เปลี่ยนล้อแล้วกินน้ำมันมากขึ้น เพราะ วงใหญ่ขึ้น หรือน้ำหนักมากขึ้น ???

เปลี่ยนล้อแล้วกินน้ำมันมากขึ้น เพราะ วงใหญ่ขึ้น หรือน้ำหนักมากขึ้น ???

การเปลี่ยนจากล้อ 14-15 ไปอยู่ที่ 16-17
แล้วกินน้ำมันมากขึ้น
มันเป็นเพราะ ... วงล้อที่มากขึ้น หรือ น้ำหนักล้อที่มากขึ้นอ่ะครับ

ถ้าเราใส่ล้อ 16-17 แต่เลือกซีรียางที่เหมาะสม
วัดเส้นผ่าศูนย์กลางแล้วได้เท่าล้อ 14-15 ยางแก้มหนาๆเดิม
มันจะกินน้ำมันไหมครับ (วงล้อเท่ากัน)

ยิ่งถ้าเป็น 16-17 ที่มียี่ห้อ น้ำหนักเบาๆ
ที่โฆษณาว่า 17 มีน้ำหนักเกือบเท่า 15 เดิม
มันจะประหยัดไหมครับ

 

เป็นไปได้ทั้งสองอย่างเลยครับ บางทีล้อไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก หนักยาง

 

โดยมากคนเราจะอุปทานไปเองว่าใส่ล้อใหญ่ทำให้รถอืด กินน้ำมัน ผมใส่ตั้งแต่ 14"-15"-17" ปัจจุบันใส่ 18" ความอืดกับการกินน้ำมัน ก็ไม่ต่างกันกับล้อเล็กเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ขนาดและน้ำหนักของล้อ ล้อแท้เบากว่าล้อปลอม หรือล้อติดรถเดิม ๆ แน่นอน ยาง ล้อเล็กยางหนา ล้อใหญยางบาง เส้นรอบวงก็ใกล้เคียงกัน มันไม่ใช่ว่าจะอืดขนาดวิ่งไม่ไป หรือกินน้ำมันเพิ่มจนน่าเกลียด รถขนาดเล็ก ที่เมืองนอกล้อเดิม ๆ ก็ขอบ 17" เป็นอย่างต่ำแล้ว

 

ความกว้างหน้ายางก้อมีส่วนกินน้ำมันนะครับ

 

เส้นรอบวงของล้อ(Circumference)มีผลต่อ สมการไมล์อ่อนแข็งโดยหลัก

น้ำหนักของล้อที่มากขึ้น มีผลต่อ อัตราเร่ง เบรค อัตราการกินน้ำมันแน่นอน เพราะน้ำหนักที่

เกิดขึ้นมา เป็นน้ำหนักที่เกิดกับแกนขับเคลื่อน เป็น น้ำหนักใต้สปริง(Unsprung Weight)

ปกติ เค้าเคยมีทฤษฎีว่า น้ำหนักใต้สปริงที่เพิ่มขึ้น 1kg เปรียบมันคุณทุกน้ำหนักของเพิ่มขึ้น

ในรถประมาณ15 หรือ30Kg ตัวเลขผมจำชัดๆไม่ได้ เป็นสมการที่คำนวณมาแล้ว

โดยมาล้อแม๊กที่ขนาดโตขึ้น มักจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าล้อเดิมครับ ผมเน้นนะครับ

ว่าโดยส่วนมาก เพราะรถโดดยทั่วไปล้อติดถขอบ15" และเรามักจะเปลี่ยนล้อโตขึ้นเป็นขนาด

17-18" กันเสียส่วนใหญ่ โดยมากล้อทั่วไปที่มีวางขายกันน้ำหนักก็จะมากขึ้น ยกเว้นเสียแต่

ล้อคุณภาพสูง น้ำหนักเบา อาจจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่มาก หรือ เท่ากับของเดิม

สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเงาตามตัว ก็คือหน้ายางที่มันกว้างขึ้นตามขนาดวงล้อ พวกนี้ทำให้แรง

เสียดทานระหว่างหน้ายางกับพื้นถนนมากขึ้น ก็ทานน้ำมันขึ้น ใครยังงง เรื่องแรงเสียดทาน

