เริ่มจากแม่ของผมเนี้ย เค้าไปที่วัดนี้มาก่อนหน้านี้บ่อยมาก เค้าไปกับเพื่อนเค้ากัน2คน(ชื่อ น้าต้อย)แล้วอายุก็ไม่น้อยด้วยกันทั้งคู่ ผมเองก็เป็นห่วง เพราะจากที่เค้าไปมาหลายครั้ง แม่ก็เล่าให้ฟังว่า "เนี้ย แม่นั่งรถไปนะ ไม่ได้หลับเลย" "มัยอ่ะ" "ก็ต้อยอ่ะซิ ขับชิดเลนกลาง ตลอดเลย" "!!!!!!! ....." "จิงๆใช้เวลาไปแค่3-4ชม.ก็ถึง นี่ปาไป6ชม." "6ชม..มัยมันเยอะงั้นล่ะ" "ก็หลงซะ2ชม.และ ไหนจะแวะนู้นแวะนี่อีก กว่าจะถึงวัด มืดพอดี" "เวนกำ" "แล้วเวลาเค้าเบรกทีนะ แม่งี้เอา เท้ายันพื้นแน่นเลย...วุ๊ย น่ากลัว" ".......-_-" ดูแต่ละเคสซิครับท่านผู้ชม....... ทีแรกผมก็คิดว่า....เค้าจะไปทำมัยว้า ถ้าไปทำบุญวัดแถวบ้านเยอะแยะ ไม่ทำ!! แล้วเราก็ไม่อยากไปด้วยเค้าก็ชวนหลายรอบนะ "ไปเถอะๆๆ ไปรับบารมีท่าน.......!!!!" เป็นไงครับ ฟังแล้ว เวอร์ดีมะ จนมาถึงวันศุกร์ที่29 โทรศัพท์ที่บ้านก็ดังขึ้น....(เสียงสมัยใหม่พิมพ์ยากจัง) ผมก็รับโทรศัพท์ ....น้าต้อยโทรมา ผมก็ไปเรียกแม่ แล้วเค้าก็คุยกัน ขอบอกว่านานมากกกกกก........ แล้วเค้าก็ตะโกนถามมาจากในครัวว่า "โอ๋..ขับรถไปให้แม่หน่อยซิ ค้างคืนเดียวเอง" "!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!..... " โสดประสาททางหูกะตุกทันทีเมื่อได้ยินอย่างงี้ ขี้เกียจขับจังเว้ยยย ผมนึกในใจ ก็เลยบอกไปว่า "แม่ พรุ่งนี้จะเอารถไปซ่อมอ่ะ" เค้าก็เงียบไป...แล้วเค้าก็เลยโทรไปหาน้าออด ผมนึกในใจ "รอดแล้วกรู " แต่เสียงอันอ่อนนุ่ม ปนอ้อนวอน(เยอะๆ) ก็ดังมาจากในครัว "โอ๋...ขับรถไปให้แม่หน่อยเถอะ น้าต้อยเค้าเจ็บแขน ไม่มีใครว่างเลย คืนเดียวเอง เช้าก็กลับแล้ว......." ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลย พูดไม่ออก แล้วสมองก็ทบทวนเรื่องเก่าๆ ยืมตังเค้ายังไม่ได้คืนเค้า200นี่หว่า เอาวะ...ไปก็ไป "ผม:ไปๆๆแม่ไป" "แม่:ตกลงไปนะ" "ผม:อย่าย้ำซิ ไปน่า" :cry: ด้วยความเซงสุดๆ คืนนั้นเลยออกไป ณ นนท์ ไปเจอกะน้าออดที่ร้าน ซัดแหลก.....เพื่อนโทรมาตามให้ไป โซดิแอก ตั้งฮั่วเส็ง อีก (มันนัดไว้นานแล้ว ดันลืมเอง) อ่ะ ขับไปโซดิแอก ขอบอกครับ บรรยากาศคนละฟิวเลย จากนั่งฟังเพลงสบายๆ(ตา).....อิอิ มาเจอทั้งแสง เสียง แทบอวก.. ยิ่งมันเปิดไฟ แฟลช กระพริ๊บถี่นๆนะ โห๋ย อยากจะเอาเหล้าสาดให้มันดูด นักร้องตายชักไปเลย...(หล่อเกินมนุษย์) อยู่กินได้ซักชม.ก็ขอตัวกลับ คิดว่าคงเป้นเหมือนกัน ออกมาจากผับ หัวหมุนติ๊วๆๆๆๆ หูอื้อ ขับถึงบ้านได้ก็สุดๆแล้ว จะอวกให้ได้เลย แล้วคืนนั้นก็สลบทั้งชุดไปเที่ยวเลย เอาไว้แค่นี้ก่อน จะมาเหลาให้ฟังใหม่ ไม่ฟังไม่เป้นไรนะครับ อยากพูดเฉยๆ
