่แพงเพราะดูจากวัสดุแล้วไม่ใช่ประแจจากจีน วัสดุและเนื้องานเป็นของดีมีราคาแน่นอน
    ตอนกำลังจะตัดสินใจซื้อ ได้เดินดูรอบๆร้าน จึงเห็นว่านี่เค้าเป็นอู่นี่หว่า เลยถามเค้าว่าจะให้เปลี่ยนโช๊คให้คิดเท่าไหร่
    แค่ถอดน๊อต 2 ตัวบนล่างก็เปลี่ยนได้แล้ว เค้าก็มุดดู แล้วบอกว่าค่าแรงข้างละ ซาวพันกีบ (20000) คิดเป็นเงินไทย ข้างละ 80 บาท
    ผมส่งประแจคืนเจ้าของร้านทันที นั่งรอซักพักช่างก็เปลี่ยนโช๊คเสร็จโดยเราไม่ต้องไปเสียเวลาเปลี่ยนเอง...

    [​IMG]

    [​IMG]

    Nissan March เริ่มมีวิ่งกันแล้วที่ประเทศลาว คันนี้จอดอยู่หน้าอู่ที่ผมเปลี่ยนโช๊คนั่นแหละ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังจากเปลี่ยนโช๊คมาแล้วอาการของรถดีขึ้นเยอะมากครับ มันทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีเราจึงทำความเร็วได้อีกครั้ง

    ระหว่างทางเราผ่านเมืองเล็กๆหลายที่ บางทีก็เหมือนหมู่บ้านเล็กๆ
    เป็นชุมชน มีโรงเรียน มีเด็กนักเรียนตามข้างทางมีผู้คนข้างถนนมากมาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่อยากเล่าให้เห็นภาพเพราะว่ามีเรื่องน่าอายของรถตู้บางคันจากเมืองไทยเกิดขึ้นที่ลาว
    นั่นคือ กลุ่มรถตู้บางคันจากไทยขับกันเร็วมากครับ แซงทั้งๆที่เป็นมุมอับซึ่งอันตรายมากๆ ขับผ่านชุมชนด้วยความเร็วสูง
    บีบแตรใส่ชาวบ้านที่เดินอยู่ข้างๆทาง วิ่งผ่านหมู่บ้านฝุ่นตลบ แม่ง...มึงจะรีบไปไหนกันครับ
    ผมไม่เห็นรถตู้ที่ลาวเค้าจะขับกันแบบนี้เลย ตลอดทางผมแซงรถตู้ลาวแค่ไม่กี่คัน และไม่มีรถตู้ลาวแซงผมเลย
    ก็คือผมขับพอๆกับเค้า ก็พื้นที่มันไม่ได้อำนวยให้ขับเร็วเลย แต่เชื่อไหม ผมโดนขบวนรถตู้จากไทยแซงไปเยอะมาก

    ระหว่างทางเจอรถตู้ชนหนักด้านหน้ารถอยู่ข้างทาง ทะเบียนหน้าหลุดไปจึงยังไม่เห็นว่าเป็นรถประเทศอะไร
    ในรถเราเดากันในใจว่าเป็นรถไทยแน่นอน พอวิ่งผ่านไป ให้ในรถหันไปดูทะเบียนหลังก็พบว่าใช่รถตู้จากไทยจริงๆ
    ( 3 วันหลังจากนั้นขากลับเราขับผ่าน รถตู้ยังจอดอยู่ที่เดิม มาเกิดเหตุต่างบ้านต่างเมือง ก็วุ่นวายน่าดู ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี )

    ก่อนเข้าวังเวียงผมเริ่มคุยกับสมาชิกที่ไปด้วยกันถึงการเปลี่ยนแผนการเที่ยวอีกครั้ง ว่ามาครั้งนี้เราอยู่แค่วังเวียงดีไหม
    เพราะถ้าเราไปหลวงพระบาง พรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้า เพื่อเดินทาง 5 - 6 ชั่วโมง เพียงเพื่อไปนอนหลวงพระบางคืนเดียว
    แล้วก็ต้องตื่นเช้าที่หลวงพระบางเดินทางกลับมาวังเวียงอีก หรือถ้านอนหลวงพระบาง 2 คืน วันสุดท้ายเราต้องขับรถยาวจากหลวงพระบางกลับกรุงเทพ
    ซึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 16 - 18 ชั่วโมงซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ

    สมาชิกทั้งหมดเห็นด้วยครับ โบกมือลาหลวงพระบางกันได้เลย ไว้มีโอกาสหน้าค่อยว่ากันใหม่
    เพื่อสร้างความต่างระหว่างคำว่า "มาเที่ยว" กับ "แวะไป" เราจึงยกเลิกแผนหลวงพระบางทันที

