ช่วงกลางเดือน พี่เก่งชวนไปงานทดสอบยางรุ่นใหม่ของ Michelin
รายละเอียดของงานนี้คือ 20 - 21 มีนาคม 2553 RacingWeb ได้รับเชิญจาก Michelin ให้เข้าร่วมทดสอบยางรถยนต์รุ่นใหม่ Pilot Sport 3
โดยทาง Michelin เชิญไปร่วมงาน 2 คน ไปนอนที่หัวหินในคืนวันเสาร์ที่ 20 และในวันอาทิตย์ที่ 21 ไปทดสอบยางกันที่สนามแก่งกระจาน
เนื่องจากพี่เก่งเองก็อยากพา อ้อ ไปเที่ยวด้วยเพียงแต่ว่าการใส่ชื่อพี่เก่งกับอ้อ 2 คนเพื่อไปทดสอบยางก็คงไม่เหมาะเพราะอ้อขับรถไม่เป็น
การไปแบบนั้นคงไม่ดีแน่เพราะ Michelin ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเพื่อให้เราไปทดสอบยางและต้องการทราบผลการทดสอบจากผู้ที่ได้รับเชิญ
เมื่อคิดถึงตรงนั้นแล้วจึงได้ชวนผมไปร่วมงานนี้ด้วยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับการได้รับเชิญในครั้งนี้ ทั้งเรื่องประโยชน์ด้านการทดสอบยาง
และประโยชน์ในการเขียน Review ที่ผมค่อนข้างจะโม้เก่ง โดยตัวผมกับน้องแพนนั้นมีธุระของครอบครัวที่ต้องไปเพชรบุรีในวันเสาร์ที่ 20 พอดี
เมื่อมีแพนไปด้วยพี่เก่งจึงพาอ้อไปเที่ยวพร้อมๆกันเลยในคราวเดียว
RacingWeb จึงตอบรับและกลายเป็นว่าการไปในครั้งนี้
ไปกันทั้ง ธุระของผมกับแพน + ไปร่วมทดสอบยางของ Michelin + ไปเที่ยวหัวหินทริปเล็กๆกัน 2 ครอบครัว
ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้วครับ งานเยอะมากๆจนไม่มีเวลาเขียน Review ให้ รูปที่ถ่ายมาก็นั่งปรับแต่งอยู่เกือบ 100 รูป
วันนี้ว่างจึงได้มานั่งเขียนให้ได้อ่านกันว่าเราไปพบเจออะไรมาบ้างในการร่วมทดสอบยาง Michelin
ต้องบอกไว้ก่อนว่า หนักใจนิดๆในการเขียน เพราะว่าเราต้องเขียนให้เป็นกลางที่สุด
เขียนโดยใช้ความรู้สึกจากตัวเอง และไม่เขียนในแง่ของผลประโยชน์ทางธุรกิจของ Michelin
จึงตั้งใจไว้ว่า Review นี้ขอเขียนในลักษณะพาเที่ยวนิดๆ + เทคโนโลยีของยางสมัยใหม่ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เราอาจจะไม่นึกถึง
ซึ่งผมได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับหลักหรือแง่คิดในการผลิตยางรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
และคงเขียนถึงผลการทดสอบที่สนามแก่งกระจานตามความเป็นจริงและเป็นกลางมากที่สุดนะครับ
Day 1 : เสาร์ 20 มีนาคม 2553
จริงๆแล้ว Michelin มีรถพาไปตั้งแต่กรุงเทพครับ แต่เนื่องจากผมกับพี่เก่งมีผู้ติดตาม 2 คน
ดังนั้นเราจึงเอารถไปกันเอง เพราะผมต้องแวะทำธุระที่เพชรบุรีด้วย เราจึงออกเดินทางกันก่อน
โดยที่คณะของทาง Michelin ออกเดินทางจากกรุงเทพในช่วงบ่าย
เมื่อเราแวะเรื่องธุระของผมเสร็จจากที่เพชรบุรี จึงมุ่งหน้าสู่โรงแรม Intercontinental HUA HIN Resort
ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ทาง Michelin เตรียมไว้ให้สำหรับผู้เข้าร่วมงาน
ระหว่างทางรถ Terios เกิดงานเข้า แต่ก็ยังพอประคองไปได้จึงใช้เวลามากกว่าที่ควรไปซักหน่อย แต่เราก็ไปถึงก่อนคณะที่เดินทางมากับ Michelin
เมื่อไปถึงเราได้พบกับเจ้าหน้าที่ของ Michelin ที่ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว จึงได้ทำการลงทะเบียนและ CheckIn เข้าห้องพัก
เพื่อเตรียมตัวออกไปหาที่พักเพิ่มอีก 1 ห้องเพราะเรามากัน 4 คนซึ่งได้สอบถามทาง Michelin ก่อนมาแล้วว่าคงพักที่นี่ได้แค่ 2 คน
แต่เมื่อพนักงานของทางโรงแรมเห็นเรามากัน 4 คนก็พูดขึ้นว่า ห้องนอนกัน 4 คนพอนะ เพราะห้องใหญ่และมีเตียงใหญ่ 2 เตียง
เรางงเล็กน้อย พนักงานอาจจะพูดกันแบบจริงใจคือห้องมันใหญ่และเตียงใหญ่ 2 เตียงจริงๆ แต่ด้วยเหตุผลด้านธุรกิจของโรงแรม ปกติเค้าควรให้นอนแค่ 2 คน
จะด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ เมื่อพนักงานพูดขึ้นมาแบบนั้น .... เราจึงขนกระเป๋าของเรา 4 คนขึ้นห้องพักกันในทันที
สำหรับที่พักผมคงไม่พูดอะไรมาก หน้าที่ของผมคือเขียน Review เกี่ยวกับยาง Michelin Pilot Sport 3 ไม่ได้ให้มา Review ที่พัก
คงพูดได้แต่เพียงว่า Michelin เลือกที่พักที่ดูแลเราได้เป็นอย่างดีครับ
อย่างแรกที่พี่เก่งทำเมื่อมาถึง
ภายในห้องพัก
อ่างแช่น้ำอยู่กลางห้อง
น้ำหนักพี่เก่ง
ระเบียงวิวสระว่ายน้ำและวิวริมทะเล
โทรศัพท์ระบบ VOIP (Voice Over IP) ของ Cisco
บาร์น้ำริมสระที่ต้องลึกอยู่ในน้ำเพื่อเสิร์ฟลูกค้าที่ว่ายน้ำอยู่ได้
เดินเล่นกันอยู่ซักพัก เมื่อได้เวลาผมกับพี่เก่งจึงไปเข้าห้องบรรยายที่ทาง Michelin จัดเตรียมไว้
เพื่อฟังการบรรยายเกี่ยวกับยางรุ่นใหม่ Pilot Sport 3 ที่เราจะได้ไปทดสอบกันในสนามแก่งกระจานในวันรุ่งขึ้น
ก่อนเข้าฟังบรรยายก็มีรถ Audi กับ Lexus ให้เราได้ทดลองขับกันก่อน
ก่อนเข้าพังบรรยายก็มีอาหารว่างให้ได้รับประทานกัน... เค้าให้ชิมแต่พี่เก่งไปยืนคั่วน้องเค้าซะงั้น
บรรยากาศในห้องบรรยายครับ
ผู้บริหารของ Michelin ขึ้นกล่าวต้อนรับผู้ไปร่วมงาน
คุณต้น วิศวกรของทาง Michelin ขึ้นบรรยายเกี่ยวกับเทคโลยีและแนวคิดใหม่ๆในการผลิตยาง Pilot Sport 3
สำหรับยาง Michelin Pilot Sport 3 นี้เป็นยางที่ผลิตออกมาสำหรับรถ Sport หรือรถที่นำมาแต่งสรรถนะของรถให้สูงขึ้น
เป็นยางรุ่นที่ผลิตออกมาแทนที่ยาง Michelin รุ่นเก่า 2 กลุ่ม ... งงใช่ไหมล่ะ
ความหมายในที่นี้หมายถึงว่า เมื่อปีที่แล้ว Michelin ผลิตยางสำหรับรถที่ต้องการสมรรถนะการเกาะถนนสูงบนท้องถนน 2 รุ่น
นั่นคือ Michelin Pilot Preceda 2(PP2) สำหรับรถกลุ่ม Sport & Sportty
และ Michelin Pilot Sport 2 (PS2) สำหรับรถกลุ่ม Super Sport
แต่สำหรับในรุ่น Michelin Pilot Sport 3 นั้นผลิตออกมาแทนที่ยาง PP2 และ PS2 นั่นเอง
ซึ่ง Michelin Pilot Sport 3 นั้น ณ ตอนนี้ถูกเลือกใช้จาก Audi A5 และ Benz E63 AMG ให้เป็นยางติดรถจากโรงงานอีกด้วย
มาดูเทคโนโลยีของการผลิตยางรุ่นนี้กันบ้างดีกว่า
- Michelin Pilot Sport 3 เป็นยางชนิดดอกยางไม่สมมาตร
- ร่องดอกยางแบบหลบมุม
ตรงนี้มีความรู้ที่เป็นประโยชน์แทรกอยู่นิดนึงครับว่าทำไมถึงต้องเป็นดอกยางแบบหลบมุม
คุณต้นได้อธิบายให้เห็นภาพด้วยยางลบดินสอแบบแท่งสี่เหลี่ยม เมื่อซื้อมาใหม่ๆขอบยังเป็นมุมเหลี่ยมๆอยู่
เวลาใช้งานมันจะลบไม่ค่อยดีนัก เมื่อเราถูไปบนพื้นส่วนที่เป็นมุมเหลี่ยมจะดิ้นไปมาและให้ตัวค่อนข้างมาก
เมื่อเราใช้ยางลบไปเรื่อยๆจนมุมมันไม่เหลือแล้ว ตอนนั้นเราจะรู้สึกว่าเมื่อยางลบสัมผัสพื้นจะค่อนข้างลบได้ดี เกาะกับพื้นและไม่มีมุมให้ดิ้นตัว
ด้วยเหตุนี้ยาง Michelin Pilot Sport 3 จึงผลิตดอกยางที่มีร่องยางแบบหลบมุมเพื่อการเกาะถนนที่ดีขึ้น
- ดอกยางต่อเนื่องกันทั้งเส้น + คานเสริมแรง
การออกแบบให้ดอกยางแต่ละแถบเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งเส้น มีส่วนช่วยให้ดอกยางขยับตัวน้อยลงเวลาเข้าโค้ง
คือถ้าดอกยางต่อเนื่องกันทั้งเส้น เมื่อหน้าสัมผัสของดอกใดที่สัมผัสพื้นมีแรงเสียดทานมากระทำเช่นเวลาเข้าโค้ง
ดอกยางในส่วนนั้นจะขยับตัวน้อยลงเพราะมีเนื้อยางติดอยู่กับดอกยางที่ไม่สัมผัสพื้น เนื้อยางที่ต่อเนื่องกันจะทำหน้าที่รั้งกันไว้อยู่นั่นเอง
- หน้ายางอัจฉริยะแปรผันตามความเร็ว
อันนี้ทาง Michelin ไม่ได้อธิบายถึงโครงสร้างว่าทำไมถึงทำงานในลักษณะนี้ได้ เพียงแต่อธิบายให้ฟังว่ายางทำงานในลักษณะใดคือ
