สนใจอยู่เหมือนกันครับ รบกวน pm ให้บ้างนะครับ หรือถ้าขี้เกียจพิมพ์ pm เบอร์โทรมาก็ได้ครับเดี๋ยวโทรไปถาม ^_^
คำว่าจดประกอบ ก็คือการจดทะเบียนรถจากรถที่ประกอบขึ้นมา ซึ่งปัจจุบัน ตัวถังรถและอุปกรณ์ทั้งหมดในห้องโดยสาร ไม่จำเป็นต้องถอดมาเป็นอะไหล่ สามารถนำเข้ามาเสียภาษีเป็น แบบ32ได้เลย แต่ต้องถอดล้อและเครื่อง และช่วงล่างบางชิ้นออก เมื่อมาถึงเมืองไทย เราต้องนำมาประกอบโดยช่างฝีมือและเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น หลังจากนั้น เราต้องนำรถคันนั้นไปยื่นเสียภาษีสรรพสามิต (หากคุณประกอบรถแล้ว ไม่นำไปเสียภาษีสรรพสามิต ถึงแม้รถคันนั้นจะซ่อนไว้ในท้ายสวนในที่ส่วนบุคคล ทางกรมสรรพสามิตก็สามารถนำหมายศาลเข้าไปยึดรถคันนั้นได้) รถประกอบคันที่เสียภาษีสรรพสามิตแล้วก็จะอยู่ในฐานะเดียวกับรถที่นำเข้ามา เป็นคันทุกประการ ซึ่งรถที่สามารถนำเข้าเป็นคันได้ ต้องเป็นรถป้ายแดง 0กิโลเท่านั้น รถมือสองที่นำเข้าเป็นคันถือว่าผิดกฏหมาย นอกจากว่าคุณต้องพิสูจน์ได้ว่า คุณได้ครอบครองรถคันนั้นที่ต่างประเทศเกินกว่า1ปี6เดือน และเมื่อนำเข้ามาแล้ว ก็ไม่สามารถโอนเปลี่ยนชื่อรถคันนั้นภายใน1ปี คราว นี้มาดูกันต่อว่า ใครต่อใครสามารถประกอบรถได้เลยหรือเปล่า ก่อนที่คุณจะประกอบรถ คุณจะต้องนำบริษัทรถของคุณไปขอขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตก่อน เพื่อขอเป็นผู้ประกอบรถยนต์ ทางกรมจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเอกสารและสถานประกอบการว่ามีความสามารถ เพียงพอที่จะประกอบรถยนต์ได้จริงหรือไม่ หากทุกอย่างเป็นไปตามที่กรมสรรพสามิตกำหนด ทางกรมก็จะออกใบอนุญาติให้ประกอบรถเพื่อมานำมาเสียสรรพสามิตและนำไปขึ้น ทะเบียนได้ ทุกวันนี้ ในเมืองไทยมีเพียงไม่กี่รายที่มีใบอนุญาติใบนี้ บริษัทผมก็เป็นหนึ่งที่มีใบอนุญาตินี้ ส่วนเรื่องการทำทะเบียนไม่ ว่าจะเป็นรถประกอบหรือรถป้ายแดงที่นำเข้าทั้งคัน ทุกขั้นตอนจะเหมือนกันหมด และใช้กฏเกณฑ์เดียวกัน แต่ขอบอกไว้เลยนะครับ ถึงแม้รถป้ายแดงที่นำเข้าทั้งคัน หากคิดจะไปจดทะเบียนเอง โดยไม่ผ่านนายหน้า ผมยังไม่เคยเห็นมีคันไหนทำสำเร็จซะคัน เพราะกฏเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้มันเวอร์เกินความเป็นจริง ต้องให้คนที่รับทำทะเบียนผสานให้ ( เหมือนกับคุณไปสอบใบขับขี่ ถ้าไม่ผ่านคนที่รับทำเรื่องหน้าขนส่ง คงจะผ่านยาก อาจต้องสอบหลายเที่ยวหน่อย ) วิธีเช็คของผมก็คือ ผมจะเอาทะเบียนไปเข้าไฟแนนซ์ใหญ่ๆ เขาเป็นมืออาชีพกว่าผมเยอะ เขาคงไม่ปล่อยเงินกู้เป็นล้านๆ โดยเอาเอกสารมีปัญหามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหรอกครับ คราวนี้มา คิดต่อว่ารถประกอบมันจะดีหรือเลวกว่ารถที่นำเข้ามาเป็นคันซึ่งใช้วิ่งบนถนน เมืองไทยมาหลายปีแล้ว บอกได้เลยว่า คนละเรื่องเลยครับ รถคุณจะแพงหรือทำช่วงล่างมาดีขนาดไหน แต่ได้มาวิ่งบนถนนเมืองไทยซะปีสองปีเป็นต้นไป ช่วงล่างดีๆก็พังหมด มันพาลไปทำให้อุปกรณ์อย่างอื่นของรถสะเทือนและพังไปด้วย บวกกับแสงแดดเมืองร้อนอย่างบ้านเราที่เผาทุกอย่างบนคอนโซลรถ ทำให้เวลาวิ่งมีเสียงคอนโซลเอี๊ยดอ๊าดไปทั้งคัน ช่วงล่างก็ก๊อกๆไปหมด คุณลองเอารถรุ่นเดียวกันปีเดียวกันมาวิ่งดู คันนึงเป็นรถใช้แล้วบ้านเรา อีกคันเป็นรถพึ่งนำเข้ายังไม่ผ่านถนนเมืองไทย ต่อให้คุณเป็นคนที่ไม่ละเอียดละออ คุณก็สัมผัสถึงความแตกต่างได้อย่างเห็นได้ชัด คำว่า "รถจดประกอบ" ตอนนี้มันใหม่มากๆ (ซึ่งจริงๆเค้าทำกันมานานแล้ว บางท่านยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่า รถที่ตัวเองขับอยู่เป็น"รถจดประกอบ") หลาย ท่านก็ว่า รถพวกนี้ นำเข้าแบบนี้ ไม่สามารถจดทะเบียนได้ ตะก่อนผมก็คิดเช่นนั้น แต่พอไปเดินเซียงกงก็งงๆ ว่าทำไมเดือนๆนึง ทำไมเอาเข้ากันเค้ามาเยอะเหลือเกิน เอาเข้าแบบเฟรมเป็นเฟรมเลย ไม่ตัด ถ้ามันจดทะเบียนไม่ได้ เอาเฟรมเข้ามาเต็มลำให้เสียภาษีเพิ่มเล่นๆทำไม ในเมื่อคนที่จะซื้ออะไหล่ไปใส่รถของตัวเอง ก็หัวกับท้ายตัดไปสับอะไหล่น่าจะถูกกว่าซื้อเต็มๆลำ เพราะเฟรมมันสับไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ บูมสุดๆ เอาเข้ามาเยอะมากๆ หลายท่านถึงกับเรียกว่า "ช่วงปล่อยผี"เลย ผม จึงเริ่มศึกษาจริงจัง + ได้พื้นจากที่ทำBigbikeมาก่อน จึงรู้ว่า มันสามารถจดทะเบียนได้จริง แล้วเค้าทำกันยังไง ทำแบบไหน ทำยังไงให้มันถูกต้อง ทำจนได้ใบอนุญาตประกอบรถเลย(ที่หลายท่านงงๆกันว่าทำไม ผมถึงสามารถโชว์รถที่อยู่ระหว่างเสียภาษีสรรพสามิต เป็นลำๆได้เลย ไม่ต้อง ถอดล้อ, ถอดพวงมะลัย ขึ้นสามขา แล้วเอาผ้าคลุมไว้ ไม่ใช่เพราะผมเส้นใหญ่ แต่ผมทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง หลาย ท่านว่า"รถจดประกอบ" มีเล่มก็จริง แต่ขับๆไปเด๊วก็โดนย้อนหลัง ถามว่าเรื่องนี้จริงมั้ย ผมตอบได้เลยว่า"มีจริงครับ มีคนเคยโดนแล้ว" ได้จดหมายให้ไปเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่ม เนื่องจากอาจจะเสียภาษีน้อยเกินจริง หรือใต้โต๊ะ เพื่อให้ได้ใบเสร็จออกมา ผมถึงย้ำเสมอว่า ของผมเสียภาษีสรรพสามิตเต็มที่กรมใหญ่ กรุงเทพมหานคร เพราะที่กรมใหญ่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนสามารถลูกเล่น หรือใช้มายากลเสกใบเสร็จได้ ถ้าถามว่าทำไมเปิดราคารถถูกจัง ถูกจนไม่กล้าซื้อเลย