กระทู้ ................งาน DIY ใครอยากทำใครอยากได้อะไรเชิญคับ

คาปาซิเตอร์ตัวละประมาณ3-4บาทถ้าซื้อเยอะถ้าซือน้อยก็ไม่เกิน10บาท ผมฝากพี่ท่ทำงานไปซื้อมาขนาด 100ไมโคร-100โวลต์ แล้วก็ขนาดอื่นๆอิก2ตัวรวมซื้อมา3ตัวทั้งหมดราคา3ตัวรวมกันราคา9บาทคับหาซื้อได้ที่บ้านหม้อหรือไม่ก็ร้านซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไหนก็ได้คับเอา c ที่เราถอดมาดูขนาดมันจะเขียนอยู่ข้างตัวคาปาครับ ว่าขนาดอะไร แล้วก็ไปบอกร้านเขาคับหรือถ้าไม่รู้จริงๆก็เอานาฬิกาไปไห้ร้านทำเลยครับบอกเค้าเปลี่ยน C ไห้หน่อยแค่นั้น

 

เดี๋ยวผมเอารูปมาลงให้ครับ คาปาซื้อร้านอะไหล่อิล็กทอนิกส์ทั่ไปตัวประมาณ3-4บาทครับ

เอามาให้ผมทำให้ก็ได้ครับบอย

 

มีใครรับซ่อมไหมครับ

 

ขอบคุณนะครับได้ผลจริงๆ...จากที่ติดๆดับๆ ย้ำตะกั่วไปรอบหนึ่งแล้วใช้ได้สักพักก็ดับไปเลย...ตอนนี้เปลี่ยน c ดีเลยครับ

 

งานคุณฟลุ๊คไฟมืด นี่หล่อมากๆ ชอบจริงๆ
ส่วนนาฬิกาของผมมันดับยาวไม่มีติด ดีนะที่เขามาอ่าน D.I.Y. (Do It Yourself) จะลองทำดูครับ

 

ต่อมาขอเสนองาน D.I.Y. ของผม.....
ท่านใดรถถูกน้ำท่วมให้รีบเปิดพรมแบบนี้นะครับ ถอดพรมออกมาตากแดดครับ ตื่นแต่เช้า 7 โมง.... วันที่ 4 มกราคม 2554 ถอดพรมตากแดดแรงๆ 3 วัน
เจ้าของเก่าเจอน้ำท่วมทิ้งไว้ สองเดือน แล้วมันก็มาอยุ่ในความครอบครองของผม ก็ต้องจัดการเก็บงานกันหน่อย ได้รถมาแล้ววันที่สองก็เริ่มเลย





ที่เห็นขาวๆ คือ ไข่มดดำนะครับ เจ้าของเก่าเขาไม่รักษารถครับ ผ่านไป 20 กว่าปี มีไรบ้างเนีย ใต้พรม ชื้นแฉะกันสุดๆ ละครับ
กดพรมมานี่ น้ำเจิงนอง ขอบอก.....


ไข่มดดำอีกแล้วครับ งานนี้รังมด เพียบ......

พบซากกิ้งกือด้วย....

เริ่มโล่งละครับ กอดออกให้หมด เราต้องเปิดพรมซะหน่อย



เริ่มถลกพรมกันครับ พรมน่ะไม่เท่าไร แต่วัสดุซับเสียง อมน้ำไว้เต็มครับ ตากแดดอย่างเดียว งานนี้.......


Door Lock Control จมน้ำ เกลือขึ้นแล้ว...... ซวย.....


Relay ยังปีอกแป๊กๆๆๆ อยุ่นะครับ

ไหนดูซิ.....

อ้าว...... ขาขาด..... เดี๋ยวต้องไปซื้อมาบีดกรีใหม่ คาดว่าน่าจะใช้ได้

น้ำท่วมถึงขนาดไหน??? ดูนี่!!!!



ที่เห็นในรูปอาจจะดูแห้งๆ แต่ที่จริงมันอมน้ำไว้เพียบเลยครับ สังเกตที่พื้นจะดูแฉะๆ
เริ่มโกร๋นแล้วครับ ^^

ใต้คอนโซลไม่ต้องถอดครับ เดี๋ยวจะแดดส่องเข้าไปเอง..... ถอดมาก ช้ำมาก ขี้เกียจประกอบด้วยครับ

โกร๋นของจริง!!! ชาวบ้านก็มาดู นึกในใจ ไอบ้านนี้มันทำอะไรของมัน......