กลับมาแล้วๆๆๆ ขอโทษที่หายไปนานครับ เรามาต่อกันเลยดีกว่าอาจจะยาว ไปซักนิดก็ทนๆอ่านไปเถอะครับ....เหอๆๆ พอถึงวันเสาร์ โชคดีครับที่ไม่ต้องตื่นเช้าเพราะได้ยินเค้าพูดกันว่าจะไปบ่ายโมง เลยนอนยาว งัวเงียๆๆหันไปมองนาฬิกา 12.45น. และกำลังจะหลับต่ออีกนิด สมองก็นึกขึ้นได้ว่า "เที่ยง45.......ชิหายแล้ว!! กะเป๋ายังไม่ได้จัด" กะโดดลุกจากเตียง ชะโงกหน้าออกไปดูห้องแม่ เห็นกระเป๋าเค้าวางอยู่หน้า ห้องแล้ว น้าต้อยก็มาแล้วด้วย แม่หันมาจ๊ะเอ๋พอดี แล้วเสียงฟ้าพิโรทก็ดังขึ้น "นี่ยังไม่ตื่นอีกหรอ กระเป๋าก็ยังไม่ได้จัด น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆ.... " มาเป็นซึนามิเลยครับ แล้วผมก็ฝ่าคลื่นซึนามิออกไปเข้าห้องน้ำด้วยความ ยากลำบาก 15นาทีก่อนออกเดินทางผมจัดกระเป๋าเสร็จ อาบน้ำเตรียมพร้อม สรุป เสร็จก่อนแม่อีก -_-" แล้วเราก็ออกเดินทางกันบ่ายโมงเป๊ะ เสียงน้าต้อยบอกว่า "เอ้อ..พี่จง น้าอีก2คนนั้นเค้ายังไม่มาถึงวัดจันทร์เลย ที่เค้าจะไปด้วยกับเราน่ะยังอยู่ ลาดพร้าวอยู่เลย......" (แล้วให้กรูรีบทำมัยเนี้ย) แม่บอก งั้นเราไปกินอะไรกันก่อน ดีกว่า (กลบเกลื่อนซะงั้น) ก็แวะไปกินเตี๋ยวปลาตรงข้ามหมู่บ้านศรีบัณฑิต เลยวัดสำโรงไปหน่อย (อร่อยมากนะครับว่างๆผ่านมาลองแวะไปชิมกัน) มีหลายเมนูครับ หมูเต๊ะ หนมปังเย็น ฯลฯ (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา) พออิ่มกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางไปวัดจันทร์ ระหว่างจอดรออยู่ ผมก็ไปจ๊ะเอ๋เข้ากับเจ้าคันนี้ครับ
ซวยจิงๆครับ ไฟล์ my picture หาย รูปรถที่จะเอามาให้ดูหมายหมดเลย โธ่ จิงๆมันเป้นรถRT81 gen3 สภาพ70% บันไดข้าง เบาะ คอนโซลยังครบๆเลย..หมดกัน:cry:
ต่อกันเลย หลังจากผิดหวังกับรูปRT81 gen3 แล้วน้าอีก2คนเค้าก็มา ทีนี้แนนรถไปหมดเลยครับaccordกลายเป้น ปลากะป๋องไปเลยน้าต้อยตัวก็เล็กอยู่แล้ว เหลือตัวนิ๊ดดเดียว...อิอิ ทริ๊ปนี้ไปกันทั้งหมด5คน แล้วเราก็ออกเดินทาง มั่งหน้าสู่จันบุรี โดยเส้นทางพระราม7(รถติดชิหาย) ประชานุกูล ขึ้นทางด่วนที่นั่น ยาวไปจนถึงบางนาแล้วก็ขึ้นลอยฟ้าไปยาวเลยครับ ขับขำๆปาไป150 กม./ชม. เนวิเกเตอร์(แม่)ตื่นครับ เลยเหลือ100เดียวเลย
พอสุดด่วยลอยฟ้า จะต้องวิ่งไปทางเลี่ยงเมืองชลบุรี เพื่อไปเข้าเส้น อ.แกลง บ้านบึง ช่วงกะลังเข้าเลี่ยงเมืองรถติดครับ ติดเพราะถนนพัง รถเลยวิ่งกันช้าๆตอนนี้คนในรถตื่นกันหมดแล้ว ไอ้เราก็ไม่คุ้นเส้นทางไป แกลง บ้านบึง น้าต้อยก็เลยอาสาบอกทาง "เนี้ยนะโอ๋ พอวิ่งไปถึงแยกให้ข้าม สะพานไปก่อน แล้วพอเจออีกแยกก็ให้ออกซ้ายไว้ เพราะเราจะต้องเลี้ยวซ้าย" ผมก็มาถึงจุดที่จะต้องเลี้ยวซ้าย มันไม่เป้นอย่างที่เราคิดไว้ซิครับ ป้ายมันบอกว่า ซ้ายไปพนัสนิคม เอาไงดีล่ะทีนี้...... ไว้มาต่อคราวหน้าครับหิวข้าวแล้ว
