เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Club SI
>
ฺB20 จะแรงกันไปถึงไหน
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="coupe4wd, post: 984376, member: 70865"]ขออนุญาติแปะข้อมูลหน่อยนะคับ และขออนุญาตคุณ AK ReGenT </p><p>สำหรับข้อมูลที่มะประโยชน์กับเราชาว HONDA....ขอบคุณครับ</p><p><br /></p><p><font size="3"><span style="color: RoyalBlue">B20B+B16A แนวทางประกบ </span></font></p><p>&laquo; เมื่อ: กันยายน 02, 2008, 08:15:34 PM &raquo; </p><p><br /></p><p>--------------------------------------------------------------------------------</p><p> b20b จากญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นใหญ่ๆ ที่มีความแตกต่างกัน</p><p>b20b ปี 96-98 เครื่องจะมีกำลังอัด 8.8 ต่อ 1 </p><p>b20b ปี 99-01 เครื่องจะมีกำลังอัด 9.6 ต่อ 1</p><p>b20b รหัสฝา P75 วาวล์ไอดี 31 มม. ไอเสีย 28 มม. และรหัส P8R กำลังอัด 9.2 ต่อ 1 วาวล์ไอดี 33 มม.( เท่ากับฝาวีเทค) วาวล์ไอเสีย 28 มม. </p><p><br /></p><p>** ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างไร? **</p><p>ถ้าได้เครื่องปี 96-98 มาประกบกับฝา b16a กำลังอัดจะอยู่ แถวๆ 9.09 ต่อ 1 ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ (เมื่อเทียบกับของ b16a 10.2 ต่อ 1 ) ถ้าจะให้ได้กำลังอัดประมาณ 10.5 ต่อ 1 จะต้องไสฝาออกประมาณ 2 มม. ซึ่งจะทำให้ระยะวาวล์กับลูกสูบใกล้กันมากเข้าไปอีก โอกาสที่วาวล์จะกระทบลูกสูบมีมากขึ้น ยิ่งถ้าจะต้องขุดลูกสูบเพื่อให้หลบวาวล์ และรักษากำลังอัดไว้ คงจะต้องไสฝามากกว่า 2 มม. และมันก็จะมีปัญหาเรื่องสายพานไทม์มิ่ง ที่มีระยะที่หย่อนมากขึ้นอีกหน่อย โอกาสที่จะกระโดดข้ามร่องยามที่สายพานเก่าๆที่รอบสูงๆ จะมีมากกว่า</p><p>ถ้าใช้กับฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะสูงกว่า เนื่องจากห้องเผาไหม้เล็กกว่า ( 42.7 cc. กับ 41.6 cc)</p><p>ดังนั้นถ้าได้เครื่อง ปี 99-01 หรือ เครื่องที่มีรหัสฝา P8R มาใช้น่าจะดีกว่า เนื่องจากว่ากำลังอัดจะสูงกว่าถึงจะปาดฝาเพิ่มกำลังอัด ก็จะปาดออกไม่มาก</p><p>สรุป จากการคำนวน</p><p>เครื่อง ปี 96-98 ประกบฝา b16a กำลังอัดจะได้ 9.09 ต่อ 1</p><p>เครื่อง ปี 99-01 ประกบฝา b16a กำลังอัดจะได้ 9.96 ต่อ 1 </p><p>เครื่อง ปี 96-98 ประกบฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะได้ 9.24 ต่อ 1</p><p>เครื่อง ปี 99-01 ประกบฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะได้ 10.14 ต่อ 1</p><p><br /></p><p>**แล้วถ้าประกบฝา 18 แดง ล่ะครับ จะเป็นยังงัย คุ้มค่าน่าทำมั๊ย ไม่ค่อยเห็นใครทำ เผื่อท่อนล่างผมเจ๊งก็อาจจะเปลี่ยนเป็น 20?**</p><p>มันไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่นะครับ นอกเสียจากว่าท่อนล่างเจ๊ง หรือต้องการแบบสุดๆ (แต่เล่นหนักๆ ไม่ทน)</p><p>เนื่องจากว่ามีข้อแตกต่างจากท่อนล่างของทั้งสองบล๊อกเป็นต้นว่า</p><p>- ลูกสูบกำลังอัดสูง น้ำหนักเบา เคลือบกระโปรงลูกสูบด้วยเทฟล่อน</p><p>- มีหัวฉีดน้ำมันเครื่องระบายความร้อนและหล่อลื่นด้านใต้ลูกสูบ (oil squiter)</p><p>- มีตัวเพิ่มความแข็งแรงของประกับเมนแบริ่ง (gridle) ทำให้เครื่องไม่บิดตัวมากเมื่อใช้รอบสูงๆ</p><p>- ข้อเหวี่ยงมีการบาล้านซ์น้ำหนักได้ละเอียดกว่าเพื่อการทำงานที่รอบสูงได้นิ่งมากขึ้น</p><p>- ก้านสูบแบบกึ่งอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา แข็งแรงกว่า</p><p>b20b มีดีแค่ความจุอย่างเดียวครับ เพิ่มขึ้นมาอีก ไม่เต็ม สองร้อย ซีซี ด้วยซ้ำ เหมาะสำหรับเอามาจิ๊ดจ๊าด ในเมือง นอกเมืองบ้างนิดหน่อย เอามาแข่งยาวๆ ในเซอร์กิต ดูเหมือนว่า มันไม่น่าจะทนซักเท่าไหร่นัก</p><p>ใครทำท่อนล่าง ฝาแดงเจ๊งได้ โดยไม่ว่าวเกียร์ และมีการดูแลรักษาอย่างดีตลอด ผมว่า เก่งมากนะครับ..จริงๆ </p><p><br /></p><p>**ระหว่างฝา B 18 C (แดง) กับ B 16 B (แดง) อัดตากำลังอัดแตกต่างกันไหมครับ?