รูพวกนี้นะครับ ที่เห็นโบ๋ๆ อยุ่ ลูกยางมันติดไปกับพรมครับ เวลาประกอบต้องใส่ไว้ที่เดิมนะครับ แล้วซีลซิลิโคนให้หนาๆ เยอะๆ ครับ
ไม่ต้องเสียดาย.... เพราะว่าซีลบางๆ แล้วมันก็จะร่อนออกมาครับ เอาไม่อยุ่ ต้องซีลหนานะครับ
เวลาที่ขับลุยน้ำแล้วมันจะได้ไม่ซึมขึ้นมาตามรูพวกนี้...... เรื่องสำคัญนะครับ (ไม่ได้ถ่ายรูปตอนซีลไว้ เพราะลืมนะครับ..... มือเลอะด้วย)

ถอดออกมาไว้ข้างนอก....

ตากแดดตรับ......

บ่ายสองโมงแล้ว..... แดดแรงดีมากๆ เหมาะกับการตากพรมของเรา กลับด้านๆๆ

ผ่านไปสามวัน แห้งสนิท แห้งมากๆๆ พรมใต้คอนโซลหน้าที่ผมไม่ได้ถอดก็แห้ง เปิดประตูตากแดด
หันท้ายรถไปทางทิศใต้ (พระอาทิตย์อะเอียงมาทางทิศใต้ โดยเฉพาะหน้าหนาว เพราะโลกหันขั้วใต้เข้าหาพระอาทิตย์ ช่วงมกราคมนี่แหละ ยิ่งเอียงมากแจ่ม.... ส่องเต็มๆ)
ให้แดดส่องเข้าใต้คอนโซลทุกวัน

แห้งแล้วก็วางครับ วางลงไปที่เดิมของมัน



ปูพรมครับ... สวยกิ๊ก ดูดฝุ่นแล้ว.... สะอาดมากๆ สามารถนอนเล่นได้เลย...... ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้งเชิง

ติดตั้ง PVC ปูพื้น คอนโซลกลาง และเบาะซ้าย

อีกวัน แดดร้อน.... ย้ายที่ เอ๊า กระจกติดยางอีก.... กอดแผงข้างอีก


เสร็จซะที รอเก็บงานอย่างอื่นต่อ แอร์ก็ไม่เย็น...... น้ำมันเครื่องก็ดำปี๋อย่างกะเครื่อง DIESEL ล่อไปกี่โลแล้วก็ไม่รุ เคยเปลี่ยนมั่งป่าวก็ไม่รุ
น้ำมันเกียร์อีก... น้ำมันเบรคอีก... ผ้าเบรคอีก.... ยางแทนเครื่องก็ทรุด ลูกปืนเพลาขับก็ดัง!! บังโคลนก็ขาด บังโคลนหายก็มี
รอยเฉี่ยว รอยชน เพียบ!!! บรรลัยยนต์จริงๆ Logo ก็ติดผิดที่ Film ก็หมดสภาพ โอ๊ะ!!....มีไรดีมั่งเนี่ย!!! 555 เก็บงานต่อ จะเอาให้เจ้าของเก่าจำรถตัวเองไม่ได้เล้ยยย..........

 

สู้ๆ คับ เดี๋ยวก็แหล่ม

 

สู้ๆครับแต่ยังดีน่ะครับภายในไม่ผุทำไมถอดมาแล้วไม่เอาโซเน็คฉีดละครับกันเกิดสนิมอย่างน้อยก็ช่วยได้กันมันผุรถชายก็เหมือนกันครับได้มาไม่ถึงเดือนเกียร์พังพี่น้องเลยเอาเสื้อเกียร์ที่มีอยู่ไปโอเวอร์ฮอลแล้วยกใส่รถผมงานนี้ต้องขอบคุณน้าน้องอย่างมากเลยครับแล้วก็ทีมลุงช่างที่บูรณะไห้ในราคาไม่แพงถ้าไปที่อื่นถามราคาโอเวอร์ฮอลบีอเกือบ2หมื่อนวางเครื่องได้เลยพอเจอน้าน้องเห้อความเครียดก็หายไปแล้วยังหาของอื่นๆที่ชำรุดหายากเพิ่มไห้อีกเนี่ยแหละเงินไม่พอออกไห้อีกขอบคุณน้าน้องมากๆครับเนี่ยแหละน้ำใจชาวaccord 88-89 สู้ๆน่ะครับอย่าเพิ่งขายน้า555+อิอิ..ชิมิชิมิ

