กบง.ไฟเขียวลดราคาน้ำมันตามนโยบายรัฐบาล ลดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันมีผลทันที 27 ส.ค. นี้ เมื่อวันนี้ (26 ส.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่า ได้ให้กรอบการกำเนินงานกับคณะกรรมการไว้ 3 แนวทาง ตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาไว้ ทั้งมาตรการเร่งด่วน คือการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยชะลอการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งเบนซิน 91 เบนซิน 95 และดีเซล การทำอย่างไรในการประหยัดพลังงานและแนวทางการส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยทั้งหมดจะเป็นกรอบแนวทางให้กบง.ไปหาวิธีดำเนินการ หาวิธีการ และศึกษาผลกระทบให้รอบคอบ และขั้นตอนการทำงานมีเป้าหมายอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติต้องรอบคอบและอยากให้ทำให้เร็วที่สุด นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมกบง. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศปรับลดลงทันทีตั้งแต่ 6.00 น. วันที่ 27 ส.ค.นี้ โดยเบนซิน 91 ลดลง 7.17 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เบนซิน 95 ลดลง 8.02 บาท และดีเซล ลดลง 3 บาท โดยการปรับลดลงครั้งนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลา แต่จะดูความเหมาะสมอีกครั้งก่อนพิจารณาว่าคงระยะหรือปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ สำหรับการปรับลดการจัดเก็บเงินดังกล่าวส่งผลให้รายรับสุทธิของน้ำมันเบนซินลดลง 1,530 ล้านบาทต่อเดือน จากน้ำมันดีเซล 4,629 ล้านบาท ทำให้กองทุนขาดรายได้ทั้งสิ้น 6,160 ล้านบาทต่อเดือน แต่หากรวมรายรับอื่นที่กองทุนได้รับจะทำให้สถานภาพทางการเงินของกองทุนลงลงไปประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน เบื้องต้นคาดว่าราคาน้ำมันอัตราใหม่จะอยู่ที่ เบนซิน 95 จะอยู่ที่ 39.32 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 จะอยู่ที่ 34.77 บาทต่อลิตร และดีเซล อยู่ที่ 26.99 บาทต่อลิตร “การปรับลดครั้งนี้จะเริ่มทันทีตั้งแต่ 6 โมงเช้า และในคืนวันที่ 26 ส.ค.ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 27 ส.ค. ตนจะออกตรวจสต็อกน้ำมันที่คงค้างอยู่ในสถานีบริการ ก่อนที่จะมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับสถานีบริการน้ำมัน และผู้ค้าน้ำมันต่อไป ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวนายกฯได้ให้นโยบาย กบง.ให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และดูว่ามีผลอย่างไร ส่วนระยะเวลานั้นยังไม่ได้กำหนด แต่นโยบายอื่น เช่นเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนน่าจะมีผลเร็ว จากนั้นคงมาพิจารณากันอีกที” นายพิชัย กล่าว สำหรับ การตรวจสต็อกน้ำมันที่คงค้างอยู่ในสถานีบริการ จะมีการปล่อยคาราวานเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสต็อกน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมัน ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันนี้ จนถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ก่อนจะมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับสถานีบริการน้ำมันและผู้ค้าน้ำมัน อย่างไรก็ตามสถานะกองทุนน้ำมัน ล่าสุดพบว่า มีเงินสดประมาณ 15,613 ล้านบาท มีหนี้สิน 14,617 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินสดสุทธิ 808 ล้านบาท ส่วนเงินไหลเข้าปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ7,346 ล้านบาท มีเงินไหลออก 4,604 ล้านบาท กองทุนมีฐานะเป็นบวกเดือนละ 2,742 ล้านบาท ซึ่งสามารถดูแลราคาน้ำมันได้จนถึงเดือนม.ค.54 จากนั้นจึงหามาตรการอื่นมาชดเชย เช่น การกู้เงินระยะสั้น หรือออกพันธบัตรเข้ามาชดเชย ขณะที่การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์คงต้องติดตามสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง เพราะรัฐบาลอยากเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ใช้น้ำมันเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้เรื่องผลกระทบของราคาสินค้าและบริการนั้นขณะนี้ได้ประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยกระทรวงคมนาคมพร้อมจะไปตรวจสอบค่าขนส่งว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร ขณะที่เรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมัน กระทรวงการคลังก็มีความเห็นว่าให้ติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ด้าน นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายยกเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซลนั้น จะส่งผลกระทบต่อยอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์แน่นอน ดังนั้นมาตรการนี้จึงไม่ควรใช้เกิน 3 เดือน และรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์บ้างเพราะที่ผ่านมามีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนมาตลอด ซึ่งเชลล์ขายแก๊สโซฮอล์มา 5 ปีแล้ว และปัจจุบันคิดจากการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ก็มีสัดส่วนสูงถึง 70%ของกลุ่มผู้ใช้เบนซิน ถือเป็นอัตราที่สูง ดังนั้นรัฐบาลควรให้การดูแลผู้ใช้กลุ่มใหญ่นี้ด้วย นอกจากนี้การลดราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินจะทำให้มีการนำเข้าน้ำมันมากขึ้น จึงไม่คล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ. ขอบคุณเนื้อหาจาก เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=159708
ตอนนี้ เชลล์ กับ บางจาก กำลังเดือดร้อนเลย เพราะว่า 2 ปั้มนี้ ไม่ขายน้ำมันเบนซินแล้ว ในเร็วๆนี้ เห็นว่าจะมีการพิจารณา สรรพสามิตน้ำมันแก๊สซอฮอล์ด้วยครับ