ขอโทษๆๆ ไม่ค่อยมีเวลายาวๆนั่งพิมพ์อ่านะ อ่ะต่อๆถึงไหนและ........................อ่ออ พอน้าต้อยเค้าอ่านป้าย "ซ้ายไปพนัสนิคม..............อ้าว ใครมาย้าย ทางเข้าแกลงล่ะเนี้ย" (ตลกกลบเกลื่อนซะงั้น) แล้วเค้าก็บ่นๆๆ น้าจำได้นะโอ๋ว่ามันทางนี้......ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆ~~ และแล้วก็มีเสียงนึงลอดมาท่ามกลางเสียงบ่นของน้าต้อย ดังขึ้นว่า "มันต้องไปอีกแยกนึง แยกข้างหน้าโน้น เห้นป้ายมัยโอ๋" แม่ผมเองครับ เทพ จิงๆ.....เหอๆๆ น้าต้อย กลบเกลื่อนตาม แม่ผมซะงั้น "เออ.....จิงพี่จง ต้อยก็ว่าอีกแยกนึงนะ~~~~" (น้าอีก2คนยังไม่ตื่นรึว่าไม่ออกฟามเห้นก็ไม่รู้) แต่ขำน้าต้อย ดีครับ ถะแหลแถไถ ได้ลื่นจิงๆ เนียนมาก!! แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่อ.แกลง พอเลี้ยวมาผมเจอคันนี้ครับ ยี่ห้อไรไม่รู้ปะหลาดดี
เส้นทางนี้ผมก็เคยมาซัก3-4ครั้งแล้วล่ะ แต่มากลางคืน เลยไม่รู้ว่าเป้นยังไง และก็ไม่ได้ขับด้วย พอมาเห้นตอนกลางวัน โขโบกว่า สวยมั่กๆ เคยดูสารคดีของ ประเทศนิวซีแลนด์มั๊ยครับ ตามทิวเขา หญ้ามันจะขึ้นเตี้ยๆ เรียบราบไปกับเชิงเขาเลย เนี้ยนิวซีแลนด์เมืองไทยเลยนะ แล้วเส้นทางรถก็ตรงสุดลูกหูลูกตา ยาวๆเลย ถ้าเอารถมาtestนะ ไปsetเฟืองท้ายมายาวๆเลย ได้ใช้หมดแน่....อิอิ แต่ขับไปขับมาเกิดเหงาๆเพราะไม่มีเพื่อนร่วมทางเลยซักคัน นาน น้านนน..จะสวนมาซักคันนึง คิดดูซิ ถ้าเกิดเป็นกลางคืน แล้วเกิดยางแตก ลองนึกภาพซิ ไฟถนนก็ไม่มี บ้านคนยังไม่เห้นเลย ..........กุ๊ กุ๊ กู๋..แน่ๆหึหึหึหึ
แต่เห็นทางตรงๆงี้ มันตรงแบบ ขึ้นเขาลงเขานะครับ อันตรายบ้างบางจุดตอนซัดมาถึงเนินเขาอ่ะครับ เกิดเจอรถขับช้าอยู่ข้างหน้า รับรองไม่เห้นแน่ๆ ระยะทางจากที่เลี้ยวซ้ายมาตอนแรก ก็ปาเข้าไป274กม. แล้วตรงยาวๆ (ยังไม่ถึงอีกหรอวะเนี้ย) แล้วแม่ก็พูดขึ้นมา ว่า"ถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายด้วย ไฟแดงน่ะ ไฟแดง!!!!" จ๊ากกกก...!!!! ตกใจซิครับ ก็หลับกันหมด อยู่ๆก็ตะโกนซะลั่น ตื่นกันทั้งรถ น้าต้อยหนักสุด คิดว่าผมขับรถชนซะงั้น แม่หัวเราะ.........เพราะได้แก้งลูก -_-" แล้วเค้าก็บอกว่า เดี่ยวจะแวะตลาดตรงแยกไฟแดงแล้วมันก็ เป็นปากทางเข้าวัดพอดี พอจอดรถก็ลงไปกันหมด ซื้อโน้นซื้อนี่ กับข้าว ขนม ใส่บาตร คาวหวานครบ ระหว่างที่เค้าไปซื้อกัน ผมก็เห็นร้านค้าส่งร้านนึง เค้าขายขนมโบราณมากครับ ไม่ทราบว่าเพื่อนๆเคยได้กินกันรึป่าว เช่น ขนมตุ๊บตั๊บ ขนมหน้าแตก ขนมลูกเต๋า ขนมโก๋รูปลาทอง ขนมเปี๊ยะ2ใส้ ฯลฯ เยอะครับ **แต่ผมว่าท่านประธานเราต้องรู้จักแน่ๆเลย ขนมพวกเนี้ย**.......