ใครรู้บ้าง คนไทยไปอยู่ญี่ปุ่น นำรถที่ใช้กลับเมืองไทยได้ใหมครับ

สมมุติว่าเราไปทำงานญี่ปุ่น 1-2 ปี ซื้อรถใช้ที่นู่น เวลากลับ เอากลับมาแบบเป็นของใช้แล้วส่วนตัว กฏหมายยกเว้นภาษีให้
หรือว่ามีประเทศใหนที่ยอมให้เอากลับมาแบบไม่เสียภาษีบ้างครับ

 

http://www.customsclinic.org/index....icles&catid=53:individuals&Itemid=167&lang=th

ตามนี้ครับ ประทีป ไม่ค่อยคุ้มเลยครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอารถอะไรมา

 

ไม่คุ้มเเน่นอน ประทีป เชื่อเถอะ เเต่ถ้าผูกพัน เเล้ว เงินเหลือๆนะ เอาเข้ามาเลย

 

ภาษีอากร ภาษีมหาดไทย ภาษีสพรรสามิต ค่าธรรมเมียน ประกัน รวมๆแล้ว 213% จากราคาประเมิน **** แต่ยังไม่รวมค่าขนส่ง+เบี้ยประกันขนส่งแบบC.I.F.
ถ้าประทีปซื้อรถนำเข้า ป้ายแดง ขนส่งมาแล้ว ตามโชว์รูม เสียภาษี แค่ 300%

ถ้ารถคันนั้นไม่มีคุณค่าทางจิตใจมากๆ ซื้อรถนำเข้า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

ขอบคุณครับ
บังเอิญบริษัทเสนอให้ไปประเทศใหนก็ได้ 1 ปี อันดับแรก ๆ ก็ญี่ปุ่น หรือไม่ก็ ออสเตรเลีย
หรืออาจจะไม่ไปเลย กำลังตัดสินใจอยู่ครับ

 

เลือกไปออสเตรเลียเลยครับประทีป ญี่ปุ่นของแพงเหลือเกิน ตอนนี้ ซื้อไม่ลงซะอย่าง

 

ไปซื้อของมาดีกว่าพี่ อย่าซื้อรถเลยคับ
หิ้วของที่ถูกๆกลับมา หรือส่งมาบ้านเราผมว่ายังน่าซื้อกว่าอ่ะคับ

 

คิดมาหลายเดือนละ ประชุมที่เซี่ยงไฮ้สิ้นเดือนนี้ regional office ต้องการคำตอบ
ตอนแรกเอนเอียงว่าจะไป .....
หลัง ๆ เอนเอียงว่าจะไม่ไป ...... แล้วลาออกมาทำรีสอร์ทเต็มตัว.......
เฮ้อออ ......ตัดสินใจไม่ถูก

 

ไม่ต้องคิดมากประทีป ไปออส....โลดครับ ไม่ต้องคิดเลยครับ ตกลงไปเลย
ในฐานะที่มีประสบการณ์ เคยไปทำงานเป็นคนไทยในยุโรป3ประเทศ ที่ไปแบบมี Working Visa ของจริง
เดินยืดอกเคียงบ่าเคียงไหล่กลับฝรั่งได้ เพราะเราไม่ได้เป็นพวกหลบหนีเข้าเมือง มี Working Permit ของจริง
เรามาแบบมีความรู้ความสามารถของจริง ผมว่าประทีปก็คงจะต้องไปอยู่ในสถานะเดียวกันกับผม
ประสบการณ์แบบนี้ หายากมากครับ มีทั้งช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่พอผ่านมาได้เราจะแข็งแกร่งขึ้นมาก
คนที่ไม่เคยไปใช้ชีวิตต่างแดน ไม่สามารถมีประสบการณ์แบบนี้ได้เลย
ออกนอกกะลา ไปรู้จักกับประเทศที่เค้ามีวัฒนธรรม มีความศิวิไลซ์เซชั่นจริงๆ
กลับมาเมืองไทย ความคิดความอ่านเราจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เป็นเพราะวิสัยทรรศน์ที่เราเห็นโลกมากว้างกว่า มากกว่าจริงๆ โลกทรรศน์แบบนี้มีประโยชน์ในการทำธุรกิจของประทีปมากครับ

