แนะนำ Action Camera ที่สามารถบันทึกพิกัด GPS ใหม่ล่าสุดจาก Garmin VIRB X และ XE

การสนทนาใน 'Camera' เริ่มโดย RC, 8 ตุลาคม 2015

< Previous Thread | Next Thread >
  1. RC

    RC New Member Member

    2
    0
    1
    [​IMG]

    ในยุคปัจจุบันมีกล้องวิดีโอขนาดเล็กหรือ Action Camera มากมายหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ แต่จะมีสักกี่รายที่จะสร้างความแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่
    โดยเฉพาะ Gamin ที่ใครๆ ก็รู้จักว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับบันทึกพิกัด GPS หรืออุปกรณ์นำทาง ในครั้งนี้ Garmin ได้มีอุปกรณ์ที่เข้าร่วมแข่งขันในตลาดกล้องวิดีโอขนาดเล็ก หรือ Action Camera มีชื่อเรียกว่า Garmin VIRB X และ XE ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่สองแล้ว รุ่นก่อนหน้านี้ชื่อ Garmin VIRB และ VIRB Elite ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร แต่พอมาเป็นรุ่นที่สอง ยิ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีก เราลองมาดูว่ากล้องวิดีโอรุ่นใหม่จาก Garmin มีอะไรเด็ดๆ บ้าง

    รูปทรงภายนอกดูเหลื่ยมๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรง ตัวกล้องที่ไม่ต้องใส่เคสหรือใส่อุปกรณ์เสริมใดๆ แต่สามารถกันน้ำได้ถึง 50 เมตร แบตเตอรี่และหน่วยความจำ (SD Card) สามารถถอดเปลี่ยนได้โดยเปิดฝาหน้าออก ตัวล็อคของฝาแน่นหนาไม่เปิดหรือหลุดออกมาได้ง่ายๆ ที่ฝาจะมีขอบยางกันน้ำเอาไว้ด้วย
    ด้านข้างอีกด้านจะมีขั้วต่ออุปกรณ์เสริมและชาร์จแบตเตอรี่
    ด้านบนจะมีปุ่ม Power และ Menu ซึ่งเป็นปุ่มเล็กๆ 2 ปุ่ม และใกล้ๆ จะมีปุ่มกดชัตเตอร์สำหรับถ่ายรูประหว่างบันทึกวิดีโอได้ด้วยและเป็นปุ่มยืนยัน (OK) ในการตั้งค่า ที่ล้อมปุ่มชัตเตอร์เป็นปุ่มเลื่อนสำหรับบันทึกวิดีโอ การเลื่อนของปุ่มค่อนข้างนุ่มนวลไม่แข็งหรือเลื่อนง่ายจนเกินไป และปุ่มบันทึกวิดีโอนี้ สามารถเลื่อนบันทึกวิดีโอได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Power หรือเปิดกล้อง
    ส่วนอีกด้านจะเป็นหน้าจอแสดงผลต่างๆ
    ข้างหลังเป็นพื้นที่บอกว่ามันคือรุ่น X และ XE เท่านั้น
    ด้วยรูปทรงจากที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าติดที่หมวกกันน็อกสำหรับกีฬาผาดโผนหรือ X-Tream ไม่น่ามีปัญหา มีแต่น้ำหนักตัวกล้องที่น่าจะรู้สึกว่าหนักอยู่บ้าง ในขณะเดียวกันถ้าติดที่หมวกกันน็อกมอเตอร์ไซค์ เมื่อคุณใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเกิน 120 กม./ชม. ด้วยรูปทรงแบบนี้ค่อนข้างจะต้านลม คุณจะรู้สึกได้ว่ากล้องที่อยู่ด้านข้างหรือบนหมวกกันน็อกของคุณอาจเป็นตัวสร้างปัญหาหรือความรำคาญในการขับขี่องคุณได้
    แต่ถ้ากล้องติดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีกระจกบังลมหรือติดตั้งในรถยนต์ รูปทรงแบบนี้จะไม่มีปัญหาใดๆ และในระหว่างการใช้งานคุณสามารถเปิดฝาหน้าเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือ SD Card อย่างง่าย โดยที่ไม่จำเป็นต้องถอดตัวกล้องออกมาจากที่คุณติดตั้ง