ลองนึกถึงโฆษณายางMichelin Energy ที่ออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมันโดยดีไซน์ที่ลายดอกยาง

หลายคนอาจจะยังสงสัย ว่าแล้วมันมีผลกับเบรคยังไง ลองนึกถึงกีฬาเปตอง หรือโยนตุ้มในโอลิมปิค

เวลาที่นักกีฬาจะเหวี่ยงตุ้มนั้น หากตุ้มใหญ่ เค้าจะต้องออกแรงเหวี่ยงเริ่มต้นมากกว่าลูกตุ้มลูกเล็ก

แต่เมื่อขว้างลูกออกไป ตุ้มลูกใหญ่จะใช้ระยะทางกว่าที่มันจะหยุดมากกว่าการเขวี้ยงตุ้มลูกเล็ก

ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นครับ ล้อใหญ่ น้ำหนักมาก หน้ายางกว้าง ออกตัวช้าต้วมเตี้ยมและใช้แรง

ในการที่จะหยุดมันได้ยากกว่าครับ น่าจะพอเห็นภาพได้เพราะฉะนั้นล้อใหญ่มีผลแน่นอน

มีผลมากด้วยครับ

 

จากประสบการณ์ 16 -> 17ถ้าล้อใหม่ที่ใหญ่กว่า แต่น้ำหนักเบากว่า เช่นล้อ ฟอร์จ ก็น่าจะขับแล้วไม่ได้รู้จสึกว่าช้าลงมากครับ ส่วนกินน้ำมันก็ต่างกันนิดเดียว

ได้อย่างก็ เสียอย่างครับ จะแต่งตามที่เราชอบ ถ้าอยากสวย ก็ต้องยอมแลกครับ

 

.
... ทั้ง สอง ปัจจัยเลยครับ มีผลทั้งสองอย่าง ทั้งวงรอบรวมที่มากขึ้น และ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ถ้าเปลี่ยนให้วงรอบเท่าๆเดิม น้ำหนักใกล้ของเดิม ก็อาจจะยังมีปัจจัยอื่นๆด้วยนะครับ เช่น ความกว้างหน้ายางที่เพิ่มขึ้น ลักษณะของความฝืดของยางแต่ละประเภท แต่ละยี่ห้อ อาจจะรวมถึงลักษณะการขับของคนขับที่อาจจะเร็วขึ้น เนื่องจากความเกาะถนนของหน้ายางที่ใหญ่ขึ้น ยิ่งขับสนุกมากขึ้น ก็อาจจะเป็นปัจจัยรวมๆกัน ทำให้ความสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มมากขึ้นครับ เป็นข้อพิจารณาครับ

 

ขอบคุณสำหรับทุกความรู้ครับผม

ถ้าสมมุติว่า เราเลือกล้อ และยาง ได้ขนาดวงล้อเท่าเดิม
น้ำหนักก็เท่าเดิม เพราะอาจจะใช้ล้อดี
หน้ายาง อาจจะเท่าเดิม (ออกแนวดึงยาง)

แบบนี้ จะไม่ต่างกันมากใช่ไหมครับ

 

ล้อผมเปลี่ยนจาก 16 เป็น 18 หน้ายางกว้างขึ้น

ทำให้รถกินน้ำมัน มากขึ้นครับ

 

เอาลิ้งนี้ไปดูมีประโยชน์แน่นอนครับ เหมาะสำหรับคนที่จะเปลี่ยนล้อครับ รายละเอียดครบๆ มีน้ำหนักล้อกับยางด้วย ผมทดลองเอาล้อกับยางชั่งน้ำหนักดู ต่างจากโปรแกรมบอกไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม

ปล.แนะนำหน่อยนึง รูปล้อด้านซ้ายให้ใส่ขนาดล้อของรถเราที่ใช้อยู่ในปัจจุบันครับ ส่วนด้านขวาให้ใส่ล้อที่เราจะเปลี่ยน

http://www.rimsntires.com/specs.jsp

 

เคยใส่ยาง ขอบ 17 x235/265
และได้เปลี่ยนมาเป็น 18 x 255/310

อัตราการกินน้ำมัน ต่างกันเล็กน้อย ไม่เป็นประเด็น ครับ