แนะนำว่า ถ้าประทีป อยากเปิดโลกให้กว้าง ต้องไปออสเตเรียครับ
เพราะไปเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง ภาษาที่แตกต่าง กับเอเชียแบบคนละขั๋ว
แบบนี้ได้ประสบการณ์เยอะมาก

ส่วนญี่ปุ่น หรือ จีน ก็น่าไป แต่ถ้ามีตัวเลือกเป็นออสเตเรีย ไปออส ดีกว่าครับ
เพราะนักท่องเที่ยวออส นิยมเดินทางมาพักในบ้านเราแบบ Long Stay น่าจะดีกับธุรกิจมากกว่า

ส่วนรีสอร์ต ให้วรรณดูแลได้ วรรณเค้าเก่งอยู่แล้ว แค่ปรับความเข้าใจกันว่าเราห่างกันแค่ปีเดียว
ปีเดียวก็แป๊บเดียวเองครับ ไม่นาน ไปหาประสบการณ์ในโลกกว้างดีกว่าครับ
วรรณเค้าคงไม่งอนหลอกครับ การติดต่อสื่อสารก็สามารถทำได้สบายด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้
ผมคุยกับน้องๆที่ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายประเทศ คุยกันทุกวัน มาเกือบสิบปีแล้ว ยิ่งสมัยนี้มี IP4 คุยกันเหมือนอยู่ประเทศเดียวกัน
ไม่มีอุปสรรคเรื่องการสื่อสารเลยครับ บอกวรรณให้สบายใจได้ ประทีปสามารถใช้เทคโนโลยี ตรวจสอบและบริหารงานรีสอร์ตจากอินเตอร์เนทได้
ก่อนไปผมสอนประทีป ให้ก็ได้ว่ามีโปรแกรมและช่องทางสื่อสารอะไรบ้าง ที่ใช้ติดต่อระหว่างประเทศ ไม่ยากครับ หัดเป็นหนุ่มITง่ายนิดเดียว

แค่ปีเดียว ไปโลดครับ.... ถ้าไม่ไปจะเสียดายโอกาสมาก
โลกใบนี้กว้างมากครับ เราควรจะเดินทางไปทำความรู้จักมัน
สิ้นปีนี้โบนัสออกผมก็ว่าจะไป ที่ บริสเบรน,ควีนแลนด์ อยู่เหมือนกัน

 

ท่านประธานความรู้และประสบการณ์แน่นจริงๆ

 

น่าอิจฉา

อยากไปถึง ญี่ปุ่น บ้างอะครับ

---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 10:51:23 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 10:51:11 ----------

น่าอิจฉา

อยากไปถึง ญี่ปุ่น บ้างอะครับ

 

อ็อดดี้ ก็ไปอยู่อเมริกา มาตั้งหลายปี แนะนำประสบการณ์ให้เพื่อนบ้างดิ
จะได้ตัดสินใจถูก

---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 10:56:57 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 10:56:41 ----------

อ็อดดี้ ก็ไปอยู่อเมริกา มาตั้งหลายปี แนะนำประสบการณ์ให้เพื่อนบ้างดิ
จะได้ตัดสินใจถูก

 

พวกออสชอบเยียดผิว

 