**</p><p>ฝาแดงทั้งคู่เป็นฝาเดียวกัน เป็นฝาที่มีพื้นฐานมาจากฝาของ b16a ฝาดำเดิมๆ แต่เอามาเปลี่ยนวาวล์ใหม่ให้น้ำหนักเบากว่าเดิม มีการขัดพอร์ทเพิ่มการไหลของอากาศ แล้วเอาสปริงวาวล์ด้านไอดี ทั้งนอกและในของ b18c ฝาดำ เอามาใส่ด้านไอเสีย ส่วนด้านไอดีก็เป็นอันใหม่ที่แข็งกว่าเดิม แคมไอดีไอเสียองศาสูงขึ้น โดยที่แคมไอดีฝาแดงของ b16b จะมากกว่าของ b18cr อยู่ 3 องศา แคมไอเสียของทั้งคู่ใช้ เบอร์อะไหล่เบอร์เดียวกัน (ก็ใช้อันเดียวกันนั่นแหละ) </p><p>ร่ายซะยาว...กำลังอัดจะต่างกันนิดหน่อย เพราะลูกสูบของ b16b หัวสูงกว่า (ไฮโซ) กำลังจึงสูงกว่า นิดหน่อย แต่อยู่แถวๆ 11 กว่าๆ ต่อ 1 กระโปรงสูบเคลือบเทฟล่อนเหมือนกัน อ้อ ลูกสูบเป็นแบบกึ่งอัด forge ด้วยนะ น้ำหนักเบากว่าลูกสูบเดิมๆ ของ ฝาดำ...</p><p><br /></p><p>**แล้วถ้า อู่เค้าไม่รู้ข้อมูล พวกนี้อะครับ เช่น เอา เครื่อง ปี 00 มาปาดฝาแบบเครื่อง 96 คือประมาณว่า</p><p>เคยทำสูตรนี้อยู่ก้อทำตามเดิมอะครับจะเป็นงัยบ้างครับ กำลังอัดจะได้เท่าไหร่ แล้วมีผลเสียอย่างอื่นไหมครับ?**</p><p>ผมว่าถ้าเค้าทำประจำเค้าน่าจะรู้นะ เพราะเวลาเปิดฝาออกมาประกบ หน้าตาลูกสูบมันก็ไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าเค้าไม่รู้จริงๆ กำลังอัดมันจะสูงมากครับ (น่าจะอยู่แถวๆ 12:1 )กลัวว่าเค้าจะแก้วิธีง่ายๆ โดยลดไฟให้อ่อนลง คราวนี้มันก็จะวิ่งไม่ออก หรือไม่ก็ต้องเสริมประเก็นเพื่อลดกำลังอัด อีกวิธีคือต้องขุดห้องเผาไหม้เพิ่ม ไม่อย่างนั้นใช้น้ำมัน 95 ไม่ได้</p><p><br /></p><p>เพิ่มเติมนะครับ เพิ่งนึกได้</p><p>ใครที่จะประกบฝานะครับ ควรจะเปลี่ยนปั๊มน้ำด้วย เพราะปั๊มน้ำของ b20b เป็นแบบ 19 ฟัน ของ b16, 18 จะเป็นแบบ 22 ฟัน ซึ่งดูเผินๆ เหมือนว่าจะดี เพราะรอบปั๊มหมุนเร็วกว่า น้ำน่าจะระบายดีกว่า แต่...ถ้าน้ำหมุนเร็วเกินไปมันจะระบายความร้อนที่หม้อน้ำไม่ทัน ความร้อนยังไม่ทันที่จะระบายออกจากหม้อน้ำแล้ว แต่ต้องวนกลับไปที่เครื่องเพื่อรับความร้อนใหม่อีกแล้ว อาจจะเกิดความร้อนสะสมได้ แต่นั้นไม่เท่าไหร่ ขยายความจุหม้อน้ำใหม่ก็พอได้ ที่สำคัญก็คือ เมื่อเราใช้รอบสูงๆ ๆ ปั๊มน้ำจะหมุนในลักษณะ over speed อันอาจจะเกิดการ cativation (ฟองอากาศในระบบ) ทำให้การระบายความร้อนทำได้ไม่ดี น้ำระบายความร้อน ไม่เกิดการหมุนเวียนเนื่องจากติดฟองอากาศที่เกิดขึ้น และเกิด hot spot ขึ้นในห้องเผาไหม้ได้ จากนั้นความหายนะของเครื่องอาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ และเมื่อเราลดรอบเครื่องลง ฟองอากาศจะเกิดการยุบตัวเกิดการการกระแทกของน้ำระบายความร้อน ทำให้ชิ้นส่วนที่น้ำไหลผ่านอย่างเช่น ปั๊มน้ำ ซีลต่างๆ หม้อน้ำ เกิดการกัดกร่อนทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งรั่วในที่สุด (ไม่ได้เห็นผลในทันที แต่ก็ทำให้ระบบสึกหรอเร็วกว่าปกติ) แต่ถ้าไม่ได้ใช้รอบสูงๆ ก็ไม่เป็นไร</p><p><br /></p><p>และ ถ้าใช้ ปั๊มน้ำของรุ่นไหน ก็ให้ใช้สายพานของรุ่นนั้นนะครับ อย่างเช่น ปั๊มน้ำของ b20b ก็ใช้สายพานไทม์มิ่งของ b20b ถ้าปั๊มน้ำของ b16,18 ก็ใช้สายพานของ b18 (ของ b16 สั้นไป)</p><p>จำนวนฟันของสายพานไทม์มิ่ง </p><p>B16A > 124 ฟัน</p><p>B18C > 126 ฟัน</p><p>B20B > 125 ฟัน</p><p>เบอร์สายพานเคยลงไปแล้ว กระทู้ไหนก็ไม่รู้ เร็วๆ นี้แหละ ใครอยากรู้ก็อีกก็ถามได้ จะได้รวมกันอยู่ที่เดียวกันเลย</p><p><br /></p><p>เรื่องปั๊มน้ำมันเครื่อง ผมลองเช็คเบอร์อะไหล่ดูแล้ว โชคดีครับ ปั๊มน้ำมันเครื่องเบอร์เดียวกับฝาแดง </p><p><br /></p><p>**แล้วถ้ามีแต่ท่อนล่างล่ะครับจะดูยังไงครับ?**</p><p>อันนี้สิดูยาก เพราะมันไม่ตัวหล่อเหมือนกับฝาสูบ มันดูได้แบบคร่าวๆเป็นช่วงปี อย่างที่บอกไว้ข้างบนว่า ตัวปี 96-98 กำลังอัดต่ำกว่า หัวสูบมันจะเป็นหลุมมากกว่าตัวปี 99-01 (ใครไม่เคยเห็นทั้งสองตัวมาแล้ว มันก็ไม่รู้จะเทียบกันยังไงเหมือนกันครับ) อีกทางก็คือ ที่ตัวเสื้อสูบ ของปี 96-98 จะไม่มี knock sensor แต่จะมีตัวหล่อปูดๆ ออกมา แต่ไม่ได้ทำเกลียวสำหรับใส่ knock sensor มาด้วย ถ้ามาเจาะใส่ knock sensor เอง ก็จะเห็นว่าตัวหล่อไม่ได้ปาดให้เรียบ เหมือนกับตัวปี 99-01 ที่ปาดเรียบแล้วทำเกลียวใส่ เซนเซอร์ มาให้เรียบร้อย</p><p>อีกทีก็ต้องดูที่เลขเครื่อง แต่ตอนนี้ผมไม่มีที่อ้างอิงว่า ปีไหนเลขเครื่องอะไร เอาไว้ถ้าหาได้จะเอามาลงไว้ให้ (ถ้าหาได้และไม่ลืม)</p><p><br /></p><p>เพิ่มตรงนี้อีกนิด เครื่องในญี่ปุ่นจะเป็นเครื่อง b20b ทั้งหมด (ตามความเข้าใจของผมนะ) แต่ว่าถ้านอกญี่ปุ่นจะมีเครื่องรหัส b20z ด้วย ซึ่งรายละเอียดของตัวเครื่องจะเหมือนกับ b20b ปี 99-01 </p><p><br /></p><p>สำหรับใครที่เคยเห็นเครื่อง b20a, b21a สองตัวนี้ส่วนใหญ่จะวางอยู่ใน แอคคอร์ด และพรีลูด ในยุคปี 80 ทั้งสองเครื่องนี้ "เค้าว่า" ไม่ได้อยู่ในตระกูล b-series จริงๆ เพราะอะไหล่หลายอย่างใช้ร่วมกันไม่ได้ (ซึ่งน่าจะเอาไปประกบฝาไม่ได้ด้วย และเครื่องก็หายากด้วยเพราะมันเก่ามากแล้ว) แต่ก็เป็นต้นแบบของเครื่อง b ในยุคต่อมา รวมไปถึงเครื่อง zc twin cam ด้วย</p><p><br /></p><p>ถ้าอยากได้รายละเอียดของเครื่องรุ่นต่างๆ ลองหาอ่านใน wigipedia ดูครับ มีให้อ่านเยอะ...</p><p><br /></p><p>อ่านแล้วก็เหนื่อยใจ....ต้องใช้เงินทั้งนั้น -*-</p><p>อยาก save ไหมล่ะ บอกมาเดี๋ยวแนะนำให้ เอาเครื่องเดิมนี่แหละ เหนียวดี ไม่ต้อง b20 หรอก เสียดายเครื่อง ทำที่ละสเต๊ป จะได้ไม่เปลืองตังมาก</p><p><br /></p><p>**โอ้ย เห็นแล้วอยากทำจังครับ ใครมีอู่แนะนำบอกกันบ้างนะ แล้วใครมีเกียร์กะปุก 16 รึ 18 บอกกันบ้างนะครับ จะเก็บเครื่องไว้ใช้เองแล้วคับพี่ก้อง ผมที่เคยโทรไปคุยนะครับ?**</p><p>จำได้ครับ แต่ถ้าทำเป็น b20 คงต้องบวกหลายอย่างเหมือนกันนะครับ เพราะเห็นว่าจะใช้เกียร์กระปุกด้วย มันก็ต้องเพิ่มค่าเกียร์, กระบองเกียร์, ด้ามเกียร์, ขาคลัชท์, กระปุกน้ำมัน อีก ราวๆ สองหมื่น ค่าทำรวมเครื่องด้วยอีกสามหมื่น กลายเป็นครึ่งแสนแล้วนะครับ ไหนจะต้องเปลี่ยนเป็นกล่องเกียร์ธรรมดาพร้อมกับจูนรอมอีก อาจจะเกินไปอีกหน่อย อ้อ..คลัช กับฟลายวีลด้วยนะครับ โดยมากมักจะไม่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา</p><p>เรื่องอู่ลองถาม zero-start ดูเห็นในคลับก็ทำที่นี่กันเยอะ ของผมก็อยากจะทำเองเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยอยากลงทุนซื้อเครื่องมือหนักบางตัว ซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้มันจะไม่คุ้ม ยอมเสียค่าแรงให้เค้าดีกว่า แต่ตอนนี้เครื่องยังกองอยู่ที่บ้านเลย จะครึ่งปีแล้ว ยังไม่ได้เวลาไปทำซะที </p><p>หรือใครมีเครื่องมือให้เช่าบ้างจะได้ทำเองแล้วรับจ๊อบได้บ้าง... อิ อิ..</p><p><br /></p><p>วิธีประกบ ...</p><p>เข้าเรื่องเลยนะ ความจริงเคยมีคนลอกจากหนังสือเอามาลงไปแล้ว ซักช่วงปลายๆปี 49 มั้ง เอาสั้นๆ แล้วกัน</p><p>เมื่อเรามีท่อนล่างท่อนบนเรียบร้อย โดยอยู่บนสมมุติฐานว่าเป็นเครื่อง วีเทคอยู่แล้ว ก็ยกเครื่องออกมาแล้วก็ถอดฝาสูบออกมาจัดการทำเกลียวอุดรูน้ำมันเครื่องบนหน้าฝาสูบเพื่อไม่ให้น้ำมันเครื่องไหลออกมาเพราะ ที่เสื้อของ b20b จะไม่มีหน้าสัมผัสปิดรู หรือรูที่จะรับน้ำมันเครื่องที่ฝาของวีเทค </p><p>จากนั้น ก็หาทางเอาปลั๊กเกลียวอุดรูน้ำมันเครื่องด้านใต้จานจ่าย หลังเครื่อง ฝั่งท่อไอดีออก แล้วใส่เกลียวสำหรับต่อท่อน้ำมันเครื่องเข้าไป </p><p><br /></p><p>บางอู่จะเอาฝาสูบไปเจาะขยายรูสำหรับใส่ dowel (ภาษาไทยเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้) คือตัวบังคับให้ฝาสูบกับเสื้อสูบตรงอยู่ในแนวเดียวกันไม่ขยับไปมา ลักษณะเป็นทรงท่อสั้นๆ เนื่องจากว่าตำแหน่งของ dowel ของเครื่อง b20 กับเครื่อง vtec มันอยู่กันคนละตำแหน่งกัน</p><p>อีกวิธีที่น่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องเจาะขยายรู ก็ให้กลึงตัว dowel ตัวใหม่ ให้มีลักษณะเป็นหยักลดขนาด (step) แล้วสวมลงไปในตำแหน่งเดิมของฝาสูบและต้องให้พอดีกับที่เสื้อสูบ ซึ่งฝรั่งเค้ามีชุดนี้ขาย แต่ของเรากลึงเอาน่าจะถูกว่าสั่งเข้ามา แต่วิธีเจาะน่าจะเป็นวิธีที่ถูกที่สุด (แต่ผมว่า ถ้าไม่มีการจับยึดที่ดีมันมีโอกาสเบี้ยวได้) ใครจะเอาฝาไปขัดทำพอร์ท หรือเปลี่ยนยางตีนวาวล์เปลี่ยนสปริง บดวาวล์ก็ทำเสียตรงนี้ได้เลย จะได้ไม่เสียเวลายกเข้ายกออกอีก</p><p><br /></p><p>สำหรับที่เสื้อสูบ ก็เตรียมการสำหรับเดินน้ำมันเครื่องไปเลี้ยงฝาสูบ แนะนำให้ใช้สาย แบบสายเทฟล่อนแสตนเลสถัก ประมาณเบอร์ 4 หรือ สายไฮดรอลิคทนแรงดันสูง แต่แนะนำแบบแรกมากกว่าราคาต่างกันไม่เท่าไหร่ เพราะมันสั้นแค่ 13-14 นิ้วเอง ทำหัวไว้สำหรับขันเข้ากับฝาสูบ อีกด้านเข้าสามตาที่ต่อมาจากตัววัดแรงดันน้ำมันเครื่อง ใกล้ๆ กับกรองน้ำมันเครื่อง แต่ก็แนะนำอีกว่าควรจะใช้อแด๊ปเตอร์ที่ต่อจากฐานกรองน้ำมันเครื่องจะดีกว่า สะดวกกว่า และ สามารถต่อพวกตัวเซนเซอร์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิน้ำมันเครื่องได้อีกด้วย ราคาตัวละประมาณไม่เกินพันบาทไทย ใครสนใจติดต่อมาเดี๋ยวไปเอามาให้ แต่หาไม่ยากหรอกมีขายเยอะแยะ ดีกว่าใช้สามตาตั้งเยอะ และไม่เสี่ยงที่สามตาจะแตกร้าวด้วยยิ่งโดยเฉพาะสามตาที่เป็นทองเหลืองเวลาร้อนจัดๆ มันชักจะออกอาการเนื้อทองเหลืองเปราะ ยิ่งถ้าต่อยาวๆหลายข้อต่อด้วยแล้วเวลาเครื่องสั่นสะเทือนมันจะแกว่งให้ข้อต่อร้าวได้ง่ายขึ้น</p><p><br /></p><p>ที่ลูกสูบ ตามที่ฝรั่งว่าไว้ ถ้าไม่ได้ใช้แคมลิฟสูงก็ไม่ต้องขุดหลบวาวล์เพิ่ม แต่ต้องไม่ advance แคมเพิ่ม แต่ผมว่าเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน ให้แต่งช่องหลบวาวล์บนลูกสูบสักเล็กน้อยโดยเฉพาะด้านไอดี เพราะวาวล์ของ b20b จะเล็กกว่าของวีเทคอยู่ 2 มม. อาจจะมีการสะกิดกันได้ที่รอบสูงๆ ถ้าปลอกวาวล์เริ่มมีการสึกหรอ และถ้าจะเล่นกับแคมภายหลังจะได้ไม่ต้องถอดฝาออกมาทำอีก เดี๋ยวนี้แคมฝาแดงก็ราคาเริ่มลงเรื่อยแล้ว จากที่หมื่นกว่าบาท สามารถหาได้ต่ำกว่าหมื่นลงมาถึง 7-8 พันได้แล้ว และแคม street ที่คุณแดนขาย skunk2 เห็นเซลส์อยู่แค่แถวๆ หมื่นหกเอง</p><p><br /></p><p>เพิ่มเติมเรื่องสปริงวาวล์หน่อยครับ ถ้าไม่ได้เบิกใช้ของฝาแดงหรือของแต่ง และอยากประหยัดงบ ให้เอาของด้านไอดี ย้ายมาใส่ด้านไอเสีย ก็จะได้ด้านไอเสียเป็นสปริงสองชั้น จากเดิมที่เป็นสปริงชั้นเดียว ส่วนด้านไอดีก็เอาของ b20 ด้านไอดีมาใช้เป็นตัวนอก ส่วนตัวในก็หาใหม่หรือเบิกใหม่เอา จะประหยัดไปได้อีกเยอะ เพราะ free length ของสปริงด้านไอดีของ b20 จะเยอะกว่าของสปริงสองชั้น นั่นก็หมายความว่ามันจะแข็งกว่า แต่ถ้าใช้แคมแต่งต้องดูด้วยนะครับว่าสปริงมันจะเอาไหวไหม เพราะถ้าลิฟสูงมากๆ สปริงอาจจะยันก็ได้ ทางที่ดีควรเป็นสปริงแต่งและรีเทนเนอร์แต่งไปด้วย</p><p><br /></p><p>จากนั้นก็ทำการประกอบฝาเข้ากับเครื่อง น๊อตฝาสูบให้ใช้ของวีเทค เพราะของ b20b มันสั้นเกินไป ขันให้ได้ตามสเปคของเครื่องวีเทค ถ้าฝาเปิดมาหลายครั้งแล้วให้เปลี่ยนน๊อตฝาสูบไปเถอะครับ อย่าไปเสียดายเพราะน๊อตมันจะยืดค่าที่ขันเข้าไปมันจะไม่ได้ตามสเป็ค แล้วมันจะทำให้เกลียวในเสื้อสูบเสียด้วย และมันจะทำให้เกิดอาการที่เค้าเรียกว่าเกลียวถอน หรือน๊อตถอน นั่นก็คือเกลียวมันรูดเวลาอัดหนักๆ ครับ</p><p>หรือถ้าใช้สตัดเกลียวแต่งของ ARP ก็ได้ครับหมดปัญหาไปเลย ใครอยากได้สั่งที่ผมก็ได้จะสั่งเข้ามาให้ หรือที่คุณแดนก็ได้ (ไม่เกี่ยวกันนะครับ ต่างคนต่างสั่ง)...</p><p><br /></p><p>เสร็จแล้วก็เอาไปจูนรอมด้วยนะครับ อากาศมันเข้ามากกว่าเดิมต้องการน้ำมันที่มากกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็เพิ่มเร็กกูเลเตอร์เข้าไปอีกตัว แล้วเพิ่มแรงดันน้ำมันเข้าไปอีกหน่อย อย่างน้อยก็ 10% แต่ผมว่าจูนรอมถูกว่านะ เร็กกูเลเตอร์ของใหม่อย่างถูกๆ ก็สามพันกว่าบาทเข้าไปแล้ว จูนแบบ real time ได้เลย</p><p><br /></p><p>สำหรับปั๊มเชื้อเพลิงใครไม่เคยเปลี่ยนมานานแล้วก็ เปลี่ยนซะเลย เอาของ j มาใส่ได้เลย แต่ต้องเลือกเอาตัวผอมนะครับ ของ j มันจะมีอยู่สองแบบ แบบอ้วนกับ แบบผอม สีดำๆ denso ผลิตให้เหมือนกัน เอามาใส่แทนกันได้เลย ปลั๊กเหมือนกัน แต่ของ j ขั้วไฟเล็กกว่า แต่ใช้กันได้ ตัวปั๊มยาวกว่าเล็กน้อย แต่ยัดกันได้ไม่ติดอะไร เวลาใส่ท่อยางก็หาน้ำมันมาทาๆ ซะหน่อยนะครับ จะได้ยัดได้ง่ายๆ เดียวท่อหักขึ้นมาต้องวิ่งไปหาซื้อกันใหม่อีก ส่วนกรองตรงปลายก็ถอดสลับกันได้เลยช่องตรงกันหมด ทำเองได้ง่ายๆ...