งานเข้าพร้อมๆกัน3อย่างช่วงสิ้นเดือน ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผมแทบสิ้นใจ ถ่ายน้ำมันเครื่อง (เกินมา100กว่าโลแล้ว) เปลี่ยนสายพานไทม์มมิ่ง(วิ่งมา3แสนโล เคยเปลี่ยนครั้งเดียว นานมาแล้ว) เพลาขับตัวนอกด้านซ้าย (เวลาเลี้ยวขวามีเสียงดังกึกๆ ๆ ๆ ) ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ทำอันไหนก่อนดีครับ สิ้นเดือนนี้ว่าจะทำสักอย่าง กลางเดือนหน้าสักอย่าง แล้วปลายเดือนสักอย่าง ทำพร้อมกันไม่ได้ครับ ผมจน :cry: รบกวนพี่ๆแนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ
ผมว่าทำเพลาขับก่อนดีกว่าครับ อันตราย แต่...สายพานก็น่ากลัวเหมือนกัน....ไงดีหว่าาาาาาาาาาาาาาา 555555555555555 ส่วนน้ำมันเครื่องนั้น ใจเย็นๆ ได้ครับ เกรด 5,000 สามารถวิ่งได้ถึง 7,000 โลครับ
น้ำมันเครื่องก่อนครับ ใช้ธรรมดา ก็ 500 บาท ก็พอแล้วครับ 5000 โล แล้วก็ เพลาครับ ต้องทำก่อนที่มันจะเสียนะครับ ยังไงก็ต้องหมุนไปก่อน ถ้ารอให้มันเสีย มันจะกลายเป็นเสียน้อยเสียมากเลย
ผมว่าน้ำมันเครื่องก่อนนะครับ ถ้าเครื่องเป็นไรไปก็ต้องซ่อมใหญ่เลยทีนี้ แล้วก็ทำเพลาซะเพราะเราเป็นรถขับหน้าใช้งานหนักอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายเรื่องสายพานต้องเช็คสเป็คก่อนว่ากี่กิโลเปลี่ยนผมว่าน่าจะไม่เกินแสนเปลี่ยน 1 ครั้งต้องคิดดูก่อนว่าเราเปลี่ยนครั้งสุดท้ายแล้วใช้มากี่โลแล้ว ครับ
สวัสดีครับ น้ำมันเครื่องสมัยนี้ลากได้เป็นพันดนะครับ ถ้าการเผาไหม้ยังดีอยู่ไม่เกิดเขม่ามากนัก เป็นผมทำเพลาขับก่อนครับ แต่สงสัยว่าเป็นรถรุ่นใดครับ เคยคุ้นๆว่านิสสันเราใช้โซ่ขับเพลาราวลิ้น ไม่ค่อยเสียง่ายๆนะครับเคยเห็นแทกซี่วิ่งกันหลายแสนโล อาจจะมีอาการของพวกชุดดันโซ่ที่สึกหรอเสียงดังน่ารำคาญ แต่ถ้าจะทำจริงๆก็คงหลายตังค์เหมือนกัน(ค่าแรง)
Timing ด่วนครับ อายุการใช้งานเค้าประมาณ 1 แสนกิโลเอง ถ้ามันขาดนี่โอกาสยกเครื่องสูงนะครับ ถ้าถอดออกมาแล้วลองดูซีลข้อเหวี่ยงหน้าด้วยนะครับว่ามันเริ่มแข็งหรือยัง ถ้าแข็งและน้ำมันเริ่มซึมก็เปลี่ยนด้วยเลยครับ หาช่างเก่ง ๆ เปลี่ยนด้วยนะครับ ใส่คร่อมร่องนี่เด๋วงานเข้าอีก
