เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Civic ES Group
>
D.I.Y. ทำเองได้ง่ายนิดเดียว
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="BASLER, post: 223023, member: 36258"]<b>D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)</b></p><p><br /></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆๆ รถเพื่อนๆ บางคันผมว่าต้องเจออาการนี้บ้างแน่ๆเลย</span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">1. บางทีรถติดไฟแดงนานๆ แอร์จะไม่ค่อยเย็น มีแต่ลมร้อนๆ ออกมา แต่พอได้วิ่งหน่อย แอร์ก็จะมีลมเย็นๆ ออกมาบ้าง แต่ถ้าติดอีกเมื่อไร แอร์จะไม่มีความเย็นเลย จะมีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์ใช่ไหมฮะ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">สาเหตุแรกเลยไปมองดูที่ คอยล์ร้อนแอร์ ว่าสกปรกมากหรือเปล่า เนื่องจากแผงคอล์ยร้อนนี้ มีหน้าที่ระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ที่ ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์แอร์ เนื่องจากคอมแอร์จะสร้างแรงผลักดันเพื่อให้น้ำยาแอร์วิ่งหมุนเวียนอยู่ภายในระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์จะมีความร้อนสูงมากๆๆ จากนั้นน้ำยาแอร์จะวิ่งเข้าสู่แผงคอล์ยร้อน เพื่อระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ให้มันเย็นขึ้น </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">(ลองสังเกตุดูเองก็ได้นะครับ ทำไมตอนฝนตกแอร์รถทำไมเย็นขึ้น รถติดก็ยังเย็นอยู่ เนื่องจากน้ำฝนนั้นได้ไปโดนแผงคอล์ยร้อนหน้ารถไงคับ คอล์ยร้อนมันเลยระบายความร้อนได้เร็วขึ้น หรือจอดรถอยู่บ้าน ลองเอาน้ำฉีดที่แผงคอล์ยร้อนดูแล้ว ลองนั่งในรถดูว่าความเย็นแตกต่างกับไม่ได้ฉีดน้ำหรือเปล่าคับ ) </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ถ้าแผงคอล์ยร้อนสกปรกให้ใช้ น้ำฉีดที่แผงให้เปียกแล้ว ใช้เสปร์ย (วีม,เป็ด ที่ใช้ขัดคราบมันในครัวอะ ซื้อได้ตามห้างอะคับ ) ใช้ฉีดให้ทั่วแผงคอล์ยร้อนทิ้งไว้ซัก 5-10 นาทีแล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก หรือใช้แปลงสีฟันเก่าๆ รูดลงตามแนวตั้ง พยายามอย่าให้แผงมันล้มนะคับ เท่านี้แผงคอล์ยร้อนก็สะอาดแล้วคับ ลองทำดูจัสังเกตุได้เลยว่าแอร์เย็นขึ้น เพราะ แผงคอล์ยร้อนนั้นมันจะมีพวกคราบน้ำมันต่างๆตามท้องถนน พวกคราบน้ำมันนี้มันติดที่แผงแล้วใช้น้ำสะอาดล้างอย่างเดียวมันไม่ค่อยออก มันจะฝั่งแน่นทำให้แผงระบายความร้อนไม่ค่อยออก </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">คอยล์ร้อน ( CONDENSER) </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">คอยล์ร้อนจะมีลักษณะเป็นแผงรับอากาศขนาดพอๆ กับหม้อน้ำรถยนต์ มีทางเข้าและทางออก </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ของน้ำยาแอร์ ซึ่งถูก ออกแบบมาให้มีท่อน้ำยาแอร์ขดไปขดมาบนแผง โดยผ่านครีบระบายความร้อน </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ซึ่งมีลักษณะคล้ายครีบระบายความร้อนของหม้อน้ำ คอยล์ร้อนจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารถยนต์ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">คู่กับหม้อน้ำ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">วงจรของระบบแอร์รถยนต์ครับ สีน้ำเงินคือความเย็นนะครับ สีแดงคือความร้อนคับ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=164143&stc=1&d=1142275997" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">เป็ดกับวิมนั้นไม่กัดแผงอลูมิเนียมมากเท่าโซดาไฟคับ แนะนำ ให้ฉีดทิ้งไว้ไม่ควรเกิน 10 นาทีคับ ใครฉีดแล้วจะทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ได้ฮะ แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากกว่าเดิมคับ เพราะที่เราฉีดทิ้งเอาไว้ตอนแรกนั้น สารเป็ด,วิม มันก็ไปชะล้างคราบสกปรก คราบน้ำมันออกหมดแล้วคับ เพราะฉะนั้น ฉีดทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ไม่มีผลอะไรคับ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">เรื่องการดูน้ำยาแอร์ว่าขาดหรือเปล่า ขอเป็นคืนนี้นะครับ ตอนนี้ผมหาภาพใน com ผมอยู่อะคับ เป็นภาพที่เคยลงเอาไว้ใน rcweb อันเก่ากระทู้ DIY ชุด service แอร์ด้วยตนเอง ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ จำกันได้รึเปล่าฮะ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ภาพก่อนล้างและ</span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">หลังล้างคับ</span></span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=164787&stc=1&d=1142319028" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></p><p><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=164788&stc=1&d=1142319065" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ดูว่าน้ำยาแอร์รถเราขาดหรือเปล่า ให้มองหาตัวไดเออร์ ซึ่งจะเป็นทรงท่อสีดำบ้างสีเงินบ้าง ดูที่หัวของมันจะมีกระจก (ภาษาช่างจะเรียกว่า ตาแมว) ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบรถยนต์ขาดหรือไม่เต็ม ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็น 100% </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ตามรูป สังเกตุในกระจก จะเห็นเป็นฟองอากาศขาวๆ วิ่งเยอะๆ อย่างนี้แสดงว่าน้ำยาแอร์ในระบบไม่เพียงพอคับ</span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=165150&stc=1&d=1142344036" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">และถ้าน้ำยาแอร์ในระบบไม่ขาด จะมองเห็นเป็นน้ำใสๆมีฟองอากาศอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (จะเป็นฟองอากาศแบบอ้วนๆ ) ตามภาพนะคับ</span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ภาพที่ 2 จะเห็นว่าฟองขาวๆนั้นจางลงเริ่มเป็น </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ภาพที่ 3 จะเห็นได้เลยว่าเป็นลักษณะน้ำใสๆ มีฟองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามภาพนี้แสดงว่าน้ำยาในระบบแอร์ไม่ขาดคับ</span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">และก็จะมีคำถามอีกว่า น้ำยาแอร์นั้นต้องเติมบ่อยไหม ? </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">ระบบแอร์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถยนต์, ถ้าเกิดระบบแอร์นั้น