    [​IMG]
    ความแตกต่างภายนอกมีแค่ VIRB XE และ VIRB X ที่อยู่ข้างหลังเท่านั้น​

    น้ำหนักกล้อง
    น้ำหนักของกล้องถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการซื้อกล้องวิดีโอที่จะนำมาติดหมวกกันน็อคหรือยึดติดกับอุปกรณ์ที่มีการเคลื่อนไหว เพราะถ้ามันหนักมาก มันก็เกิดแรงเหวี่ยงหรือการสั่นสะเทือนได้มากขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ได้ลองถือกล้อง หรือติดตั้งบนหมวกกันน็อค หรือยึดติดกับแขน หรือข้อมือ ก็จะรู้สึกได้ว่ามันหนักอยู่บ้าง

    [​IMG]
    กล้องรวมแบตเตอรี่ 153.2 กรัม

    [​IMG]
    กล้องเปล่าๆ 131.7 กรัม

    [​IMG]
    แบตเตอรี่ 21.5 กรัม​

    แกะกล่องเปิดดูว่ามีอะไรบ้าง
    [​IMG]
    ในรูปอุปกรณ์ที่ให้มาในรุ่น VIRB X​

    อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย (ตามสเปค):
    - กล้องแอ็คชั่นคาเมร่า VIRB X หรือ VIRB XE
    - แบตเตอรี่แพคแบบชาร์จไฟซ้ำได้
    - สายชาร์จไฟ/ข้อมูล
    - ที่ยึดแบบราบและโค้ง
    - อะแดปเตอร์ที่ยึดแบบมาตรฐานและแบบแนวตั้ง (แบบแนวตั้งเฉพาะรุ่น XE)
    - แขนต่อขยายแบบสั้นและยาว (เฉพาะรุ่น XE)
    - สกรูแบบสั้นและยาว (เฉพาะรุ่น XE)
    - ประแจ
    - คู่มือการใช้งาน (มีภาษาไทยเฉพาะรุ่น XE)
    - แผ่นป้องกันฝ้า

    [​IMG]
    2 ตัวนี้แถมมาก็ไม่รู้จะใช้กับอะไรในตอนนี้ แต่เคยในวิดีโอรีวิวต่างประเทศ เค้าเอาไว้ใส่กับ Mount ของ VIRB รุ่นเก่า และ 2 ตัวนี้มันมีมากับ Large Tube Mount กับ Wrist Strap ด้วย​

    ก่อนอื่นลองมาดูสเปคคร่าวๆ กันก่อน
    Garmin VIRB XE
    - วิดีโอระดับมืออาชีพ: 1440p@30fps, 1080p@60fps, 960p@100fps, 720p@120fps และ 480p@240fps พร้อมระบบกันสั่นและระดับการซูมหลายระดับ
    - G-Metrix: Garmin GPS ภายในและเซ็นเซอร์เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของคุณในแบบเรียลไทม์และแสดงแสดงข้อมูลทั้งหมดในเกจที่ทรงพลัง, กราฟและอื่น ๆ
    - ภาพถ่าย: 12 megapixels; ถ่ายรัวได้ถึง 30 เฟรมต่อวินาที; time lapse
    - เสียง: ไมโครโฟนที่ให้เสียงชัดเจน ถึงแม้อยู่ใต้น้ำ; HD audio แบบไร้สายจากหูฟังหรือไมโครโฟนที่รองรับ Bluetooth
    - กันน้ำได้ถึง 50 เมตรโดยไม่ต้องใส่เคสดำน้ำ

    Garmin VIRB X
    - วิดีโอระดับมืออาชีพ: 1080p@30fps, 960p@30fps, 720p@60fps และ 480p@120fps ระดับการซูมหลายระดับ
    - G-Metrix: Garmin GPS ภายในและเซ็นเซอร์เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของคุณในแบบเรียลไทม์และแสดงแสดงข้อมูลทั้งหมดในเกจที่ทรงพลัง, กราฟและอื่น ๆ
    - ภาพถ่าย: 12 megapixels; ถ่ายรัวได้ถึง 10 เฟรมต่อวินาที; time lapse
    - เสียง: ไมโครโฟนที่ให้เสียงชัดเจน ถึงแม้อยู่ใต้น้ำ; HD audio แบบไร้สายจากหูฟังหรือไมโครโฟนที่รองรับ Bluetooth
    - กันน้ำได้ถึง 50 เมตรโดยไม่ต้องใส่เคสดำน้ำ