 

เอ่อ.... นั่นสิ ทำไมตอนนี้ผมลืมคิดไปได้ น่าจะพ่นไว้สักหน่อย เหอๆๆๆ / ผมไม่ขายหรอกครับ ใช้ยาว..... จะเก็บงานสักพัก เอาไว้แข่งหล่อๆ กับ คุณ CSpeed และ คุณ ฟลุ๊กไฟมืด..... แล้วยิ่มมี Club ที่อบอุ่นแบบนี้ ค่อยน่าอยู่หน่อย.......

 

สู้ๆคับ

 

อ่ะ คุณVertex รถผมก้ไม่หล่อไรหรอก
อ่อ ผมชื่อบอยคับ

 

คนขับหล่อกว่าหรือบอย

 

ถูกต้องนะคับ ซุป 555+

 

ใช่เหรอ บอย

 

ได้ขับจริงๆ จังๆ ซะที ตอนนี้เก็บงานในระดับที่พร้อมใช้งานได้หมดแล้ว เหลือแต่ Film อย่างเดียว / ตัดระบบ Heater ออกไปแล้ว ตอนนี้แอร์หนาวมากกกๆๆๆ....
ไม่รู้มันจะเย็นนนนนนนนไปถึงไหนกัน.....

และผมไม่เคยนึกเลยว่าเครื่องยนต์ Caburator เก่าๆ อย่าง A20 ฝาสูบ Cross Flow โบราณ 12 Valve มันจะวิ่งดีขนาดนี้.....:sad:
รถไรก็ไม่รุ ผ่านมาแล้ว 23 ปี ราคาไม่ถึงแสน....... เรื่องของตีนต้นไม่ต้องพูดถึง ไม่เอาอ่าวเลยย......:cry:
แต่ตีนปลายนี่สิ!!! แมร่งเอ้ยยย.......... รถรุ่นใหม่ๆ อย่าหวัง!! ว่าจะแซงได้ง่ายๆ ถึงแซงได้ก็จะไล่บี้ให้ขี้แตกเล้ยยย.........

หน้าตาของเครื่องยนต์ก็ไม่ได้บ่งบอกว่ามันจะมีเรี่ยวแรงอะไรเล้ย...... แต่ปากฏว่าวิ่งดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เยอะมากกกก....... จนผมถึงกับเหวอ!!!........
ประทับใจมากๆ จริงๆ ถ้ารู้ว่มันดีอย่างนี้ น่าจะเอามาตั้งนานแล้ว......

 

น่าภูมิใจด้วยครับ

 

เข้ามาอ่าน เจ๋งจริงๆ ชอบๆ คนรัก 88 จริง จริ้งงง

 

ซื้อกลับมาแต่งเล่นสักคันดิ พี่อุ้ย

 

ผม First บรรลัยยนต์ นำเสนอ งานถอดกันชน.....
เห็นบางกระทู้ถามถึงถอดกันชน ถอดยังไงวันนี้ ผมจะถอดให้ดูก็แล้วกัน....

เครื่องมือ
1 ไขควงแฉก
2 ด้ามขัน เบอร์ 12 หรือใช้ ก๊อกแก๊ก จะสะดวกกว่ามาก.....

เริ่มจากต้องถอดไฟเลี้ยว/หรี่ ออกซะก่อนนะครับ


ถอด Bolt เบอร์ 12 (ภาษาไทย น๊อต เบอร์ 12) โดยจะมีอยู่ข้างละสองตัว ในรูปถอดออกไปแล้วตัวนึง


ดึงกันชนออกมาตรงๆ โดยที่ตัวรถมันจะเป็นตัวหิ้วกันชนลักษณะแบบนี้ เป็นตัวที่สำหรับใส่เข้าราง Slide ในกันชน


โดยราง Slide ที่กันชนจะเป็นแบบนี้


ที่ผมถอดออกมาเพราะว่า ผมต้องการตรวจสอบการทำงานของแตรว่ามันลาโลกไปแล้วหรือยัง เนื่องจากรถมันแช่น้ำมา แตรก็จมอยู่ในน้ำด้วย กดทีเงียบกริ๊บ....