อิอิ เลยซื้อขนมหน้าแตก กะตุ๊บตุ๊บมา อร่อยดีคับ นึกขึ้นได้ว่าจะถ่าย มาให้ดู แต่หมดซะก่อน...แฮะๆๆ แล้วเราก็ออกจากตลาด ขับเข้าไปทางที่เลี้ยวซ้ายตงแยกไฟแดงมา แม่บอกประมาณ20กิโล ขับไปเรื่อยๆ ก็เห็นวิวสวยๆอีกแล้วครับ ยังกะเมืองจีนเลย ภูเขาสูงชันมากๆ สวยๆ ชมวิวเพลิน เสียงตัง ตึ๊งงงง.....!!!! หลุมคับ เจอเนวิเกเตอร์ด่าเลย "ขับอ่ะดูทางไม่ใช่ดูที่อื่น"........สลด-_-" หลุมเพียบเลยครับ ทีนี้คลานไปเลย แล้วเราก็เลี้ยวขวาแรกที่20กิโลกว่าๆ ขับไปอีกประมาณ 5กิโล ก็เลี้ยวขวาอีกครั้ง ถึงกับอึ้งครับ ถนนหรอเนี้ย และซะขนาด คือว่า เค้ากำลังเกลี่ยดินแดงกันอยู่ ขับเข้าไปก็มีแต่เละ ดีนะฝนไม่ตก ไม่งั้น ได้ขับลุยโคลนแดงแน่ แล้วเราก็ถึงทางเข้าวัด แต่ดูทางซะก่อน สุดประเทศ ธรรมชาติสุดๆ แค่นี้ก่อน จะไปกินเหล้า ปั่น......อิอิ
ฮืม.....ก้อไอ้เส้นนี้แหละพี่ ที่กลางคืนมัน ปล้น กัน แต่พี่บรรยายสุดยอดมีภาพประกวดด้วยน่ะเนี๊ย แต่ฝีมือจิงๆขับไปถ่ายไป นับถือๆ
ขอบคุณทุกท่านครับ ที่ยังติดตาม ต่อกันเลยดีกว่า ก็คงได้เห็นทางเข้าวัดกันไปแล้ว มีธารน้ำตกด้วย มันก็ไม่ได้สวยไรหรอกครับ แต่คุณลองหลับตานึกดู นั่งฟังเสียงธารน้ำไหล แล้วก็นอนบนเปลซักอันนึง .....................ครอกกกกกกก...ก.ก.ก..ก.ก. ส่วนชื่อวัด จะบอกว่ามันไม่ได้ขึ้นต้นด้วยวัดนะครับ แต่ชื่อนี้ครับ
พอจอดรถปุ๊บ ผมก็มองหาโบสถ์ (เพราะทุกวัดต้องมีโบสถ์ จิงมะ?) แต่...... วัดนี้ไม่มีโบสถ์ครับ เพราะไม่ใช่วัด แต่เป็นสำนักสงฆ์ เหอๆๆ งงอ่ะดิ ผมก็งง น้าต้อยบอกว่า ที่เนี้ยไม่ใช่วัดนะโอ๋ เป้นสำนักปฏิบัติธรรม ที่เห็นก็มีแค่ โรงครัว ห้องแต่งตัว ของฆรวาส ห้องน้ำชาย/หญิง กุฏิพระ แค่เนี้ยเอง แต่ที่ๆเราจะนอนกันน่ะ เป็นศาลาธรรมดา จะเรียกว่าเป็นโบสถ์ หอฉันท์ รึศาลาก็ได้ เพราะมันก็รวมๆกันหมดน่ะแหละ ......อ่ออออออ ผมเองก็เดินดูไปรอบๆก่อน พร้อมกับ ไก่ย่าง1ไม้กะข้าวเหนียว1ถุง เดินไปเรื่อยๆ ทะลุไปทางนั้น ทางโน้น แล้วก็เจอดีจนได้ ทำเอาสยองเลยครับ เพราะไปๆมาๆ ชักหลง มันเป้นป่านี่ครับ ตันไม้ มองทางไหนก็ต้นไม้ ต้นสูงๆทั้งนั้นเลยครับ แล้วก็เจอดีจนได้ ทำเอาสยองเลยครับระหว่างที่เดินกลับ ก็ได้ยินเสียง เหมือนมีอะไรตามมาตลอดเวลาเลย ก็ไม่กล้าหันไปหรอกครับ สถานที่ก็ไม่คุ้น ใครจะไปหัน จั้มอย่างเดียว แต่เสียงมันก็อยู่ไม่ห่างเท่าไหร่ ยังตามมาด้วย ใจอ่ะ ไปอยู่ตะตุ่มแล้ว...........ท้องฟ้ายิ่งเป้นใจ ครึ้มมาเชียว ในป่านะครับไม่ใช่กลางแจ้ง 5โมงเย็น ยังกะ2ทุ่ม บอกตงๆว่ากัวคับ ก็ลองนึกดูว่าถ้าเกิดกับตัวเองจะเป้นยังไง.................. แล้วเสียงก็ใกล้ๆๆๆๆเข้ามา อยู่ข้างๆเลยครับ หมาครับ หมาวัด ไอ้ตัวที่มันขอไก่ผมกินก่อนเดินสำรวจวัดอ่ะครับ-_-" ฉี่จะแตก....ที่ไหนได้ หมาวัด (บัดซบจิงๆ) มันตามมาขอไก่กิน แหมม อยากจะชู๊ด ซะให้กะเด็น แต่มันเชื่องมากครับ เลยไม่กล้าทำอะไรมัน แล้วก็มาถึงศาลา ก็ไปยกกระเป๋ามาที่ศาลา แล้วก็เตรียมไปอาบน้ำ แม่บอกว่า "เค้าอาบกันหมดแล้วนะ น้ำมันเย็นมากนะจะบอกให้" (แหมม มันจะเย็นซักขนาดไหนเชียว) ผมมาถึงศาลา6โมงครึ่ง ก็เห็นมีรถมาจอดอีก2คัน งานนี้สงสัยจะมีญ.แฮะ อ่า.....ชื่นใจจิงๆ ไม่ทันขาดคำก็เดินมาพอดี ...........อายุประมาณเฉียด50ทั้งนั้นเลย ส่ายหัวแล้วเดินไปอาบน้ำอย่างหดหู่..............................กรูจะบ้า และแล้ว สิ่งที่แม่บอกก็เป็นจริง แค่ขันแรก ก็อยากจะร้องออกมาดังๆ เลยครับแต่อยู่ในสำนักฯ เค้าเงียบกันหมด อาการมันก็เลยเป้นแบบว่า ........ซู่ๆๆๆ อุ๊บ!!!! (ลมเต็มกะพุ้งแก้ม แล้วกลั้นหายใจอ่ะครับ) เย็นจนแสบผิวเลยอ่ะครับ มือซีด ซิครับ เย็นอะไรจะขนาดนั้น แล้วขอโทษครับ ไอ้ที่เดินเข้ามาอาบอ่ะ ไม่ได้ดูเลยครับ มดคันไฟเต็มพื้นเลย...โอ๊ว อภิมหาซวยกล้วยทอดแล้วครับท่านผู้ฟัง ทั้งปะตู กลอน กำแพง โอ๊โห๋ มันจะย้ายบ้านอะไรตอนนี้วะเนี้ย....... มันจะลำบากลำบนอะไรอย่างงี้ แค่อาบน้ำยังมีมารผจน ดีนะเอาน้ำราดตัวแล้ว ไม่งั้น...........ไม่อยากจะคิสสส พออาบเสร็จ ก็เดินมานั่งรวมกันกลางศาลา รอพระอาจารย์ แกมาเทศน์ ผมก็สำรวจว่ามีกันทั้งหมดกี่ชีวิต ป้าๆก็5คน ลุงๆ2คน น้าๆประมาณ10คน แล้วก็พวกอยู่ที่วัดอีก2คนก็เกือบ20คนแน่ะ เยอะนะครับ แต่ละคนก็เตรียม ผ้าหนาๆ หมอน ผมก็ว่าเอามาทำมัย จะเอามาหนุนนนอนฟังรึไง...เหอๆๆๆ แล้วพระอาจารย์ก็มา อาจารย์แกหน้าดุๆครับ ผมเองก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ หรอกครับ กับเรื่องบารมี พลังจิตร อะไรเงี้ย แต่แกไม่ได้มีพลังอะไรหรอกครับ แม่ผมก็ชอบูดให้มันเวอร์ๆไปงั้นแหละ แล้ว พระอ. ก็ถามว่ามากันนานรึยัง ก็ถามเรื่องทั่วๆไป เป้นยังไงกันบ้าง อะไรเงี้ยแต่แกก็ไม่ได้ยิ้มแย้มอะไรหรอก ครับ ดูๆไปแกเป็นคนหยิ่งๆนะครับ ไม่สนใจใคร แต่พอได้ฟังแกอธิบายเหตุผล ของเรื่องบางเรื่องมันก็ทำให้ผมพูดขึ้นมาในใจว่า เออ มันก็จริงว่ะ แกบอกว่า อยากถามไรถามได้ แกจะตอบ แล้วแกก็ตอบได้หมดทุกคำถามจิงๆ ไม่ได้ตอบแบบ เอาให้มันผ่านๆไปทีนะครับ เอาเหตุผลมาชี้แจงทุกจุดๆๆ ว่าถ้ามันเป้นทุกข์เรื่องนี้ๆๆๆ...