เมื่อยางยังมีอุณหภูมิต่ำและวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ในยางทั่วไปยางจะยังเย็นอยู่และหน้ายางจะแข็ง
Michelin Pilot Sport 3 หน้ายางจะขยับตัวได้มากเพื่อให้อุณหภูมิของยางสูงเร็วขึ้น ยางจึงร้อนเร็วและอยู่ในอุณหภูมิที่พร้อมใช้งานได้เร็ว
เมื่อยางมีอุณหภูมิสูงและวิ่งด้วยความเร็วสูง ในยางทั่วไปมีโอากาสที่จะเกิดอาการโอเวอร์ฮีทที่หน้ายางได้
Michelin Pilot Sport 3 หน้ายางจะขยับตัวได้น้อย เพื่อให้ยางไม่ร้อนเกินไปและรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมไว้ตลอดการใช้งาน
- เพิ่มการออกแบบโพรไฟล์ยางพิเศษ "แอนติ เซิร์ฟ ซิสเต็ม"
คือการเพิ่มมุมโค้งที่บริเวณไหล่ยางโดยไม่ลดหน้าสัมผัส ด้วยการออกแบบลักษณะนี้จะทำให้ดอกยางไล่น้ำออกจากหน้าสัมผัสพื้นได้หมดและเร็ว
ช่วยให้ไม่เกิดอาการลื่นหรือเหิรน้ำ ซึ่งต่างจากยาง Sport ทั่วๆไป
- สูตรเนื้อยาง สปอร์ตเพาเวอร์คอมปาวน์ด เทคโนโลยีจากสนามแข่ง
- มีเส้นใยเวทกริปอีลาสโตเมอร์ มีความหนาแน่นและยึดเกาะสูง มีคุณสมบัติแทรกตัวเข้าจับพื้นผิวถนนและไล่น้ำออกจากหน้ายาง
- มีส่วนผสมซิลิกา ที่มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาพลังงานช่วยส่งผ่านกำลังขับของเครื่องยนต์ลงสู่พื้นถนนโดยไม่สูญเสียพลังงาน
- ลองลาสติ้ง อีลาสโตเมอร์ มีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นและทนทาน ที่ทำให้ยางมีความสามารถที่จะเกาะพื้นถนนได้สูงโดยที่ยางไม่สึกเร็ว
โดย Michelin Pilot Sport 3 มีค่า Tread Wear 320 ซึ่งมีค่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับยางที่เกาะถนนได้ในกลุ่มเดียวกัน
สำหรับราคาในด้านการตลาดของยาง Michelin Pilot Sport 3 นั้นได้รับการแจ้งในห้องบรรยายว่า
ราคาจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า Pilot Preceda 2 นิดหน่อย แต่ราคาไม่สูงถึงขนาด Pilot Sport 2
โดยยกตัวอย่างยางขอบ 15 ซึ่งแจ้งไว้ว่าราคาไม่เกิน 3000 บาทต่อเส้น
จากการฟังบรรยายในห้องก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับยางรุ่นใหม่ของ Michelin มาตามนี้นะครับ
คราวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวกันบ้าง จากการได้เห็นแค่สายตาโดยที่ยังไม่ได้ทดสอบ
เริ่มแรกที่เห็นเลยเนี่ยะ ยังแอบนินทากับพี่เก่งเบาๆว่า ดอกยางไม่สวยเลย ทำไมลายของดอกยางไม่มีความ Sport เอาซะเลย
ซึ่งมันก็สอดคล้องกับผลดีที่ว่า ดอกยางลายลักษณะนี้มันรีดน้ำได้ดีแน่ๆ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือการยึดเกาะถนนที่ได้จากดอกยางลัษณะนี้
ซึ่งตามที่ฟังจากการบรรยายแล้วและ Cart ที่นำมาแสดงนั้นสมรรถนะด้านการเกาะถนนแห้งได้ค่อนข้างดีมากๆ
ซึ่งพอจะสรุปได้ด้วยตัวเองว่า แม้โหง้วเฮ้งดอกยางจะออกไปทางรีดน้ำดีไม่ได้ออกไปทางยึดเกาะถนน
แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่คิดค้นและออกแบบมาเพื่อผลิตยางรุ่นนี้จึงทำให้การยึดเกาะถนนแห้งออกไปในทางที่สมรรถนะดีมากๆก็เป็นได้
ส่วนเรื่องการเพิ่มมุมโค้งที่ไหล่ยางนั้น บอกตามตรงครับว่าผมคิดเอาเองว่าถ้าเอาไปใส่กับแม็กหน้ากว้างกว่าหน้ายางอาจจะไม่สวยเท่าไหร่
แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าถูกนำไปใส่กับแม็กหน้ากว้างมากๆแบบดึงแก้มยางตึงๆก็อาจจะแม็ชและสวยก็ได้นะครับคงต้องรอดูกันต่อไป
ส่วนเมื่อได้ไปจับตัวอย่างยางตัวเป็นๆที่เอามาตั้งโชว์ในห้องบรรยายนั้น ผมว่าเป็นยางทีแก้มค่อนข้างแข็งทีเดียว
ซึ่งเป็นข้อดีส่วนนึงที่จะทำให้การทรงตัวของรถที่ใช้ยางรุ่นนี้นั้นทรงตัวได้ดีในโค้งหนักๆโดยไม่ง้อแม็กหน้ากว้าง