ไม่มีที่รั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ครับ จะเติมน้ำยาแอร์ก็ต่อเมื่อ ตอนแอร์ฟังตามอายุของมัน กับ เคลื่อนย้ายตัวแอร์ติดตั้งที่อื่น,เปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">เพื่อนๆลองมองที่รอบๆกระจกของตัวไดเออร์ เห็นคราบน้ำมันสีดำนั้นไหมครับ คราบน้ำมัน มันมาจากไหน มันค่อยๆออกมาตามขอบของกระจกคับ เหตุนี้แหละครับคือที่รั่วของระบบแอร์ เติมน้ำยาแอร์มาเดือนหนึ่ง น้ำยาแอร์ก็หายหมดครับ บางทีมันไม่ได้รั่วแค่ตรงนี้ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">เพื่อนๆ ที่ต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำ ลองสังเกตุท่อแอร์ โดยเฉพาะพวกข้อต่อต่างๆ ดูว่ามีคราบน้ำมันดำๆ เกาะหรือเปล่า ถ้าหาไม่เจอ หาฟองน้ำฉุบน้ำยาล้างจานที่มันมีฟองเยอะๆ แล้วค่อยถูตามท่อแอร์ ตรงไหนที่มีฟองอากาศขึ้นมา แสดงว่าตรงนั้นคือจุดรั่วครับ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><br /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum">งงไหมฮะ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามได้นะครับ ถ้าผมรู้และเคยเจอมาก่อนคับ ผมจะตอบให้ได้ </span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=165165&stc=1&d=1142344829" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=165166&stc=1&d=1142344866" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">ผมเคยได้ยินมาจากเพื่อนๆ ที่เคยไปซ่อมแอร์ตามร้านทั่วไป,กระทู้ทั่วไปที่ถามเกี่ยวกับ เว็คคัม ? คืออะไร </span></p><p><span style="color: Plum">ทำไมเติมน้ำยาเพิ่มอย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ 200 - 300 บาท</span></p><p><span style="color: Plum">ทำไม เว็คคัม เติมน้ำยาแอร์ ราคาอยู่ที่ 500 - 1000 บาท (ขนาดรถทั่วไปน่าจะไม่เกินราคานี้ แต่ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ก็จะแพงกว่านี้)</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">ขออธิบายข้อดีแต่ละตัวว่าแตกต่างยังไงนะครับ (เผื่อเพื่อนๆบางคนอาจยังไม่ทราบ)</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">- เติมน้ำยาเพิ่ม คือในระบบแอร์รถเรานั้น น้ำยาแอร์อาจจะ ขาดเพียงเล็กน้อย หรือขาดมากก็แล้วแต่ ช่างแอร์เขาจะใช้วิธีต่อสายแล้วดูที่เกร์ + ดูที่ตาแมว(กระจกบนตัวไดเออร์) ปล่อยน้ำยาจากถังเข้าสู่ระบบแอร์รถ แล้วช่างแอร์เขาจะมองที่ตาแมว ถ้าเริ่มใสแล้วก็จะปิดวาวร์ที่ตัวถังน้ำยาแอร์ แล้วเขาจะสังเกตุว่าเติมน้ำยาแอร์เข้าไปเยอะหรือน้อย ช่างแอร์เขาจะคิดเงินตาม ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เติมให้เราครับ </span></p><p><span style="color: Plum">(ผมบอกไว้เป็นความรู้นะครับ ถ้าเติมเพิ่มให้กับ รถยนต์ที่มีขนาดกลาง น้ำยาแอร์ไม่น่าจะเกิน 1 กิโลกรัมคับ)</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">- ข้อเสียคือ </span></p><p><span style="color: Plum">1.