    Garmin VIRB X และ XE แตกต่างกันอย่างไร
    สองรุ่นนี้ภายนอกจะเหมือนกันหมดทุกอย่าง จะแตกต่างกันแค่ความละเอียดของบันทึกวิดีโอและเฟรมเรตของวิดีโอแค่นั้นเองโดยมีสเปคดังต่อไปนี้
    รุ่น X บันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
    รุ่น XE บันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และความละเอียดสูงสุด 1440p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
    นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่น (Image Stabilization) และตัวเลือก Pro Settings ดังนี้
    - Color: Vivid, Flat (สีฉูดฉาดหรือสีเป็นธรรมชาติ)
    - White Balance: Auto, 2800K, 4000K, 5000K, 6500K, 7500K (ปรับแสงตามสภาพแวดล้อมในขณะนั้นเช่น 2800K ที่ร่มมีแสงน้อย, 4000K สำหรับอยู่ในห้องที่มีแสงหลอดฟลูออเรสเซนต์, 5000K สำหรับกลางวัน, 6500K สำหรับแสงแดด และ 7500K สำหรับมีเมฆมาก)
    - Sharpness: Low, Medium, High (ความคมชัด Low ดูนุ่มนวล, Medium ปานกลาง และ High คมชัด)
    - ISO Limit: 6400, 1600, 400 (6400 สำหรับแสงน้อยหรืออยู่ในที่มืด, 400 สำหรับกลางแจ้ง)
    - EV Bias: +/-
    - EV Lock

    ฟังก์ชั่นที่มีเหมือนกันทั้งสองรุ่นที่น่าสนใจ
    - กล้องที่เป็นเลนส์มุมกว้าง (Wide-angle) บริเวณขอบของภาพจะโค้งหรือรูปภาพบิดเบือน ตัวเลือก Lens Correct จะช่วยลดการบิดเบือนของภาพทำให้ภาพดูเหมือนปกติมากขึ้น
    - ในกล้องมีไจโรเพื่อตรวจการเคลื่อนไหวและทิศทางของกล้องจึงทำให้คุณสามารถตั้งกล้องในแนวปกติหรือกลับหัวก็ได้ กล้องจะบันทึกรูปภาพหรือวิดีโอในแนวที่ถูกต้องได้ ด้วยการตั้งค่า Orientation ให้เป็น Auto
    - เชื่อมต่อ Wi-Fi (802.11 bgn) เพื่อดูภาพวิดีโอในขณะนั้นหรือควบคุมกล้องผ่านทางโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งเชื่อมต่อรีโมทเพื่อควบคุมกล้องได้หลายตัวในเวลาเดียวกัน
    - เชื่อมต่อไมค์ไร้สายผ่านทาง Bluetooth
    - เชื่อมต่อกับ OBD-II ในรถรุ่นใหม่ๆ ผ่านทาง Bluetooth เพื่อนำข้อมูลของรถหรือเครื่องยนต์มาบันทึกและแสดงผลในวิดีโอได้
    - บันทึกช่วงเวลาได้มากกว่าวิดีโอด้วย G-Metrix ประกอบด้วย Garmin GPS ภายใน, G-force, เซ็นเซอร์วัดการหมุนทิศทาง และความสามารถในการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับเซ็นเซอร์ภายนอกและอุปกรณ์ Garmin ผ่านทาง ANT+ เพื่อเก็บข้อมูลสมรรถนะได้มากยิ่งขึ้น โดยใช้ซอฟต์แวร์ VIRB Edit เพื่อวางซ้อนมาตรวัด, กราฟและอื่นๆ โดยอัตโนมัติ, แสดงจุดเด่นความเร็วของคุณ, การเพิ่มความเร็ว, อัตราการเต้นหัวใจ และอื่นๆ ในแบบเรียลไทม์

    ในส่วนของความคมชัดหรือจะให้เทียบเท่ากับกล้องวิดีโอของเจ้าใดนั้น เราคงไม่ได้รีวิวในส่วนนั้น เพราะไม่ได้แตกต่างกันมากและในเว็บต่างประเทศจะรีวิวเรื่องนี้เป็นส่วนใหญ่
    แต่ในรีวิวนี้จะแนะนำความแตกต่าง หรือจุดเด่นที่สำคัญ จากที่เราได้กล่าวไปข้างต้น