ทั้งนี้คงต้องรอทดสอบกันในวันรุ่งขึ้นที่สนามแก่งกระจานนั่นเอง
เอาล่ะหมดภาคทฤษฎีไปแล้วก่อนปิดการบรรยายทางคุณต้นได้บอกรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับการทดสอบยางในวันรุ่งขึ้นให้ทราบ
ซึ่งผมกับพี่เก่งเองก็มีความคิดไปในแนวทางเดียวกันว่า Michelin เค้ากล้าจริงๆ
รอดูรายละเอียดที่ผมจะเล่าให้ฟังในการทดสอบยางที่สนามแก่งกระจานดูแล้วกัน
เมื่อเราฟังบรรยายเสร็จ จึงโทรเรียกผู้ติดตามของเราทั้งสองคนมาหา เห็นว่าไปเดินเล่นชมฝรั่งริมน้ำ
พอดีวันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการแข่งเซิร์ฟบอร์ดที่ใช่ร่มหรืออะไรนี่แหละเรียกไม่เป็น ฝรั่งจึงมากันเยอะเลย
และริมหาดก็มี Party เล็กๆด้วยจึงเดินเล่นกันเพลินเลย
จบการบรรยายแล้วทาง Michelin เค้ามีอาหารเลี้ยงสำหรับผู้เข้าร่วมงานเพียงแต่ว่าเรามากันโดยมีผู้ติดตามมาด้วย
และได้ลองสอบถามแล้วเจ้าหน้าที่ของทาง Michelin ดูแล้วว่าคงไม่เหมาะถ้าจะให้ผู้ติดตามมารับประทานอาหารด้วย
เพราะปริมาณอาหารได้จัดเตรียมไว้ตามจำนวนผู้เข้าร่วมทดสอบยาง ก็ OK ครับเราทราบตรงนี้ดี จึงพากันออกไปกินข้าวกันข้างนอก
ซึ่งที่หัวหินเองนั้นผมค่อนข้างถนัดเพราะไปบ่อยมากๆ ไปจนรู้ว่าตรงไหนมีอะไร ตรงไหนอร่อย
ตัวพี่เก่งเองไม่เคยมาเที่ยวหัวหินเลยจึงให้ผมพาเที่ยว
เราไปนั่งกินอาหารกันที่หัวหินไนท์บาร์ซ่าร์ ซึ่งเป็นที่ๆผมไปเป็นประจำ เพราะนอกจากอาหารทะเลจะอร่อยราคาไม่แพงแล้ว
ยังมีเด็กๆตัวอ่อนๆ ให้ชมเยอะแยะมากมาย .....
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจึงกลับมาที่โรงแรมเพื่อเตรียมพักผ่อนครับ โดยที่ผมเองนั้นมีงานที่ต้องทำอีกมาก
กลับมาถึงโรงแรมเห็นการจัดเลี้ยงผู้มาร่วมงานนั้นเสร็จไปแล้ว ที่ล๊อบบี้โรงแรมมีดนตรีแจ๊สเล่นสดให้ฟังเพลินๆด้วย
เอามาลงซักหน่อย Terios ในสภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก อุส่าห์พาเรามาถึงหัวหินได้แถมวันรุ่งขึ้นต้องพาเราไปแก่งกระจานและกลับให้ถึงกรุงเทพ
ซึ่งสภาพตอนนั้นคือมีน้ำมันเครื่องอยู่ในหม้อน้ำแล้วครับ T-T เตรียมใจไว้แล้ว กลับถึงกรุงเทพได้คงโดนชุดใหญ่
ก่อนเราขึ้นไปบนห้องพัก ได้ไปเดินเล่นชมบรรยากาศของโรงแรมตอนกลางคืน และเดินชม Party ริมหาด
เมื่อเดินกลับมาถึงห้องพักครับ อันนี้วิวที่ระเบียงห้องพักตอนกลางคืน
โต๊ะเล็กๆในห้องพักครับ เราเอาโน๊ตบุ๊คมาตั้งเพื่อนั่งทำงานกัน ทั้งพี่เก่งก็มีงาน และผมเองก็มีงานด่วน
เป็นงานเพื่อนประเทศชาติซะด้วย ที่นั่นมี Wifi ให้ใช้ Internet ฟรีครับ ความเร็วสูงมากๆด้วย
คืนนั้นนั่งทำงานถึงตี 4 เลยทีเดียว และโชคดีที่งานเสร็จลุล่วงไปด้วยดี
Day 2 : อาทิตย์ 20 มีนาคม 2553
เนื่องจากผมนั่งทำงานถึงตี 4 จึงออกแนวง่วงๆหน่อยเพราะต้องตื่นแต่เช้าเนื่องจากกิจกรรมที่แก่งกระจานมีตั้งแต่เช้า
เราลงมา CheckOut แล้วออกไปหาข้าวกินกันแถวๆเขาตะเกียบ
(จริงๆแล้วทาง Michelin มีอาหารของโรงแรมเตรียมไว้ให้นะครับเค้าดูแลเราเต็มที่ แต่ด้วยเหตุผลเดิมครับ เรามีผู้ติดตามมาด้วย)
เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้วจึงเดินทางไปสนามแก่งกระจานโดยสภาพรถ ณ ตอนนั้นทำความเร็วไม่ได้มากนัก
เราไปถึงหลังจากคณะที่เดินทางไปกับ Michelin ไปถึงไม่นาน ซึ่งนั่งเตรียมฟังการบรรยายอยู่ในห้องบรรยายแล้ว
มาถึงก็เจอน้องๆพริ๊ตตี้ของ Michelin นั่งรอต้อนรับอยู่ด้านล่าง
เริ่มการบรรยายโดยการแนะนำเจ้าหน้าที่ควบคุมการทดสอบยางรถยนต์ หน้าตาคุ้นๆกันทั้งนั้น
บรรยากาศในการนั่งฟังบรรยาย
คุณต้นกำลังอธิบาย Station ต่างๆที่จะให้ผู้เข้าร่วมทดสอบยาง