การเติมลักษณะนี้ จะมีอากาศเข้าไปปะปนอยู่ภายในระบบแอร์ด้วย อากาศที่เข้าไปนั้นจะมากหรือน้อย อันนี้ขึ้นอยู่วิธีการเติมของช่างแต่ละคนคับ </span></p><p><span style="color: Plum">(วิธีที่จะให้อากาศเข้าสู่ระบบแอร์น้อยที่สุด ตอนที่ช่างแอร์ต่อสายเข้ากับถังน้ำยาแอร์นั้น ช่วงสายนั้นจะมีอากาศอยู่ ตอนเปิดวาวร์น้ำยานั้น ให้ช่างแอร์ คายเกรียวที่ติดกับตัวเกร์น้ำยา (สายเส้นเดียวกับที่ต่อเข้าถังน้ำยาแอร์นะคับ) เพื่อให้น้ำยาแอร์ที่ออกมาตอนแรกนั้น ทำการไล่อากาศที่ค้างอยู่ตามสายออกให้หมด</span></p><p><span style="color: Plum">2.น้ำยาแอร์แต่ละที่ แต่ละร้าน ที่อยู่ในถังนั้นส่วนมาก คุณภาพจะไม่เหมือนกัน บางทีน้ำยาแอร์ในระบบรถเราเป็นของมีคุณภาพดี แต่พอไปเติมเพิ่มแล้ว น้ำยาแอร์ที่เติมเพิ่มเข้าไปใหม่นั้น อาจจะเป็นน้ำยาที่ไม่มีคุณภาพก็เป็นไปได้ (แล้วแต่ดวงละฮะ) แต่ถ้าคุณภาพดีก็ ok ครับ (น้ำยาคุณภาพดี หรือไม่ดี เดี๋ยวผมอธิบายแบบละเอียดให้ฟังอีกทีคับ)</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">- การเว็คคัม คือ การปล่อยน้ำยาแอร์ที่อยู่ในระบบแอร์ในรถออกให้หมด (สังเกตุดูนะคับ มีน้ำยาแอร์+น้ำมันคอม ออกมาตามสายชาชร์น้ำยา เจ้าของรถโปรดสังเกตุด้วยว่าน้ำมันออกมาเยอะปล่าว ถ้าเยอะ ต้องให้ช่างเขาเติมน้ำมันคอมเพิ่มให้ด้วยนะครับ ไม่งั้นใช้ไปซักพัก คอมเพรส์เซอร์แอร์จะฟังเอานะฮะ (ส่วนมากจะเป็นเส้นสีเหลือง) แล้วช่างแอร์ก็จะเอาเครื่องเว็คคัมมา แล้วต่อสายเส้นเหลืองเข้ากับเครื่อง เว็คคัม เพื่อดูดอากาศที่ค้างอยู่ภายในระบบแอร์ออกให้หมด ถ้าให้ดีที่สุดใช้เวลา 10 - 20 นาที อันนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนมาก ช่างเขาจะเว็คคัมไม่เกิน 5 นาที + ดูเกร์ว่าติด -15 ก็ ok แล้ว จากนั้นก็จะถอดสายออกจากเครื่องเว็คคัม ถ้าน้ำมันคอมขาด ช่างแอร์เขาจะเติมเพิ่มก่อน แล้วค่อยเติมน้ำยาแอร์ตามเข้าไปคับ </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">(เครื่องเว็คคัมจะมีราคา 1,500 - 35,000 บาท ถ้าราคาถูกหน่อย จะมีปั้มเพียงตัวเดียวอันนี้ต้องใช้เวลานาน10 - 20 นาทีในการเว็คคัม แต่ถ้าราคาเกิน 15,000 บาทขั้นไป จะเป็น 2 ปั้มอันนี้เว็คคัม 3 - 5 นาทีเก็บเสร็จครับ )</span></p><p><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=167647&stc=1&d=1142536845" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">โฟมที่ไว้ล้างแอร์บ้านนั้น ผมไม่แนะนำให้เอามาทำความสะอาดแผงคอล์ยร้อน เพราะว่าถ้าเอาโฟมกระป๋องมาฉีดที่แผงคอล์ยร้อนนั้น 5 กระป๋องมันก็ยังไม่สะอาดเลยคับ</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">เพราะว่าส่วนผสมของสารเคมีในกระป๋องนั้นๆ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการขจัดคราบน้ำมันและ คราบที่ฝังแน่นขนาดนั้นคับ เนื่องจากเขาให้ฉีดที่ตัวคอล์ยเย็น(ตัวแฝงแอร์ในบ้าน) ทางเจ้าของสินค้าเขาคงได้ทำการทดสอบมาแล้วว่า ฉีดไปแล้วไม่ต้องไปล้างมัน มันจะสลายตัวได้เองในตอนที่เปิดแอร์ สารเคมีในกระป๋องนี้จึงไม่ อันตรายต่อผู้บริโภคไงคับ </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">ที่ถ้าว่าเอา Sonex ใช้แทนนั้น ใช้แทนอะไรครับ ผมงง รบกวนถามอีกทีนะฮะ </span></p><p><span style="color: Plum">Sonex ที่เป็นน้ำยาหล่อลื่น และ ไล่ความชื้นด้วยใช่หรือเปล่าฮะ กระป๋องสีส้ม สารเคมีที่ออกมาจากกระป๋องนั้น จะคล้ายๆ กับ น้ำมันก๊าซ,น้ำมันซักแห้ง ถ้าจะเอาฉีดล้างแผงคอล์ยร้อนนั้น ไม่ได้คับ ใช้งานกันคนละอย่างอะคับ </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">ใช้ผงซักฟอกก็ได้คับ แต่ตั้งขยันหน่อย ใช้แปลงเล็กๆ ถูตามที่แผงมันด้วยอะคับ อันนี้สะอาด sure </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum"><span style="color: Yellow">ไดเออล์ (ทำหน้าที่กรองความชื้นของตัวน้ำยาแอร์) </span></span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">- ถ้ามีการซ่อมเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนของระบบแอร์นั้น รวมถึงแอร์บ้านด้วยนะคับ สิ่งที่จะต้องทำการเปลี่ยนของใหม่ไปด้วยในทุกครั้ง คือ ตัวไดเออล์ (ประมาณ 300 บาทแล้วแต่บางรุ่นด้วยนะครับ) </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">- ทำไมต้องเปลี่ยนทุกครั้งด้วย? (เปลื่องตังค์..เพราะบางคนอาจเพิ่งเปลี่ยนมาเองเพราะบางคนซ่อมแอร์ไม่จบ ต้องถอดระบบออกมาหลายรอบ เลยอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ) การถอดระบบแอร์ออกมานั้น ระหว่างที่ถอดนั้น จะทำให้ความชื้น (อากาศ) เข้าไปแทนที่ ซึ่งภายในตัวไดเออล์นั้น จะมีสารเป็น เม็ดเล็กๆ กลม เรียกว่า ซิลิก้าเจล (silica gel) เมื่อมีการดูดความชื้นเข้าไปถึงระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ประสิทธิภาพในการดูดความชื้นนั้นลดลง เพราะอย่างนี้แหละ ผมถึงให้ความสำคัญในการ เวคคัม ภายในระบบให้ดีที่สุด ก่อนจะเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">- เคยสังเกตุไหมครับ ว่าพวกขนมกรอบๆ ที่บรรจุในถุงทั้งหลาย ภายในถุงขนามนั้น จะมีซองเล็กๆ ข้างในจะมีเม็ดกลมเล็กๆ ใสๆ อยู่ เขียนระบุไว้ว่า ห้ามรับประทาน ซึ่งทำหน้าที่คอยดูดความชื้นของตัวขนมกรอบๆ ภายในถุง ลองสังเกตุดู ถ้าเราเปิดขนมกรอบถุงนั้นไว้แล้วทานไม่หมด ทิ้งไว้ซัก 2 ชม. แล้วมากินใหม่ ขนมมันจะไม่ค่อยกรอบเมื่อตอนเปิดถุงแรกๆ คับเนื่องจากความชื้นเขาไปสะสมในตัวขนมไงคับ</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">เนี่ยแหละครับ คือหน้าที่หลักของตัวไดเออล์แอร์</span></p><p><span style="color: Plum"><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=170383&stc=1&d=1142754591" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /><img src="http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=170384&stc=1&d=1142754720" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">สารทำความเย็นหลักๆ ที่ใช้มากภายในประเทศนะคับ (อ่านกันหน่อยนะคับ..ความรู้จิงๆ )</span></p><p><span style="color: Plum">น้ำยาแอร์ R12 ใช้กับรถที่ผลิตก่อนปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นเก่าๆ เป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโลกทำให้โลกร้อน</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">อันนี้สำคัญมากๆ ต้องอ่านนะคับ โดยสารนี้เป็นส่วนประกอบของยาสลบที่ใช้ทางการแพทย์ เคยสังเกตุไหมครับว่าขับรถไปนานๆแล้ว รู้สึกง่วงนอน แต่พอเปิดกระจกให้อากาศภายนอนเข้ามาถ่ายเทแล้วปิดกระจกขับรถต่อ ก็ไม่รู้สึกง่วง เพราะอะไรถึงง่วง เนื่องจากระบบแอร์ในห้องโดยสารมีที่รั่วอยู่ เมื่อดมเข้าไปมากๆ แล้วจะทำให้ง่วงเหมือนยาสลบคับ ถึงต้องให้เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทแทน พวกที่เปิดแอร์นอนในรถแล้ว ตายคารถก็เพราะดมเข้าไปเยอะ ในการผ่าตัดรักษานั้น ทางหมดเขาจะให้ยาสลบในจำที่น้อยที่สุด ยาสลบให้มากไปก็ทำให้ตายเหมือนกัน หลับไม่ตื่นอะคับ</span></p><p><span style="color: Plum">สังเกตุรถยุโรปดูคับ แถวปุ่มควบคุมแอร์นั้นจะมีอยู่ปุ่มหนึ่ง ทำหน้าที่เปิดปิดให้อากาศภายนอกเข้ามาปะปนกับช่องแอร์ เป็นรูป วงกลม อะคับ โดยถ้ากดปิดไม่ให้อากาศเข้าแล้ว 10 นาที ปุ่มมีจะเปิดให้อากาศเข้ามาโดย auto (ใครเคยใช้รถ benz จะรู้คับต้องกดให้มันปิดเรื่อยๆ เพราะเหม็นกลิ่นควันท่อไอเสียที่มันเข้ามาในห้องโดยสาร) อันนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์เข้าป้องกันคนขับหลับใน</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">R134a ใช้กับรถที่ผลิตหลังปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นใหม่ๆๆ สารตัวนี้ทำให้พื้นโลกร้อน ( แรกๆที่อเมริกา ผู้ผลิต R134a นี้ ได้มีข้อควรระวังในการใช้ บริเวณข้างกล่องใส่ถังน้ำยา เขียนตัวหนังสือเล็กๆ ระบุไว้ว่า ผู้ชายถ้าสูดดมสารนี้เป็นจำนวนมาก อาจมีสิทธิเป็นหมันได้ </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">R22 ใช้กับแอร์บ้าน (ไม่สามารถใช้กับระบบแอร์รถได้ มันจะไปกัดกร่อนโอริง,สายยางท่อแอร์ทำให้รั่วได้ และแอร์เย็นไม่ดี) ,เครื่องอุตสหกรรมขนาดใหญ่</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">เวลาเพื่อนไปเติมน้ำยาแอร์นั้น ก็สังเกตุ สีของถังน้ำยาด้วยละกันว่า เป็นถังน้ำยาสีเดียวกับระบบของแอร์รถเราหรือเปล่านะคับ</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ น้ำยาแอร์ที่เราใช้กันไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถนั้น จะนำเข้ามาหลากหลายประเทศ อเมริกา,ญี่ปุ่น,อังกฤษ,อินเดีย และอีกหลายๆประเทศ สังเกตุไหมครับว่า ช่วงหลัง 2-3 ปีนี้ บางทีไปเติมน้ำยาแอร์ร้านนี้แล้วเย็น เติมอีกร้านหนึ่งทำไมไม่ค่อยเย็น ทั้งที่ขั้นตอนในการเติมน้ำยานั้นเหมือนกันทุกอย่าง เนื่องจากว่า มีน้ำยาแอร์จากประเทศจีนนั้นเข้ามาขายปะปนอยู่ภายในประเทศ ซึ่งราคามันถูกกว่าของประเทศผู้ผลิตจริง</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">ถามว่าน้ำยาแอร์นั้นก็เหมือนกันนิ แล้วจากจีนไม่ดียังไง? ก็ขอตอบว่าดีครับ ดีที่สามารถเติมในระบบแอร์รถได้เหมือนกัน แต่คุณภาพนี้สิสำคัญ เนื่องจากกระบวกการผลิตน้ำยาแอร์นั้น มันมีหลายขั้นตอนของประเทศจีนนั้น ขั้นตอนการผลิตนั้นยังไม่ได้มาตาฐานพอ เพราะส่วนผสมของสารอื่นปะปนมา จึงทำให้ทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร </span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">มีลูกค้าที่บริษัทฯ นำถังน้ำยาแอร์ R12 มาให้ผมใช้เครื่องเช็คดูว่าเป็น น้ำยาแอร์ R12 แท้หรือเปล่าซึ่งมีคนมาขายให้ที่ร้าน ราคาถูกกว่าท้องตลาดนิดหน่อย</span></p><p><span style="color: Plum"><br /></span></p><p><span style="color: Plum">(ผมใช้เครื่องตรวจน้ำยาแอร์ เพื่อแยกส่วนประกอบของน้ำยาตัวนั้นๆ ว่ามีอะไรปะปนมั่ง )ปรากฎว่ามี </span></p><p><span