ขอบคุณพี่ๆที่เข้ามาชี้แนะน้องครับพี่ๆ ข้อ1-2ร้ายแรงสุดคือเครื่องพังใช่ไหมครับ ส่วนข้อ3 ปล่อยทิ้งไว้ร้ายแรงสุดคืออะไรครับ งั้นถ้าสิ้นเดือนนี้ผมจัดการข้อ2-3ก่อน ส่วนน้ำมันเครื่องที่ครบระยะ5000แล้วเลยมานิดหนึ่งแล้วนั้น ผมคำนวณจากการใช้รถของผมแล้ว ถ้าถ่ายประมาณวันที่12-15กุมภานี้ มันจะเกินระยะถ่ายมาประมาณ500โล อย่างนี้พอไหวมั๊ยครับ หรือพี่ๆท่านอื่นว่าไงบ้างครับ ขอบคุณครับ
ขอแก้ไขครับ ข้อ1 และข้อ3 1.ถ่ายน้ำมันเครื่อง (เกินมา5000มา100กว่าโลแล้ว) 3.เพลาขับตัวนอกด้านซ้าย (เวลาเลี้ยวขวามีเสียงดังกึกๆ ๆ ๆ มีอาการมา2อาทิตย์แล้วครับ)
หากเกิดเหตุระดับความรุนแรงจากมากไปน้อยไล่ไปครับ Timing-น้ำมัน-เพลา (2 -1-3) แต่พี่เองเคยหัวเพลาหลุด ก็เสียค่าลากจูงแล้วแต่สถานที่ 1 ถึง 5 พันครับ
อืม ขอบคุณเฟิร์สด้วยที่ถาม เครื่องน้องเค้า E13 ครับ รถ B11 อย่างที่เฟิร์สว่าครับคือถ้าเป็นพวก GA จะเป็นโซ่ มันจะใช้จนสิ้นอายุไขได้เลย แต่ถ้าเป็น E13S E15S E15E E15ET พวกนี้เป็นสายพาน อายุการใช้งานประมาณ 1 แสนกิโล สายพานไทม์มิ่งรับแรงมาจากข้อเหวี่ยง เพื่อมาขับแคมชาร์ฟ แล้วแคมชาร์ฟทำหน้าที่เปิด - ปิดวาล์วไอดี ไอเสีย ตามจังหวะอีกที ถ้าหากสายพานไทม์มิ่งขาด แคมชาร์ฟจะไม่หมุนส่งผลให้วาล์วไอดี ไอเสียไม่ปิด - เปิด ตามจังหวะ ที่ควรจะเป็น ทำให้ลูกสูบที่ชักขึ้นลงตามวัฎจักรดูด อัด ระเบิด คาย (ช่วงอัด+ระเบิด) ขึ้นมาชนกับวาล์ว ที่แน่ ๆ คือวาล์วคด แต่คดกี่ตัวนั่นอีกเรื่องนึงนะครับ และในกรณีที่โชคร้ายอาจทำให้ฝาสูบบิ่นตามมาด้วยครับ
อ่าะ ผมสับสน user กับ อีกคนครับโทษทีเลยคิดว่า B14 ถ้างั้น ไทมิ่งก่อนเลย ค่อยเพลา น้ำมันเครื่องไว้ทีหลัง ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องแท้ ใช้ไปเหอะ เกินมา พันสองพันโล ใช้ได้ อย่าให้ขาดละกัน
2-3-1 เหมือนกันคับ ข้อ1 อันนี้ไม่เท่าไหร่ อย่าอัดมากละกันคับ สงสารเครื่อง ข้อ2 อันนี้เสี่ยงต่อเครื่อง แจคพอตขึ้นมา กระเป๋าฉีก ข้อ3 ถ้าดังมาไม่นานก็ยังโอเค แต่ถ้าดังมาซักพักแล้วก็ควรรีบคับ ผมเคยเพลาหลุดกลางสี่แยกเลยคับ กำลังเลี้ยวขวาพอจะถึงกลางแยก ทางมันขรุขระกระเทือนนิดหน่อย เร่งแล้วเสียงดังครืดดด เหมือนเข้าเกียว่างเลย ดีที่ไหลต่อไปได้อีกหน่อย