อธิบายสัญลักษณ์ธงที่จะใช้ในสนามทดสอบเพื่อความปลอดภัย
บัตรสำหรับลงความเห็นในการทดสอบยาง RacingWeb อยู่ในกลุ่ม A สีเขียวครับ
เมื่อฟังการบรรยายเสร็จแต่ละกลุ่มก็เริ่มกระจายกันไปในสถานีที่กำหนดเพื่อเริ่มการทดสอบยางกัน
สำหรับ RacingWeb ได้ไปเริ่มการทดสอบแรกที่สถานีการทดสอบในพื้นเปียก
ฟังบรรยายวิธีการทดสอบก่อนที่จะลงทดสอบกันในสนาม
รายละเอียดของการทดสอบมี 2 จุดคือ การเข้าโค้งในพื้นถนนเปียกและการเบรคบนถนนเปียก
รถที่ใช้ในการทดสอบคือ Altis 2.0 ที่ปิดระบบช่วยการทรงตัวหมดทุกอย่างยกเว้น ABS
ในช่วงแรกจะให้ขับผ่านโค้งที่มีน้ำอยู่ที่พื้น ส่วนช่วงที่สองจะให้ทดสอบการเบรคบนถนนเปียก
โดยให้ขับรถ 2 คันเทียบระหว่างยางคู่แข่ง กับยาง Michelin Pilot Sport 3 ให้ขับคันละ 2 รอบ
โดยก่อนทำการทดสอบจะให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้นั่งรถที่ผู้ควบคุมการทดสอบขับให้ดูก่อนคนละ 1 รอบ
ขณะที่พี่เก่งขับทดสอบการเข้าโค้งนถนนเปียก
การทดสอบในโค้งเปียกคันแรกที่ผมได้ทดสอบคือยางคู่แข่ง ในการขับรอบแรกนั้นยังติดนิสัยการขับรถในสนามอยู่พอสมควร
ซึ่งการขับรถทดสอบ กับขับในสนามเพื่อการแข่งขันนั้นต่างกันพอสมควร
หมายความว่า ในโค้งที่เราต้องการทดสอบนั้น เราต้องงดพฤติกรรมการช่วยการทรงตัวของรถทั้งหมด
เหมือนกับที่เค้าปิดระบบการช่วยการทรงตัวของตัวรถนั่นแหละ เช่นเมื่ออยู่ในโค้งปกติเราจะยกคันเร่งเพื่อสร้างแรงกดให้กับล้อหน้าในการเข้าโค้ง
แต่ในการทดสอบเค้าให้เราเดินคันเร่งตลอดเวลาในโค้ง นั่นคือจงใจให้รถออกอาการให้เห็นนั่นเอง
ในรอบแรกแม้ผมจะขับรถที่เป็นยางคู่แข่ง แต่ในโค้งรถกลับไม่แสดงอาการอะไรเนื่องจากติดนิสัยการเข้าโค้งในลักษณะที่บอกมา
รอบที่สองจึงปรับการขับใหม่ โดยคงคันเร่งไว้และเข้าโค้งไป จนตัวรถเกิดอาการ under ให้เห็นอย่างชัดเจน
เมื่อสลับคันมาขับยาง Michelin Pilot Sport 3 รอบแรก under นิดๆครับแต่ไม่มากเท่ายางคู่แข่ง
สาเหตุเนื่องจากพยายามให้มัน under นั่นเอง คือกลางโค้งนี่ทั้งเดินคันเร่งเพิ่มและหักพวงมาลัยให้มากขึ้นเพื่อทดสอบ
ส่วนรอบสองลองเดินคันเร่งคงที่และหักพวงมาลัยให้คงที ซึ่งไม่เกิดอาการ under เลยแม้แต่น้อยทั้งๆที่ใช้ความเร็วเท่ากับที่ขับรถที่ใช้ยางคู่แข่ง
การทดสอบระยะเบรคบนถนนเปียก
ในส่วนของการเบรค เป็นการให้เร่งคันเร่งมาเต็มที่แล้วกดเบรค(กระทืบ)เต็มที่ที่จุดที่กำหนดแล้วจะมีเครื่อง V-Box วัดระยะทางเบรค
จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะรู้ได้ไงว่าเริ่มเบรคที่จุดเดียวกัน บางคนอาจจะกดก่อน กดหลัง ระยะมันก็วัดได้ไม่แฟร์อยู่แล้ว
คำตอบที่ได้คือ V-Box จะวัดระยะเบรคจากความเร็ว 80 - 10 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น
หมายความว่าจะเริ่มกดเบรคก่อนหรือหลัง มันก็ยังไม่เริ่มวัด จะมาวัดตอนที่ความเร็วอยู่ในช่วง 80 - 10 นั่นเอง
ก็พอให้หายสงสัยได้บ้างครับ แม้จะมีคำถามอยู่ในใจอีกหลายจุดเกี่ยวกับการทดสอบตรงนี้ที่จะมีตัวแปรที่ไม่คงที่อีกหลายจุด
แต่เมื่อคิดว่าอย่างน้อยยางทั้งสองยี่ห้อก็ได้ทดสอบในสภาวะเดียวกัน
ซึ่งผลทดสอบก็ออกมาค่อนข้างชัดเจนว่า Michelin Pilot Sport 3 นั้นใช้ระยะเบรคที่สั้นกว่ายางคู่แข่ง
โดยที่การทำงานของระบบ ABS ของรถนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์ทุกรอบการทดสอบ
ผลการทดสอบระยะเบรคพี่เก่งหมายเลข 4 ผมหมายเลข 5
(พี่เก่งเบรคยังไงให้ระยะเบรคของยางคู่แข่งเท่ากับของ Michelin Pilot Sport 3)
เสร็จจาก Station พื้นเปียกแล้วกลุ่ม A ต้องไปทำการขับรถทดสอบบนถนนจริงโดยรถทุกคันใช้ยาง Michelin Pilot Sport 3
