Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Individual Car Clubs
>
Van Only Club
>
เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกะยางคับ
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="toyz2809, post: 674927, member: 48472"]ลมยางอ่อนคือศัตรูสำคัญที่สุดของยาง ทั้งในเรื่องอายุการใช้งาน และความปลอดภัย นอกจากการออกแบบของยางแล้ว อายุการใช้งานของยางขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายชนิดโดยตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือ ลมยาง สภาพถนน และนิสัยการขับขี่ ของผู้ขับขี่ โดยทั่วไปแล้วยางที่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง จะมีอายุการใช้งานได้หลายปี หลายหมื่นกิโลเมตร </p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>ยางประเภท sport high performance จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่า ยางประเภทใช้งานทั้วไปเล็กน้อย ยางเรเดียลมีอายุการใช้งานนานกว่ายางใช้ยางใน และยางเรเดียลเสริมใยเหล็กมีอายุการใช้งานนานกว่ายางเรเดียลผ้าใบ </p><p><br /></p><p><br /></p><p>Wear indicator </p><p><br /></p><p>จะมีระบุอยู่บนยางทุกเส้น เมื่อดอกยางสึกลงมาถึงระดับ wear indicator นี้แล้ว ต้องเปลี่ยนยางทันทีในบางประเทศผู้ใช้รถถือว่าทำผิดกฎหมาย ถ้ายังไม่เปลี่ยนยางเมื่อสึกถึงระดับ wear indicator </p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>ลมยาง</p><p><br /></p><p>การเติมลมยางไม่ถูกต้องมีผลต่อสมรรถนะ ความปลอดภัย อายุการใช้งานและการกินน้ำมันมากผิดปกติของรถ ลมยางอ่อนลงอย่างน้อย 1 psi ทุก 1 เดือน แม้ยางและล้อจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด คุณควรตรวจลมอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง</p><p><br /></p><p><br /></p><p>ลมยางอ่อนมักมองไม่เห็นความแตกต่างด้วยตาเปล่า ยางที่ลมเหลือ 20 psi จาก 30 psi ดูด้วยสายตาอาจมองไม่เห็นความแตกต่าง ซึ่งต้องใช้เครื่องมือวัดเท่านั้นจึงจะพิสูจน์ได้ ลมยางอ่อนก่อให้เกิดความร้อนสูงขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยิ่งอ่อนมากความร้อนยิ่งสูงมาก เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยๆ ของกรณีการเกิดยางระเบิด และในสภาพการใช้งานปกติยังส่งผลให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของยางลดลง ก่อให้เกิดอันตรายเช่นเดียวกับยางที่บรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด ซึ่งทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงมาก ดังตัวอย่างต่อไปนี้จากการศึกษาของผู้ผลิตยางบางรายได้ข้อมูลว่า</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>ลมยางอ่อน 30% จากที่ผู้ผลิตแนะนำเช่นจาก 30 เหลือ 20 psi มีผลทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงประมาณ 30% </p><p>ลมยางอ่อน 50% จะส่งผลให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงประมาณ 75% </p><p><br /></p><p><br /></p><p>ห้ามเติมลมยางเกินค่าสูงสุดที่ผู้ผลิตกำหนดโดยเด็ดขาด เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งพบได้บ่อยมากในรถตู้และรถกระบะในประเทศไทย การเติมลมยางต้องเติมขณะยางเย็นเท่านั้น ยางเย็นหมายความถึงยางที่ทิ้งไว้หลังจากวิ่งระยะทางไกลมาแล้วไม่น้อยกว่า1 ชม. หรือ ยางที่วิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมืองไม่เกิน 2 - 3 กม.