ก่อนหน้านี้คือเวลาเดินทางไกล เกียร์ 5 หลุดบางครั้งบางจังหวะ โดยเฉพาะคิกดาวน์แซงในเกียร์ 5 แต่ขับทั่วๆไปไม่หลุด รู้สึกรำคาญในบางอารมณ์ จากนั้นเริ่มหาเกียร์ลูกใหม่ บังเอิญคนในบริษัทเดียวกันขับเอ็นวีเหมือนกันแต่ของเขาเป็น Queen Cab เกียร์ธรรมดา เขาเปลี่ยนเป็นออโต้เมื่อปีก่อนๆ แต่ผมเพิ่งรู้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าเขาเก็บเกียร์ธรรมดาไว้อยู่ เลยขอเอาต่อซะเลย จากนั้นก็ขับไปอู่เจ้าเดิมที่เคยใช้บริการบ่อยๆ แล้วก็แกะออกมา ส่วนอันนี้อันใหม่ ถอดออกมาเช็คหลายอย่างช่างบอกว่าจริงๆเกียร์ลูกเก่ายังพอใช้ได้ แต่ที่มันหลุดเพราะว่ายางแท่นเครื่องต่างๆมันขาดหมดแล้ว คลัตช์ก็หมดจนหมุดยึดแผ่นคลัตช์ไปสีกับจานกดคลัตช์ ผมดูแล้วก็จริงๆด้วย ขับไปได้ไงเนี่ย ข้อดีของเกียร์ธรรมดาก็ยังนี้แหละ รูปซ้ายเป็นผ้าคลัตช์อันใหม่ รูปขวาเป็นอันเก่า พอดีลืมถ่ายรูปจานคลัตช์ที่เป็นรอยมาให้ดู แต่อยากพูดว่าขับไปได้ยังไงเนี่ยตั้งนาน ช่างถามว่าจะให้เอาเกียร์ลูกเก่าใส่คืนไหม แต่ต้องเปลี่ยนคลัตช์ใหม่ทั้งชุด ผมก็บอกช่างไปว่าเอาเกียร์ลูกใหม่แล้วกันเพราะซื้อมาแล้วนี่ เจ้าของเก่าคงไม่ซื้อคืน ส่วนรายการอื่นๆก็เปลี่ยนตามความจำเป็น แต่ผมขอให้เปลี่ยนท่อแป๊ปเหล็กหลังเครื่องด้วยเพราะท่อเก่ามันผุเหลือเกิน สุดท้ายก็เปลี่ยนตามนี้เลย ทำเสร็จเกินงบอีกตามเคย แต่ก็ดีครับเหมือนได้รถใหม่ หัวเกียร์ไม่สั่นเวลาจับ เครื่องนิ่งกว่าเดิมมาก แต่ดูเหมือนไมล์แข็งขึ้นนิดๆไม่รู้เป็นอะไร แต่ไม่ซีเรียส สนใจแต่ว่าขับดีกว่าเดิมมากๆ ขับกลับมาบ้านก็ล้างหม้อน้ำเองอีกรอบเพื่อความมั่นใจ เนื่องวันศุกร์นี้มีธุระไปทำบุญแถวๆร้อยเอ็ด นี่ถ้าได้เปลี่ยนปีกนกล่างซ้ายด้วย คงจะน้องๆป้ายแดงเลย สีก็ทำใหม่ ทะเบียนก็ใหม่ ตั้งแต่ซื้อมาหมดไป 7 หมื่นแล้ว แต่ก็ยังรักมันไม่อยากขาย (ก็หมดไปเยอะแล้วนี่) ที่ไปทำมาไม่รู้ว่าแพงไปหรือเปล่า เอามาให้ทุกท่านพิจารณดู
ทำไมลบชื่อร้านออกล่ะน้องเพชร อยากรู้ว่าร้านไหน แล้วทำไมต้องซื้อแผ่นครัชเองล่ะ ก็เป็นเจ้าของโรงงานครัชไม่ใช่เหรอ555