    และแล้วเราก็มาถึงวังเวียงครับใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงในการเดินทาง มาถึงเรารีบวนหาที่พักในทันที
    ทุกที่เต็มหมดครับ ได้แวะลงไปริมน้ำตรงจุดขึ้นเรือสำหรับนั่งเรือชมวิวด้วย ภาพที่เห็นคือสวยมากๆครับ
    ได้เห็นวิววังเวียงเต็มๆตาครั้งแรกก็ตอนจอดที่นี่แหละ หายเหนื่อยไปเลย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ร้านนี้เป็นร้านที่วิวดีมากๆที่เราเล็งไว้ว่าจะมากินมื้อเย็นที่นี่(ซึ่งกว่าจะได้กินจริงๆก็ค่ำมากๆแล้ว)

    [​IMG]

    เราลองถามข้อมูลเล่นๆดูก่อนว่านั่งเรือชมวิวใช้เวลาเท่าไหร่ เสียเงินเท่าไหร่
    ได้ความว่าไปกลับ 1 ชั่วโมงครับ นั่ง 3 คน 200000 กีบ นั่ง 2 คน 170000 กีบ ออกได้รอบสุดท้ายตอน 6 โมงเย็น
    ตอนนั้นเพิ่งจะ 4 โมงจึงบอกไปว่าเด๋ยวหาที่พักได้ก่อนแล้วอาจจะมา ... ซึ่งเราคิดผิดครับ วันนั้นไม่ได้นั่งเรือกหรอก !!!
    คุยเสร็จก็ขึ้นมาหาที่พักต่อ แวะที่ไหนก็มีแต่ เต็ม เต็ม เต็ม และก็เต็ม ... งานเข้าแล้วครับพี่น้อง เราใช้เวลาในการวนหาที่พักนานมากๆ นานจนท้อ
    ถึงวังเวียงตั้งแต่ 4 โมงเย็น จนเริ่มมืดแล้วยังหาที่พักไม่ได้ จนเริ่มวนออกมาทางกลางๆเมือง ยังพอมีที่พักอยู่บ้าง 2 - 3 ที่
    แต่ละที่ราคาโหดมากคือ 1000 - 2500 แพงเกินเหตุ ก่อนวนออกมา เจอกลุ่มคนไทยยังสะพายกระเป๋ากันอยู่
    เหมือนกำลังเดินๆหาที่พัก พี่เก่งจึงเปิดกระจกบอกเค้าไปว่า ในเมืองหรือริมน้ำไม่ต้องหาแล้ว เราวนหาตั้งแต่ 4 โมงยังไม่มีที่ไหนว่างเลย
    ให้ไปหานอกเมืองได้เลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเพราะเริ่มมืดแล้ว กลุ่มนั้นทำหน้าเครียดๆเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เค้าไปเดินเสียเวลาหาในเมือง

    ที่เกาะกลางลำน้ำซอง จะมีจุดนึงที่เค้าเอาหินมาโรยให้น้ำมันตื้นพอที่คนจะเดินข้ามหรือให้รถวิ่งผ่านได้
    รถที่จะวิ่งผ่านตรงนี้ได้ควรเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นเพราะหินเป็นหินเกลี้ยงกลมๆลื่นๆ
    และความสูงรถควรจะสูงพอที่จะพ้นระดับน้ำได้ซึ่งสูงประมาณเข่าครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บนเกาะกลางน้ำจะมีที่พักอยู่บ้างแต่ไม่เยอะมาก ซึ่งวันนั้น บนเกาะเต็มทุกที่ครับ
    มีที่นึงบนเกาะว่าง ห้องละ 200 เป็นกระต๊อบซึ่งดูสภาพแล้ว ถึงแม้ราคาจะถูกมาก แต่คงจะเหนื่อยเกินไปเราจึงไม่เอา

    เราขับรถกลับออกมาถนนเส้นนอกอีกครั้ง เลียบสนามบินเก่า ที่พักแถวๆนั้นก็ยังเต็มหมด
    ได้รับคำแนะนำจากน้องที่ดูแลหอพักแถวถนนเลียบสนามบินว่าให้ลองเลยไปทางนอกเมืองดู
    เราจึงรีบมุ่งหน้าไปตามทางที่น้องเค้าบอกทันทีครับ ตอนนั้นมืดแล้ว พอเริ่มออกนอกเมือง ก็พอจะมีที่พักอยู่บ้าง
    แต่บางทีก็เก่าและน่ากลัวเหลือเกิน ก็คงไม่ค่อยมีใครมาพักซักเท่าไหร่ ยังกะบังกะโลร้าง เราเลยขอเลยไปดูที่อื่นก่อน

