พอดีได้ลองเอาแคทออก แต่ว่าได้ใส่ เซ็นเซอร์ o2 เจาะฝังกลับเข้าไปเหมือนเดิม พอทำเสร็จ เช็คก็ขึ้นเลย ไล่ code แล้ว 65 คือ o2 ตัวหลัง แสดงว่าเซ็นเซอร์เสียใช่ไหมครับ ใครเคยเอาแคทออกแล้วเจอปัญหาอะไรบ้างครับ.... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าตอนเชื่อมท่อรึเปล่าที่ทำให้เซ็นเซอร์เสีย เพราะเซ็นเซอร์อยู่ใกล้แปลน กลัวว่าเสียตอนเชื่อมแปลน เพราะช่างใส่เซ็นเซอร์แล้วค่อยเชื่อมแปลน.... My Comment: การที่ไฟ Engine Check ขึ้นเกิดจากการตรวจสอบ Error จากตัว Senser ต่างๆ ที่เชื่อมต่อเข้ากับ ECU ของรถยนต์ ซึ่งถึงจะไม่ได้บิดกุญแจ แต่ ECU ก็จะมีไฟเลี้ยงตลอด ในการถอดหรือใส่ Senser ต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ ถอดขั่วแบตออกการดำเนินการ ใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อ ECU ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า senser ตัวได้หายไปหรือว่าได้ถอดออกไป ก็จะไม่แสดง ไฟ Engine Check ขึ้นมา และเมื่อเราดำเนินการใส่ Senser กับที่แล้ว ค่อยใส่ขั่ว แบตกลับไปใหม่ เมื่อ Start เครื่องรถ ก็จะ ไม่แสดงไฟ เพราะว่า ECU จะ เรียนรู้เพื่อรู้จัก Senser ใหม่ กรณีที่เกิดไฟ โชว์ แล้ว มีทางประเด็นปัญหาอยู่ 2 อย่าง Show เพื่อให้เข้าไป Check แต่ไม่เสีย หรือ เสียจริงๆ ในกรณีแรกถ้าหาก Show เพื่อให้ Check จะต้องใช้ อุปกรณ์ Connect ผ่าน OBDII เพื่อเข้าไป ตรวจสอบและลบข้อมูล ถ้าหากว่าลบข้อมูลแล้วหาย แสดงว่า Senser นั้นๆ ไม่ได้เสียหาย สามารถใช้งานต่อได้ ในกรณีที่สอง Show แล้ว เมื่อลบข้อมูลแล้ว ก็ยังแสดง Engine Check อีกในอีกสักระยะ อาจเป็นไปได้ว่า Senser นั้นๆ เสียจริงๆ จำเป็นต้องเปลี่ยน ชุดอุปกรณ์ใหม่ หรือเพื่อตอบสอบให้ดี อาจเป็นไปได้ว่า สายต่อหรือขั่วต่อหลวม ก็ลองตรวจสอบให้ดีจะได้ไม่เสียเงิน นะครับ ตัวอย่างหน้าต่างโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบไฟ Enginer Check โดยจะสามารถตรวจสอบได้ว่า Error มาจาก Senser ส่วนไหนแล้วสามารถลบไฟได้
กำลังคิดว่าจะเอา cat ออกน่ะครับ... เครื่อง Auto เอา Cat ออกแล้วจะวิ่งดีกว่าใส่ Cat รึเปล่าครับ..เห็นเพื่อน ๆ บอกให้เอา Cat ออกแล้วเดิน 1.7 น่ะครับ เลยกำลังคิดว่ามันจะเป็นผลเสียมากกว่าดีรึเปล่า ปล. หลังจากเดินท่อใหม่แล้วคิดว่าจะหากล่องมาจูนครับ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้านำ Cat ออกจะทำให้ไปเสียที่ออกมาจากเครื่องยนต์ไม่ได้มีการกรอง ก็คือออกมาไง ก็เป็นไง ทำให้ สภาพแวดล้อมเสีย Cat โดยหน้าทีคือเป็นตัวกรองไอเสียที่เกิดจากการเผาไหมที่เกิดขึ้น โดยใช่หลักการทางเคมี ทำให้ ไปเสียสะอาดขึ้น แล้วก็ปล่อยออกไป จะเห็นว่า ที่ Cat จะมี Senser อยู่อีกหนึ่งตัวหลัง Cat เพื่อทำหน้าที่ Feedback กลับไปให้กล่อง ECU ทราบว่าจะต้องลดหรือเพิ่ม การจ่ายน้ำมันเพื่อให้ได้ ปริมาณไปเสียที่ปล่อยออกมาได้ตามมาตราฐาน แต่จากที่ ตัวของ Cat ทำหน้าที่กรองทำให้ต้านการไหลของไปเสีย แต่ในปัจจุบัน การออกแบบ Cat สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ จะออกแบบให้อัตราการไหลผ่านทำได้ดีแล้ว เมื่อเทียบกับอดีต แต่ก็เมื่อเทียบกับไม่มี Cat เลยไอเสียย่อมไหลได้ดีกว่าแน่นอน แต่ จากที่มี Senser ตัวที่สองที่ค่อย Feedback ข้อมูลไปในกล่อง ECU เพิ่มลดน้ำมัน ในจังหวะเดินเบา จะมีการ swing ของการเพิ่มและลด ทำให้ผลเสีย จะทำให้กินน้ำมันมากขึ้นใน ช่วงนั้น แต่เมื่อกดคันเร่งและหลุดออกจาก Close loop ก็จะวิ่งได้ตามปกติและไหลกว่าปกติเนื่องจากไม่มี Cat มาต้านไว้ สำหรับการเดินท่อ ถ้าเป็นท่อเหล็ก ก็จะมีขนาด 1.7 inch ซึ่งเดิมๆ ท่อติดรถหลัง Cat จะเป็นขนาด 1.5 inch ถ้าเพิ่มขนาดท่อก็จะทำให้การไหลในท่อ ช้าลง ผมเคยใช้ ขนาด 2.0 inch ต้นหายไปแต่รอบปลายจะไหลกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่าในรอบต้นนั้นปริมาณไอเสีย มีน้อยกว่า และถ้าท่อใหญ่ อัตราการไหลในท่อที่ใหญ่จะช้ากว่าในท่อที่เล็กกว่า แต่เมื่อในรอบกลางและปลาย จะมีปริมาณไปเสีย มากกว่า ถ้าท่อเล็กก็จะทำให้การไหลของไอเสียช้ากว่าท่อใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบ ท่อไอเสียในแต่ละช่วงครับ สำหรับท่อที่ผมเดินใหม่ จะเป็นไปตาม Link ด้านล่างนี้ครับ เก็บไว้เป็นข้อมูล ผมเองก็คิดเองโดยที่ไม่ได้มีหลักการอะไร เพียงแต่คิดจากความน่าจะเป็นเท่านั้น http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=315374 การติด Piggy back จะช่วยเติมในส่วนที่หลายไปหรือหย่อนไปในแต่ละรอบเครื่องได้ แต่ของเขต ก็ทำได้เพียงเท่าที่เครื่องยนต์ สามารถทำได้ เท่านั้นนะครับ ไม่สามารถ ทำได้มากเกิดกว่าที่เครื่องยนต์ได้ออกแบบไว้ + อ้างถึง ตอบกลับ