ถ้าไม่ลบชื่อร้านออกเดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นการโฆษณาร้าน แต่ร้านนี้ผมทำบ่อยเขาเคยเป็นช่างที่ศูนย์นิสสันมาก่อน ถ้าซ่อมจุดสำคัญๆผมมักไปร้านนี้รู้สึกว่าเขารู้เยอะดี ที่ต้องซื้อแผ่นคลัตช์เพราะว่าตอนร้านเขาถอดผมไม่ได้อยู่ด้วย ผมบอกเขาว่าให้ถอดมาเช็คก่อนว่ายังใช้ได้ไหม โดยลืมบอกเขาไปว่าอยากเพิ่งซื้อถ้าใช้ไม่ได้ ไม่งั้นค่าใช้จ่ายคงลดลงไปเกือบครึ่อง แถมเลือกสเปกคลัตช์ได้ตามใจชอบด้วย แต่ไม่เป็นไรก็สบายใจ(แต่ไม่สบายกระเป๋าตังค์) ไว้คราวหน้าเพราะผมมี Test Drive เรื่อยๆ
ถ้าหมายถึงแพคเกจของผ้าคลัตช์กับหวีคลัตช์มันจะคล้ายๆกันครับ ต่างกันแค่อันหนึ่งพิมพ์ข้างกล่องว่า Clutch Disc (ผ้าคลัตช์) ส่วนอีกอันพิมพ์ว่า Clutch Cover (หวีคลัตช์หรือจานกดคลัตช์) และระหว่าง Made in Japan กับ Made in Thailand ก็จะคล้ายๆกัน แต่ไม่ว่ายังไงตัวผ้าคลัตช์ก็ผลิตที่โรงงานผม ยกเว้นล๊อทที่ตั้งขายเมื่อ 12 ปีที่แล้วจะผลิตที่ญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ไม่น่าจะมีสต๊อกค้าง ผลิตที่ไหนคุณภาพเหมือนเดิมครับ
รายงานผลการเปลี่ยนเกียร์และหัวเทียน เนื่องจากวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องไปทำบุญร้อยวันให้เพื่อนร่วมรุ่นที่เสียชีวิตเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ถือโอกาสลองรถไปในตัว ก่อนออกเดินทางเย็นวันศุกร์เอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อีกรอบเพราะร้านบอกว่าตอนยกเปลี่ยนเกียร์อาจจะยังมีน้ำคงค้างอยู่ ยังล้างออกไม่หมด เนื่องจากเกียร์ที่เอามามีน้ำเข้า (เจ้าของเก่าถอดทิ้งตากแดดฝนเป็นปีๆ) พอถ่ายออกสีเป็นนมข้นเลย และก็ถ่ายอีกรอบจนรู้สึกว่าน้ำมันเกียร์ใส จากนั้นก็ไปถ่ายน้ำเครื่องที่ค็อกพิทต่อแล้วก็ถือโอกาสให้เขาเปลี่ยนหัวเทียนแพลทตินั่มเบอร์6 ที่เพิ่งได้มา แล้วก็ออกเดินทาง ตลอดการเดินทางในคืนนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรขับได้อย่างไม่เครียด เกียร์เข้าง่ายกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตอนยังไม่ได้ถ่ายน้ำมันเกียร์ ที่ส่งที่เปลี่ยนไปคือ เหมือนรถมันมีแรงบิดเพื่มขึ้น อันนี้น่าจะมาจากหัวเทียน (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) สังเกตแต่ก่อนเมื่อเปิดแอร์รอบจะตกมากถึงขั้นดับก็มีในบางครั้ง (เพราะรถผมไม่มีตัวชดเชยรอบแอร์) ตอนนี้ไม่ดับแล้ว เนื่องจากเดินทางตอนกลางคืนเลยไม่ได้เปิดแอร์ สังเกตว่าแม้ว่าอยู่ในเกียร์ 5 ที่ความเร็วประมาณ 70-80 พอจะแซงก็กดได้เลยรู้สึกว่าเออยังพอมีแรงและเยอะกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้ประหยัดกว่าเดิม พอขับมันส์ก็เหยียบอย่างเดียว 110-120 ตลอดทาง ความร้อนปกติเข็มอยู่ประมาณครึ่งของครึ่งหรือเลยไปนิดหน่อย ขากลับวันอาทิตย์ตอนกลางวันสิ่งที่เปลี่ยนไปคือรู้สึกว่ารถร้อนกว่าเดิม เนื่องจากเป็นตอนกลางวันเลยต้องเปิดแอร์ตลอดทาง ตอนรถวิ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเข็มความร้อนอยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่พอรถติด (วันนั้นค่อนข้างติดเพราะมีรถชนกันแถวๆสระบุรีขาเข้ากรุงเทพ) เข็มความร้อนเลยครึ่งมาอยู่ระหว่างครึ่งกับฮีท (H) ทั้งๆที่หม้อน้ำก็อันเดียวกันและใหม่ด้วย แถมยังได้เปลี่ยนท่อแป๊ปเหล็กหลังเครื่องใหม่ ไม่น่าจะทำให้ระบบระบายความร้อนแย่ลง เลยแปลกใจเพราะก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนหัวเทียนไม่เคยร้อนขนาดนี้ สงสัยว่าเป็นเพราะว่ามันจุดระเบิดดีกว่าเลยทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ดีกว่าเดิมทำให้ร้อนกว่าเดิมด้วยหรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกที
แต่ก่อนขับออโต้ก็สบายดีครับ แต่เวลาเดินทางไกลแล้วมันง่วงไม่มีอะไรให้ทำ คิดว่าคงไม่กลับไปใช้เกียร์ออโต้อีก ยกเว้นเปลี่ยนรถใหม่
รบกวนสอบถามหน่อยครับ รบกวนสอบถามหน่อยครับขาเหยียบเบรคกับคัยเร่งออโต้ยังอยู่ไหมแล้วตอนนี้เครื่องที่ใส่อยู่เป็นเครื่องหัวฉีดรึคาร์บิวครับตอนใส่เกียร์ออโต้วิ่งอืดมากไหมครับพอดีผมกับกำลังจะเอาเครื่อง1600คาร์บิวnvมาชนเกียร์ออโต้b13มาชนครับ เลยอยากสอบถามรายละเอียดหน่อยยังไง มีเบอติดต่อกลับไหมครับรึช่วยติดต่อกลับหาผมหน่อย089-1805478
ผมว่าที่ความร้อนขึ้น ไม่เกี่ยวกับ การเปลี่ยนเกียร์ และ หัวเทียน แน่นอนครับ ผมว่า ไม่พัดลม ก็ หม้อน้ำครับ เช็คอีกรอบดีกว่าครับ