    มาเจอที่นึงครับ บังกะโลสมศักดิ์ศรี อยู่ก่อนถึงตลาดเช้าของวังเวียงพอดี รีบแวะเข้าไปได้ราคาหลังละ 600 แอร์+น้ำอุ่น
    นอน 3 คนก็ได้ไม่คิดเพิ่ม บรรยากาศไม่น่ากลัวเกินไป และมีรถจอดอยู่บ้างจึงตัดสินใจเอาทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก ตอนนั้นเวลา 1 ทุ่มแล้วครับ

    เรารีบเก็บของ ออกมาหาร้านนั่งกินข้าว มาได้ร้านข้าววิวระเบียงแม่น้ำซอง เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากๆ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ระหว่างนั่งคุยกันอยู่ ผมเดินออกมาที่รถ มาเจอกลุ่มคนไทยอีกกลุ่ม ยังเดินสะพายเป้กันอยู่เลย ตอนนั้นเกือบ 2 ทุ่มแล้ว
    ผมรีบบอกเลยว่า ไม่ต้องเดินหาแล้วครับ เดี๋ยวไม่ทันได้พักผ่อนกันซักที ออกไปหานอกเมืองด่วนเลย หรือไม่ก็กลางๆเมือง
    ยังพอมีเหลืออยู่บ้างแต่จะแพงมากๆ เค้าจึงรีบเดินไปทางนอกเมืองทันที
    ( มาเจอกลุ่มนี้อีกทีตอนเช้า เห็นว่าเลือกนอนกลางเมืองราคาคืนละ 1000 เพราะเดินทางมาโดยนั่งรถโดยสาร
    จะเหมารถออกไปหาที่พักนอกเมืองคงลำบากเพราะมืดแล้ว แถมจะลำบากตอนเช้าที่ต้องหารถเข้าเมืองมาอีก)

    ถึงตอนนี้ผมมาคิดถึงเรื่องที่เราขับรถมาเที่ยวเอง มันก็ดีไปอย่างที่เราสามารถวนดูหาที่พักได้
    รวมถึงการได้เลือกที่พักที่ราคาถูก การเดินทางไปไหนมาไหนก็ถูกกว่าการเหมารถหรือนั่งรถโดยสารพอสมควร

    เรากินข้าวและนั่งคุยกันอยู่นานพอสมควร นั่งอ่านหนังสือหาข้อมูลการเที่ยวไปเรื่อยๆ
    เพราะยังอีกนานกว่าจะถึงเวลานับถอยหลังฉลองปีใหม่

    หนังสือที่ใช้ดูข้อมูลในการเที่ยวลาวและไก่(ชื่อไอ้เจี้ย)ที่ผมพาไปเที่ยวด้วย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ผมไปยืนคุยกับเจ้าของร้านอาหาร ให้เค้าแนะนำการเที่ยวที่นั่น เค้าว่าเลยออกไปนอกเมือง จะมีจุดโดดน้ำที่ฝรั่งไปกันเยอะๆ
    คืนนี้ฝรั่งน่าจะเยอะเพราะฉลองปีใหม่ พร้อมเขียนแผนที่คร่าวๆว่า วังไซ หรืออะไรนี่แหละ
    เสร็จจากที่ร้าน เรามุ่งหน้าไปวังไซครับ กะว่าจะต้องครื้นเครง เพราะเห็นว่าเป็นบาร์ริมน้ำ
    ทางก็มืด เราเลยทางเข้าครับ กลับรถมาจนเจอทางเข้าไฟก็ไม่เปิด เราเริ่มรู้สึกแปลกๆ ขับเข้าไป มืดมากๆ
    จนถึงที่จอดรถ ทุกอย่างเงียบสนิท มืด ไม่เห็นอะไรเลย ... กุมาทำไมเนี่ยะ !!!
    รู้สึกงงเล็กน้อย แต่ก็เอาหน่ะ อย่างน้อยได้มาดูว่ามันเป็นยังไง ขับรถกลับเข้าเมืองอีกรอบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มาถึงเมืองเราเริ่มเดินสำรวจหาที่เหมาะๆในการฉลองปีใหม่
    ผมเดินข้ามน้ำไปที่ผับลักษณะ Outdoor กลางเกาะซึ่งมี 3 ผับก็ยังดูเงียบๆอยู่เพราะยังไม่ใกล้เวลา
    ออกมาแวะร้านขายของเนื่องจากเห็นว่ามีถุงกันน้ำห้อยขายอยู่ ซึ่งผมอยากได้มานานแล้ว ลองถามราคาดู
    ถุงขนาด 10L เปิดราคามาที่ 100000 กีบ โอ้ไม่ไหวนะ แพงจัง จึงแวะตามร้านหาไปเรื่อยๆ
    สุดท้ายได้ราคา 80000 กีบมั๊ง ตก 300 นิดๆ ก็ OK แหละซื้อกับพี่เก่งคนละถุง จะได้มีไว้ใช้ซะที
    ผมเดิมออกไปแถวๆริมถนนมีผับชื่อ Q-Bar คนเยอะมากๆจนล้นออกมานอกถนน

