- Bermuda Triangle -

การสนทนาใน 'Lady Forum' เริ่มโดย ~nun_y, 17 พฤศจิกายน 2007

< Previous Thread | Next Thread >
  1. ~nun_y

    ~nun_y New Member Lady Member

    428
    5
    0
    สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ( Bermuda Triangle )

    ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีกันในปัจจุบัน เพราะมันเป็นบริเวณอาถรรพณ์อันเป็นที่ล่ำลือ กันว่าเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ เรือเดินทะเล เครื่องบิน รวมถึงชีวิตของผู้โดยสารต่างหายสาบสูญไป ณ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้
    ดินแดนอาถรรพณ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้ โดยแท้จริงแล้ว เป็นอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดปกคลุมพื้นที่ทะเลตั้งแต่ตอนเหนือของหมู่เกาะเบอร์มิวด้าไปทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา ตีวงออกไปจนถึงหมู่ เกาะบาฮามัส เลยไปอีกจนถึงอ่าวเม็กซิโก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 380,000 ตารางไมล์ทะเล ชื่อเสียงของมันได้ถูกขนานนามขึ้นมาในราว ปี ค.ศ. 1960 ด้วยเหตุที่ว่า ในบริเวณทะเลดังกล่าวมักเกิดแต่เรื่องร้ายๆขึ้นบ่อยๆ จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วถึงอันตรายของการหายสาบ สูญอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมา


    สิ่งที่ทำให้ย่านทะเลแห่งนี้กลายเป็นดินแดนมรณะ ซึ่งทำให้นักบินหรือนักเดินเรือต่างพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยอมผ่าน เข้าไปในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด เหตุการณ์ประหลาดๆ อย่างที่ไม่น่าเชื่อ มักจะเกิดขึ้นกับเรือหรือเครื่องบินที่ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้นนับตั้ง แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 - 1976 มีเรือและเครื่องบินหายสาบสูญไปในบริเวณนี้จำนวน 143 ราย สถิติการสูญหายมี มากที่สุดในปี ค.ศ. 1975 คือ 11 ราย น่าแปลกที่ว่าเรือหรือเครื่องบินที่สูญหายไปนี้ ไม่มีการส่งสัญญาณ SOS หรือส่งวิทยุขอความช่วย เหลือ และเรือและเครื่งบินเหล่านี้ต่างก็มีอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ช่วยในการนำทางที่ทันสมัย

    ข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการสูญหายในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ซึ่งได้จากบรรดาผู้บังเอิญรอดตายหรือจากบันทึกการติด ต่อครั้งสุดท้ายโดยการวิทยุติดต่อ สามารถนำมาประมวลเป็นคุณลักษณะที่น่าสนใจได้คือ

    1. รายงานที่พบเป็นประจำ เริ่มแรกผู้ประสบอุบัติเหตุจะรายงานว่า มีการขัดข้องเกิดขึ้นกับเครื่องมือนำร่อง เช่น เข็มทิศ, เครื่อง วัดความสูง, เครื่องวัดความเร็ว และเครื่องมือสื่อสาร โดยเครื่องมือเหล่านี้จะทำงานผิดปกติ เหมือนมีพลังอำนาจบางอย่างซึ่งมักจะเกี่ยว ข้องกับอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้าโดยเฉพาะเข็มทิศที่มักจะหมุนติ้วจนไม่สามารถจับทิศทางได้

    2. เกิดความสับสนขึ้นกับประสาทรับรู้ความรู้สึกทั้ง 5 ของผู้ที่หลุดเข้าไปในดินแดนอาถรรพณ์นี้ ทำให้ผู้นั้นรู้สึกงุนงง สับสนต่อ เหตุการณ์ และจะสูญเสียความรู้สึกในเรื่องของเวลาและการทรงตัว

    3. มีการรบกวนทางระบบไฟฟ้า และการติดต่อสื่อสารทางวิทยุจะถูกตัดขาด ข้อมูลนี้เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่มักจะพบเสมอจากราย งานครั้งสุดท้ายของผู้ที่หายสาบสูญ

    4. มีปรากฏการณ์หมอกสีขาว หรือแสงสีขาว ซึ่งทราบจากรายงานครั้งสุดท้ายก่อนการหายสาบสูญเช่นกัน


    ความแปลกประหลาดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามีผู้ที่พยายามจะค้นคว้าหาคำตอบกันมากมาย ซึ่งก็มีข้อสันนิษฐานแตกต่างกันไป ดังนี้

    1. การหายสาบสูญของเรือในบริเวณสามเหลี่มเบอร์มิวด้า อาจเกิดจากการที่เรือแล่นไปชนทุ่นระเบิด ซึ่งทุ่นระเบิดเหล่านี้หลง เหลือมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่แนวคิดนี้ดูจะเป็นไปได้น้อยมากเพราะมันไม่สามารถอธิบายเหตุการณืประหลาดอย่างอื่นๆ ได้ เช่น ในกรณีที่เรือเดินทะเลบางลำลอยเข้าหาฝั่ง โดยที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บนเรือนั้นเลยแม้แต่คนเดียว ข้าวของและของมีค่าอื่นๆยังอยู่ ครบบนเรือ คนบนเรือหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

    2. การหายสาบสูญของเรือ อาจเกิดจากพายุในทะเลที่ก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลันทันที นี่ก็เป็นข้อเสนออีกข้อหนึ่งที่มีทางเป็นไปได้ แต่ น้อยมาก เพราะโดยหลักการแล้ว ทะเลในย่านนี้ ถ้าจะมีพายุขนาดใหญ่ชนิดที่จะสามารถทำให้เรือเดินทะเลอับปางทันทีทันใดนั้น จะต้องเป็น พายุที่ใหญ่และรู้ล่วงหน้าก่อนเสมอ และเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ก็จะมีเครื่องมือตรวจพายุอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ต้องมีการส่งข่าว รายงานเข้าสู่ฝั่ง หรือวิทยุขอความช่วยเหลือมาบ้างถ้าเจอเข้ากับพายุใหญ่ขนาดที่จะจมเรือเดินสมุทรได้

    3. เป็นเรื่องราวของความเชื่อ อันเกิดมาจากเหตุบังเอิญ ซึ่งข้อสรุปนี้เป็นคำประกาศเป็นทางการของกองเรือยามฝั่งที่เจ็ด ของนาวี สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำงานรับผิดชอบอยู่ในเขตน่านน้ำบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ประกาศว่า "ความอาถรรพณ์นั้นไม่มีจริง เป็นเพียงเรื่องล่ำลือ เชื่อกันไปเอง การหายไปของเรือไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ไหนๆก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เป็นบริเวณที่มีการสัญจรทางเรือ และทางอากาศหนาแน่นมากกว่าบริเวณอื่นๆเท่านั้น เปอร์เซนต์อุบัติเหตุต่างๆจึงมี มากกว่าที่อื่นๆ และด้วยเหตุพ้องจองที่ว่า แถบเมอร์บิวด้า มีภาวะแวดล้อมที่ผิดแผกไปจากบริเวณเส้นทางอื่นเดินเรืออื่นๆเท่านั้น จึงทำให้ เกิดความผิดพลาดและเกิดอุบัติเหตุทางเรือได้ง่าย เป็นเหตุให้เรืออับปาง และเครื่องบินตกได้ง่ายกว่าที่อื่น..." ทฤษฎีนี้ฟังดูเข้าทีที่สุด เพราะมันประกอบด้วยข้อมูลสถิติและหลักสามัญสำนึกธรรมดา แต่มีปัญหาหนึ่งที่ทฤษฎีนี้พยายามปิดบังไม่กล่าวถึง นั้นคือเรื่องของการอับปางของเรือและเครื่องบินที่ไม่พบร่องรอยหรือซากอับปางให้เห็นบ้างเลย

    4. ทฤษฎีการบ่ายเบนของสภาพเวลาอวกาศ โดย ดร.แซนเดอร์สัน ไอแวน ( Dr. Sanderson Ivan ) เป็นผู้เสนอทฤษฎีนี้ มีใจความโดยสรุปว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาจเป็นบริเวณที่มี "สาเหตุไม่ปกติ"ทางธรรมชาติเกิดขึ้นเนื่องมาจากเป็นบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกและสนามไฟฟ้าของโลกมากที่สุดเมื่อมีกระแสน้ำอุ่นจากตอนเส้นศูนย์สูตรไหลขึ้นไปทางเหนือของมหาสมุทร แอตแลนติกปะทะกับกระแสน้ำเย็นที่ไหลลงสู่ทางใต้ของขั้วโลกเหนือการปะทะกันของกระแสน้ำทั้งสองชนิดนี้ทำให้เกิดการแบ่งตัวกันของ ระดับน้ำเป็นชั้นๆ ชั้นบนจากผิวน้ำลงไปสู่ความลึกประมาณ 500 - 1,000 ฟุต จะเป็นชั้นของกระแสน้ำอุ่นลึกลงไปจากนี้ก็จะเป็นชั้นของ กระแสน้ำเย็น ทั้งสองชั้นนี้มีทิศทางการไหลของน้ำสวนทางกัน ซึ่งอยู่ในระดับความลึก 500 - 1,000 ฟุต