ต้องลองเทียบกับราคาที่ญี่ปุ่นดูครับ ยังถือว่าแพงมากๆเพราะกว่าจะถึงไทย และทะเบียนออก ต้องโดนภาษีกับค่าใช้จ่ายเลยค่าตัวรถที่ญี่ปุ่นไม่รู้กี่เท่า ผมเอง เป็นคนนึงที่ตะก่อนอยากขับรถsportมากๆ แต่พอมานั่งดูงบทีมีกับเหตุผลที่จะซื้อ หักไปหักมาก็ทำใจซื้อไม่ลง พอยิ่งไปดูราคารถที่เว็บเมืองนอกก็ยิ่งไม่เข้าใจ ถ้าเรามีเงิน1ล้านอยู่เมืองนอก แทบจะซื้อรถในฝันได้เกือบทุกรุ่น แต่พออยู่ในไทยแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าจะซื้ออะไร อาจเป็นเพราะโดนภาษีตอนป้ายแดง หรือเพราะอะไรก็ตาม จนทำให้ผมไม่กล้าซื้อรถsportขับในเมืองไทยเลย...... ท่านใดที่กำลัง ศึกษาเกี่ยวกับรถ"จดประกอบ"อยู่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า หรือ ผู้บริโภค ลองมาคุยกันที่โรงงานผมได้ครับ ผมมีเอกสารที่มาของรถและทะเบียนทุกอย่างให้ดูครับ มารวมกันทำให้ถูกต้องครับ ปล. น่าจะเขียนบทความว่า รถจดประกอบ กับ รถไม่จดประกอบ แตกต่างกันยังไงนะครับผมว่าคงมีคนที่ยังไม่รู้ลึกและต้องการข้อมูลแบบผม รถ"จดประกอบ" คือรถที่จดทะเบียนจากอะไหล่ประกอบ ถ้าคนที่เล่นBigbikeอยู่จะทราบดี ถ้าจะทำให้ถูกต้องมันใช้หลักการเดียวกันเลย รถ มือสองไม่สามารถนำเข้ามาเป็นคัน(ไม่นับรถนักเรียน) ต้องนำเข้ามาในรูปแบบของอะไหล่ หลายคนถึงบอกว่า รถพวกนี้มันถอดเป็นเสี่ยงๆเข้ามา แล้วค่อยประกอบอีกที แต่ในทางปฏิบัติจริงมันไม่ใช่ครับ ขอข้ามส่วนนี้ไปนะครับ(ผมไม่ขอพูดเยอะ) แล้ว ถามว่ามันต่างกับรถปกติยังไง ส่วนตัวผมว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกคิดนู่นคิดนี่ไปเองครับ+กับมันยัง เป็นเรื่องใหม่สำหรับบางท่าน ส่วนเรื่องของตัวรถ ต้องมาพิสูจน์เองครับ รถที่ผมเอามาขาย เป็นรถประมูลที่Auction Houseต่างๆที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ซื้อพวกรถที่รอ'บด'ตามjunk สภาพผมจะคัดหมด ไม่เอาเฉียวชน ในใบประมูลจะมีระบุไว้หมด รถผมจะมีรูปให้ดูว่าที่ญี่ปุ่นเป็นยังไง ถึงไทยแกะห่อแล้วเป็นยังไง เพื่อความสบายใจของลูกค้า เรื่องทะเบียน ผมจะมีสำเนาใบเสร็จสรรพสามิต+กับเอกสารการนำเข้าต่างๆให้พกไว้เลย อาจจะเป็นแนวทางครับ credits jiimmylover MR-S Thailand
ช่วงนี้พวกเอามาจดประกอบเยอะมากๆครับ พวกที่ทำเซียงกงเค้าจะนิยมกันมากเพราะพวกนี้เส้นค่อนข้างใหญ่และเงินถึง