    ก่อนจะใช้งานเพื่อบันทึกวิดีโอหรือถ่ายรูป เราควรจะศึกษาการใช้งานจากคู่มือและตั้งค่าของกล้องตามความเหมาะสมให้เรียบร้อยก่อน
    เข้าไปที่เมนูโดยกดที่ปุ่ม Menu ค้างไว้ แล้วเลื่อนขึ้นลงเพื่อเข้าไปตั้งค่าในแต่ละเมนู
    [​IMG]
    หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้วก็มาติดตั้งกล้องให้เรียบร้อยก่อน เรามาดูตัวยึดที่ติดตั้งของ Garmin VIRB X และ XE มีอะไรบ้าง

    Large Tube Mount (ที่ยึดท่อขนาดใหญ่)
    [​IMG]
    คลิปวิดีโอแรกที่จะทดสอบตั้งใจจะเอามาติดตั้งในรถแข่ง ก็เลยลองเอาไปติดตั้งที่โรลบาร์ในรถ ปรากฎว่า เส้นรอบวงไม่ถึง ติดตั้งไม่ได้ นี้ที่ยึดท่อขนาดใหญ่แล้วนะเนี้ย ตามสเปคใช้กับท่อขนาด 0.75 นิ้วถึง 1.5 นิ้ว (19 มม. ถึง 38 มม.) ก็เลยลองเอาไปยึดไว้ที่หลักอานรถจักรยาน ยึดได้พอดี ไม่ต้องรองแผ่นยางเลย เพราะถึงรองแผ่นยางก็ใส่ไม่ได้อยู่ดี :p แต่ถ้าเอาไปติดตั้งที่แฮนด์จักรยานก็พอดีทดแทนได้อยู่ แต่ต้องใส่ยางรองหนาๆ หน่อย

    [​IMG]
    จะใช้ Large Tube Mount มาใส่ที่โรลบาร์ในรถแข่ง เส้นรอบวงไม่ถึงใส่ไม่ได้

    [​IMG]
    ติดตั้งที่หลักอานของจักรยานได้พอดี

    [​IMG]
    ติดตั้งใต้แฮนด์จักรยาน​

    Cycling Combo Mount (ที่ยึดกับแฮนด์จักรยาน)
    [​IMG] [​IMG]
    ตัวนี้ Garmin ทำมาเพื่อใส่อุปกรณ์ได้สองอย่างในเวลาเดียวกัน (เหมือนรูปตัวอย่างที่เป็นแบบรุ่นเก่า) โดยที่ด้านบนสามารถใส่อุปกรณ์นำทางของ Garmin Edge และด้านล่างติดตั้งกล้องวิดีโอ Garmin ได้
    นอกจากนี้ตัวยึดกล้องก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งกับแฮนด์จักรยานอย่างเดียว คุณสามารถถอดน็อตออกมาเพื่อสลับทิศทางการติดตั้งกล้องจากแนวขวาง ให้อยู่ในแนวขนานก็ได้ ตัวอย่างเอามาติดตั้งข้างตัวถังจักรยาน

    [​IMG]
    ถอดน็อตออกมาเพื่อสลับทิศทางได้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ติดตั้งบนแฮนด์จักรยานแบบปกติ

    [​IMG]
    ติดตั้งข้างตัวถังจักรยาน​

    Auto Dash Suction Mount (ที่ดูดกระจก)
    [​IMG]
    การติดตั้งสามารถทำได้ง่ายๆ ดึงล็อคออกมา ติดตัวยึดไว้บนกระจกหรือพื้นผิววัสดุที่เรียบ แล้วก็กดล็อค แต่ถ้าพื้นผิวที่คุณต้องการจะติดตั้งเป็นพื้นผิวที่ไม่เรียบ คุณสามารถนำแผ่นผิวเรียบที่แถมมาให้ติดบนพื้นผิวที่ไม่เรียบทางด้านกาวสองหน้าได้
    หลังจากติดตั้งแล้วคุณสามารถปรับหรือขยับมุมกล้องได้ง่ายๆ ที่ตัวข้อต่อ (Joint) แต่ตัวความง่ายและรวดเร็วในการติดตั้ง ถ้าอยู่บนวัสดุหรือในพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนน้อยก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาใดๆ แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนมาก อย่างเช่นในรถแข่ง หรือรถที่ต้องวิ่งในทางวิบาก มุมกล้องที่เคยตั้งไว้น่าจะขยับไปบ้าง