ก็ต้องไปแก้ที่ไหนก่อน แต่แกเก่งเรื่อง จิต (จิตใจ เนี้ยแหละ) สติ การคิด แกจะเก่งเรื่องอย่างงี้มาก ถ้าอันไหนแกตอบ ไม่ได้ แกจะบอกเลยว่าตอบไม่ได้ (แต่เห็นตอบได้หมดทุกคำถามเลย) นั่งฟังไปเรื่อยๆ ชักเริ่มรู้แล้วครับว่า ไอ้ที่เค้าเอาผ้า หมอนมาทำอะไร เอามารองที่เขา เท้า กันเจ็บไงครับ ผมซิ ขยับไม่ได้เลย พับเพียบอยู่ท่านั้นเลย (ใครช่วยมาขยับกรูที) ปวด เจ็บมากครับ ก็คิดดูดิ ตั้งกะ3ทุ่มครึงยัง5ทุ่มอ่ะ อากาศมันร้อนนะครับ เพราะ พระ อ. แกไม่ชอบพัดลม ก็ไม่มีใครเปิด แล้วยิ่งเวลากลางคืน ต้นไม้เยอะๆ มันจะแย่งอากาศเรา ก็เลยเกิดอาการ หายใจไม่ออก คัดจมูก เหนื่อย เหงื่อ ออก ใครที่ไม่เคยมาก็ต้องนั่งหน้า แต่ผมอยู่ทางซ้ายสุด แล้วระหว่างที่นั่งฟังอยู่ น้าผู้ ญ.ที่มาคันเดียวกะผมอ่ะ แกก็เกิดอาการเหมือนคนคัดจมูก หายใจไม่ออก น้ำตาไหล แต่แกไม่ได้ล้มพับอะไรหรอกนะ คือก็นั่งฟังเนี้ยแหละ แต่แกหลับ ตาปี๋เลย ไม่ลืมตาเลยตั้งแต่เริ่มอาการ แฟนแกก็นั่งอยู่ข้างๆนะ แต่ดูแกไม่ช่วย รึทำอะไรเลย แล้วน้าผู้ญ.ก็ ขอลา พระ อ. ไปเอาทิชชู่มาม้วนนึงเลย แล้วก็มานั่งต่อที่เดิม ฟังไปเรือยๆ พระ อ. แกก็ถามโยมน้าผู้ญ.ว่า "เป็นอะไร เห้นร้องไห้ ไม่สบายรึ" น้าแกก็ตอบว่า "ปล่าวคะพระ อ." "อ้าวเป้นอะไรไม่บอก...อืมมไม่บอกก็ไม่บอก" "คือนู๋รู้ว่านู๋เป็นอะไรน่ะคะ แต่มันบอกไม่ได้เจ้าคะ" "เออ...ๆๆๆ ตามใจเอ๊ง" .........แกก็เทศน์ต่อจน5ทุ่ม แกก็ขอไปจำวัด พวกเราก็จึงได้นอนกันซะที (หาววววววว.............) ทางวัดเค้ามีเต้นให้นอนด้วยนะครับ เจ๋งมาก คนละหลังๆเลย 20หลัง เต็มไปหมด สวดมนต์นอนเลย บางคนยังไม่นอน ก็คุยกันเบาๆ ส่วนผม ครอกกกกกกกกกกก............................ พรุ่งนี้มาต่อ ถ้ามีเวลานะครับ
ผมเองก็เดินดูไปรอบๆก่อน พร้อมกับ ไก่ย่าง1ไม้กะข้าวเหนียว1ถุง เดินไปเรื่อยๆ ทะลุไปทางนั้น ทางโน้น แล้วก็เจอดีจนได้ ทำเอาสยองเลยครับ เพราะไปๆมาๆ ชักหลง มันเป้นป่านี่ครับ ตันไม้ มองทางไหนก็ต้นไม้ ต้นสูงๆทั้งนั้นเลยครับ แล้วก็เจอดีจนได้ ทำเอาสยองเลยครับระหว่างที่เดินกลับ ก็ได้ยินเสียง เหมือนมีอะไรตามมาตลอดเวลาเลย ก็ไม่กล้าหันไปหรอกครับ สถานที่ก็ไม่คุ้น ใครจะไปหัน จั้มอย่างเดียว แต่เสียงมันก็อยู่ไม่ห่างเท่าไหร่ ยังตามมาด้วย ใจอ่ะ ไปอยู่ตะตุ่มแล้ว...........ท้องฟ้ายิ่งเป้นใจ ครึ้มมาเชียว ในป่านะครับไม่ใช่กลางแจ้ง 5โมงเย็น ยังกะ2ทุ่ม บอกตงๆว่ากัวคับ ก็ลองนึกดูว่าถ้าเกิดกับตัวเองจะเป้นยังไง.................. แล้วเสียงก็ใกล้ๆๆๆๆเข้ามา อยู่ข้างๆเลยครับ หมาครับ หมาวัด ไอ้ตัวที่มันขอไก่ผมกินก่อนเดินสำรวจวัดอ่ะครับ-_-" ฉี่จะแตก....ที่ไหนได้ หมาวัด (บัดซบจิงๆ) มันตามมาขอไก่กิน แหมม อยากจะชู๊ด ซะให้กะเด็น แต่มันเชื่องมากครับ เลยไม่กล้าทำอะไรมัน ที่แท้ก็น้องหมานี่เอง