รถ"จดประกอบ" คือรถที่จดทะเบียนจากอะไหล่ประกอบ ถ้าคนที่เล่นBigbikeอยู่จะทราบดี ถ้าจะทำให้ถูกต้องมันใช้หลักการเดียวกันเลย รถมือสองไม่สามารถนำเข้ามาเป็นคัน(ไม่นับรถนักเรียน) ต้องนำเข้ามาในรูปแบบของอะไหล่ หลายคนถึงบอกว่า รถพวกนี้มันถอดเป็นเสี่ยงๆเข้ามา แล้วค่อยประกอบอีกที แต่ในทางปฏิบัติจริงมันไม่ใช่ครับ ขอข้ามส่วนนี้ไปนะครับ(ผมไม่ขอพูดเยอะ) แล้วถามว่ามันต่างกับรถปกติยังไง ส่วนตัวผมว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกคิดนู่นคิดนี่ไปเองครับ+กับมันยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางท่าน ส่วนเรื่องของตัวรถ ต้องมาพิสูจน์เองครับ รถที่ผมเอามาขาย เป็นรถประมูลที่Auction Houseต่างๆที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ซื้อพวกรถที่รอ'บด'ตามjunk สภาพผมจะคัดหมด ไม่เอาเฉียวชน ในใบประมูลจะมีระบุไว้หมด รถผมจะมีรูปให้ดูว่าที่ญี่ปุ่นเป็นยังไง ถึงไทยแกะห่อแล้วเป็นยังไง เพื่อความสบายใจของลูกค้า รับจดทะเบียน รถอินวอย - รถจะต้องนำเข้าถูกต้อง เสียภาษีกรมศุลขาเข้าถูกต้อง(รถดำดินเข้ามา ไม่เสียภาษี ไม่มีเอกสารจดไม่ได้) - รถตัดbodyเข้ามา จดไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารของbody ขึ้นทะเบียนไม่ได้ หลักเกณท์ของรถที่ต้องการจะตรวจ สมอ.(ตรวจจริง ไม่ซิกแซก สามารถนำเลขที่ผลตรวจไปตรวจสอบกับสถาบันยานยนต์ได้เลย) - สภาพเครื่องยนต์จะต้องสมบูรณ์ (ถ้าคิดว่าไม่สมบูรณ์ต้องจัดการแก้ไขก่อน) - รถต้องวิ่งน้อย (พวกรถหลักแสนกิโล แล้วกอไมล์ไม่เกี่ยวนะครับ) รถต้องวิ่งน้อยจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็ต้องโอเวอร์ฮอล์ - "รถยนต์"ห้ามปรับแต่งใดๆ ต้องstandardทั้งคัน (หมายถึงทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ สิ่งที่ใส่ไป ตอนตรวจในเล็ปมีผลหมด) - ปีของรถควรจะปี2000ขึ้น ถ้าต่ำกว่าปี2000 ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นไปอีก หมายเหตุ: ถ้ารถไม่ได้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ผมว่า ยังไงโทรคุยกันได้ครับ ผมจะดูความเป็นไปได้ ถ้าอยากจะตรวจให้ผ่านจริงๆ เรื่องทะเบียน ผมจะมีสำเนาใบเสร็จสรรพสามิต+กับเอกสารการนำเข้าต่างๆให้พกไว้เลย เอกสารที่ใช้ในการทำทะเบียนรถ 1. หลักฐานการได้มาของโครงคัสซี ได้แก่ ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากร แบบ 32 (ใบรับรองการนำเข้า) สำเนาใบขนสินค้าขาเข้า(INVOICE) ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรรับรองสำเนาถูกต้อง ใบเสร็จใบกำกับภาษีซื้อขายโครงคัสซีจากร้านที่จำหน่าย 2. หลักฐานการได้มาของเครื่องยนต์ ได้แก่ ใบแจ้งจำหน่าย ใบเสร็จ ใบกำกับภาษีซื้อขายเครื่องยนต์จากร้านที่จำหน่าย 3. ใบเสร็จใบกำกับภาษีค่าแรงประกอบรถ และใบเสร็จอุปกรณ์ส่วนควบ 4. หนังสือรับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถจากวิศวกรและใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ประเภท สาขาวิศวกรรมเครื่องยนต์ 5. นำรถที่ประกอบแล้วไปติดต่อที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัยและสารมลพิษจากเครื่องยนต์ 6. นำรถไปติดต่อกรมสรรพสามิต เพื่อเสียภาษีกรมสรรพสามิต 7. เอกสารเจ้าของรถ ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน 8. นำเอกสาร 1-7 มาติดต่อขอจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก (นำรถมาตรวจสภาพด้วย) หมายเหตุ: ผู้ที่สามารถเสียสรรพสามิตได้ ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิต นอกจากถูกจับ-ปรับ ใบเสร็จถึงออกเป็นบุคคลธรรมดา ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ก็สามารถขึ้นทะเบียนกับขนส่งได้เลยครับ กรมการขนส่งทางบก ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2272-310 กฏหมายไม่ได้ห้ามประกอบรถยนต์จากชิ้นส่วนเก่า เพียงแต่ผู้ที่ต้องการประกอบรถยนต์ต้องขอขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาติให้ประกอบกับกรมสรรพสามิตเสียก่อน และต้องนำเอกสารและรถไปเสียภาษีสรรพสามิตให้ถูกต้อง ก่อนที่จะจำหน่ายให้กับลูกค้า เมื่อเสียภาษีสรรพสามิตแล้ว ต้องนำรถไปขอตรวจที่สถาบันยานยนต์ และให้วิศวกรตรวจสอบโครงสร้าง เมื่อทุกอย่างผ่านหมดแล้ว ก็สามารถนำเอกสารพร้อมรถไปขอขึ้นทะเบียนที่ขนส่งได้เลย ส่วนรถที่ติดตั้งแก๊สมา ไม่จำเป็นต้องไปตรวจ สมอ. จากข่าวที่ฮือฮากันอยู่ ท่านรองอธิบดีกรมขนส่ง ไม่ได้ว่ารถประกอบจดทะเบียนไม่ได้ แต่กำชับว่าตรวจสอบรถประกอบที่แจ้งว่าติดตั้งแก๊ส แล้วไม่ได้ติดมาจริง หากติดตั้งมาจริงก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ ช่วงนี้มีลูกค้าและคนไทยที่สนใจรถประกอบโทรมาถามผมทั้งวัน คำถามที่นิยมสุดๆตอนนี้ก็คือขับรถร้านผมจะโดนยึดหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้จะให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าหรือว่าที่ลูกค้าอย่างไร เพราะสิ่งที่ผมพูดออกไป จะดูเป็นคำแก้ตัวหรือคำพูดเพื่อให้ว่าที่ลูกค้าผมมาเชื่อผมหรือเปล่า เอาเป็นว่า ผมจะเล่าที่มาที่ไปของธุรกิจรถยนต์ประกอบก็แล้วกัน อาชีพเดิมผมก็คือขายรถจักรยานยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนเก่าที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นหรือเรียกว่าbig bike ผมทำมาแล้ว6ปี ผมขายตั้งแต่ตำรวจยังไม่รู้เลยว่ารถประกอบต้องเสียภาษีสรรพสามิตถึงจะครอบครองได้ ผมเป็นคนวิ่งเต้นขอเสียสรรพสามิตกับกรมสรรพสามิตจนสำเร็จ เพราะแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตเองก็ยังไม่รู้วิธีคำนวณการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ประกอบจากชิ้นส่วนเก่า ผมทำจนกระทั่งรถจักรยานยนต์มีราคากลางทั้งประเทศ เพื่อพี่น้องชาวไทยสามารถเสียภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ได้ แล้วอยู่มาวันหนึ่งเมื่อต้นปีนี้เอง ลูกชายผม อยากจะทำรถยนต์ประกอบมาขายบ้าง ผมจึงทดลองสั่งซื้อรถยนต์มา5คัน โดยสั่งซื้อรถพร้อมให้เขาทำทะเบียนให้มาเลย พอผมได้เล่มทะเบียนมา ก็สงสัยว่าทำไมต้องไปทำต่างจังหวัด ทั้งๆที่ผมเสียค่าทำทะเบียนไปหลายแสน แพงกว่าตัวรถที่ผมซื้อเสียอีก ทำไมต้องมีแก๊สมาพัวพันกับรถผม ทำไมภาษีต้องไปเสียที่ต่างจังหวัดแทนที่จะเสียที่กรุงเทพ ผมถึงมาศึกษาที่มาที่ไปของเล่มทะเบียน และก็เริ่มนับหนึ่งกับธุรกิจนี้ ผมเริ่มจากเดินเข้าไปที่กรมสรรพสามิต ไปปรึกษาว่าผมต้องการประกอบรถยนต์จากชิ้นส่วนเก่า ว่าสามารถทำได้อย่างถูกกฏหมายหรือเปล่า ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าทำได้ ทำเหมือนรถจักรยานยนต์ประกอบที่ผมทำอยู่ คือต้องขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตเสียก่อน ถึงจะประกอบรถยนต์ได้ (ถ้าธุรกิจตัวนี้มันเป็นธุรกิจที่ผิดกฏหมาย แล้วกรมสรรพสามิตมาอนุญาติให้ผมประกอบรถได้อย่างไร ) แล้วทางกรมก็สอนผมและลูกน้องในการคำนวณการเสียภาษีสรรพสามิต ขั้นตอนต่างๆที่ซับซ้อนวุ่นวาย ผมก็พยายามจนกว่าจะเสียภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้องกับรถยนต์คันแรก ต้องใช้เวลาไปเกือบสองเดือน เมื่อผมเสียภาษีได้แล้ว ผมก็ไปศึกษาเรื่องการตรวจ สมอ.ต่อ พอรู้ขั้นตอนการตรวจของเขา ก็รู้ได้ว่า ไม่มีรถคันไหนที่สามารถตรวจผ่าน หากเราไม่ศึกษาสเป็คและค่าที่ต้องจูนเครื่องยนต์ ผมต้องหาช่างจูน เครื่องมือการตรวจค่า และเมื่อมั่นใจแล้วว่าผมทำได้ ผมถึงมาทุ่มสุดตัวกับธุรกิจนี้ทันที เพราะผมคิดว่าผมน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่รายที่สามารถทำทะเบียนแบบถูกต้องกับรถประกอบได้ ผมน่าจะเป็นคนที่ยกระดับรถประกอบจากใต้ดินให้ขึ้นมาสู่บนดินได้ หากถามว่ารัฐเสียผลประโยชน์กับรถประกอบหรือเปล่า ถ้าเรานำรถเข้ามาในรูปแบบอะไหล่ และก็เสียภาษีศุลกากรในรูปแบบอะไหล่ แล้วเรานำมาประกอบเป็นคันโดยที่ไม่ได้ไปเสียภาษีสรรพสามิตเป็นคันที่กรมสรรพสามิตสิ รัฐเสียหาย ทุกวันนี้ผมเสียภาษีสรรพสามิตต่อคันหลายแสนบาท เมื่อเทียบกับราคาซื้อขายที่ไม่กี่แสนหรือล้านหน่อยๆ ทำไมเราไม่นำเข้ามาทั้งคัน ไม่ใช่เพราะเราเลี่ยงภาษี แต่เราไม่สามารถทำได้ เพราะกฏหมายไม่อนุญาติให้รถมือสองนำเข้ามาเป็นคัน