โชคดีที่ไม่ใช่ในเมือง รถไม่เยอะไม่เร็ว เพิ่งออกตัวกันแปบเดียว เลยไหลไปแอบข้างทางได้คับ ลากกันไปตามระเบียบ อันนี้ผมว่ามันอันตรายนะ ถ้าจังหวะกลับรถ ที่รถฝั่งนู้นวิ่งมาเร็วๆ หรือเปนพวกสิบล้อ แล้วมันเกิดหลุดขึ้นมา เพราะกลับรถนี่เลี้ยวขวาทั้งนั้น ยังไงช่วงที่ยังไม่ได้ทำก็รอโล่งๆหน่อยก็ดีนะคับ
พี่ตั๋นพูดเหมือนกับช่างที่อู่ ตอนเอารถไปให้ดูเลยครับ 555 ส่วนที่พี่เฟิร์สถามนั้น พี่ตั๋นก็ตอบไปแว้ว รถป๋มบีฉิบเอ็ด(B11)เจ้าเหลี่ยมน้อยคร๊าบ อิอิ
รายงานสถานการณ์ล่าสุด "ไม่ทันแล้วครับ" วันนี้เวลา09.35 ผมได้เอารถออกไปอู่เพื่อที่จะเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งและเพลาขับตัวนอก แต่แล้วทันใด ขับอยู่ความเร็ว60 ได้ยินเสียงดัง "ปึง" พร้อมด้วยเสียง"แก๊กๆๆๆ" เครื่องดับ แรงดันน้ำมันเครื่องตก ไฟเตือนขึ้น ผมจึงได้ร่อนเข้าข้างทาง แล้วโทหาอู่ที่จะไป ให้เขาเอารถมาลาก และนี่คือภาพเหตุการณ์หลังจากได้ทำการเปิดฝาพิสูจน์ อันนี้สายพานขาดเห็นๆ สายพานเปลี่ยนของบี11 และนี่คือผลลัพธ์ที่เกิดจากการดังแก๊กๆๆ หลังเสียงสายพานขาด ส่งงานไปทำที่โรงกลึงแล้วครับ ต้องเปลี่ยนวาล์ว แล้วก็บดใหม่ ผมเลยถือโอกาสขัดลื่นพอร์ทไอดีและไอเสียไปด้วยซะเลย อิอิ กว่าจะได้โน่น วันจันทร์ครับ ที่ร้านทำฝางานเขาเยอะพอดู ไว้ได้ผลยังไงจะมารายงานความคืบหน้าต่อครับ ส่วนตอนนี้ก็:cry:
สายผ่านไปเเล้ว ต่อไปก็ ลูกปืนเพลารีบๆทำนะ ครับ ปล่อยทิ้งไว้ระวังลูกปืนเเตกล้อล็อค นะ ครับ ปล.ผมเคยมาเเล้ว u-trun ปุ๊บ ดัง ปั๊ง ล็อก ปุ๊บ จบ ครับ
งามไส้เลย เตือนกันอยู่หลัดๆ ต่อไปก็เพลาขับนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวได้ลากกันอีก นมค.คงเปลี่ยนพร้อมสายพานแล้วใช่ไม๊ครับ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เจอแบบนี้เข้าไป ช๊อตไปหลายเดือน เข้าใจเลย
เนี่ยครับ ทำสายพานพร้อมกับเพลาไปเลยครับ ส่วนน้ำมันเครื่อง อาทิตย์หน้าเอาไปใส่ครับ เปลี่ยนพร้อมอแดปเตอร์กรองมันเครื่องเพื่อเสียบเซ็นเซอร์แรงดันกับอุณห๓ูมิมันเครื่อง อย่างถูกต้องซะที หลังจากที่ต่อแบบบ้านๆมานาน อิอิ เด๋วทำเสร็จจะมารายงานเรื่อยๆคร๊าบ
มาแว้วคร๊าบ....สถานการณ์ล่าสุด เข้าสู่ภาวะ "ปกติแล้วคร๊าบ" ปรากฏว่า ทำทั้ง3อย่างทีเดียวไปพร้อมๆกันเลยครับ แจงค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ดังนี้ครับ 1. ในส่วนของการเปลี่ยนวาวล์จากโรงกลึง บิลลายมือหวัดมาก อ่านไม่ค่อยออกเลย มีเปลี่ยนวาวล์ บดวาวล์ เจียถ้วยนิดนึง รวม 2050.- 2. ในส่ววนของอู่ มีดังนี้ครับ 2.1สายพานเครื่อง 700.- 2.2 ลูกรอกสายพาน 500.- 2.3 ประเก็นฝาสูบ 460.- 2.4 ประเก็นไอดี 120.- 2.5 ประเ็ก็นไอเสีย 120.- 2.6 เพลาขับตัวนอก 1300.- 2.7 ยางหุ้มแรค 80.- 2.8 ค่าแรงถอดประกอบเครื่อง +และอื่นๆ 1600.- ดังนั้นเมื่อรวม2บิลเป็นเงินทั้งสิ้น 6930 บาทครับ วันนี้ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง พร้อมทำอแดปเตอร์ต่อเซ็นเซอร์ของเกจจ์แรงดันน้ำมันเครื่อง และอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง เพราะเนื่องจากรถนิสสัน ซันนี่ บี11 มีเดือยแกนกลางที่สวมกรองน้ำมันเครื่องที่ยาวมาก ทำให้ไม่สามารถใส่อแดปเตอร์แบบธรรมดาได้ จึงต้องทำใหม่ขึ้นมา โดยเป็นอแดปเตอร์ใส่ที่ปั๊มมันเครื่อง แบบ4ทาง คือ ด้านแรกเป็นเกลียวต่อเข้าปั๊มมันเครื่อง ด้านสองใส่เซ็นเซอร์แรงดัน ด้านสามใส่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ และด้านสี่ใส่เซ็นเซอร์เดิมของรถ โดย มีค่าทำดังนี้ เหล็ก(แบบเดียวกับที่เป็นข้อต่อเสียบเซ็นเซอร์วัด water temp)แท่งข้อต่อ4ทาง ราคา 110.- เกลียวทองเหลืองเพื่อเสียบเซ็นเซอร์ 4ตัว ราคา 80.- น้ำมันเครื่องโมบิล 20w-50 ราคา 540.- กรองมันเครื่อง ราคา 120.- ค่าสต๊าฟเกลียว เพื่อต่อเซ็นเซอร์เดิมของรถด้วย ราคา 50 รวมเป็นเงิน 900 บาท ครับ รวมค่าทำรอบนี้หมดเงินไปทั้งหมด 7830 บาท ครับ ตัวเบาไปเลยครับ ตอนนี้ก็กลับมาวิ่งได้ปกติแล้ว แต่ช่างบอกว่าอย่าเพิ่งอัดก่อน ให้ขับเรื่อยๆก่อน แล้วเดี๋ยวอีกเดือนนึงต้องมาตั้งวาวล์ใหม่อีกรอบครับ หวังว่าเหตุการณในครั้งนี้คงเป็นข้อมูลให้สมาชิกได้วางแผนตัดสินใจ หรือใช้ประโยชน์ได้นะครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่สละเวลาอ่าน และตอบกระทู้ ให้คำแนะนำเด็กบ้านนอกคนนี้ ขอบคุณครับ ปล. งานนี้พลาดไป 1 อย่าง คือไม่ได้ขัดลื่นครับ เห็นโรงกลึงบอกว่าตัวขัดลื่นที่โรงกลึงหมด :cry: