REVIEW :: BLITZ :: R-VIT i-Color

การสนทนาใน 'DAMS' เริ่มโดย Yakumo, 22 กุมภาพันธ์ 2010

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Yakumo

    Yakumo New Member Moderator

    580
    7
    0
    ก็เป็นอะไรที่อยากได้มาเป็นของสะสมมานานมากๆ แล้ว สุดท้ายก็ได้มา แล้วก็ได้มาครบๆ 2 รุ่นเลย สำหรับ R-VIT i-Color นั้นสำหรับรุ่นก่อนที่จะเป็น R-VIT i-Color Flash ซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่า (ใหม่กว่าก็รองรับรถได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น รับกับ FD รุ่นใหม่ล่าสุดอะไรทำนองเนี้ย)

    สำหรับ Review ชุดนี้ อย่าได้คิดว่าผมเอาของสะสมมาโชว์ หรือ อวดใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ เพราะว่าวัตถุประสงค์ ผมต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงครับ คือผมต้องการนำเสนอ เพื่อเป็นข้อมูล ให้เป็นกรณีศึกษา สำหรับประกอบการตัดสินใจของท่านที่สนใจ ตัวผมเองพบว่าจะหาข้อมูลของแต่งอะไรสักชิ้น มีแต่บทความที่เป็นภาษาอังกฤษบ้าง ภาษาญี่ปุ่นบ้าง ก็ทำให้หลายๆ ครั้งเนี้ยค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้ถ้าต้องการจะนำมาใช้งาน ก็เลยเห็นเหตุให้ผมพยายามนำสิ่งที่ตัวเองได้พบได้เห็นจากประสบการณ์ มานำเสนอเพื่อ Share ให้ได้อ่านๆ กัน นั้นก็เหตุผลหลัก ส่วนเหตุผลรองคือการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สำหรับผมเอง สมองจะได้ focus ที่จะทำอะไรสักอย่างแทนที่จะปล่อยให้มันว่างๆ ไปเฉยๆๆ เอาเวลาว่างระหว่างพักมาทำให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ก็น่าจะดีกว่านั่ง ไร้สาระไปเรื่อยๆ แฮะๆ วันนี้ไม่รู้เป็นไร เลิกงานแล้ว ก็คิดอยากจะเขียน Review ออกมาให้ดูกัน ซึ่งของชุดนี้ผมได้มาสักพักแล้ว เริ่มจากการที่รถแฟนผม ไม่มีมิเตอร์บอกอุณหภฺมิน้ำแล้ว ผมเองก็ใช้งานรถคันนั้นบ่อยด้วย ก็เลยต้องหาอะไรมาเพิ่มเติมลงไปสักหน่อย ก็เลยมานั่งคิดดูว่า อะไรที่จะเอามาอ่านค่านี้ได้บ้าง ก็เลยนึกไปถึงของอยากได้ในอดีต ก็คือ R-Vit i-color ซึ่งจริงๆ แล้วในรถของผมเอง ก็มี R-Vit อยู่แล้วและเป็นรุ่น Type I ซึ่งตอนนี้บ้าขนาดที่ว่าเมื่อ Blitz Thailand นำเข้ามาผมวิ่งไปเอามาลงในรถก่อนเลย ซึ่งเมื่อตอนนั้นราคา ประมาณ 17000 ได้ แฟนรู้จะว่าไหมเนี้ย แต่ว่ามันนานมากๆๆๆๆ แล้ว ระยะคดีหมดแล้วล่ะ อิอิ ตอนนั้นเป็น Multi Function Display ตัวแรกในตลาดเลยที่อ่านค่าจาก OBD-II Port ของรถ ขึ้นมาแสดงได้ (ก็แบบเดี่ยวกับที่ ศุนย์เอาเครื่องคอมพิวเตอร์มาต่อที่รถเราแล้วบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น อุณหภฺมิน้ำเท่าไหร่ ตอนนี้ กดคันเร่งอยู่กี่เปอร์เซนต์ หรือว่า ตอนนี้องศาการจุดระเบิดอยู่ที่เท่าไหร่ และอีกมากมายที่อ่านค่าได้จาก Diagnostic port (OBD-II) ซึ่งจริงๆ แล้วตอนนั้นที่ R-VIT type I ออกแบบมานั้นจะสามารถส่งสัญญาณอินฟราเรส เพื่อสือสารกับ R-Vit เพื่อปรับค่าน้ำมันได้ เหมือนกับพวก AFC ของ Apexi ล่ะครับ แต่ว่าต้องใช้สองตัวข้อดีของมันตอนนั้นคือว่ามันจะสามารถอ่านค่าจาก Senser ได้แบบเดี่ยวกับที่กล่อง ECU ได้รับตรงกัน 100% แล้วนำค่าที่อ่านได้ไปประมวลผลที่ R-FIT แล้วสั่งปรับน้ำมันครับ แต่ผมเข้าใจว่าไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ เพราะว่าราคาและชื่อเสียง Blitz ในบ้านเรานั้นดังไม่เท่ากับพวก Greddy หรืออื่นๆ และอีกอย่างพวกของเล่น electronic แบบนี้สำหรับรถ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ เพราะว่ามันดูว่าลงทุนสูงแต่ได้มาอันนิดเดียว สู้เอาไปลงทุนซื้ออย่างคือได้อะไรมากกว่า อะไรทำนองเนี้ยแหละครับ อนาคตของมันเลยไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ แถมไม่ค่อยมีการทำตลาดด้วยแหละ