รถมือสองที่นำเข้ามาเป็นคันได้ ต้องมีหลักฐานการครอบครองที่ต่างประเทศไม่ต่ำกว่า18เดือน แสดงว่าคนไทยที่ต้องการใช้รถต่างประเทศต้องซื้อแต่รถป้ายแดงเท่านั้นหรือ เขาว่ารัฐจะขาดรายได้จากผู้นำเข้ารถยนต์ป้ายแดงทั้งคัน เพราะรถเขาขายไม่ได้ ผมว่าจริงๆแล้ว คนไทยหลายคนที่มีปัญญาซื้อรถมือสองก็ใช่ว่าจะมีปัญญาซื้อรถยนต์ป้ายแดงคันละหลายๆล้าน และคนไทยที่พอจะมีกินหรือมีเงินล้นฟ้า ก็มีเหตุผลเพียงพอในการใช้เงิน ในเมื่อรถยนต์มันเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศเหมือนกัน ทำไมต้องบังคับให้เราไปซื้อคันที่แพงกว่า ทั้งๆที่คุณภาพพอๆกัน และเงินตราก็ไม่ได้ไหลออกนอกไปหมด ผมหละคนนึงที่เกิดมาในชีวิต เปลี่ยนรถมาแล้วไม่ต่ำกว่า40คัน แต่เคยซื้อรถป้ายแดงไม่เกิน3คัน อีกหน่อยก็คงมีภัตตาคารหลู่5ดาว ออกมาโจมตีร้านขายก๋วยเตี๋ยวริมถนนที่ทำให้รายได้เขาน้อยลง ทำให้เขาเสียภาษีให้รัฐได้น้อยลง เพราะมีคนอย่างผม ที่มีความสามารถในการกินอาหารมื้อละหลายพัน แต่ไม่ยอมเข้าไปกิน แต่กลับชอบกินก๋วยเตี๋ยวชามละ30บาทที่ขายอยู่ข้างภัตตาคารนั้น และร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นก็เสียภาษีแบบเหมาจ่ายปีละไม่กี่ร้อยบาทเอง อ้างอิง : http://www.dbigbike.com/webboard/index.php?topic=27755.0
ที่ทราบ ก็คนนำเข้า แจ้งจับรถตัวเอง ให้ศุลยึดเอามาประมูล เพื่อให้ได้ทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย ส่วนที่ไม่ถูกกฏหมายก็สวมทะเบียนเอา ที่เคยได้ฟังมาก็ประมาณนั้น ปล.หากพี่ ตร. เข้ามาอย่าสงสัยรถผมน่ะ cbr400, xv750,R32 เป็นรถจดประกอบ ทำตามกฏหมาย หละน่ะ
พอจะเข้าใจนะครับ ก็เหมือนเราซื้อเครื่อง iPhone ผ่านศูนย์ AIS,Dtac,True กับเครื่องหิ้ว ถ้าชื้อศูนย์ก็มีโปรโมชั่นนู่นนี่แถมรับประกันอีก ทั้งๆที่เครื่องหิ้วไม่มี ประกันใจอย่างเดียว ถ้าเหมือนรถจดประกอบกับรถที่จอดบนโชว์รูมหรูๆ ถ้าคุณซื้อรถจดประกอบคุณก็จะได้ประกันใจจากคนขาย แต่ถ้าซื้อผ่านโชว์รูมคุณก็จะได้รับประกันจากโชว์รูมนั้นๆ ถ้าเกิดใช้ไป รถจดประกอบเสีย คุณจ่ายค่าแรงค่าอะไหล่ทั้งหมดแล้วราคาอะไหล่รถนำเข้าก็รู้ๆกันอยู่ รถซื้อผ่านโชว์รูมเสีย อย่างมากก็เสียค่าแรง อะไหล่ทางศูนย์เคลมให้เรา เพราะฉนั้นจากที่ผมดูอย่าไปว่าคนรวยเค้าโง่ครับว่าซื้อทำไมรถศูนย์ราคาแพงจะตายเค้าไม่โง่ครับแต่เค้าซื้อรถศูนย์อุ่นใจกว่ามีปัญหาฟ้องร้องกันได้มีตัวตนให้ฟ้อง แต่คนที่ซื้อรถจดประกอบก็ไม่ใช่เค้าไม่ฉลาดแต่เค้ายอมรับความเสี่ยงกับราคาได้ กำลังทรัพย์คุณมีเท่าไหร่ก็ซื้อตามกำลังทรัพย์ที่มีเถอะครับผมเงินเหลือก็ซื้อรถโชว์รูมครับสบายใจกว่า