ขอเล่าต่อหน่อยครับ พี่ก้วง อิอิ
เรื่องโดนเหยียดผิว นั่นหล่ะครับ พี่ก้วง
ผมว่าเป็นประสบการณ์ชั้นยอด อีกอย่างหนึ่งของผม ฝึกทำให้เราเอาตัวรอดได้และมีน้ำอดน้ำทนได้เป็นอย่างดี
เพราะทุกประเทศที่ผมไปสมัยนั้น โดนหมด โดยเฉพาะที่เยอรมันนี สมัยนั้นดูถูกคนไทยมากเป็นพิเศษ
ไปซื้อบัตรโทรศัพท์ หรือซื้ออาหาร ซื้อน้ำเปล่าๆ มันยังไม่ขายให้เลย มันขอดูVISA ไม่งั้นมันจะเรียกตำรวจ เจอทุกร้านครับ
ซื้อของในMARKETเยอะๆ บางครั้งคนขายมันไม่ใส่ถุงพลาสติกให้นะครับ มันให้เราแบกกลับบ้านไปเอง มันเหยียดผิวเราครับ
ตามยอมมันครับ บ้านมันทำอะไรไม่ได้ ก็เดินไปซื้อร้านอื่นที่ไกลกว่า แต่มันดูพอจะเป็นมิตรกับเราหน่อย
จนอยู่เมืองนั้นได้ซักหลายเดือนหน่อย ลงรถไฟเดินกลับบ้านทุกวันอีก 2กิโล อยู่ๆไปพวกชาวบ้านแถวนั้น มันเลยชินกับผมไปเอง หลังๆมันก็ไม่ถามแล้ว
เพราะเรายิ้มให้มันอย่างเดียว มันเลยเฉยๆกับผมทั้งเมือง

ส่วนอิตาลี ผมช่วงไปแรกๆโดน ตำรวจ POLIZIA และ CARABINIERI (ตำรวจรัฐ มีหน้าที่ปราบปรามอาชญากรพวกผิวสี ลักลอบเข้าประเทศ) หิ้วปีกไปเข้าตาราง บ่อยๆ
เพราะเรื่องสีผิวนีแหละครับ ออกไปโทรศัพท์กลับเมืองไทยตอน 4 ทุ่ม เพราะเวลาบ้านเราจะเช้าแล้วโทรกลับไปรายงานเจ้านายที่เมืองไทย
เดินๆอยู่ 4ทุ่มที่นั้น ไม่มีใครเดินเลยครับ แม้แต่หมาซักตัว เพราะที่นั้นดึกๆอันตราย พวก Gangster และ Badboy เยอะมาก ผมต้องพกบุหรี่ไปเซ่นมันประจำ
เดินอยู่ๆพวกเลยมาหิ้วไปประจำ ตัวใหญ่โคตรๆ ไม่ต้องไปสู้อะไรมันเลย
เห็นผิวเหลือง มันนึกว่าพวก ปากีสถาน บังคลาเทศ หรือ แอฟริกาเหนือ ลักลอบเข้าประเทศ มันหิ้วไปก่อนเลย
เดือดร้อนเอกสารยืนยันจาก สถานทูตไทย บ่อยๆ
ตอนหลัง Boss ใหญ่ที่อิตาลี ต้องพาไปทำหนังสือคล้ายๆพวกเอกสารยืนยันประวัติอาชญากร ที่สำนักงานตำรวจรัฐที่กรุงโรม
คราวนี้ค่อยเดิน เบ่งได้ทั่วอิตาลีหน่อย ควักให้ตำรวจดูก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องไปทำใหม่ทุกๆเดือน

มีชาติเอเชียชาติเดียวที่ ไปยุโรป แล้วพวกมันแทบจะเลียไข่ อุ้มเดินไปเลย คือ ชาติญี่ปุ่นครับ เอกสารราชการบ้างอย่างที่อิตาลีมีภาษาญี่ปุ่นด้วยครับ
ซึ่งผมประทับใจคนญี่ปุ่นในยุโรปมากครับ เค้าFriendlyมาก เจอผมเดินอยู่ผิวเหลืองเหมือนกัน เค้าจะเข้ามาทักตลอด
ผิดกับคนไทยครับ นิสัยแย่ที่สุด
เหยียดคนไทยด้วยกันเอง เรื่องเหยียดผิวในต่างประเทศนี้แหละครับ จะว่าไปคนไทยด้วยกันเองนี่แหละครับ ตัวเหยียดเลยครับ