มาต่อให้จบครับ ตอนเช้าผมยังไม่ตื่นหรอก และวก้มีบางคนยังนอนอยู่ด้วย โน้นน10โมง แน่ะ ถึงจะเก็บเต้น แต่หารู้ไม่ ผมอ่ะคนสุดท้าย ที่ตื่นเพราะเค้าจะกวาดพื้น ผมบังเอิญไปขวางอยู่เต็มๆเลย....... น้าๆป้าๆลุงๆ เค้าตื่นกันตั้งกะตี4 ทำกับข้าว เพื่อนที่จะรอเลี้ยงพระ ที่นี่ถ้ามีเลี้ยงพระ จะเลี้ยงกันตอน11โมง เพราะเช้า พระจะไปบินฯมาแล้วเลยไม่ต้อง ผมก็ไปอาบน้ำ (ยังเย็นสุดขั้วเหมือนเดิม..จ๊าก) ทีนี้ได้เวลา11โมง พระมาแล้ว ก็จะมีพระลูกวัด เตรียมที่ทางไว้เสร็จ ที่ใครที่มัน บาตรใครบาตรมัน พระ อ. อยู่หน้าสุด ก็ไล่กันมา7องค์มีเณรอีก1องค์ ก็ฟังสวดนิดหน่อยแล้วก็ปะเคนของพระ แล้วก็ซองทำบุญไปด้วย (ขอให้ทุกคน ที่ผมรู้จัก ได้บุญกุศลนี้ด้วยเถิด) พอปะเคนเสร็จ ท่าก็ฉันท์ของท่านไป เราก็ไป กินของเรา อาหารอร่อยมากครับ โดนเฉพาะ แหนมเนือง มาจากแดงแหนม เนือง หนองคายเลยนะครับ ผมก็ซัดคนเดียวเลย เพราะคนอื่น ไปติดใจ ปลาเค็ม ฝีมือแม่ผมกันหมด แล้วก็มีน้ำพริกซึ่งเผ็ดสะใจมาก จนคนแก่กินไม่ได้เลย แต่ !!!!! น้ำพริกมันก็ต้องคู่กะผักต้ม ใช่มะ แต่ผักต้มไม่มีเลยซักต้น แต่ผมเห็นไอ้เนี้ยมันวางอยู่ในถาดเดียวกะน้ำพริก ผมก็ถามแม่ว่า มันคืออะไร แม่บอกว่ามันคือ "หมักเม่า" ...................??????? อะไรนะแม่ .......หมักเม่า หรือ ผักเม่า นั่นแหละ (ก็ยังไม่รู้จัดอยู่ดี) แม่ก็อธิบายให้ฟังว่า ที่เนี้ยเค้าปลูกกันเยอะ จิงๆก็ไม่ได้ปลูกหรอก มันขึ้นเอง แต่มันขึ้นในป่า อยากได้ก็ต้องไปเก็บเอา เคยได้ยินมั๊ย ที่ช่วงนึงออกTVด้วยนะ ที่เค้าเอาลูกหมักเม่ามาทำ วาย หมักเม่า น่ะ แต่ต้องเอาลูดสีดำๆนะ เขียวๆ มันยังไม่แก่ แม่ยังเคยกินเลย (โห๋...วายสมัยแม่ยังสาวป่าวอ่ะ) ............ ผมก็นั่งกินแหนมเนืองต่อ จนอิ่ม แล้วก็มีพระลูกวัดเอาข้าวก้นบาตรของ พระ อ.มาให้ ซึ่งป้าๆที่เค้าเคยมาบ่อยๆก็แย่งกันใหญ่ผมก็ลงไปแย่งกะเค้าด้วย ข้าวก้นบาตรมันดียังไงนะ ????? แต่ด้วยความสงสัยว่าต้นหมักเม่ามันเป้นยังไงมากกว่า เลยถามลูกวัด เค้าก็บอกว่า จะพาไปดู........แหล่ม เลยครับ พอเก็บกวาดเช็ดถู ศาลาเสร็จก็ ออกไปดูต้นหมักเม่ากัน ไปกันตั้งหลายคน ลูกวัดก็พาไปโน้นไปนี่ ไปดูกูฏิที่จะสร้างใหม่ก่อน สร้างเองก็พระนี่แหละ สร้างเอง แต่ขอโทษครับ ลึกมาก จากศาลาถึงกุฏิที่จะสร้างใหม่ ประมาณ300เมตรเห็นจะได้ ฟังดูไม่ลึกนะครับ แต่อย่างลืม ในป่านะครับ แล้วไม่ได้มีทางเดินนะครับ ลุยป่าเข้าไป เค้าบอกว่านี่ยังดนะ ที่หญ้ามันก็ตายๆไปบ้างแล้ว ถ้ามาช่วง ปลายฝนต้นหนาวนะ ถึงเอว อ่ะ โห๋........เดินไปเรื่อยๆ แล้วเราก็มาเจอครับ ต้นหมักเม่า เหมือนตันอะไรบอกไม่ถูก แต่มดแดงเยอะมากกกกก...... เก็บกันแหลก บางคนก็เอาไปเพียบเลย จะกินหมดมั๊ยก็ไม่รู้ ลูกวัดก็บอก เอาไปอีกซิ มันเยอะๆๆ ผมก็บอก พอดีกว่าครับ แม่ผมเค้าไม่ได้มาด้วยนะครับ เค้าปวดเข่า เดินไกลๆไม่ไหว น้าต้อยก็มาสรุปก็คือมากันหมดอ่ะ.......