[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="coupe4wd, post: 984376, member: 70865"]ขออนุญาติแปะข้อมูลหน่อยนะคับ และขออนุญาตคุณ AK ReGenT สำหรับข้อมูลที่มะประโยชน์กับเราชาว HONDA....ขอบคุณครับ [SIZE="3"][COLOR="RoyalBlue"]B20B+B16A แนวทางประกบ [/COLOR][/SIZE] « เมื่อ: กันยายน 02, 2008, 08:15:34 PM » -------------------------------------------------------------------------------- b20b จากญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นใหญ่ๆ ที่มีความแตกต่างกัน b20b ปี 96-98 เครื่องจะมีกำลังอัด 8.8 ต่อ 1 b20b ปี 99-01 เครื่องจะมีกำลังอัด 9.6 ต่อ 1 b20b รหัสฝา P75 วาวล์ไอดี 31 มม. ไอเสีย 28 มม. และรหัส P8R กำลังอัด 9.2 ต่อ 1 วาวล์ไอดี 33 มม.( เท่ากับฝาวีเทค) วาวล์ไอเสีย 28 มม. ** ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างไร? ** ถ้าได้เครื่องปี 96-98 มาประกบกับฝา b16a กำลังอัดจะอยู่ แถวๆ 9.09 ต่อ 1 ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ (เมื่อเทียบกับของ b16a 10.2 ต่อ 1 ) ถ้าจะให้ได้กำลังอัดประมาณ 10.5 ต่อ 1 จะต้องไสฝาออกประมาณ 2 มม. ซึ่งจะทำให้ระยะวาวล์กับลูกสูบใกล้กันมากเข้าไปอีก โอกาสที่วาวล์จะกระทบลูกสูบมีมากขึ้น ยิ่งถ้าจะต้องขุดลูกสูบเพื่อให้หลบวาวล์ และรักษากำลังอัดไว้ คงจะต้องไสฝามากกว่า 2 มม. และมันก็จะมีปัญหาเรื่องสายพานไทม์มิ่ง ที่มีระยะที่หย่อนมากขึ้นอีกหน่อย โอกาสที่จะกระโดดข้ามร่องยามที่สายพานเก่าๆที่รอบสูงๆ จะมีมากกว่า ถ้าใช้กับฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะสูงกว่า เนื่องจากห้องเผาไหม้เล็กกว่า ( 42.7 cc. กับ 41.6 cc) ดังนั้นถ้าได้เครื่อง ปี 99-01 หรือ เครื่องที่มีรหัสฝา P8R มาใช้น่าจะดีกว่า เนื่องจากว่ากำลังอัดจะสูงกว่าถึงจะปาดฝาเพิ่มกำลังอัด ก็จะปาดออกไม่มาก สรุป จากการคำนวน เครื่อง ปี 96-98 ประกบฝา b16a กำลังอัดจะได้ 9.09 ต่อ 1 เครื่อง ปี 99-01 ประกบฝา b16a กำลังอัดจะได้ 9.96 ต่อ 1 เครื่อง ปี 96-98 ประกบฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะได้ 9.24 ต่อ 1 เครื่อง ปี 99-01 ประกบฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะได้ 10.14 ต่อ 1 **แล้วถ้าประกบฝา 18 แดง ล่ะครับ จะเป็นยังงัย คุ้มค่าน่าทำมั๊ย ไม่ค่อยเห็นใครทำ เผื่อท่อนล่างผมเจ๊งก็อาจจะเปลี่ยนเป็น 20?** มันไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่นะครับ นอกเสียจากว่าท่อนล่างเจ๊ง หรือต้องการแบบสุดๆ (แต่เล่นหนักๆ ไม่ทน) เนื่องจากว่ามีข้อแตกต่างจากท่อนล่างของทั้งสองบล๊อกเป็นต้นว่า - ลูกสูบกำลังอัดสูง น้ำหนักเบา เคลือบกระโปรงลูกสูบด้วยเทฟล่อน - มีหัวฉีดน้ำมันเครื่องระบายความร้อนและหล่อลื่นด้านใต้ลูกสูบ (oil squiter) - มีตัวเพิ่มความแข็งแรงของประกับเมนแบริ่ง (gridle) ทำให้เครื่องไม่บิดตัวมากเมื่อใช้รอบสูงๆ - ข้อเหวี่ยงมีการบาล้านซ์น้ำหนักได้ละเอียดกว่าเพื่อการทำงานที่รอบสูงได้นิ่งมากขึ้น - ก้านสูบแบบกึ่งอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา แข็งแรงกว่า b20b มีดีแค่ความจุอย่างเดียวครับ เพิ่มขึ้นมาอีก ไม่เต็ม สองร้อย ซีซี ด้วยซ้ำ เหมาะสำหรับเอามาจิ๊ดจ๊าด ในเมือง นอกเมืองบ้างนิดหน่อย เอามาแข่งยาวๆ ในเซอร์กิต ดูเหมือนว่า มันไม่น่าจะทนซักเท่าไหร่นัก ใครทำท่อนล่าง ฝาแดงเจ๊งได้ โดยไม่ว่าวเกียร์ และมีการดูแลรักษาอย่างดีตลอด ผมว่า เก่งมากนะครับ..จริงๆ **ระหว่างฝา B 18 C (แดง) กับ B 16 B (แดง) อัดตากำลังอัดแตกต่างกันไหมครับ?