    [​IMG]
    สังเกตที่ข้อต่อ (Joint) และตัวปรับมุมที่อยู่ข้างล่าง สามารถปรับได้ง่าย แต่มันไม่แน่น!​

    Wrist Strap (สายรัดแขนหรือข้อมือ)
    [​IMG]
    การติดตั้งกล้องของคุณ ด้วยสายรัดผ้านี้ จะช่วยในการรักษาความปลอดภัยของกล้อง VIRB X และ XE จะใช้รัดกับข้อมือ ข้อเท้า หรือวัตถุอื่นๆ เช่นต้นไม้หรือเสาธง สามารถรัดได้ถึง 8 นิ้ว (203 มม.) การติดกล้องทำได้โดยตรงกับสายที่รองรับทุกขนาดข้อมือ และเสื้อผ้าทุกชนิด รวมไปถึงตะขอและห่วงกรู นอกจากนี้คุณยังสามารถสวมใส่มันอยู่ด้านบนของแจ็คเก็ตหนังได้อีกด้วย
    ในกล่องที่ให้มามีสาย 2 ขนาด สั้นและยาว อันนี้ผมไม่ได้ทดสอบอะไร เพียงแต่เอาสายทั้งสองขนาดมาต่อกันก็รัดหัวเด็กได้พอดี :D

    [​IMG]

    [​IMG]
    เอาสายสองเส้นมาต่อกันรัดหัวเด็กได้พอดี :D

    Chest Strap Mount (สายรัดหน้าอก)
    [​IMG]
    สายคาดที่หน้าอกของคุณเพื่อช่วยในการจับภาพ ในการผจญภัยของคุณทั้งหมด สายคาดนี้จะทำให้สะดวกสบายในการใช้งาน VIRB X และ XE มากยิ่งขึ้น สามารถปรับสายที่รัดให้เหมาะ สำหรับการจับภาพการผจญภัย ในขณะที่ขี่จักรยาน ตกปลา หรือเข้าร่วมในกีฬาต่างๆ
    อันนี้ผมก็ไม่ได้ทดสอบอะไร เอาไปใส่ตัวเด็กให้เป็นตัวอย่างก็หลวมๆ หน่อย :D

    [​IMG]
     
  2. RC

    RC New Member Member

    2
    0
    1
    ตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องทั้งสอง ถึงแม้ว่าจะต่างสถานที่ แต่ความละเอียดของรูปภาพก็ไม่ได้ต่างกัน
    รูปถ่ายจากกล้อง VIRB XE
    [​IMG]
    คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ 4000x3000 px​

    รูปถ่ายจากกล้อง VIRB X
    [​IMG]
    คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ 4000x3000 px​

    มาลองดูวิดีโอหลังจากที่ทดลองถ่าย การตัดต่อวิดีโอทั้งหมดทำผ่านโปรแกรม VIRB Edit ของ Garmin ล้วนๆ

    วิดีโอจากการติดตั้งกับรถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
    ในวิดีโอมีข้อมูลเส้นทาง ความเร็ว ระยะทาง รวมทั้งวันเวลาที่บันทึกวิดีโอ
    ช่วงแรกของวิดีโอ ในสภาพแสงตอนกลางวัน ติดตั้งในรถที่กระจกหลัง สภาพแวดล้อมภายในรถภาพที่บันทึกค่อนข้างชัดเจน ในขณะที่ภายนอกรถภาพที่ได้จะสว่างมาก มองไม่ค่อยเห็นรายละเอียด เนื่องจากความแตกต่างของแสงระหว่างภายในและภายนอกรถ
    จนมาถึงรถวิ่งภายในอุโมงค์ ที่มีแสงสว่างใกล้เคียงระหว่างภายในกับภายนอกรถ ภาพที่ได้ถึงแม้ว่าจะเห็นภาพนอกได้ดีขึ้น แต่ภาพโดยรวมมี noise ชัดเจน
    ช่วงที่สอง ในสภาพแสงตอนกลางวัน กล้องอยู่กระจกหน้ารถ ภาพที่ได้ค่อนข้างชัดเจน มาถึงในอุโมงค์กล้องได้ปรับแสงให้อยู่ในที่แสงน้อย รายละเอียดของภาพที่ได้ก็ยังคงมี noise อยู่บ้าง
    ช่วงที่สาม ในสภาพแสงตอนกลางคืน ตัวกล้องตั้งค่า Light Boost และ ISO Limit ที่ 6400 สภาพแวดล้อมจากภาพวิดีโอมีแสงไฟบนถนนและฝนตก ภาพที่ได้ ก็พอใช้ได้ ถึงแม้ว่าไม่ค่อยเห็นรายละเอียดสภาพแวดล้อม แม้กระทั่งป้ายทะเบียนรถคันหน้าก็ยังไม่เห็น :p

    [​IMG]
    ติดตั้งที่กระจกหน้า

    [​IMG]
    ติดตั้งที่กระจกหลัง​

    วิดีโอจากการติดตั้งกับรถจักรยาน
    ช่วงแรกของวิดีโอ ติดตั้งกล้องบนแฮนด์จักรยาน สภาพแสงตอนเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แถมบริเวณที่ดังกล่าวก็มีต้นไม้หนาแน่น จึงทำให้ภาพอาจจะดูไม่ค่อยสว่างในบางช่วง
    แต่โดยรวมภาพที่ได้ยังคงชัดเจน การติดตั้งกล้องมุมนี้ ถ้าแฮนด์รถจักรยานนิ่งๆ ไม่น่ามีปัญหา และมุมมองใกล้เคียงกับผู้ขี่ แต่ถ้ารถแฮนด์รถเลี้ยวไปเลี้ยวมา อาจจะเพราะการขี่อย่างช้าๆ ถ้าดูไปนานๆ น่าจะเวียนหัวได้ :D
    ช่วงที่สอง ติดตั้งกล้องไว้ข้างตัวถัง จะเห็นมุมมองที่ต่ำลงมาหน่อย ภาพที่ได้นิ่งกว่าติดตั้งบนแฮนด์

    วิดีโอจากการติดตั้งในรถแข่ง
    จะเห็นได้ว่าในรถแข่งจะใช้ประโยชน์จาก G-Metrix มากที่สุด โดยเฉพาะในรถแข่งคันแรกมีข้อมูลจาก OBD-II เข้ามาบันทึกในวิดีโอ ทำให้เราได้เห็นว่ารถแข่งใช้รอบเครื่องยนต์เท่าไร อุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติหรือไม่ เครื่องยนต์ใช้งานหนักหรือเบาในช่วงใด ความเร็วเท่าไร เข้าโค้งด้วยแรงกี่ G ทำเวลาต่อรอบเท่าไร วิ่งไปแล้วกี่รอบ ระยะทางเท่าไร วิ่งอยู่ในตำแหน่งใดของสนามแข่ง เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการวิเคราะห์การขับของนักแข่งและการพัฒนารถสำหรับทีมแข่ง

    [​IMG]
    กล้องที่ติดตั้งในรถแข่ง คันนี้ใช้ที่ยึดจาก RAM Mount และ Tripod Mount ของ GoPro

    [​IMG]
    คันนี้ใช้ที่ยึด Roll Bar Mount ของ GoPro ติดตั้งกล้องกลับหัว​

    จากตัวอย่างวิดีโอ สำหรับรถที่ต้องการใส่ข้อมูลจาก OBD-II ต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ OBD-II แบบบูลทูธ
    [​IMG]
    ช่อง OBD-II ที่อยู่ใต้คอนโซลของรถรุ่นใหม่ๆ ทุกคัน และ OBD-II แบบบูลทูธขนาดเล็ก

    [​IMG]
    อุปกรณ์เสริม OBD-II แบบบูลทูธแบบรุ่นเก่า ใช้งานได้เหมือนกัน​

    วิธีการใช้งาน
    - เสียบปลั๊ก OBD-II แบบบูลทูธในช่อง OBD-II ที่อยู่ใต้คอนโซล จะมีในรถรุ่นใหม่ๆ ทุกคัน
    - เปิดสวิทช์กุญแจรถ เพื่อให้ไฟเข้าใน OBD-II (ส่วนใหญ่เสียบแล้วไฟจะเข้าเลย)
    - ที่กล้อง Garmin VIRB X หรือ XE เข้าไปที่เมนู Bluetooth (บูลทูธ) ที่ Status เลือก On และ Add New
    - จากนั้นให้เลือกชื่อของอุปกรณ์บูลทูธที่ต้องการเชื่อมต่อ ซึ่งอาจจะเป็นชื่อหรือยี่ห้อของอุปกรณ์นั้นๆ
    - เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว จะขึ้นคำว่า Connected เท่านี้อุปกรณ์บูลทูธกับกล้องเชื่อมต่อทุกครั้งที่เปิดกล้องขึ้นมา (จนกว่าจะลบชื่อของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ)