    [​IMG]

    เราเลือกนั่งกินเบียร์อยู่ที่ร้านตรงข้ามเยื้องๆ Q-Bar นั่งได้แป๊บเดียว ร้านจะปิดครับ
    ฮ่วย ... คืนฉลองแบบนี้ร้านจะปิดตอน 5 ทุ่มครึ่ง เจ้าของร้านเค้าคิดอะไรของเค้าเนี่ยะ
     
  2. Emporio

    Emporio Active Member ทีมงานสมาชิก Super Moderator

    378
    35
    28
    ก็ OK ไม่เป็นไร ปิดก็ปิด เราซื้อเบียร์กระป๋องก็เดินมายืนเล่นแถวๆหน้าร้าน Q-Bar ร่วมการฉลองปีใหม่
    เมื่อถึงเวลา จึงมีการจุดพลุกันหน้าร้าน เค้าน์ดาวน์กันเฉพาะกลุ่ม (ไม่มีใครนำเค้าน์ดาวน์สำหรับคนทั้งร้าน น่าเสียดายมาก)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ถึงจะดูกร่อยๆนิดๆ แต่ก็ OK แหละ เสร็จจากตรงนั้น เราขับรถวนเข้าไปตามถนนเลียบน้ำซองอีกรอบ
    ผ่านใครเราก็จอด Happy New Year เค้า เค้าก็ Happy New Year กลับมา
    ผ่านคนกำลังจะถ่ายรูปกัน เราก็แอบไปจอดรถข้างหลังเค้าแล้วถ่ายแอ๊คท่าให้เราติดอยู่ในรูปเค้าด้วย 555

    [​IMG]

    เอาล่ะสนุกกันมากพอแล้ว ขับรถกลับที่พัก กึ่มๆเบียร์นิดๆ รอเช้าวันใหม่ที่มีเวลาทำความรู้จักกับเมืองวังเวียงทั้งวัน
    รวมถึงตั้งใจไว้ว่าจะตื่นแต่เช้า มาหาที่พักใหม่ให้มันได้บรรยากาศมากกว่าพักนอกเมือง
    เนื่องจากได้ข้อมูลจากเจ้าของที่พักริมน้ำว่า ถ้าคุณนอนอีกคืน ให้คุณมาหาผมตอนเช้า
    เพราะนักท่องเที่ยวที่ไม่นอนต่อจะ CheckOut ตั้งแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไปเมืองอื่น หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวแล้วไม่ได้กลับมานอนที่เดิม
    วันนี้จึงเป็นอีก 1 วันที่เราแทบไม่ได้ซึบซับอะไรจากสถานที่ๆเราไปเที่ยวเลย หมดเวลาไปกับการเดินทาง และการหาที่พัก
    ดีแล้วที่ตัดสินใจไม่ไปหลวงพระบาง พรุ่งนี้จะได้เป็นการเที่ยวของจริงซักที ....

    ตอนต่อไป Laos Trip ตอนที่ 4 : Day 3 วันแห่งวังเวียงที่สุดแสนจะวิงเวียน

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Laos Trip ตอนที่ 1 : เตรียมการขับรถ ตะลุยลาว ...
    Laos Trip ตอนที่ 2 : Day 1 การเดินทางที่ผิดแผน - คืนแรกนอนม่านรูด !!!
    Laos Trip ตอนที่ 3 : Day 2 โดนลาวหลอกที่ปั๊มน้ำมัน - ถนนโลกพระจันทร์สู่วังเวียง - ร่วมฉลอง Happy New Year 2010
    Laos Trip ตอนที่ 4 : Day 3 วันแห่งวังเวียงที่สุดแสนจะวิงเวียน
    Laos Trip ตอนที่ 5 : Day 4 เก็บตกวิถีชีวิตวังเวียง กลับสู่ความเจริญที่เวียงจันทน์
    Laos Trip ตอนที่ 6 : Day 5 ชิมเฝอยักษ์ที่เวียงจันทน์ กลับสู่แผ่นดินแม่ ...
     
    แก้ไขล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2010
  3. AorRacing

    AorRacing Member ทีมงานสมาชิก Super Moderator

    31
    5
    8
    สนุกมากค่ะ..พี่เก่งเมา 55555++
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้