</p><p><br /></p><p>ไม่มีคำแนะนำตายตัวว่าควรจะเติมลมยางเท่าไร ผู้ใช้รถต้องยึดถือตามค่าที่ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นแนะนำมาเท่านั้น</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>ค่าลมยางแนะนำนี้ ผู้ผลิตรถยนต์จะร่วมมือกับผู้ผลิตยาง แนะนำสำหรับรถแต่ละรุ่นโดยดูจาก น้ำหนักรถ การกระจาย น้ำหนัก ประเภทการใช้งาน นิสัยการขับขี่ของลูกค้ารถแต่ละประเภท รวมถึงการชดเชยลักษณะการทรงตัวของรถ แต่ละรุ่นเทียบกับขนาดและส่วนประกอบอื่นๆของยาง โดยต้องไม่ลืมว่าเมื่อบรรทุกหนัก หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงต้องเพิ่มลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำด้วยทุกครั้ง</p><p><br /></p><p>เมื่อเกิดอาการยางอ่อน เนื่องจากรั่วสามารถทำการซ่อมปะได้ แต่ห้ามทำการซ่อมปะยางที่แก้มยาง หรือ ซ่อมปะหน้ายางที่มีแผลรูขนาดใหญ่กว่า 1/2 ซม. </p><p><br /></p><p><br /></p><p>สภาพถนน และ นิสัยการขับขี่</p><p><br /></p><p>นิสัยการขับขี่และการเลือกใช้เส้นทางของผู้ใช้รถ มีผลต่ออายุการใช้งานของยางเป็นอย่างมาก เช่นการออกล้อฟรีหรือการเบรค จนล้อล๊อคจนน้ำหนักของยางสึกไปหลายกรัม ซึ่งการสึกหรอนี้เทียบกับการขับปกติได้หลายร้อยกิโลเมตรทีเดียว</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>การขับขี่ที่ความเร็วสูงจะทำให้ยางสึกมากกว่าการใช้งานที่ความเร็วต่ำ</p><p><br /></p><p>ยางที่วิ่งด้วยความเร็ว 110 กม/ชม สึกมากกว่ายางที่วิ่งด้วยความเร็วตาม กฏหมาย 90 กม./ชม ถึงประมาณ 30%</p><p><br /></p><p><br /></p><p>สภาพพื้นถนนมีผลต่อการสึกของยาง ถนนคอนกรีตสึกเร็วกว่าถนนลาดยางมะตอย ถนนลูกรังดินแดงทำให้ยางสึกเร็วกว่าถนนยางมะตอย เรียบ ถึง 1 เท่าตัว ถนนที่มีสภาพร้อนทำให้ยางสึกเร็วกว่าถนนที่เย็นจากการศึกษาของผู้ผลิตยางบางรายพบว่า</p><p><br /></p><p>ยางวิ่งที่อุณหภูมิอากาศ 40c ยางสึกเร็วกว่าที่อุณหภูมิ 30c ถึงกว่า 25% </p><p><br /></p><p><br /></p><p>การสลับยาง</p><p><br /></p><p>การสลับยางเป็นสิ่งจำเป็น การสลับยางช่วยให้ยางสึกสม่ำเสมอใกล้เคียงกันทุกเส้น ช่วยให้ยางแต่ละเส้นในรถคันนั้นมีอายุการใช้งานใกล้เคียงกัน การสลับยางควรทำตามระยะทางที่กำหนดในคู่มือรถ ถ้าไม่มีกำหนดควรทำทุก 5,000 กม. สำหรับรถใช้งานหนัก ขับขี่ความเร็วสูงหรือรถเก่าช่วงล่างไม่ดี หรือทุก 10,000 กม. สำหรับรถใช้งานทั่วไป การสลับยางครั้งแรกถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและควรทำที่ 5,000 กม. แรก </p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>การถ่วงล้อ</p><p><br /></p><p>ล้อที่หรือยางที่ไม่สมดุลจะทำให้เกิดอาการสั่นที่พวงมาลัย เป็นสาเหตุให้ผู้ขับขี่เกิดความเครียด ยางและชิ้นส่วนช่วงล่างมีอายุการใช้งานสั้นกว่าปกติ การสั่นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ยางได้เช่นกัน เช่นอาจจะเกิดจาก ยางแท่นเครื่องทรุดตัว หรืออาจเกิดจากยางบวมหรือโครงสร้างผิดปกติ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงอาการสั่นให้รีบเช็คถ่วงล้อทันที และต้องมีการถ่วงล้อทุกครั้งเมื่อมีการสลับยาง</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>การตั้งศูนย์ล้อ</p><p><br /></p><p>การตั้งศูนย์ล้อคือการปรับค่า TOE (IN, OUT) ค่า แคมเบอร์ (+, -) ค่ามุมแคสเตอร์ ให้เป็นไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด รถที่มีศูนย์ล้อไม่ถูกต้องจะทำให้ยางสึกผิดปกติ และอาจสึกจนดอกหมดได้เร็วมาก ทำให้การตอบสนองจากพวงมาลัยผิดปกติและรถอาจจะวิ่งไม่ตรงทิศทาง ดังนั้นเมื่อสังเกตเกิดการสึกของยางผิดปกติ หรือการผิดปกติจากการตอบสนองของพวงมาลัยให้ดำเนินการ นำรถเข้าเช็คศูนย์โดยด่วน</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>การเก็บรักษายางอะไหล่</p><p><br /></p><p>ลมยางสำหรับยางอะไหล่ควรจะสูงกว่าค่าแนะนำขั้นสูงของคู่มือรถแต่ละรุ่นประมาณ 4 PSI และปรับลงเมื่อต้องนำมาใช้ผู้ขับขี่ควรหมั่นเช็คลมยางอะไหล่เดือนละครั้งและตรวจสอบเครื่องมือในการเปลี่ยนยางเช่นแม่แรง กากบาทถอดล้อหรืออุปกรณ์ถอดน๊อต </p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>ข้อมูลจาก เชลล์ ออโต้เซิร์ฟ คับ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="toyz2809, post: 674927, member: 48472"]ลมยางอ่อนคือศัตรูสำคัญที่สุดของยาง ทั้งในเรื่องอายุการใช้งาน และความปลอดภัย นอกจากการออกแบบของยางแล้ว อายุการใช้งานของยางขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายชนิดโดยตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือ ลมยาง สภาพถนน และนิสัยการขับขี่ ของผู้ขับขี่ โดยทั่วไปแล้วยางที่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง จะมีอายุการใช้งานได้หลายปี หลายหมื่นกิโลเมตร ยางประเภท sport high performance จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่า ยางประเภทใช้งานทั้วไปเล็กน้อย ยางเรเดียลมีอายุการใช้งานนานกว่ายางใช้ยางใน และยางเรเดียลเสริมใยเหล็กมีอายุการใช้งานนานกว่ายางเรเดียลผ้าใบ Wear indicator จะมีระบุอยู่บนยางทุกเส้น เมื่อดอกยางสึกลงมาถึงระดับ wear indicator นี้แล้ว ต้องเปลี่ยนยางทันทีในบางประเทศผู้ใช้รถถือว่าทำผิดกฎหมาย ถ้ายังไม่เปลี่ยนยางเมื่อสึกถึงระดับ wear indicator ลมยาง การเติมลมยางไม่ถูกต้องมีผลต่อสมรรถนะ ความปลอดภัย อายุการใช้งานและการกินน้ำมันมากผิดปกติของรถ ลมยางอ่อนลงอย่างน้อย 1 psi ทุก 1 เดือน แม้ยางและล้อจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด คุณควรตรวจลมอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ลมยางอ่อนมักมองไม่เห็นความแตกต่างด้วยตาเปล่า ยางที่ลมเหลือ 20 psi จาก 30 psi ดูด้วยสายตาอาจมองไม่เห็นความแตกต่าง ซึ่งต้องใช้เครื่องมือวัดเท่านั้นจึงจะพิสูจน์ได้ ลมยางอ่อนก่อให้เกิดความร้อนสูงขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยิ่งอ่อนมากความร้อนยิ่งสูงมาก เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยๆ ของกรณีการเกิดยางระเบิด และในสภาพการใช้งานปกติยังส่งผลให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของยางลดลง ก่อให้เกิดอันตรายเช่นเดียวกับยางที่บรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด ซึ่งทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงมาก ดังตัวอย่างต่อไปนี้จากการศึกษาของผู้ผลิตยางบางรายได้ข้อมูลว่า ลมยางอ่อน 30% จากที่ผู้ผลิตแนะนำเช่นจาก 30 เหลือ 20 psi มีผลทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงประมาณ 30% ลมยางอ่อน 50% จะส่งผลให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงประมาณ 75% ห้ามเติมลมยางเกินค่าสูงสุดที่ผู้ผลิตกำหนดโดยเด็ดขาด เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งพบได้บ่อยมากในรถตู้และรถกระบะในประเทศไทย การเติมลมยางต้องเติมขณะยางเย็นเท่านั้น ยางเย็นหมายความถึงยางที่ทิ้งไว้หลังจากวิ่งระยะทางไกลมาแล้วไม่น้อยกว่า1 ชม. หรือ ยางที่วิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมืองไม่เกิน 2 - 3 กม. ไม่มีคำแนะนำตายตัวว่าควรจะเติมลมยางเท่าไร ผู้ใช้รถต้องยึดถือตามค่าที่ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นแนะนำมาเท่านั้น