รถแวนคันนี้ของผมเป็นเกียร์ธรรมดามาแต่ไหนแต่ไรครับ ที่ว่าเกียร์ออโต้นี้หมายถึงตัววิงโรดคันเก่าที่ขายไปทั้งคันแล้ว แวนคันนี้เพิ่งซื้อมาไม่ถึงปีเป็นเครื่องคาร์บูไม่เคยใส่เกียร์ออโต้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าอืดไหม แต่ตัววิงโรดออโต้(หัวฉีด) คันเก่าไม่รู้จักคำว่าอืดครับ กระบะบ้าพลัง(3000cc)จะไล่มันยังหืดขึ้นคอ ถ้าจะเอาเกียร์ออโต้บี 13 มาใส่ NV มันก็ใส่ได้ เพราะเจ้าของเกียร์ธรรมดาที่ผมซื้อมาจากเขา (NV Queen Cab) เขาก็ไปใส่เกียร์ออโต้บี13นะ ก็เห็นเขาบ่นๆว่ามันอืดทั้งๆที่มันเป็นหัวฉีด แต่ผมว่าช่างฝีมือไม่ถึงมากกว่า เท่าที่รู้อัตราทดเกียร์ของบี13และNv มันเท่ากัน เบอร์โทรติดกลับของผม 086-5836364
ผมก็คิดว่ามันไม่เกียวกับการเปลี่ยนเกียร์ แต่น่าจะยังเกี่ยวกับหัวเทียนแต่ผมไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง เท่าที่สังเกตดูคือมันเหมือนเผาไหม้ได้หมดจดกว่า สังเกตุตอนเข้าสตาร์ทใหม่ๆไอน้ำออกท่อเยอะเลย แสดงว่าเผาไหม้ได้สมบูรณ์ซึ่งจะได้พลังงาน (ความร้อน) มากกว่า ส่วนหม้อน้ำก็ใบเดิม (ของใหม่) แถมตอนก่อนเปลี่ยนหัวเทียนก็ได้มีการเปลี่ยนท่อแป๊ปเหล็กหลังเครื่องใหม่ด้วย ท่อเก่ามันผุมีสนิม ตะกรันเกาะภายในท่อค่อนข้างเยอะซึ่งน่าจะทำให้น้ำไหลได้ไม่ค่อยดี ท่อใหม่น่าจะดีกว่า ก็เลยตัดตรงนี้ออกไป ส่วนเรื่องพัดลมผมก็เห็นมันทำงานปกติดี แต่มันก็เก่าแล้วไม่แน่ในว่าแรงลมมันยังแรงไหม ถ้ามีโอกาสไปเซียงกงว่าจะเปลี่ยนใหม่อยู่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับพี่
น้ำในหม้อน้ำหายรึเปล่าครับ อาจจะมี ตำแหน่งไหนรั่ว ตอนประกอบ หัวเทียนเบอร์อะไรครับ สำหรับ GA16DS ตามคู่มือก็ใช้เบอร์ BKR5E-11 แบบร้อน ก็ BKR4E-11 แบบเย็น ก็ BKR6E-11
น้ำในหม้อน้ำไม่หายครับ ผมตรวจเช็ดดูทุกวัน ผมเพิ่งถ่ายล้างเองเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หัวเทียนที่ใช้ตอนนี้คือ BKR6EGP เดิมๆก่อนหน้านี้คือ BKR5E-11
ความร้อนผมก็ขึ้นสูงเหมือนกันเวลารถติดๆ (กทม.) เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย พอดีไปต่างจังหวัดแล้วดันไป over drive แซง รถพ่วง 3 คันรวด (ถนนสวนเลน) ความร้อนพุ่งกระฉูดเลย จากนั้นมาก็ขึ้นสุงผิดปกติเวลาขับรถติดๆ เวลาล้างหม้อน้ำ ล้างยังไงอะ บอกหน่อยจิ ส่วนเกียร์ออโต้ จับใส่เครื่องคาร์บูเดิมnv ออกตัวอืดมากๆ เลย แต่ถ้าขึ้น 80 หรือเกียร์4ไปแล้ว ไหลลื่นดี