แล้วพอกันชนหลุดออกมา ผมก็เหวอ...... ชิ้นส่วนอะไกไม่รู้หลุดร่วงลงมาบนพื้นดังแป๊ก!!! ตัวไรแว้............
หน้าตาเป็น Mortor แต่ว่า Mortor ไรเนี่ยสิ งง..... มึน.... ทางน้ำเข้าน้ำออกก็ไม่มี ตรวจดูแล้ว Mortor ฉีดน้ำก็ไม่ใช่ แอ๊ะ?? ยังไง??


จนเข้าบ้าน ไปกินข้าวเสร็จออกมา เหลือบไปเห็นรูโบ๋ๆ ตรงกันชน ก็พอจะนึกออกแล้วว่ามันตัวอะไร แหม๋..... นึกตั้งนาน......
ไอรูโบ๋ๆ มันคือรูของเสากะระยะ มันเป็น Option เสริมตอนจองรถ มันจะมีเสากะระยะให้เลือกใช้ เวลากดปุ่มมันเลื่อนตัวขึ้นมาให้เห็นพร้อมกับมีไฟด้วย....
(ตัวไฟเพชรก็มี มีทั้งกันชนหน้า ทั้งกันหลัง) แต่มันไม่อยู่แล้ว เหลือไว้แต่ Mortor ก็งงอยุ่ตั้งนาน.....


แตรเจ้าปัญหาออกมานอนแอ้งแม๊งแล้วตัวนึง
1 ทดสอบโดยการต่อสายไฟเข้าแตรโดยตรงจาก Battery ผลก็คือ....เงียบกริ๊บ
2 นำ Test Lamp มาต่อกับขั้วแตร แล้วลองกดแตรดู..... เอ๊า.... ไฟมา....
สรุป แตรพัง..... แอบดีใจ.... เพราะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ต้องไล่สายไฟให้วุ่นวายเพราะไฟมันมา และจะได้ของใหม่ ไหนๆ ถอดแล้ว


เดินไปซื้อหน้าบ้าน.... ยัด Hella ใส่เข้าไป (ของเก่าเป็น DENSO) ของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า มอเตอร์ไซด์ผมก็ใช้คู่นี้ กดที....ลั่นทุ่ง......


ไหนๆ ก็ถอดแล้ว.... เก็บงานอีกสักหน่อย..... รถผมกันชนมันทรุดเข้าไปข้างในจากการที่เจ้าของเก่า ชนสะบั้นหั่นแหลกกก.... ชนแล้วชนอีกกก....... ต้องเอาแหวนมารองใต้กันชน 4 ตัว


ใส่กันชนแล้ว ไม่พออีก ก็รองเพิ่มอีก เป็น 6 ตัว (เกินกว่านี้ Bolt จะไม่มีพื้นที่หน้าตัดมากพอที่จะรับแรงกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกันชน)


เอ๊า ใครจะถอดกันชน อยากทำอะไร หรือมีปัญหาแบบเดียวกับผม สามารถนำไปเป็นแนวทางได้นะครับ
ไมมีใครรักรถเท่าเจ้าของรถ รถเรา เราทำเองดีกว่า
อะไรที่มันง่ายๆ ก็ทำเถอะครับ บริหารพลังสมอง บริหารนิ้ว ไปในตัว อย่าปล่อยให้มันเสื่อมสภาพ.....
ที่สำคัญใครมือบางๆ แบบผม อย่าลืมสวมถุงมือนะคร้าบ.... กันพลาด... เดี๋ยวจะเป็นแผล....

 

ชอบๆๆๆเป็นความรู้ครับ นี่เองที่เขาว่าดังทุกอย่างยกเว้นแตร........ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 

Do It Yourself นี่เงียบจัง ไม่ค่อยจะเอามาโชว์กันเท่าไรเลยนะ รอสักพัก เดี๋ยวผมเอามลงต่อ....
นาฬิกาใครไม่ติด หรือติดๆ ดับๆ รอก่อน เดี๋ยวผมจะชี้จุดแก้ไขให้....