    แต่ไงก็ชั่ง ผมว่ามีประโยชน์ที่จะรู้และได้ข้อมูลไว้ ก็เลย เอามาเขียนให้อ่านกันเล่น เล่าประวัติ คราวๆ ไปแล้ว ก็บอกก่อนนะนั้นเป็นความเข้าใจและมุมมองของผมอาจจะไม่ถูกต้อง 100% ก็ขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ก่อนเลย กลับมาเข้าเรื่องกันในส่วนของ Blitz R-Vit i-Color นั้น จะเป็นรุ่นต่อมาจาก R-Vit Type I และ Type II (ซึ่ง Type II นั้นจะออกแบบมาให้ใช้สำหรับรถ Nissan โดยเฉพาะ) ส่วน R-Vit i-Color นั้นจะเป็นแบบที่สามารใช้กับรถอะไรก็ได้ และรองรับ CAN-Bus protocol ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ใช้แบบนี้กันนะครับ แต่ตอนนั้นที่รุ่นนี้ออกมา CAN-Bus พึ่งเริ่มใช่ จึงมี limit อยู่ในส่วนของ รถที่อุปกรณ์ตัวนี้สามารถอ่านค่าออกมาได้ อยู่บ้าง และสำหรับรุ่นล่าสุด ก็คือ R-Vit i-Color Flash นั้น ก็จะเป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาต่อจาก i-color รุ่นแรก ซึ่งก็ต่างกันตรงที่ว่ารองรับ รถได้มากขึ้นและอาจจะสามารถ upgrade ได้ นั้นคือจุดต่างนะครับ

    และอีกอย่างที่ i-color ดีกว่ารุ่น Type I หรือ Type II นั้นคือ สามารถรับสัญญาณจาก A/F Senser ได้ แต่เป็น Option ที่ต้องซื้อเพิ่ม เพื่อจะสามารถเก็บค่าของ A/F มาดูได้ และมีข้อดีอีกหลายอย่างที่รุ่น Type I หรือ Type II ทำไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ดีไปทั้งหมดเพราะว่าในส่วนของ ที่ Type I และ Type II ทำได้นั้น บางฟังค์ชั่น i-Color ก็ทำไม่ได้ ซึ่งจริงๆ ก็เลือกตามความต้องการจะดีที่สุดนะครับ พูดไปพูดมารักพี่เสียดายน้อง ซะงั้น สุดท้าย เอาไว้ทั้งคู้เลย เป็นพญาเทครัวกันไป อิอิ ล้อเล่นครับกลับเข้าเรื่องดีกว่านะครับ ในส่วนของ i-color นั้นจะสามารถแสดงผลได้ทั้งหมด 65000 สีครับ ด้วยตกแสดงผลขนาด 1.5 * 1.5 นิ้ว และสามารถหมุนได้ด้วย และตัว CPU ในตัวอุปกรณ์เป็นแบบ Dual ด้วยเทห์เลย และระบบ Operation System หรือว่า OS ก็เป็นการออกแบบในแบบ 32ิbit แหมเหมือกนับ Windows ที่เราใช้กันใน PC เลยที่เป็น 32ิbit เหมือนกันแต่ตอนนี้ Windows เค้ามี 64bit แล้วนะ นอกเรื่องอีกจนได้ กลับเข้ามาคุยกันต่อ ตัวนี้ตัวเดี่ยวใช้ได้หมดไม่ว่าจะเป็น CAN ของ Toyota หรือว่า ระบบของรถ Nissan ก็ดีครับจะได้ไม่ยุ่งยากอะไร

    จริงๆ แล้วเดี่ยวตอนผมติดตั้งลงในรถอีกคันเสร็จแล้วจะมี REVIEW ภาคสองมาอีกที แต่ตอนนี้เอาอันนี้ให้อ่านกันไปก่อนนะครับ เอาแบบให้รู้จักกันก่อนแล้วค่อย จัดการให้สำเร็จกันไป อีกรอบ

    มาดูของกันดีกว่าครับ เล่ามาเยอะแล้ว เดี่ยวคนอ่านจะเบื่อกันไปซะก่อนนะครับ

    เริ่มจากล่องเลย ผมมีทั้ง สอง รุ่นเลย ครับ สีเงินจะเป็นรุ่นแรกที่ Release ออกมาและสีดำจะรุ่นต่อมา จริงๆ เค้าจะเรียก สีเงินเป็น version 2 และสีดำเป็น version 3 นะครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    มาดูกันหน่อยว่ามันมี Highlight ตรงไหนบ้าง
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    แกะกล่องให้ดูกันไปเลยครับว่ามีอุปกรณ์อะไรกันบ้าง
    [​IMG]
    [​IMG]

    ส่วนนี้เป็น Display unit และ Controller ด้วยนะครับ
    [​IMG]

    เห็นกันครบๆ ว่ามีอะไรบ้าง
    [​IMG]

    ปลั๊กตัวนี้ต้องไปต่อกับปลั๊กอีกตัวก่อนเชื่อมเข้า OBD II
    [​IMG]

    ตัวนี้แหละปลั๊ก OBD II
    [​IMG]

    ก่อนจบให้ดูสีเงินชัดๆ อีกที
    [​IMG]

    สรุป ก็ เป็นแค่นำเสนอให้รู้จักกันก่อนนะครับ และให้ข้อมูลคราวๆ ของอุปกรณ์ ในส่วนของการติดตั้งแล้วก็การใช้งานเดี่ยวจะเอามา Review ให้ดูอีกทีแล้วกันนะครับ รอให้ว่างก่อน ช่วงนี้ แฟนห้ามผมกินเหล้าด้วย ก็คงจะมีเวลาว่างทำอะไรอีกเยอะอ่ะครับ แค่แอบเซ็งนิดหน่อย หมดแรงแล้วครับสำหรับวันนี้ บ๊ายบาย
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้