โดยให้ขับออกไปวนถนนรอบๆเขื่อนแก่งกระจาน ระยะทางประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร
ก็น่าตื่นเต้นดีครับ รถที่ให้ทดลองขับมีทั้ง Z4 Mini อิม ซึ่งพี่เก่งเป็นคนจับฉลากได้ขับ Mini เปิดประทุน
ตอนจับฉลากว่าใครจะได้ขับคันไหนเค้าไม่ให้มองกล่องฉลากพี่เก่งเลยเลือกที่จะมอง .... แทน
Z4 ที่ทุกคนไม่อยากจับฉลากได้
Mini เปิดประทุน รถทดสอบสำหรับ RacingWeb
อิมตัวใหม่
ยังไม่ทันได้ออกไปไหนเลยก็เปิดประทุนเล่นกันแล้ว
การทดสอบครั้งนี้ให้ขับกันเป็นขบวนครับ มีรถนำและมีวิทยุบอกสภาพเส้นทางตลอดการเดินทาง
ตอนแรกก็คิดว่าแหมมีรถนำกำกับความเร็วในการเดินทางแบบนี้จะได้ลองอะไรกันนักหนา ก็กั๊กความเร็วให้ขับกันนิ่มๆหน่ะสิ
แต่คิดผิดครับ รถคันละหลายล้านที่ให้มาขับทดสอบยางกันนั้น รถนำพาให้ขับกันความเร็ว 100 up
บางช่วงต้องเร่งขับตามกันที่ความเร็ว 120 อาจจะเป็นเพราะทิ้งช่วงคันหน้าไปเยอะเลยต้องเร่งตาม
แต่เฉลี่ยแล้วเมื่อรถว่างก็จะนำกันที่ความเร็วประมาณ 100 ตลอด คงเพื่อให้ได้ทดสอบความเงียบและความเกาะของยางนั่นเอง
สำหรับความเงียบนั้นรู้สึกได้ครับ เงียบจริงๆ ส่วนเรื่องความเกาะใน Station นี้ก็ได้ลองกันพอสมควรทั้งในโค้งและสลาลมหลบหลุม
ก็ OK ครับคือว่าดีพอสมควร แม้จะคิดในแง่ที่ว่ารถแต่ละคันที่เอามาให้ทดสอบนั้นเป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีมากๆอยู่แล้วกันตาม
เมื่อมาถึงสันเขื่อนก็จอดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันก่อนสลับกันขับเพื่อขับกลับไปที่สนามแก่งกระจาน
ซึ่งเส้นทางที่ขับกลับนั้นรถค่อนข้างเยอะ ทำความเร็วไม่ได้เลย จึงไม่ค่อยได้ทดสอบอะไรมากนัก
นอกจากจะเปิดปิดประทุนเล่นจนเจ้าหน้าที่วิทยุมาบอกว่า รบกวนปิดครั้งนี้แล้วอย่าเปิดอีกเกรงว่าเปิดเล่นบ่อยๆจะพัง 555 เอ้าปิดก็ปิด
เมื่อกลับมาถึงสนามแก่งกระจาน ก็ถึงเวลากินข้าวกลางวันพอดี โดยทาง Michelin ได้ให้ทาง Intercontinental HUA HIN Resort
มาจัดการเรื่องอาหารให้กับผู้เข้าร่วมการทดสอบกันถึงสนามแก่งกระจาน ส่วนผมกับพี่เก่ง ก็เหมือนเดิมครับ พาผู้ติดตามออกไปกินกันข้างนอก
เมื่อกินข้าวกลับเข้ามาระหว่างรอเวลาก็ขึ้นไปดูว่าเค้ามีอะไรให้กินบ้าง จึงได้กินขนมเพิ่มเติมอีกนิดๆหน่อยๆ
ส่วนด้านล้างนั้นเค้ามีเกมให้นั่งเล่นฆ่าเวลา
หลังจากนั้นจึงพานั่งรถตู้ไปที่โค้งปลายสนามเพื่อทดสอบใน Station พื้นแห้ง
การทดสอบในสถานีนี้จะใช้รถ BMW 325 ปิดระบบช่วยการทรงตัวอีกเช่นเคย
พี่วัว และนักแข่งรถต่างประเทศ(ถ้าจำไม่ผิดจะขับอยู่ที่ประเทศจีนหรือไงนี่แหละ) เป็นผู้ควบคุมการขับทดสอบ
ก่อนเริ่มทดสอบก็จะให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบนั่งรถโดยให้ผู้ควบคุมการทดสอบขับให้นั่งดูก่อน
สถานีนี้เป็นการทดสอบที่ความเร็วค่อนข้างสูงและโค้งค่อนข้างหนัก ตำแหน่งเบรคที่กำหนดไว้ก่อนเข้าโค้งจึงค่อนข้างสำคัญ
ซึ่งสถานีนี้จะให้ขับคันละ 4 รอบเทียบระหว่างคันที่ใช้ยางคู่แข่งกับคันที่ใช้ยาง Michelin Pilot Sport 3
เมื่อถึงรอบที่ RacingWeb จะได้ทดสอบ พี่เก่งลงไปทดสอบก่อน ซึ่งก็ขับรีบเหลือเกิน จนไปวนไล่ทันอีกคันในสนามซะงั้น
และด้วยความเป็นนักแข่งของพี่เก่ง ก็จะเข้าโค้งแรงเป็นพิเศษ จนผู้ควบคุมที่นั่งไปด้วยตัดสินใจดึงเบรคมือเพื่อหยุดรถอยู่กลางโค้ง
เรื่องจากไม่มั่นใจว่าพี่เก่งจะเอารถอยู่ .... พี่เก่งบ่นอุบว่าถ้านั่งไปกับพี่วัว แกคงให้ขับตามใจชอบไปแล้วเนื่องจากรู้จักกันอยู่ว่าขับรถแข่งอยู่
เมื่อถึงคราวที่ผมต้องไปขับบ้าง ก็เหมือนเดิมครับ เลือกที่จะขับยางคู่แข่งก่อนเพื่อจับอาการ