    การเชื่อมต่อระหว่าง OBD-II ผ่านทางบูลทูธกับกล้องวิดีโอ ทำได้กับรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีช่อง OBD-II เกือบทุกคัน มีเฉพาะบางคันที่ไม่มีข้อมูลเข้าไปในกล้องทั้งๆ ที่เชื่อมต่อเรียบร้อย
    และเราจะรู้ได้ว่ามีข้อมูลเข้ามาหรือไม่ก็ต่อเมื่อเรานำไฟล์วิดีโอเข้าไปสร้างในโปรแกรม VIRB Edit

    ตัวอย่างรถ 2 คันนี้ที่นำข้อมูลจาก OBD-II เข้าไปในกล้องได้
    [​IMG]
    Nissan GT-R R35

    [​IMG]
    Isuzu D-Max 2012


    [​IMG]
    ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอและใส่เกจ์อย่างง่ายๆ
    - เสียบสาย USB เข้ากับกล้อง VIRB XE หรือ X หรือถอดเฉพาะ Micro SD มาเสียบที่คอมพิวเตอร์ของคุณก็ได้
    - เปิดโปรแกรม VIRB Edit จากนั้นใช้เมนู Import Clips & Photos ที่อยู่ข้างซ้าย
    - ถ้าใช้งานครั้งแรกแนะนำให้เข้าไปตั้งค่าที่ Menu/Settings ที่เมนู General เลือก Maps ที่ต้องการใช้งาน, เลือกตำแหน่งที่เก็บไฟล์วิดีโอและรูปภาพ ที่เมนู Units เลือกหน่วยที่ต้องการใช้งาน
    - เลือกวิดีโอที่ต้องการนำเข้ามา โดยจะเลือกทั้งหมดหรือเลือกเฉพาะบางวิดีโอก็ได้
    - คลิกที่เมนู Create Video
    - ลากไฟล์ที่ต้องการนำมาแก้ไขลงมาในพื้นที่ Drag and drop clips here to add them to your video. ที่อยู่ข้างล่าง
    - เริ่มจากตัดส่วนหัวที่ไม่ได้ใช้งานก่อน โดยใช้เมาส์คลิกหาตำแหน่งจุดเริ่มต้นของวิดีโอ หรือเล่นวิดีโอไปถึงจุดตำแหน่งที่ต้องการ แล้วหยุดวิดีโอ หลังจากนั้นให้คลิกที่ Trim Left ที่อยู่ในเมนู Editing ในส่วนท้ายก็เช่นกัน เลือกหาตำแหน่งจบของวิดีโอที่ต้องการแล้วคลิกที่ Trim Right
    - คลิกที่เมนู G-Metrix เพื่อดูว่าวิดีโอนี้เก็บค่า (Log) อะไรไว้บ้าง
    - คลิกที่เมนู Overlays เพื่อใส่เกจ์ที่ได้มาจากค่าวัดที่ต้องการได้เลย โดยมีให้เลือกแบบ Templates หรือเลือกเฉพาะ Gauges หรือ Graphs ที่ต้องการได้เลย
    - หลังจากที่เลือกเกจ์รวมทั้งจัดวางตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว เราสามารถเปลี่ยนสีของเกจ์ตามที่ต้องการได้ โดยเลือกที่แท็บ Appearance
    - ถ้าเกจ์ที่มีอยู่ไม่ถูกใจคุณสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ โดยคลิกที่เมนู Get More... ที่อยู่ข้างล่าง
    - วิธีการเพิ่ม Logo ที่คุณสร้างขึ้นมาเองให้คลิกที่ Logo ว่างเปล่า จะมีขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก คลิกที่ไอค่อน Clone and Edit Gauge (คัดลอก) ที่อยู่มุมซ้าย จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ตั้งชื่อของ Logo และจะมีหน้าต่างสร้าง Logo ขึ้นมา
    คลิกที่ชื่อไฟล์ LOGO_CUSTOM.png ที่อยู่ด้านขวา คลิกที่ Choose... เพื่อเลือกไฟล์ Logo ที่ต้องการ จากนั้นคลิกที่ Save และปิดหน้าต่างสร้าง Logo
    - นอกจากขั้นตอนใส่เกจ์ ยังมีเมนูสร้าง Transitions เพื่อสร้างเอฟเฟกสลับฉากหรือระหว่างไฟล์, ใส่เสียงเพลงหรือเสียงประกอบที่เมนู Soundtrack, ใส่ชื่อ Titles ของวิดีโอ หรือดูว่าวิดีโอนี้บันทึกที่ไหนบนแผนที่ Google Maps หรือ Bing (สามารถเลือกแผนที่ได้ใน Menu/Settings)
    - หลังจากแก้ไขวิดีโอเสร็จสิ้น คลิกที่ปุ่ม Export เพื่อส่งออกไฟล์วิดีโอหลังจากแก้ไขเรียบร้อยแล้ว