แถวนี่เป็นป่าจิงๆครับ มองทางไหนก็ต้นไม้ ภูเขา มีหลงได้ง่ายๆเลย ระหว่าที่ถ่ายรูปอยู่ก็ไปเจอเข้ากับตัวนี้ครับ "เก้งเอ๋ง" ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไอ้ตัวที่มาขอไก่ผมกินนั่นแหละ ตามไปทุกที่ เชื่องจิงๆ แล้วเราก็เดินกลับไปที่ศาลากัน เพื่อนเตรียมตัวกลับกรุงเทพ ก่อนกลับก็นั่งฟังพระ อ. ซักหน่อย อวยพรก่อนกลับ แล้วก็ลาท่าน พอขับรถออกมาถึงทางเข้าวัดที่เป็นดินแดงๆ ออกไม่ได้ครับ มันเพิ่งเอาดินแดง มาลงปิดทางเข้าออกหมดเลย ซวยจิงๆ สรุปก็กว่าจะออกได้ จอดอยู่อย่างงั้นประมาญครึ่งชม. รอรถตั้กแตน มาเกลี่ย พอเกลี่ยเสร็จก็รีบออกเลย ใจผมอยากถึงบ้านแล้ว นอนให้เต็มที่เลย ออกมาถึง ถนน บ้านบึง แป๊บเดียวเองครับ พอตั้งลำได้ ก็ซัดมาเลย 130กม. วิ่งฉิววววว แล้วก็ไปติดไฟแดงอยู่ที่นึง ไปเจอ DATSUN กะบะคันนึงครับ ไฟท้ายรุ่นนี้ คงหายาก จำได้ว่ารุ่นนี้แถวบ้านผม ใช้วิ่งรถสองแถวอยู่ สภาพดีครับ สนิมทั้งคัน แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น (ของน้าต้อย) "หมอต๊ะหรอ ...ให้ไปเจอกันที่ไหนนะ ปั๊มเชลล์หรอ คะ คะ ได้เลย แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ...อ๋ออคะ คะ...คะสวัสดีคะ" ............."โอ๋ ปั๊มเชลล์ เส้นบ้านบึงมันอยู่ตรงไหนหรอกโอ๋"......... (อึ้ง ไปเลยครับ แล้วจะรู้มั๊ยละเนี้ยยยย) ผมก็บอกไปว่า อ้าว...น้าต้อยไม่ถามเค้า ด้วยล่ะว่าอยู่ตงไหน "เออ...ลืม" แม่ผมหัวเราะลั่นเลย ผมงี้อยากจะดึงเบรคมือ แล้วโดนัทซัก2รอบ....-_-" สรุปน้าต้อยโทรไปใหม่ ได้ความว่า พอออกเส้น บ้านบึง แกลง เพื่อจะกลับกทม. วิ่งไปประมาณ20กว่าโล จะเห็นปั๊มเชลล์ ก็เข้า ไปได้เลย เค้จะคอยอยู่ ผมก็ซัดเลย แต่.....ยังไม่ทันออกเส้นบ้านบึงเลย แม่บอกจอดๆๆๆ ซื้อเงาะ มังคุด ลองกอง ก่อน เจ้านี้ถูกสุด อ่ะ แวะก็แวะ ผมไม่ได้ลงไปนะครับ เฝ้ารถ ครึ่งชม.อ่ะ ซื้ออะไรกันขนาดนั้น แต่มันถูกจิงๆ มังคุด กะเงาะ โลละ10บาท เงี้ย แม่กะน้าต้อม กดมาคนละ 4โล เวนกำ น้าอีก2คนกดมาอีกคนละ2โล ที่ใส่แทบจะไม่มีแล้ว แต่โชคดีตรงที่ว่า น้า2คนนั้นเค้าขอให้ไปส่งที่สถานีรถทัวร์ เพราะเค้าจะไประยองต่อ ผมก็ขับมาเรื่อยๆน้าต้อยก็โทรถามหมอต๊ะ ว่าสถานีรถทัวร์มันอยู่ตรงไหน ได้ความว่า อยู่เลย4แยกไฟแดงบ้านบึง แกลง มาหน่อยนึง ผมก็ขับไป จนถึง4แยกที่ว่านี้ ก่อนถึง4แยก ผมเห็นรถทัวร์ระยองจอดอยู่คันนึง ซึ่งเป้นสีฟ้าขาว ก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร เพราะคิดว่ามันคงมีหลายทีมั๊ง ก็เลย4แยกไป เลยไปจนจะโลนึงอยู่แล้ว ก้ยังไม่เห็นวี่แววสถานีรถ ผมก็ถามน้าต้อย "น้าต้อยแน่ใจหรอว่ามันต้องเลยมาอ่ะ" "ก็เค้าบอกว่าเลย4แยกมานี่" "เลยมารึว่าก่อนเลย4แยกไฟแดงอ่ะน้าต้อย" "เพราะผมเห็นก่อน4แยกไฟแดงมีรถทัวร์ฟ้าขาว ระยองจอดอยู่คันนึงนะ" "เออ.....ว่ะโอ๋ อาจจะใช่นะ น้าก็ว่าอย่างงั้นนะ" .................-_-" ดูน้าต้อยซิครับ เนียนจิงๆ แม่ก็เลยหันมาว่าผม "อ้าว..เห็นแล้วไม่บอกล่ะ" "เอ๋า... ใครจะไปรู้ คนที่มาบ่อยๆอ่ะน่าจะรู้มากกว่านะเนี้ย" น้อต้อยก็บอกว่า "เนี้ยแหละปะจำ มากี่ทีก็หลงทุกที" แม่ก็หัวเราะ + อ้างถึง ตอบกลับ