 

จัดมาเลยครับ มีประโยชน์แก่สมาชิกและไม่ใช่สมาชิก อีกหลาย ๆ คน

 

มีปัญหาปรึกษาช่างอย่างเดียวเลย
เอามาลงเยอะๆ เผื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งช่าง

 

ซิน เจีย หยู อี่ ซิน เหนียน ฝา ฉาย (แบบจีนกลางเพราะกว่าเยอะ) ตรุษจีนนี้....ได้อั่งเปากันกี่บาทครับ???
หรือว่าเลยวัยกันแล้วเอ่ย....??? กลายเป็นต้องจ่ายอั่งเปาแทน 555555


ต่อจากคราวที่แล้วถอดกันชนหน้า.... ในเมื่อมีถอดกันชนหน้า ก็ต้องมีถอดกันชนหลังสิครับ จะได้ครบสูตร.....
บอกก่อนเลยนะครับ ถ้าสนิมจับ ถอดยากกว่ากันชนหน้า อย่างแน่นอน.....


เครื่องมือ
1 ไขควงแฉกตัวใหญ่
2 ประแจเบอร์ 14
3 พละกำลัง หากมันแน่นมากแนะนำว่าต้องหาคนมาช่วงดึง เพราะถ้ามันติดสนิมล่ะก็......งานนี้ต้องโชว์พาว.......โชว์พลัง......ดึงมันออกมา......

อันดับแรกก็ต้องถอด Screw บริเวณบังโคลนกลังก่อนเลยครับ


แล้วก็ให้นอนลงบนพื้น เพื่อไปขัน Bolt ใต้กันชน บริเวณหูลากรถ ทั้งสองข้าง มันจะแน่นหน่อยนะครับ ฝืดสุดๆ เพราะสนิมจับที่เกลียว Bolt
มันจะถอดยากกว่ากันชนหน้า ผมขันนี่....น๊อตดังเอี๊ยดๆๆๆ ตลอดทางจนเกือบสุดเกลียวเลยแหละครับ!!
ที่ลูกศรชี้นั่นคือคานของกันชน ที่จะต้องเสียบเข้าไปในคานของ Chassis


ออกมานอนแอ้งแม้งแล้ว.... หลังจากที่เย่อกันอยู่พักนึง สังเกตสภาพคิ้วเลส.... เละสุดๆ ใครยิงซิลิโคนไว้แว้............. เหนี่อยเราอีก......


สาหตุที่ผมต้องถอดก็เหตุผลเดียวกับกันชนหน้า เพราะกันชนผมมันซ้นเข้าไปข้างใน จากการที่เจ้าของเก่า ชนสะบั้นหันแหลก ชนแล้วชนอีก
ชนบรรลัยยนต์กันไป ไม่เคยรู้สึกเสียดายรถ.....


นี่ไงว่าทำไมมันถึงซ้น คานกันชนมันคงอแบบนี้ แข็งมากๆ ด้วย.... เฮ้อ..... ไม่มีเครื่องมือมากพอ.... จบข่าว.....


จะเอายังไงกับมันดีเนี่ย..... ถอดคานออกก็ไม่ได้ หัว Screw เละหมดแล้ว..... ถ้าถอด.... งานยาวแน่ๆ ปากกาจับงานก็ไม่มี ไม่งั้นถอดออกมาจะได้เอาค้อนซัดให้ตรง

อู้.... กันชนซ่อมมา.... โดนยิง Revet เพียบ....


ทำอะไรกับกันชนไม่ได้ ก็เลยต้องมาทำกับจุดยึดมันแทน... ถอดออกมาซะเลย....


ถอดออกมาแล้ว มันก็จะเหลือแต่ตอของมันแบบนี้....


มีดินเข้าไปอุดอยู่ข้างใน ต้องแซะออกมานะครับ......


นี่ก็ต้องเซะออกเหมือนกันครับ.... แซะออกแล้วกันชนของเราจะสามารถ Slide ปรับได้นิดหน่อยครับ


คิ้วเลสก็ต้องขัดกันหน่อย.... เก็บงานๆๆๆ ต่างจากรูปตอนถอดออกมาอย่างสิ้นเชิง.... เงากิ๊ก ขัดจนผ้าขาดเป็นรูๆ เลย......



บรรยากาศในวันที่ถอดกันชน...... รถจอดเต็มซอย....