** ฝาแดงทั้งคู่เป็นฝาเดียวกัน เป็นฝาที่มีพื้นฐานมาจากฝาของ b16a ฝาดำเดิมๆ แต่เอามาเปลี่ยนวาวล์ใหม่ให้น้ำหนักเบากว่าเดิม มีการขัดพอร์ทเพิ่มการไหลของอากาศ แล้วเอาสปริงวาวล์ด้านไอดี ทั้งนอกและในของ b18c ฝาดำ เอามาใส่ด้านไอเสีย ส่วนด้านไอดีก็เป็นอันใหม่ที่แข็งกว่าเดิม แคมไอดีไอเสียองศาสูงขึ้น โดยที่แคมไอดีฝาแดงของ b16b จะมากกว่าของ b18cr อยู่ 3 องศา แคมไอเสียของทั้งคู่ใช้ เบอร์อะไหล่เบอร์เดียวกัน (ก็ใช้อันเดียวกันนั่นแหละ) ร่ายซะยาว...กำลังอัดจะต่างกันนิดหน่อย เพราะลูกสูบของ b16b หัวสูงกว่า (ไฮโซ) กำลังจึงสูงกว่า นิดหน่อย แต่อยู่แถวๆ 11 กว่าๆ ต่อ 1 กระโปรงสูบเคลือบเทฟล่อนเหมือนกัน อ้อ ลูกสูบเป็นแบบกึ่งอัด forge ด้วยนะ น้ำหนักเบากว่าลูกสูบเดิมๆ ของ ฝาดำ... **แล้วถ้า อู่เค้าไม่รู้ข้อมูล พวกนี้อะครับ เช่น เอา เครื่อง ปี 00 มาปาดฝาแบบเครื่อง 96 คือประมาณว่า เคยทำสูตรนี้อยู่ก้อทำตามเดิมอะครับจะเป็นงัยบ้างครับ กำลังอัดจะได้เท่าไหร่ แล้วมีผลเสียอย่างอื่นไหมครับ?** ผมว่าถ้าเค้าทำประจำเค้าน่าจะรู้นะ เพราะเวลาเปิดฝาออกมาประกบ หน้าตาลูกสูบมันก็ไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าเค้าไม่รู้จริงๆ กำลังอัดมันจะสูงมากครับ (น่าจะอยู่แถวๆ 12:1 )กลัวว่าเค้าจะแก้วิธีง่ายๆ โดยลดไฟให้อ่อนลง คราวนี้มันก็จะวิ่งไม่ออก หรือไม่ก็ต้องเสริมประเก็นเพื่อลดกำลังอัด อีกวิธีคือต้องขุดห้องเผาไหม้เพิ่ม ไม่อย่างนั้นใช้น้ำมัน 95 ไม่ได้ เพิ่มเติมนะครับ เพิ่งนึกได้ ใครที่จะประกบฝานะครับ ควรจะเปลี่ยนปั๊มน้ำด้วย เพราะปั๊มน้ำของ b20b เป็นแบบ 19 ฟัน ของ b16, 18 จะเป็นแบบ 22 ฟัน ซึ่งดูเผินๆ เหมือนว่าจะดี เพราะรอบปั๊มหมุนเร็วกว่า น้ำน่าจะระบายดีกว่า แต่...ถ้าน้ำหมุนเร็วเกินไปมันจะระบายความร้อนที่หม้อน้ำไม่ทัน ความร้อนยังไม่ทันที่จะระบายออกจากหม้อน้ำแล้ว แต่ต้องวนกลับไปที่เครื่องเพื่อรับความร้อนใหม่อีกแล้ว อาจจะเกิดความร้อนสะสมได้ แต่นั้นไม่เท่าไหร่ ขยายความจุหม้อน้ำใหม่ก็พอได้ ที่สำคัญก็คือ เมื่อเราใช้รอบสูงๆ ๆ ปั๊มน้ำจะหมุนในลักษณะ over speed อันอาจจะเกิดการ cativation (ฟองอากาศในระบบ) ทำให้การระบายความร้อนทำได้ไม่ดี น้ำระบายความร้อน ไม่เกิดการหมุนเวียนเนื่องจากติดฟองอากาศที่เกิดขึ้น และเกิด hot spot ขึ้นในห้องเผาไหม้ได้ จากนั้นความหายนะของเครื่องอาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ และเมื่อเราลดรอบเครื่องลง ฟองอากาศจะเกิดการยุบตัวเกิดการการกระแทกของน้ำระบายความร้อน ทำให้ชิ้นส่วนที่น้ำไหลผ่านอย่างเช่น ปั๊มน้ำ ซีลต่างๆ หม้อน้ำ เกิดการกัดกร่อนทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งรั่วในที่สุด (ไม่ได้เห็นผลในทันที แต่ก็ทำให้ระบบสึกหรอเร็วกว่าปกติ) แต่ถ้าไม่ได้ใช้รอบสูงๆ ก็ไม่เป็นไร และ ถ้าใช้ ปั๊มน้ำของรุ่นไหน ก็ให้ใช้สายพานของรุ่นนั้นนะครับ อย่างเช่น ปั๊มน้ำของ b20b ก็ใช้สายพานไทม์มิ่งของ b20b ถ้าปั๊มน้ำของ b16,18 ก็ใช้สายพานของ b18 (ของ b16 สั้นไป) จำนวนฟันของสายพานไทม์มิ่ง B16A > 124 ฟัน B18C > 126 ฟัน B20B > 125 ฟัน เบอร์สายพานเคยลงไปแล้ว กระทู้ไหนก็ไม่รู้ เร็วๆ นี้แหละ ใครอยากรู้ก็อีกก็ถามได้ จะได้รวมกันอยู่ที่เดียวกันเลย เรื่องปั๊มน้ำมันเครื่อง ผมลองเช็คเบอร์อะไหล่ดูแล้ว โชคดีครับ ปั๊มน้ำมันเครื่องเบอร์เดียวกับฝาแดง **แล้วถ้ามีแต่ท่อนล่างล่ะครับจะดูยังไงครับ?