View attachment 1760303 1.Toyota Prius (ราคา 1,199,000 1,369,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 28 กม./ลิตร รถ Hybrid รุ่นแรกที่ทางโตโยต้าผลิตขายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2553 โดยเพิ่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดดเด่นด้วยตัวรถที่ลู่ลม ไฟหน้าไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ซึ่งมีส่วนช่วยให้อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 28 กม./ลิตร (แต่ในการขับขี่จริงบนท้องถนน ได้ประมาณ 20-25 กม./ลิตร) ยังช่วยลดมลพิษให้กับโลกอีกด้วย 2.Lexus CT200H (ราคา 2,190,000 2,890,000 บาท) ประหยัดได้สูงสุด 24.39 กม./ลิตร รุ่นนี้เป็นรถ Compact Premium ขนาด 5 ประตูรุ่นแรกของเลกซัส ออกแบบและสร้างสรรค์ตามปรัชญา Yet Philosophy อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้รูปลักษณ์ของ CT 200 h มีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว และเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น เครื่องยนต์เป็นแบบ 2ZR-FXE ขนาด 4 สูบ 1.6 ลิตร แบบ Atkinson Cycle พร้อมระบบปรับองศาวาล์วแปรผัน VVT-I และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยประมาณ 18-19 กม./ลิตร (แต่ที่เมืองนอกทดสอบมา สามารถประหยัดได้ถึง 24.39 กม./ลิตร) 3.BMW 320D (ราคา 2,899,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22.7 กม./ลิตร รถขนาด Compact รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่ายใบพัดฟ้าขาว ที่เน้นเกาะกระแสรถยนต์เครื่องดีเซลคอมมอนเรล พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งคัน เช่น ฝากระโปรงท้าย เปิดได้เอง เพียงคุณยื่นเท้าเข้าไปใต้กันชนหลัง เป็นต้น ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ยังประกอบในไทย มาพร้อมเครื่องยนต์เป็นแบบขนาด 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว 184 แรงม้า แบบเทอร์โบแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยประมาณ 16 กม./ลิตร แต่ตัวเลขที่สามารถทำได้ประหยัดที่สุดคือ 22.7 กม./ลิตร 4.Mitsubishi Mirage (ราคา 380,000 546,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22 กม./ลิตร สำหรับ มิตซูบิชิ มิราจ ก็เป็นอีกหนึ่งในรถ Eco-Car ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดไม่แพ้กัน ด้วยรูปทรงขนาดน่ารักและกะทัดรัด พกพาสมรรถนะขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า ให้ทั้งความประหยัดและความแรงในการขับขี่ สำหรับ มิราจ เองนั้น หากใช้งานนอกเมือง วิ่งทางไกล อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยทำได้ถึง 22 กม./ลิตร เลยทีเดียว แต่หากใช้งานในเมือง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 กม./ลิตร 5.Honda Jazz Hybrid (ราคา 768,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 21.3 กม./ลิตร หลังจากที่ฮอนด้าได้สร้างสีห้กับตลาดรถ Sub-Compact ด้วยการเปิดตัวรถไฮบริดรุ่นเล็กสุดอย่าง แจ๊ส ไฮบริด ราคาไม่แพง คุ้มค่าสำหรับการใช้งาน ประหยัดกว่าเครื่องยนต์ธรรมดาถึง 35% รถรุ่นนี้มีหลายๆจุดที่แตกต่างไปจากแจ๊สรุ่นธรรมดา รวมไปถึงตัวเครื่องยนต์ที่มีขนาด 1.3 ลิตร 4 สูบ SOHC i-VTEC 8 วาล์ว 88 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ IMA และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะหรือ IPU ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18 กม./ลิตร (สำหรับข้อมูลในโบรชัวร์ ระบุสามารถประหยัดได้ถึง 21.3 กม./ลิตร) 6.Nissan March (ราคา 380,000 563,800 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 20 กม./ลิตร สำหรับรถที่ได้รับความนิยมอย่างมาก (เพราะเริ่มขายก่อนใครเพื่อน) และมีราคาถูกในท้องตลาด นั่นคือ "นิสสัน มาร์ช" ที่(ชื่อนี้)เคยขายในไทยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนหวนกลับมาใหม่ในรูปแบบของรถ "Eco-Car" คันแรกของไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร (แต่การวิ่งใช้งานจริง อยู่ที่ประมาณ 12-18 กม./ลิตร ตามสภาพการขับขี่) 7.Suzuki Swift (ราคา 429,000 559,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 20-21 กม./ลิตร รถ Eco-Car ที่ประสบความสำเร็จและขายดีมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของ ซูซูกิ ที่โดดเด่นในด้านรูปทรง และอุปกรณ์ต่างๆที่ติดมาให้กับตัวรถ สำหรับ สวิฟท์ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง(ใช้งานในเมือง)โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-18 กม./ลิตร ดูเหมือนว่า สวิฟท์ จะกินน้ำมันมากหน่อย แต่หากใช้งานนอกเมือง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20-21 กม./ลิตร เลยทีเดียว 8.Honda Brio (ราคา 433,500 508,500 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 20 กม./ลิตร รถ Eco-Car อีกรุ่นที่มีเสียงพูดถึงจากผู้บริโภคพูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งรุ่น แม้ว่าจะมีการปรับโฉมเล็กๆน้อยๆเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในรุ่นถูกสุดมาแล้ว สำหรับ บริโอ้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 90 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14-16 กม./ลิตร ซึ่งอาจจะกินนิดๆ เพื่อแลกมาด้วยอัตราเร่งที่ดีกว่ารถหลายๆรุ่นในกลุ่ม Eco-Car แต่หากใช้งานนอกเมือง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร เหมือนที่โฆษณาไว้ 9.Nissan Almera (ราคา 429,000 599,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 20 กม./ลิตร เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตูรุ่นแรกที่ออกมาและได้รับการตอบรับจากมวลชนเป็นอย่างดี สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า ที่มีตัวรถและห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่กว่ารถรุ่นเดียวกัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร แบบไม่ลำบากเท่าไหร่ (แต่เมื่อใช้งานในเมือง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11-16 กม./ลิตร) 10.Honda CR-Z (ราคา 1,975,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 16-18 กม./ลิตร หนึ่งในรถสปอร์ตเพื่อโลกอนาคต และเป็นรถไฮบริดสปอร์ตคูเป้รุ่นแรกของฮอนด้า ที่ใช้เครื่องยนต์สวนทางกับรูปร่าง เครื่องยนต์แบบ Hybrid รหัส L15A 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC 113 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า IMA (Integrated Motor Assist) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16-18 กม./ลิตร (ในโบรชัวร์สเป็คญี่ปุ่น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในรุ่นเกียร์ CVT เมื่อวิ่งตามโหมดการทดสอบแบบ 10-15 สามารถประหยัดได้ถึง 25 กม./ลิตร) ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก เช็คราคา รถยนต์ใหม่ เปรียบเทียบสเปค-โปรโมชั่น ครบที่สุด-ดีที่สุด : เช็คราคา.คอม
พรีอุสมาเป็นอันดับ 1 เลยเหรอเนี่ย ประหยัดมากกว่า eco car ด้วย สุดยอดค่ะ สนใจตัวพรีอุส TRD Sportivo ใหม่อยู่ค่ะ
บอกตามตรง เบื่อการประชาสัมพันธ์ประเภทนี้มาก ทำไมไม่สปอนเซอร์เว็บ แล้วขึ้นแบนเนอร์ไปเลย เจ้าบ้านจะได้ได้ตังค์มั่ง
เข้าข่ายไม่ลงทุนนะนี้ ถ้าฝ่ายประชาสัมพันธ์คิดได้แค่นี้ ถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์จะตบกระโหลกซักทีแล้วไล่ออกไปซะ นึกว่าคนในเว๊บนี้กินหญ้าหรือไงวะ