ของผมเมื่อก่อนไม่มีพอใส่แล้วรู้สึกร้อนเร็วเลยครับขับสัก5 นาทีเอง แต่ไม่ต้องห่วงว่าเครื่องจะหลวม จนเห็นชัดหรอกครับ เพราะ เมื่อก่อนก็ไม่มีวาวน้ำเครื่องนี้ผมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมา 3 รอบแล้ว วัดกำลังอัดก็ยังใกล้ๆกับตอนแรกอยู่ ( 240กว่าๆ) ผมว่านะความร้อนนี่สัก 60 องศาก็ซัดได้แล้วแหละครับ หลักๆสำคัญๆเลยเวลาสตารท์แล้วปล่อยเดินเบาสักพักดีกว่า ให้น้ำมันไปเลี้ยงส่วนต่างๆให้ครบก่อน
ตั้ ง เ เ ต่ เ ริ่ ม โ ม เ ค รื่ อ ง ม า ก็ ไ ม่ เ ค ย ใ ส่ ว า ล์ ว น้ำ เ ล ย ต อ น นี้ ก็ ยั ง ไ ม่ ใ ส่ ยั ง ไ ม่ เ ค ย เ จ อ เ ล ย น ะ เ ค รื่ อ ง ที่ พั ง เ พ ร า ะ ถ อ ด ว า ล์ ว น้ำ เ ค ย เ จ อ เ เ ต่ เ ค รื่ อ ง ที่ พั ง เ พ ร า ะ ว า ล์ ว น้ำ ไ ม่ เ ปิ ด
ทำรถกี่คัน ๆ ก็ไม่เคยใส่วาล์วน้ำสักคันครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งใช้เอง และรถคนอื่นที่ช่วยทำให้ก็ยังไม่มีปัญหาเรื่องเครื่องหลวม หรือเรื่องการสึกหรอ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยนะ ส่วนมากจะพังก่อนหลวม
ผมก็อุ่นใจที่ไม่ได้ใส่วาว์วน้ำ ตอนแรกๆก็กลัวครับแต่ช่างบยอกไม่เปงไร เมื่อไม่เปงไรก็ไม่ใส่ดีกว่า คันเก่าแคมเดียววาว์วน้ำเคยทำพิษมาเบื่อเลยอะครับคันใหม่ไม่ใส่เลย แถมต่อตรงพัดลมด้วยอะ
เครื่อง 16 บวก 20 มันไม่ใช่เครื่อง standard แล้ว อู่เขากลัวปัญหาความร้อนตอนไปจูนหรืออยู่ในความรับผิดชอบของเขาอยู่นะครับ จะได้ไม่มีปัญหาอะไร เอาเป็นว่าเท่าที่เคยทดลองดูนะครับ (standard) ใส่วาล์วน้ำ พัดลมเปิดตามอุณหภูมิ อุณหภูมิน้ำแกว่งแถวๆ 90 + - (mod1) ถอดวาล์วน้ำ พัดลมเปิดตามอุณหภูมิ อุณหภูมิน้ำแกว่งแถวๆ 90 + - แต่จากเครื่องเย็นมาร้อนขึ้นช้ากว่าตามอากาศภายนอก/แต่ถ้าใส่วาล์วน้ำซึ่งเช่น 80 องศาอุณหภูมิก็แกว่งอยู่แถวๆ 80 พัดลมทำงานมากกว่าแบบแรกเพิ่มขึ้นอีกนิด (mod2) ถอดวาล์วน้ำ ต่อตรงพัดลม อุณหภูมิน้ำแกว่งแถวๆ 70 + -(ตอนวิ่งเร็วมีลม) แต่ถ้าขับรถติด อยู่แถวๆ 80 + - เป็นข้อมูลที่ผมลองทำดูนะครับ จะเลือกใช้แบบไหนก็แล้วแต่รถท่านล่ะครับ ถ้ารถเดิมๆ แบบ standard ซิ่งบ้างเล็กน้อยตามโอกาส แบบ 1 แบบ 2 ก็เหมาะ วิ่งสนามซัดยาวๆ แบบ 3 ก็มี Margin เหลือให้เยอะกว่า
กระทู้เก่า อ่านแล้ว ลองแอบไปดูของรถตัวเอง วาวน้ำพังไปแล้วครับ แต่มันพังในลักษณะ เปิดอยู่ 30% (ดีที่มันไม่ปิดสนิท) ยังไง เพื่อนๆ ลองไปเช็คกันบ้างก็ดีนะครับ น๊อตเบอร์ 10 แค่ 2 ตัวเอง หุหุ
วาล์วน้ำ ถอด ม่ายถอด รถเดิมๆเลยม่ายจำเป็นต้องถอดหลอกครับ ม่ายได้ไปทำอะไรกับมันก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้น ครับ ส่วนรถที่เพิ่มกำลังอัดมานะความร้อนถายในมันสูงขึ้น ระดับความร้อนที่สะสมในน้ำมันก็สูงขึ้น วิ่งมากๆเข้า อุณหภูมิน้ำมันก็มีแต่สูง (น้ำเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้น การลดอุณหภูมิเป็นเรื่องยากมากมันจะเก็บเอาความร้อนที่สะสมในเสื้อสูบมาเก็บไว้แล้วไหลเวียนมาที่รังผึ้งเพื่อลดอุณห๓ูมิ)เราจะเห็นได้ว่ารถที่ทำการโม ไม่ว่ามากน้อยอุณห๓ูมิย่อมสูงึ้นแน่นอนการที่จะรอให้พัดลมทำงานตอน 93 นี้มันคงช้าไปแล้ว รวมทั้งสถาพอากาศภายนอกร้อนเข้าไปอีก เออ ตัวก็เริ่มจะร้อนแล้ว ผมถามจริงๆๆนะครับว่าน้ำเมืองไทยนี้ตะกอนขนาดไหน (เคยลองเอาน้ำกินใส่แทน+น้ำยาหม้อน้ำ)ยังมีตะกอนเลย เมื่อตะกอนมาเกาะที่วาล์วน้ำแล้วทำให้มันทำงานม่ายสะดวกแล้วถึงขั้น ม่ายทำงานเลย ตอนนั้นละคุณจารุว่าคุณจะแลกกับอะไร รถคุณความร้อนขึ้น ระหว่างการเดินทางไกลคุณพร้อมครอบครัวหรือแฟนจะทำยังไง อย่าห่วงเลยเรื่องอุณหภูมิเรื่องสึกหร่อ ติดรถขึ้นมันก็สึกหร่อแล้วละครับ ผมมองว่ามันไม่มีอะไรสมบูรณ์ ทั้งนั้นไม่ว่าจะตามระบบหรือตัดบางอย่างออกไป อุณห๓มิที่เครื่องทำงานได้ดีมันขึ้นอยู่กับกำลังอัดของเครื่องนั้นด้วยครับม่ายใช่มีกำลังอัดแล้วยังไปใช้สเปกเดิมถึงตอนนนั้นเดี๋ยวจะหาว่าถอดวาล์วน้ำมันทำให้เครื่องร้อนฮะ (หม้อน้ำก็ต้องการความเอาใจใส่เหมือนกัน หรือเปลี่ยนอันที่มันดี ตรวจดูพัดลมว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือเปล่า)รับลองว่าคุณจะไม่ได้เจดกับโรดตัวร้อน คำถามสุดท้าย รถคุณเดิมๆๆเลยหรือเปล่า? อันนี้แค่แสดงความคิดเห็นนะครับ + อ้างถึง ตอบกลับ