** อันนี้สิดูยาก เพราะมันไม่ตัวหล่อเหมือนกับฝาสูบ มันดูได้แบบคร่าวๆเป็นช่วงปี อย่างที่บอกไว้ข้างบนว่า ตัวปี 96-98 กำลังอัดต่ำกว่า หัวสูบมันจะเป็นหลุมมากกว่าตัวปี 99-01 (ใครไม่เคยเห็นทั้งสองตัวมาแล้ว มันก็ไม่รู้จะเทียบกันยังไงเหมือนกันครับ) อีกทางก็คือ ที่ตัวเสื้อสูบ ของปี 96-98 จะไม่มี knock sensor แต่จะมีตัวหล่อปูดๆ ออกมา แต่ไม่ได้ทำเกลียวสำหรับใส่ knock sensor มาด้วย ถ้ามาเจาะใส่ knock sensor เอง ก็จะเห็นว่าตัวหล่อไม่ได้ปาดให้เรียบ เหมือนกับตัวปี 99-01 ที่ปาดเรียบแล้วทำเกลียวใส่ เซนเซอร์ มาให้เรียบร้อย อีกทีก็ต้องดูที่เลขเครื่อง แต่ตอนนี้ผมไม่มีที่อ้างอิงว่า ปีไหนเลขเครื่องอะไร เอาไว้ถ้าหาได้จะเอามาลงไว้ให้ (ถ้าหาได้และไม่ลืม) เพิ่มตรงนี้อีกนิด เครื่องในญี่ปุ่นจะเป็นเครื่อง b20b ทั้งหมด (ตามความเข้าใจของผมนะ) แต่ว่าถ้านอกญี่ปุ่นจะมีเครื่องรหัส b20z ด้วย ซึ่งรายละเอียดของตัวเครื่องจะเหมือนกับ b20b ปี 99-01 สำหรับใครที่เคยเห็นเครื่อง b20a, b21a สองตัวนี้ส่วนใหญ่จะวางอยู่ใน แอคคอร์ด และพรีลูด ในยุคปี 80 ทั้งสองเครื่องนี้ "เค้าว่า" ไม่ได้อยู่ในตระกูล b-series จริงๆ เพราะอะไหล่หลายอย่างใช้ร่วมกันไม่ได้ (ซึ่งน่าจะเอาไปประกบฝาไม่ได้ด้วย และเครื่องก็หายากด้วยเพราะมันเก่ามากแล้ว) แต่ก็เป็นต้นแบบของเครื่อง b ในยุคต่อมา รวมไปถึงเครื่อง zc twin cam ด้วย ถ้าอยากได้รายละเอียดของเครื่องรุ่นต่างๆ ลองหาอ่านใน wigipedia ดูครับ มีให้อ่านเยอะ... อ่านแล้วก็เหนื่อยใจ....ต้องใช้เงินทั้งนั้น -*- อยาก save ไหมล่ะ บอกมาเดี๋ยวแนะนำให้ เอาเครื่องเดิมนี่แหละ เหนียวดี ไม่ต้อง b20 หรอก เสียดายเครื่อง ทำที่ละสเต๊ป จะได้ไม่เปลืองตังมาก **โอ้ย เห็นแล้วอยากทำจังครับ ใครมีอู่แนะนำบอกกันบ้างนะ แล้วใครมีเกียร์กะปุก 16 รึ 18 บอกกันบ้างนะครับ จะเก็บเครื่องไว้ใช้เองแล้วคับพี่ก้อง ผมที่เคยโทรไปคุยนะครับ?** จำได้ครับ แต่ถ้าทำเป็น b20 คงต้องบวกหลายอย่างเหมือนกันนะครับ เพราะเห็นว่าจะใช้เกียร์กระปุกด้วย มันก็ต้องเพิ่มค่าเกียร์, กระบองเกียร์, ด้ามเกียร์, ขาคลัชท์, กระปุกน้ำมัน อีก ราวๆ สองหมื่น ค่าทำรวมเครื่องด้วยอีกสามหมื่น กลายเป็นครึ่งแสนแล้วนะครับ ไหนจะต้องเปลี่ยนเป็นกล่องเกียร์ธรรมดาพร้อมกับจูนรอมอีก อาจจะเกินไปอีกหน่อย อ้อ..คลัช กับฟลายวีลด้วยนะครับ โดยมากมักจะไม่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา เรื่องอู่ลองถาม zero-start ดูเห็นในคลับก็ทำที่นี่กันเยอะ ของผมก็อยากจะทำเองเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยอยากลงทุนซื้อเครื่องมือหนักบางตัว ซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้มันจะไม่คุ้ม ยอมเสียค่าแรงให้เค้าดีกว่า แต่ตอนนี้เครื่องยังกองอยู่ที่บ้านเลย จะครึ่งปีแล้ว ยังไม่ได้เวลาไปทำซะที หรือใครมีเครื่องมือให้เช่าบ้างจะได้ทำเองแล้วรับจ๊อบได้บ้าง... อิ อิ.. วิธีประกบ ... เข้าเรื่องเลยนะ ความจริงเคยมีคนลอกจากหนังสือเอามาลงไปแล้ว ซักช่วงปลายๆปี 49 มั้ง เอาสั้นๆ แล้วกัน เมื่อเรามีท่อนล่างท่อนบนเรียบร้อย โดยอยู่บนสมมุติฐานว่าเป็นเครื่อง วีเทคอยู่แล้ว ก็ยกเครื่องออกมาแล้วก็ถอดฝาสูบออกมาจัดการทำเกลียวอุดรูน้ำมันเครื่องบนหน้าฝาสูบเพื่อไม่ให้น้ำมันเครื่องไหลออกมาเพราะ ที่เสื้อของ b20b จะไม่มีหน้าสัมผัสปิดรู หรือรูที่จะรับน้ำมันเครื่องที่ฝาของวีเทค จากนั้น ก็หาทางเอาปลั๊กเกลียวอุดรูน้ำมันเครื่องด้านใต้จานจ่าย หลังเครื่อง ฝั่งท่อไอดีออก แล้วใส่เกลียวสำหรับต่อท่อน้ำมันเครื่องเข้าไป บางอู่จะเอาฝาสูบไปเจาะขยายรูสำหรับใส่ dowel (ภาษาไทยเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้) คือตัวบังคับให้ฝาสูบกับเสื้อสูบตรงอยู่ในแนวเดียวกันไม่ขยับไปมา ลักษณะเป็นทรงท่อสั้นๆ เนื่องจากว่าตำแหน่งของ dowel ของเครื่อง b20 กับเครื่อง vtec มันอยู่กันคนละตำแหน่งกัน อีกวิธีที่น่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องเจาะขยายรู ก็ให้กลึงตัว dowel ตัวใหม่ ให้มีลักษณะเป็นหยักลดขนาด (step) แล้วสวมลงไปในตำแหน่งเดิมของฝาสูบและต้องให้พอดีกับที่เสื้อสูบ ซึ่งฝรั่งเค้ามีชุดนี้ขาย แต่ของเรากลึงเอาน่าจะถูกว่าสั่งเข้ามา แต่วิธีเจาะน่าจะเป็นวิธีที่ถูกที่สุด (แต่ผมว่า ถ้าไม่มีการจับยึดที่ดีมันมีโอกาสเบี้ยวได้) ใครจะเอาฝาไปขัดทำพอร์ท หรือเปลี่ยนยางตีนวาวล์เปลี่ยนสปริง บดวาวล์ก็ทำเสียตรงนี้ได้เลย จะได้ไม่เสียเวลายกเข้ายกออกอีก สำหรับที่เสื้อสูบ ก็เตรียมการสำหรับเดินน้ำมันเครื่องไปเลี้ยงฝาสูบ แนะนำให้ใช้สาย