รอบนี้ทิ้งอารมณ์ขับในสนามไปหมดแล้ว ตั้งโหมดตัวเองเป็นการขับทดสอบ ผลที่ออกมาจึงค่อนข้างชัดเจน
Station นี้จะมีจุดทดสอบที่ชัดเจนอยู่ 2 จุดคือ โค้งกว้างความเร็วสูง และโค้งกลับรถ
ตอนขับยางคู่แข่ง เจออาการ over ของรถในโค้งกว้างที่ความเร็วสูง และที่โค้งกลับรถเจอทั้งอาการ under และ over ตามกันไป
เมื่อมาขับรถที่ใช้ยาง Michelin Pilot Sport 3 อาการของรถคุมง่ายขึ้นมาก ในโค้งกว้างความเร็วสูงโค้งได้คมขึ้นจนเกือบจะลัดขอบทางเลยทีเดียว
ส่วนในโค้งกลับรถมีอาการ under นิดๆแต่ก็ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นมากๆ ในรอบหลังๆลองความเร็วที่สูงขึ้นก็พบอาการ over บ้างเล็กน้อย
ก็นั่นแหละครับ รถดีแค่ไหน ยางเกาะขนาดไหนยังไงมันก็มี Limit ของมัน เพียงแต่ยางที่ดีกว่าย่อมมี Limit ที่มากกว่านั่นเอง
แต่ที่น่าสังเกตุคือ นั่งขับโดยมีนักแข่งต่างประเทศเป็นคนควบคุมการทดสอบนั้นเค้าจะบอกให้เบรคตั้งแต่ก่อนที่จะถึงจุดที่ควรเบรค
คงกลัวเรื่องความปลอดภัยของการทดสอบ ซึ่งพี่เก่งเองก็บ่นเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าได้ขับกับพี่วัวคงสนุกกว่านี้
แต่ก็ไม่ว่ากันครับ ความปลอดภัยต้องมาก่อนอยู่แล้ว
ก่อนย้าย Station ก็ถ่ายรูปกับน้องเค้าซักหน่อย
เอ้าถ่ายกับพี่วัวเค้าด้วย น่าเสียดายจริงๆที่ไม่ได้ขับโดยที่พี่วัวเป็นคนควบคุม ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้
เรานั่งรถตู้กลับมาที่จุดพักครับ เพื่อรอเวลาเปลี่ยน Station มาถึงจุดพักก็......
Station ต่อไปเป็นการขับรถ GT5 ซึ่งเป็นรถแข่งของทาง Michelin มาให้ขับทดสอบกันโดยใส่ยาง Michelin Pilot Sport 3
เมื่อเจ้าหน้าที่เตรียมรถพร้อมแล้วจึงพานั่งรถตู้กลับไปในสนามเพื่อเริ่มทดสอบกัน
ก่อนทดสอบก็ฟังบรรยายการก่อนเพราะการทดสอบ GT5 นั้นไม่มีผู้ควบคุมนั่งไปด้วยแต่ก็จะมีรถนำให้เราขับตามในสนามเพื่อไม่ให้ใช้ความเร็วที่สูงเกินไป
ก่อนขับทดสอบใน Station นี้ต้องใส่ชุดแข่งกันไฟกันด้วย
และใน Station นี้เราก็ได้พบกับ ..... นางฟ้าาาาาาาา
รวมถึงการปรากฏตัวของ ซาตาน !!!!
และเนื่องจากการขับใน Station นี้ผมกับพี่เก่งขับอยู่ในรอบเดียวกันจึงทำให้ไม่มีเวลาถ่ายรูประหว่างขับทดสอบครับ
ผลการทดสอบ ถ้าเอาจริงๆล่ะก็ ตอบตามตรงครับ แทบไม่ได้สังเกตุอาการของยางเลยแม้แต่น้อย
เพราะรอบการทดสอบนั้นน้อยมากๆ แถมด้วยรถขับนำก็นำช้าพอสมควร ขนาดว่าแกล้งชลอทิ้งระยะให้มีระยะเหลือให้เราได้ทำความเร็ว
รถนำรู้ทันครับ ชลอรอเราซะงั้น 555 กว่าจะชินกับเกียร์และตัวรถ พอเริ่มมั่นใจที่จะทำความเร็วได้แล้วนั้นก็หมดรอบซะงั้น
แต่ก็ OK ครับเป็นอีก 1 ประสบการณ์ที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
พอเสร็จ Station GT5 ก็มาร่วมสนุกกับการทดลองเปลี่ยนล้อกับรถโมเดล F1 ของ Michelin
โดยให้แต่ละกลุ่มเปลี่ยนล้อและจับเวลากันว่าได้เวลาเท่าไหร่ และเนื่องจากผมกับพี่เก่งเกิดอาการคิดต่างขึ้นมา
จึงได้ลองวิธีการเปลี่ยนล้อในแบบอื่นเผื่อว่ามันจะเร็วกว่าคนอื่น ที่ไหนได้ ช้ากว่าคนอื่นเยอะเลย 555 ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราได้ลองวิธีที่ต่างออกไป
แล้วก็มาถึง Station ทดสอบสมรรถนะยางโดยให้นั่งไปในรถ อิม ที่ขับโดย พี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขวัฒนะ และพี่อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี
ซึ่งรถทั้งสองคันใส่ยาง Michelin Pilot Sport 3 เพื่อให้ได้สัมผัสการเกาะถนนของยางรุ่นนี้ว่าเอาอยู่ที่ความเร็วขนาดไหน
และเราเลือกที่จะนั่งรถพี่วัวครับ แถมกระซิบบอกพี่วัวว่า "ขอใส่เต็มนะครับพี่ เอา Limit ของยางไปเลย"