 

โอกาสดีๆ มาไม่บ่อย น่ะ ครับ ประทีป
ขนาด ผมได้โอกาสจากนายให้ไปอยู่สาขาที่ กัมพูชา กับ ลาว ผมยังรีบรับเลย อยู่ประเทศละ 4 ปีตั้งแต่ปี 37 - 45 ได้ประสบกาณ์ต่างๆมากมายจริงๆ
เชื่อหรีอไม่ว่า โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน มีใช้ที่กัมพูชาก่อนไทย 3 ปี ครับ 555+++

 

คิดหนักครับ อีก 2 อาทิตย์ต้องให้คำตอบแล้ว
ว่าแต่โอ๋นี่ประสบการณ์เยอะจริง ๆ ไปอิตาลี ได้แฟนฝรั่งผมดำผิวสีแทนบ้างเปล่า เสปคเนี๊ยของโปรดผมเลย

regional รอคำตอบมาเกือบ 6 เดือนแล้วครับ คิดหนักจริง ๆ ครับเรื่องนี้

 

ไปเถอะครับ เชื่อผม ปีเดียวเอง

 

ขอบคุณโอ๋ และเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่แนะนำครับ
ที่คิดหนักเพราะมันหลายเรื่องครับ ผมทำงานมาประมาณ 10 ปี เบื่อชีวิตกรุงเทพมาก มาก มากกก และเสียสุขภาพไปมากกับการทำงานในบริษัทที่มีการแข่งขันสูง ช่วงทำงานก็เดินทางต่างประเทศบ่อยมาก จนรู้สึกว่ามันไม่ balance ระหว่าง work & personal life

สามปีกว่าที่แล้วก่อนลาออกจากงาน ก็ตัดสินใจหนักแบบนี้มาทีแล้ว ในที่สุดก็ตัดใจได้ ลาออกมาทำธุรกิจที่บ้านเกิด ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทั้งสุขภาพตัวเอง ได้ดูแลพ่อแม่และให้เวลาเต็มที่กับครอบครัว ฯลฯ และคิดว่าจะไม่กลับไปทำงาน corporate อีกแล้ว

หลังลาออก บริษัทก็ชวนให้กลับไปในตำแหน่งที่สูงขึ้นหลายครั้ง ผม็ปฏิเสธทุกครั้ง เจ้านายเลยให้ work from home ผมถึงต้องไปกลับกรุงเทพ-ไทรโยค อาทิตย์ละสองรอบครับ ตอนนี้บริษัทให้ข้อเสนอใหม่ สุดยอดมาก คิดไม่ออกเลย นัดกินเหล้ากันดีใหม จันทร์ที่ 11 ต.ค. ห้าโมงเย็นที่อู่หมูครับ มีร้านใกล้ ๆ อู่เล่นดนตรีสดแนว acoustic ครับ

 

ช่วงนี้ผม หูชั้นนอกอักเสบ ต้องไปล้างหูที่รพ.ทุกช่วงเย็น
พรุ่งนี้อาจจะไปไม่ได้เลยครับประทีป เพราะล้างหูเสร้จ มันจะปวดหูมาก ต้องกลับมานอนพักอย่างเดียวเลย

---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 17:25:07 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 17:24:54 ----------

ช่วงนี้ผม หูชั้นนอกอักเสบ ต้องไปล้างหูที่รพ.ทุกช่วงเย็น
พรุ่งนี้อาจจะไปไม่ได้เลยครับประทีป เพราะล้างหูเสร้จ มันจะปวดหูมาก ต้องกลับมานอนพักอย่างเดียวเลย

 

อ้าววว ไปโดนสาวคนไหน บิดหู มาล่ะเนี่ย