    จะเกิดการอัดแน่นของกระแสน้ำ มีการขัดถูกัน และมีการถ่ายเทอุณหภูมิกันอย่างมากมาย เกิดการถ่ายเทขัดสีกันของประจุไฟฟ้าสถิตย์ขึ้นอย่างมากมาย เป็นจำนวนมหาศาล หลายพันล้านโวลท์เกิดการเหนี่ยวนำของสนามไฟฟ้าเป็นผลกระทบตามมาประกอบกับการผันแปรของสนามแม่เหล็กโลกซึ่งมีเกิดขึ้นบ่อย ครั้งในบริเวณนี้การผันแปรของสนามแม่เหล็กโลกและสนามไฟฟ้าอาจมีการแปรผันสัมพันธ์กันนำไปสู่ภาวะการพิเศษที่เกิดขึ้นชั่วคราวกระ ทบกระเทือนกับสนามแรงโน้มถ่วงของโลกในบริเวณนั้น และนี่คือผลที่ทำให้เกิดการบ่ายเบนของสภาพเวลา-อวกาศ เมื่อสาเหตุไม่ปกตินี้เกิด ขึ้นก็จะทำให้เรือหรือเครื่องบินที่บังเอิญอยู่ตรงบริเวณนั้น

    ในขณะนั้น แล่นหรือบินออกจากจุดแห่งความแตกต่างของห้วงกาลเวลา หรืออีก นัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าบริเวณนั้น มีการเปลี่ยนแปลงของมิติที่ 4 เกิดขึ้น เรือหรือเครื่องบินอาจหลุดหรือผ่านเข้าสู่อีกมิติหนึ่งหรืออีกกาลเวลา หนึ่งก็ได้จุดแปรผันของกาลเวลานี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของมิติขึ้นและอาจทำให้เรือเดินทะเลขนาดใหญ่หรือเครื่องบินทั้งฝูงหลุด เข้าไปสู่อีกห้วงหนึ่งของกาลเวลาที่ไม่ใช่ปัจจุบันแล้วติดอยู่ในนั้น ไม่สามารถกลับออกมาสู่มิติเดิมได้ ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีที่มีตัวเลขยืนยันคำ นวณกันแต่บนกระดาษแต่ในความเป็นจริงก็ยังไม่มีใครกล้าทดลอง

    5. บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาจเป็นที่ตั้งของฐานทัพลับใต้มหาสมุทรของชนชาติลึกลับหรือมนุษย์ต่างดาวซึ่งการหายไปของเรือ และเครื่องบินอาจเกิดจากการจงใจขโมยเรือหรือเครื่องบินรวมทั้งลักพาคนไปศึกษาแนวความคิดนี้ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันเพราะแถบ หมู่เกาะเมอร์บิวด้านี้มีรายงานการปรากฏตัวของ UFO บ่อยครั้ง แต่ทฤษฎีนี้ยังไม่มีหลักฐานอย่างอื่นที่พอจะนำมาอ้างหรือสนับสนุนได้ว่า UFO มีอะไรเกี่ยวข้องกับการสูญหายไปของเรือและเครื่องบิน

    อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่คาดว่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นบริเวณที่มีสภาวะผิดปกติทางสภาพเวลา - อวกาศ และ UFO ที่มาปรากฏตัวในบริเวณนี้มากนั้นอาจเนื่องมาจากว่า UFO ใช้บริเวณนี้เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกระหว่างมิติภพหรือจะพูด ง่ายๆคือ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาจเป็นบริเวณที่มีการเปิดปิดของประตูแห่งกาลเวลา หรือประตูแห่งมิติ โดยธรรมชาติก็ได้
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้