พี่วัวก็จัดให้ครับ เป็นรอบสุดท้ายของงานนี้พอดี น่าประทับใจมากๆจากทั้งการเกาะถนนอย่างไม่น่าเชื่อของทั้งรถอิมขับ 4 และยาง Michelin Pilot Sport 3
เมื่อเสร็จกิจกรรมทั้งหมดก็ให้ขึ้นไปนั่งฟังบรรยายสรุปอีกรอบบนห้องบรรยาย
และนำกราฟมาแสดงถึงระยะเบรคเฉลี่ยของวันนี้ที่ทุกคนได้ร่วมทดสอบระหว่างยางคู่แข่งกับยาง Michelin Pilot Spot 3
ซึ่งระยะเบรคเฉลี่ยยาง Michelin Pilot Sport 3 จะทำระยะได้สั้นกว่า 1.9 เมตรครับ
เมื่อฟังบรรยายสรุปเสร็จแล้วก็ลงมาถ่ายรูปร่วมกันก่อนเดินทางกลับ
แอบไปถ่ายแก้มยางของรถที่พี่วัวขับ รอบสุดท้ายใส่เต็มจริงจัง
เป็นอันจบกิจกรรมในครั้งนี้ครับ
สรุปบททดสอบ
Michelin Pilot Sport 3 เป็นยางแนวคิดใหม่ครับ จริงอยู่ว่าดอกยางไม่ได้ดูซิ่งหรือ Sport
ดูแล้วเหมือนดอกยางรถบ้านๆเดิมๆ แต่สมรรถนะของยางนั้นเกินหน้าตาของดอกยางไปเยอะเลย
ฉีกแนวทางดอกยางแบบ Sport ที่ดอกต้องใหญ่ๆ ร่องน้อยๆ เพื่อเพิ่มหน้าสัมผัสในการเกาะถนนแต่ก็แลกด้วยการรีดน้ำที่ด้อยลง และเสียงยางที่ดัง
ซึ่งใน Michelin Pilot Sport 3 เองนั้นมีร่องรีดน้ำที่เยอะจนเหมือนยางรถบ้านๆ แต่กลับมีคุณสมบัติในการเกาะถนนไม่เป็นรองยางที่มีดอกยางแนว Sport เลย
จึงได้ทั้งการเกาะถนนและการรีดน้ำที่ดีเยี่ยม และนุ่มเงียบ ยิ่งได้มาทดสอบในสนามด้วยแล้วยิ่งบอกได้ว่าแตกต่างจากยางคู่แข่งในระดับเดียวกันค่อนข้างชัดเจน
สำหรับยางคู่แข่งที่มาให้เราทดสอบนั้น ทาง RacingWeb ขอไม่เอ่ยถึงยี่ห้อและรุ่นนะครับ
แต่เท่าที่ได้ลองสังเกตดู ปีที่ผลิตยางที่นำมาให้ทดสอบนั้นปลายปี 09 เท่าๆกันครับ
ส่วนตัวแปรที่ไม่คงที่อื่นๆนั้นไม่สามารถบอกได้เพราะไม่มีข้อมูลครับ ดังนั้น RacingWeb เองจึงไม่ขอเปิดเผยยี่ห้อและรุ่นของยางคู่แข่งเพื่อความเป็นกลาง
แต่ถ้าจะมองในแง่ของสมรรถนะที่ได้ทดสอบโดยไม่ต้องเทียบกับยางคู่แข่ง ผมก็บอกได้เต็มปากครับว่า
Michelin Pilot Sport 3 เป็นยางที่ดีมากๆรุ่นนึง และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆในการออกแบบและผลิตยางเพื่อให้ผลดีสูงสุดต่อผู้ใช้งาน
และขอชมเชยความพร้อมในการจัดการทดสอบในครั้งนี้ เนื่องจากว่าหลายๆคลับที่ไปร่วมกิจกรรมมีทั้งคนที่เคยขับรถแข่ง หรือไม่เคยเลยก็มีปะปนกันไป
ดังนั้นถ้าการเตรียมพร้อมไม่ดีขนาดนี้คงได้มีเกิดอุบัติเหตุกันบ้าง แต่กิจกรรมที่ RacingWeb ไปร่วมในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
นั่นเป็นเพราะความพร้อมและการวางแผนการทดสอบมาเป็นอย่างดี ร่วมถึงผู้เข้าทดสอบก็ร่วมมือและปฏิบัติตามผู้ควบคุมเป็นอย่างดีนั่นเอง
ทาง RacingWeb ขอขอบคุณยาง Michelin ที่ได้ให้ความไว้วางใจในการร่วมทดสอบยาง Michelin Pilot Sport 3 ในครั้งนี้ครับ
และขออภัยที่เรามีผู้ติดตามไปด้วย เนื่องจากว่าต้องมีธุระที่ต้องไปทำร่วมกับผู้ติดตามที่เพชรบุรีจึงร่วมเดินทางไปด้วยกันทั้งหมดเลย
อาจจะทำให้ไม่สะดวก และทาง Michelin เองก็คงไม่ได้เตรียมสถานที่สำหรับให้ผู้ติดตามนั่งรอที่สนามจนอาจเกิดความเข้าใจผิดกันไปบ้าง
แต่ทางเราก็ได้เลือกทางที่ดีที่สุดและเกิดประโยชน์ที่สุดสำหรับการสื่อสมรรถนะของยาง Michelin Pilot Sport 3 ให้ได้ดีที่สุดแล้วด้วยเหตุผลที่กล่าวไปในตอนต้น
หวังว่า RacingWeb จะได้รับเชิญให้ไปร่วมกิจกรรมดีๆ และได้รับความรู้ใหม่ๆในโอกาสต่อไป ขอบคุณครับ
รูปและ Review RacingWeb ร่วมทดสอบยาง Michelin Pilot Sport 3 ที่สนามแก่งกระจาน
การสนทนาใน 'Review' เริ่มโดย Emporio, 2 เมษายน 2011
ความคิดเห็น
การสนทนาใน 'Review' เริ่มโดย Emporio, 2 เมษายน 2011