แบบสายเทฟล่อนแสตนเลสถัก ประมาณเบอร์ 4 หรือ สายไฮดรอลิคทนแรงดันสูง แต่แนะนำแบบแรกมากกว่าราคาต่างกันไม่เท่าไหร่ เพราะมันสั้นแค่ 13-14 นิ้วเอง ทำหัวไว้สำหรับขันเข้ากับฝาสูบ อีกด้านเข้าสามตาที่ต่อมาจากตัววัดแรงดันน้ำมันเครื่อง ใกล้ๆ กับกรองน้ำมันเครื่อง แต่ก็แนะนำอีกว่าควรจะใช้อแด๊ปเตอร์ที่ต่อจากฐานกรองน้ำมันเครื่องจะดีกว่า สะดวกกว่า และ สามารถต่อพวกตัวเซนเซอร์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิน้ำมันเครื่องได้อีกด้วย ราคาตัวละประมาณไม่เกินพันบาทไทย ใครสนใจติดต่อมาเดี๋ยวไปเอามาให้ แต่หาไม่ยากหรอกมีขายเยอะแยะ ดีกว่าใช้สามตาตั้งเยอะ และไม่เสี่ยงที่สามตาจะแตกร้าวด้วยยิ่งโดยเฉพาะสามตาที่เป็นทองเหลืองเวลาร้อนจัดๆ มันชักจะออกอาการเนื้อทองเหลืองเปราะ ยิ่งถ้าต่อยาวๆหลายข้อต่อด้วยแล้วเวลาเครื่องสั่นสะเทือนมันจะแกว่งให้ข้อต่อร้าวได้ง่ายขึ้น ที่ลูกสูบ ตามที่ฝรั่งว่าไว้ ถ้าไม่ได้ใช้แคมลิฟสูงก็ไม่ต้องขุดหลบวาวล์เพิ่ม แต่ต้องไม่ advance แคมเพิ่ม แต่ผมว่าเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน ให้แต่งช่องหลบวาวล์บนลูกสูบสักเล็กน้อยโดยเฉพาะด้านไอดี เพราะวาวล์ของ b20b จะเล็กกว่าของวีเทคอยู่ 2 มม. อาจจะมีการสะกิดกันได้ที่รอบสูงๆ ถ้าปลอกวาวล์เริ่มมีการสึกหรอ และถ้าจะเล่นกับแคมภายหลังจะได้ไม่ต้องถอดฝาออกมาทำอีก เดี๋ยวนี้แคมฝาแดงก็ราคาเริ่มลงเรื่อยแล้ว จากที่หมื่นกว่าบาท สามารถหาได้ต่ำกว่าหมื่นลงมาถึง 7-8 พันได้แล้ว และแคม street ที่คุณแดนขาย skunk2 เห็นเซลส์อยู่แค่แถวๆ หมื่นหกเอง เพิ่มเติมเรื่องสปริงวาวล์หน่อยครับ ถ้าไม่ได้เบิกใช้ของฝาแดงหรือของแต่ง และอยากประหยัดงบ ให้เอาของด้านไอดี ย้ายมาใส่ด้านไอเสีย ก็จะได้ด้านไอเสียเป็นสปริงสองชั้น จากเดิมที่เป็นสปริงชั้นเดียว ส่วนด้านไอดีก็เอาของ b20 ด้านไอดีมาใช้เป็นตัวนอก ส่วนตัวในก็หาใหม่หรือเบิกใหม่เอา จะประหยัดไปได้อีกเยอะ เพราะ free length ของสปริงด้านไอดีของ b20 จะเยอะกว่าของสปริงสองชั้น นั่นก็หมายความว่ามันจะแข็งกว่า แต่ถ้าใช้แคมแต่งต้องดูด้วยนะครับว่าสปริงมันจะเอาไหวไหม เพราะถ้าลิฟสูงมากๆ สปริงอาจจะยันก็ได้ ทางที่ดีควรเป็นสปริงแต่งและรีเทนเนอร์แต่งไปด้วย จากนั้นก็ทำการประกอบฝาเข้ากับเครื่อง น๊อตฝาสูบให้ใช้ของวีเทค เพราะของ b20b มันสั้นเกินไป ขันให้ได้ตามสเปคของเครื่องวีเทค ถ้าฝาเปิดมาหลายครั้งแล้วให้เปลี่ยนน๊อตฝาสูบไปเถอะครับ อย่าไปเสียดายเพราะน๊อตมันจะยืดค่าที่ขันเข้าไปมันจะไม่ได้ตามสเป็ค แล้วมันจะทำให้เกลียวในเสื้อสูบเสียด้วย และมันจะทำให้เกิดอาการที่เค้าเรียกว่าเกลียวถอน หรือน๊อตถอน นั่นก็คือเกลียวมันรูดเวลาอัดหนักๆ ครับ หรือถ้าใช้สตัดเกลียวแต่งของ ARP ก็ได้ครับหมดปัญหาไปเลย ใครอยากได้สั่งที่ผมก็ได้จะสั่งเข้ามาให้ หรือที่คุณแดนก็ได้ (ไม่เกี่ยวกันนะครับ ต่างคนต่างสั่ง)... เสร็จแล้วก็เอาไปจูนรอมด้วยนะครับ อากาศมันเข้ามากกว่าเดิมต้องการน้ำมันที่มากกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็เพิ่มเร็กกูเลเตอร์เข้าไปอีกตัว แล้วเพิ่มแรงดันน้ำมันเข้าไปอีกหน่อย อย่างน้อยก็ 10% แต่ผมว่าจูนรอมถูกว่านะ เร็กกูเลเตอร์ของใหม่อย่างถูกๆ ก็สามพันกว่าบาทเข้าไปแล้ว จูนแบบ real time ได้เลย สำหรับปั๊มเชื้อเพลิงใครไม่เคยเปลี่ยนมานานแล้วก็ เปลี่ยนซะเลย เอาของ j มาใส่ได้เลย แต่ต้องเลือกเอาตัวผอมนะครับ ของ j มันจะมีอยู่สองแบบ แบบอ้วนกับ แบบผอม สีดำๆ denso ผลิตให้เหมือนกัน เอามาใส่แทนกันได้เลย ปลั๊กเหมือนกัน แต่ของ j ขั้วไฟเล็กกว่า แต่ใช้กันได้ ตัวปั๊มยาวกว่าเล็กน้อย แต่ยัดกันได้ไม่ติดอะไร เวลาใส่ท่อยางก็หาน้ำมันมาทาๆ ซะหน่อยนะครับ จะได้ยัดได้ง่ายๆ เดียวท่อหักขึ้นมาต้องวิ่งไปหาซื้อกันใหม่อีก ส่วนกรองตรงปลายก็ถอดสลับกันได้เลยช่องตรงกันหมด ทำเองได้ง่ายๆ...[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Club SI
>
ฺB20 จะแรงกันไปถึงไหน
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...