ค่าลมยางแนะนำนี้ ผู้ผลิตรถยนต์จะร่วมมือกับผู้ผลิตยาง แนะนำสำหรับรถแต่ละรุ่นโดยดูจาก น้ำหนักรถ การกระจาย น้ำหนัก ประเภทการใช้งาน นิสัยการขับขี่ของลูกค้ารถแต่ละประเภท รวมถึงการชดเชยลักษณะการทรงตัวของรถ แต่ละรุ่นเทียบกับขนาดและส่วนประกอบอื่นๆของยาง โดยต้องไม่ลืมว่าเมื่อบรรทุกหนัก หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงต้องเพิ่มลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำด้วยทุกครั้ง เมื่อเกิดอาการยางอ่อน เนื่องจากรั่วสามารถทำการซ่อมปะได้ แต่ห้ามทำการซ่อมปะยางที่แก้มยาง หรือ ซ่อมปะหน้ายางที่มีแผลรูขนาดใหญ่กว่า 1/2 ซม. สภาพถนน และ นิสัยการขับขี่ นิสัยการขับขี่และการเลือกใช้เส้นทางของผู้ใช้รถ มีผลต่ออายุการใช้งานของยางเป็นอย่างมาก เช่นการออกล้อฟรีหรือการเบรค จนล้อล๊อคจนน้ำหนักของยางสึกไปหลายกรัม ซึ่งการสึกหรอนี้เทียบกับการขับปกติได้หลายร้อยกิโลเมตรทีเดียว การขับขี่ที่ความเร็วสูงจะทำให้ยางสึกมากกว่าการใช้งานที่ความเร็วต่ำ ยางที่วิ่งด้วยความเร็ว 110 กม/ชม สึกมากกว่ายางที่วิ่งด้วยความเร็วตาม กฏหมาย 90 กม./ชม ถึงประมาณ 30% สภาพพื้นถนนมีผลต่อการสึกของยาง ถนนคอนกรีตสึกเร็วกว่าถนนลาดยางมะตอย ถนนลูกรังดินแดงทำให้ยางสึกเร็วกว่าถนนยางมะตอย เรียบ ถึง 1 เท่าตัว ถนนที่มีสภาพร้อนทำให้ยางสึกเร็วกว่าถนนที่เย็นจากการศึกษาของผู้ผลิตยางบางรายพบว่า ยางวิ่งที่อุณหภูมิอากาศ 40c ยางสึกเร็วกว่าที่อุณหภูมิ 30c ถึงกว่า 25% การสลับยาง การสลับยางเป็นสิ่งจำเป็น การสลับยางช่วยให้ยางสึกสม่ำเสมอใกล้เคียงกันทุกเส้น ช่วยให้ยางแต่ละเส้นในรถคันนั้นมีอายุการใช้งานใกล้เคียงกัน การสลับยางควรทำตามระยะทางที่กำหนดในคู่มือรถ ถ้าไม่มีกำหนดควรทำทุก 5,000 กม. สำหรับรถใช้งานหนัก ขับขี่ความเร็วสูงหรือรถเก่าช่วงล่างไม่ดี หรือทุก 10,000 กม. สำหรับรถใช้งานทั่วไป การสลับยางครั้งแรกถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและควรทำที่ 5,000 กม. แรก การถ่วงล้อ ล้อที่หรือยางที่ไม่สมดุลจะทำให้เกิดอาการสั่นที่พวงมาลัย เป็นสาเหตุให้ผู้ขับขี่เกิดความเครียด ยางและชิ้นส่วนช่วงล่างมีอายุการใช้งานสั้นกว่าปกติ การสั่นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ยางได้เช่นกัน เช่นอาจจะเกิดจาก ยางแท่นเครื่องทรุดตัว หรืออาจเกิดจากยางบวมหรือโครงสร้างผิดปกติ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงอาการสั่นให้รีบเช็คถ่วงล้อทันที และต้องมีการถ่วงล้อทุกครั้งเมื่อมีการสลับยาง การตั้งศูนย์ล้อ การตั้งศูนย์ล้อคือการปรับค่า TOE (IN, OUT) ค่า แคมเบอร์ (+, -) ค่ามุมแคสเตอร์ ให้เป็นไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด รถที่มีศูนย์ล้อไม่ถูกต้องจะทำให้ยางสึกผิดปกติ และอาจสึกจนดอกหมดได้เร็วมาก ทำให้การตอบสนองจากพวงมาลัยผิดปกติและรถอาจจะวิ่งไม่ตรงทิศทาง ดังนั้นเมื่อสังเกตเกิดการสึกของยางผิดปกติ หรือการผิดปกติจากการตอบสนองของพวงมาลัยให้ดำเนินการ นำรถเข้าเช็คศูนย์โดยด่วน การเก็บรักษายางอะไหล่ ลมยางสำหรับยางอะไหล่ควรจะสูงกว่าค่าแนะนำขั้นสูงของคู่มือรถแต่ละรุ่นประมาณ 4 PSI และปรับลงเมื่อต้องนำมาใช้ผู้ขับขี่ควรหมั่นเช็คลมยางอะไหล่เดือนละครั้งและตรวจสอบเครื่องมือในการเปลี่ยนยางเช่นแม่แรง กากบาทถอดล้อหรืออุปกรณ์ถอดน๊อต ข้อมูลจาก เชลล์ ออโต้เซิร์ฟ คับ[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Individual Car Clubs
>
Van Only Club
>
เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกะยางคับ
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...