    สรุปหลังจากใช้งานกล้องวิดีโอ Garmin VIRB X และ XE
    - การใช้งานค่อนข้างคล่องตัวมาก นึกจะบันทึกวิดีโอเมื่อไรก็เลือนสวิตช์บันทึกได้ทันที ไม่ต้องเปิดเครื่อง Stand by แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเปิดเครื่อง Stand by ก่อน เพื่อให้กล้องได้ค้นหาพิกัด GPS ให้เรียบร้อยก่อน โดยสังเกตสัญลักษณ์ดาวเทียม ถ้าเลิกกระพริบเมื่อไรเป็นอันใช้งานได้
    และระหว่างบันทึกวิดีโอก็สามารถกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพถ่ายได้ทันที
    - การตั้งค่าเมนูใช้งานง่าย หน้าจอแสดงผลมีพื้นที่การแสดงผลได้ครบทุกอย่าง ดูเข้าใจง่าย
    - การถอดเปลี่ยน SD Card หรือแบตเตอรี่ทำได้ง่ายและรวดเร็วเพียงแค่เปิดฝาหน้ากล้องเท่านั้น
    - การชาร์จแบตเตอรี่หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมด้านกล้องสามารถเสียบใช้งานได้ทันที
    - การยึดตัวกล้อง มีอุปกรณ์เสริมมาให้ยังไม่มาก แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสามารถใช้ของยี่ห้อได้ อย่างเช่น GoPro หรือยี่ห้ออื่นที่เทียบเท่า
    - แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็ว จากสเปค อายุแบตเตอรี่ ถ้าถ่ายในโหมด 1080p (30fps) ได้ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งการใช้งานจริงจะได้แค่ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง โดยเฉพาะถ้าเปิดบูลทูธและ Wi-Fi ถ่ายติดต่อกันอาจจะได้แค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
    วิธีการแก้ไขปัญหานี้ ให้ชาร์จแบตเตอรี่เตรียมพร้อมไว้เสมอ หรือก่อนใช้ 1-2 ชั่วโมง เปิดบูลทูธหรือ Wi-Fi เท่าที่จำเป็น ก็จะสามารถยึดอายุแบตเตอรี่ได้ยาวนานไปถึงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ได้
    และถ้าใช้งานในรถสามารถใช้สายชาร์จแบตเตอรี่ ชาร์จระหว่างบันทึกวิดีโอได้โดยไม่ต้องกล้วว่าแบตเตอรี่จะหมด แต่ต้องเข้าไปแก้ไขในเมนู Charge Mode เลือกเป็น Manual
    - คุณภาพความละเอียดของวิดีโออยู่ในระดับที่ดี แต่ไม่ได้ดีที่สุดถ้าเทียบเท่ากับบรรดากล้อง Action Cameras ทั้งหมด ถ้าไม่ได้เน้นว่าการใช้งานจะต้องละเอียดคมชัดสุดๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
    - ลูกเล่นจัดเต็มที่สุดในบรรดากล้อง Action Cameras ทั้งหมด โดยเฉพาะ G-Metrix เช่น ระบบ GPS ที่เชื่อถือได้จาก Garmin, G-force, เซ็นเซอร์วัดการหมุนทิศทาง, ความสามารถในการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับเซ็นเซอร์ภายนอกกับอุปกรณ์ผ่านทางบูลทูธและ ANT+
    - ชอร์ฟแวร์ VIRB Edit ใช้งานง่าย สำหรับผู้ที่เริ่มต้น

    ขอบคุณ บริษัท คราทอส ไอที เทรดดิ้ง จำกัด ที่ส่งกล้องวิดีโอ Garmin VIRB X และ XE มาให้ทดลองใช้งาน
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้