นี่ไงครับภาพก่อนถอด กันขนมันซ้นแบบนี้ครับ ไม่เข้ารูป.... สังเกตขอบคิ้วเลสกับตำหนิที่ตัวถัง


เมื่อเราทำการปรับกันชนแล้ว ก็ดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะรูยึดหูลากรถมันให้ Slide ได้นิดเดียว พอถูๆ ไถๆ ไป เริ่มดูไม่น่าเกลียด

เอ๊า... ใครที่เคยถามว่ามันถอดยังไง วันนี้ Show ให้ดูแล้วนะครับ อย่าไปกลัว ง่ายมากๆๆ

 

เหลืออีกงานหนึ่ง..... ที่เกริ่นค้างไว้ครับ นาฬิกา.... ใครดับยาวๆ เลยแบบผม หรือ ติดๆ ดับๆ มาๆ
ง่ายที่สุดเท่าที่เคย Post เลยแหละ

เครื่อมือ
1 ไขควงแฉก (สลับด้ามยิ่งดี เพราะงานนี้ต้องเอาด้านแบนงัดมันออกมาจากคอนโซล)
2 Multimeter
3 ตะกั่วบัดกรี
4 หัวแร้ง
คราวนี้ทำตัวเป็นช่างอิเล็กทรอนิกส์บ้าง...... เราช่างยนต์ทำเป็นทุกอย่าง.... 55555

จากคราวก่อนที่คุณ ซุบ ตอบเพื่อนๆ ว่า Cap พัง เปลี่ยน Cap ก็หาย.... งั้นผมจะ Check Cap ก่อนก็แล้วกัน

ก่อนอื่น ผมไม่สามารถวัดค่าความต้านทานของ Capacitor ได้อย่างถูกต้อง มันขึ้นค้าง....เลยอ่ะ
โดยปกติแล้ว วิธีการ Check Capacitor ให้ปรับ Multimeter ไปที่วัดค่าความต้านทาน ถ้า Cap เราใช้ได้
เข็ม Multimeter มันจะตีสุดแล้วจะค่อยๆ Drop ลง (ค่าความต้านทานจะน้อย แล้วจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ) นี่คือ Cap ที่ไม่เสีย
ถ้าจะวัดใหม่อีกรอบก็ต้องซ็อตขา Cap ให้มันคายประจุก่อนนะครับ มันถึงจะวัดได้แบบเดิม

ส่วน Cap เสีย
1 Multimeter ไม่ขึ้น = ขาด
2 Multimeter ขึ้นสุดตลอดไม่ Drop ลงมา = ลัดวงจรใน Cap

ผมวัดค้าง.... แบบมีความต้านทาน เอ๊ะยังไง ก็เลยจี้ Cap ออกมาวัดข้างนอกซะเลย ปรากฎว่าปกติดี เฮ้อๆๆๆ ยังไงเนี่ย..... เลยบัดกรีใส่เข้าไปใหม่

จากนั้นผมก็ทำการป้อนไฟ 12V. เข้าไป ที่ขั้ว B+ และ Acc ของวงจร (ขั้ว Lamp ไม่ต้องต่อ เพราะมันเป็นสัญญาณให้วงจร Drop ความสว่างเวลากลางคืน)
ลองไล่สายไฟดูที่ขั้วนะครับ ไม่ยาก ลืมถ่ายรูป ดันทำเสร็จแล้วพึ่งนึกได้ ดูเองง่ายกว่าอธิบาย เพราะเพื่อนๆ สมาชิกอาจเข้าใจสลับข้างกันได้)

ส่วนขั้วลบ ก็คือขัวล่างที่มีอยู่อันเดียวของ Socket

พอป้อนเข้าไป ผมก็จับๆ ขยับๆ เอ๊ะ!!! มันติดขึ้นมา ติดๆ ดับๆ เพราะนิ้วไปโดน Resistor ในรูปนี่แหละครับ รู้จุดแล้วทีนี้ บัดกรีย้ำซะเลย หลวมดีนัก!!!


ผมนึกว่าจะใช้ไม่ได้แล้วซะอีก ปัญหาเล็กน้อยมาก.... ไม่เสียเงินสักบาท...... โชคดีจริงๆ

เอ๊า..... ใครยังไม่ได้ถอดออกมาดู ลองดูนะครับ อาจไม่ต้องเสียเงินแบบผมเลย แค่ย้ำขั้วก็ใช้ได้เหมือนเดิมแล้วครับ ลองป้อนไฟดูก่อน ขยับๆ ไปเรื่อยเปื่อย 5555+

 

เยี่ยมจังรู้งี้เรียนช่างยนต์แต่แรกก็ดีแต่กันชนหน้าผมไม่ได้ถอดแบบพี่เฟริชช้อยอ่ะเพราะรถผมมันเคยชนหนักมาเค้าก็เลยเอาเหล็กรูมาแปลงไปหมดเลยเคย....ถอกยุครั้งนึงถอดไม่ออกงงขอบคุณมากครับ