ลองเช็ควาล์วน้ำเด้อครับ....ถ้าอาการรอบสูงแล้วความร้อนขึ้นกว่าเดิมนี่ แต่ถ้ารถจอดแล้วความร้อนขึ้นก็เช็คพัดลม...อาจจะถ่านจะหมดเลยหมุนได้ช้าลง
ของผมความร้อนจะขึ้นสูง (นิดๆ) เวลารถติดแล้วก็เปิดแอร์ แต่ขับทางไกลจะเหยียบเท่าไหร่แซงยังไงก็ไม่มีปัญหา การล้างหม้อน้ำของผมจะล้างตอนรถร้อนๆ 1. จอดรถแล้วเปิดจุกใต้หม้อน้ำถ้าระบบน้ำไม่มีรอยรั่วน้ำจะยังไม่ออกจนกว่าจะเปิดฝาหม้อน้ำ (ให้ใช้ผ้าจับด้วยนะไม่งั้นมีลวก) 2. ปล่อยให้น้ำไหลออกจนหมด 3. สตาร์ทเครื่อง 4. มือซ้ายจับสายยางเติมน้ำเข้าที่ฝาหม้อน้ำ มือขวาใช้นิ้วปิดรูที่จุกใต้หม้อน้ำ 5. รอจนกระทั่งรู้สึกร้อนที่นิ้วขวาที่ใช้ปิดจุก (เพราะวาล์วน้ำเปิด) ก็ปล่อยน้ำทิ้ง โดยมีกะลามังรองข้างล่าง ขณะเดียวกันก็ยังเปิดน้ำสายยางเข้าหม้อน้ำอยู่ตลอดเวลา 6. เอามืออังน้ำที่ออกถ้ารู้สึกเย็นลง ก็ใช้นิ้วปิดจุกอีกครั้ง 7. ทำซ้ำข้อ 5-6 จนกระทั่งรู้สึกว่ามันสะอาด โดยสังเกตน้ำที่กะลามังเอา ถ้ามันเริ่มใสก็แสดงว่าใช้ได้ 8. ดับเครื่อง แล้วก็ปล่อยให้น้ำที่หม้อน้ำไหลออกจนหมด (ใช้เวลาแป๊ปเดียว) แล้วก็ปิดจุกใต้หม้อน้ำ 9. เติมน้ำยาหม้อน้ำ (สีเขียวๆนั่นแหละ) จนเกือบหมดขวด เติมน้ำกลั่นหรือน้ำอะไรก็ได้ที่คิดว่าสะอาดที่สุด แต่อย่าเติมน้ำดื่มจำพวกน้ำแร่ เติมจนเต็ม 10. สตาร์ทเครื่อง สังเกตที่ฝาหม้อน้ำจะเริ่มลดและมีฟองอากาศออกมา เราก็คอยเติมให้เต็ม อาจจะเร่งเครื่องช่วยเพื่อให้ร้อนเร็วๆวาล์วน้ำจะได้เปิด คอยเติมน้ำจนรู้สึกว่าไม่มีฟองอากาศในหม้อน้ำ สังเกตได้จากเมื่อเครื่องร้อนๆน้ำจะดันออกมาโดยไม่มีฟองอากาศ เราค่อยปิดฝาหม้อน้ำ 11. น้ำยาหม้อน้ำที่เหลือก็ให้เติมที่ถังสำรอง แล้วก็เติมน้ำเปล่าให้จนถึงขีด Max 12. เสร็จแล้วครับ จากนั้นก็ไปหาเบียร์เย็นๆมากินเพราะตอนทำเราจะเสียเหงื่อเพราะร้อน
ไปเปลี่ยนมาเรียบร้อยแล้วครับที่เซียงกงแถวเพชรเกษม ค่าเสียหาย 1000 บาท ถือโอกาสเปลี่ยนปีกนกล่างไปด้วยข้างละ 800 บาท จริงๆจะเปลี่ยนแค่ข้างซ้ายเพราะมันคด แต่พอไปรื้อหากับช่าง ไปเจอข้างขวาสภาพยังกับเบิกห้าง ก็เลยเปลี่ยนซะทีเดียว เมื่อวานหมดตังค์ 2600 บาท เปลี่ยนเสร็จรถกินขวาอย่างเห็นได้ชัด เพราะก่อนหน้านี้รถกินซ้ายเนื่องจากปีกนกคด เขาเลยตั้งศูนย์ชดเชย พอได้เปลี่ยนปีกนกสภาพกิ๊กๆเข้าไปมันเลยกินขวาแทน เดี๋ยวจะไปตั้งศูนย์ใหม่