 

Logo เขาติดมามั่วซั่ว (สำนวนจีนกลางเรียกว่า "ล่วน ชี ปา เจา" = แต้จิ๋ว ก็คือ "ซี้ซั้ว" นั่นแหละ)
เพื่อกลิ่นไอเดิมๆ ของมัน เราก็ต้องย้ายให้มันถูกต้องซะหน่อย....
เอ๊ะ แล้วี่ถูกต้องมันอยู่ตรงไหนล่ะ? รถมันก็หลายปีแล้ว จะมีสักกี่คันที่ยังไม่เคยทำสี????
แล้วจะเอาอะไรมาอ้างอิงตำแหน่งเดิมล่ะ???

วันนี้ผมมีตำแหน่ง Logo เดิมๆ ที่ถูกต้อง และมีการเว้นระยะช่องไฟเหมือนเดิมเป๊ะๆ มาฝาก...................

ก่อนอื่นก็ต้องแกะ Logo ออกให้หมดก่อนครับ มันก็จะเขลอะๆ แบบนี้


ออกมาเป็นที่เรียบร้อย....


จากนั้นก็ขัดสีครับ โอ้....โล้นขนาด.... แต่กว่าจะได้แบบนี้ เล่นเอาผ้าขาดเป็นรูๆๆๆ เลย..... และเมื่อยมากๆ ด้วย..... เพราะไม่มีเครื่องขัดน่ะครับ


แล้วก็นำกาวสองหน้าแบบใช้ภายนอก.... ชนิดทนแดด ทนฝน ติดตั้งเข้าไปตามโปรชัวร์ของ Accord 88 (ผมไปค้นหามาจากเอกสารเก่าๆ จากงาน Mortorshow)


วันแรกเลยที่ได้รถมา.... ติดมั่วซั่วจริงๆ เห้อ....


ทำการย้ายใหม่ ก็จะได้ตำแหน่งนี้ ตามแบบโปรชัวร์ในสมัยนั้นเลย.....


นี่ครับ ตามแบบโปรชัวร์ ตำแหน่ง และเว้นระยะช่องไฟ เหมือนเดิมเป๊ะๆ เลย....

ครับ... สำหรับใครที่อยากทราบตำแหน่งเดิมของ Logo ซึ่งกระทู้ของผมก็จะเป็นประโยชน์กับท่านนะครับ....

 

ขยันจังครับ

 

ทำต่อครับ... งานยังไม่เสร็จ..... ติดตั้งไฟตัดหมอก....




มือดำปี๋.... เพราะต้องล้วงเข้าไปไต้ไฟหน้า ผมเดินสายไฟตรงคานห้องเครื่องด้านบนครับ


ก่อนติดตั้ง


หลังติดตั้ง......


หล่อกว่าเดิมปะเนี่ย......

 

นาฬิกาดับ..... รอบสอง.... แกะออกมา ย้ำบัดกรี Resistor ด้านบนครับ....

คราวที่แล้วผมย้ำแต่ด้านล่าง ลองขยับ Resistor ตัวเดิมเลยครับ ติดๆ ดับๆ ย้ำด้านบนด้วยซะเลย
เพราะ PCB มันเป็นแบบสองด้าน ตะกั่วมัน Crack หมดแล้ว จากอายุการใช้งาน ต้องเติมของใหม่ใส่เข้าไป
ขอบอกว่า เวลาป้อนไฟเข้าไป R ตัวนี้ ทำงาน มันจะร้อนมากๆ

ส่วนท่านใดกระจกฝืด...... ดูนี่เลยครับ

ใช้ตัวนี้ มีโอกาสยางบวมได้ กลายเป็นบีบกระจก ฝืดกว่าเดิมอีก มันจะลื่นเฉพาะตอนแรกๆ ครับ


ผมแนะนำให้ใช้น้ำยารักษายางรถยนต์ แบบนี้ครับ ที่ทาแล้วโคลนจะไม่เกาะล้อ นั่นแหละ ลื่นมากๆ หยอดเข้าไปบริเวณรางกระจก แจ่มสุดๆ เลยครับ ลื่นดีจริงๆ



แถมครับ เกือบจะเป็นแฝดกันแล้ว.... '89 คันนี้ อยู่ซอยเดียวกัน เขาพึ่งย้ายมาอยู่ สังเกตที่ป้ายทะเบียน