style="color: Plum">R12 - 74%</span></p><p><span style="color: Plum">R22 - 12%</span></p><p><span style="color: Plum">R134 - 3%</span></p><p><span style="color: Plum">Air - 9%</span></p><p><span style="color: Plum">Hc - 2%</span></p><p><span style="color: Plum">ก็ว่าทำไมมันน้ำยาแอร์ ของประเทศจีน มันถูกจังวะ </span></p><p><span style="color: Plum">อย่างที่ผมบอกไว้ในกระทู้แรกๆ ไงครับว่า ถ้าจะเติมน้ำยาแอร์นั้น พยายามหาร้านที่ดูแล้ว น่าเชื่อถือได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียตังค์เติมน้ำยาอยู่บ่อยๆ </span></p><p><span style="color: Plum">ตอนนี้น้ำยาแอร์ R12 ที่ได้คุณภาพที่สุด และผลิตได้เป็นที่สุดท้ายของโลกนี้ คืออินเดียคับ ไม่เกิน 5 ปีก็ต้องเลิกผลิตแล้วครับ เพราะสาร CFC ทำลายชั้นบรรยากาศโลก ดูไม่ออกหลอกครับว่าร้านไหน,ถังน้ำยาถังไหนเป็นน้ำยาแอร์ของอินเดีย ช่างซ่อมแอร์เขาก็ไม่ทราบเช่นกัน คือ.....อันนี้แล้วแต่ดวงท่านแล้วอะคับ </span></p><p><span style="color: Red">รูปของคอยล์ร้อน ของ ES นะครับ </span></p><p><br /></p><p><span style="color: Red">-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</span></p><p><span style="color: Yellow">ปล. เครดิต K.enforce ครับ แหล่งที่มา </span><a href="http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=88171" class="internalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=88171">http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=88171</a>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="BASLER, post: 223023, member: 36258"][b]D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)[/b] [COLOR="Plum"][COLOR="Plum"]ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆๆ รถเพื่อนๆ บางคันผมว่าต้องเจออาการนี้บ้างแน่ๆเลย 1. บางทีรถติดไฟแดงนานๆ แอร์จะไม่ค่อยเย็น มีแต่ลมร้อนๆ ออกมา แต่พอได้วิ่งหน่อย แอร์ก็จะมีลมเย็นๆ ออกมาบ้าง แต่ถ้าติดอีกเมื่อไร แอร์จะไม่มีความเย็นเลย จะมีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์ใช่ไหมฮะ สาเหตุแรกเลยไปมองดูที่ คอยล์ร้อนแอร์ ว่าสกปรกมากหรือเปล่า เนื่องจากแผงคอล์ยร้อนนี้ มีหน้าที่ระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ที่ ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์แอร์ เนื่องจากคอมแอร์จะสร้างแรงผลักดันเพื่อให้น้ำยาแอร์วิ่งหมุนเวียนอยู่ภายในระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์จะมีความร้อนสูงมากๆๆ จากนั้นน้ำยาแอร์จะวิ่งเข้าสู่แผงคอล์ยร้อน เพื่อระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ให้มันเย็นขึ้น (ลองสังเกตุดูเองก็ได้นะครับ ทำไมตอนฝนตกแอร์รถทำไมเย็นขึ้น รถติดก็ยังเย็นอยู่ เนื่องจากน้ำฝนนั้นได้ไปโดนแผงคอล์ยร้อนหน้ารถไงคับ คอล์ยร้อนมันเลยระบายความร้อนได้เร็วขึ้น หรือจอดรถอยู่บ้าน ลองเอาน้ำฉีดที่แผงคอล์ยร้อนดูแล้ว ลองนั่งในรถดูว่าความเย็นแตกต่างกับไม่ได้ฉีดน้ำหรือเปล่าคับ ) ถ้าแผงคอล์ยร้อนสกปรกให้ใช้ น้ำฉีดที่แผงให้เปียกแล้ว ใช้เสปร์ย (วีม,เป็ด ที่ใช้ขัดคราบมันในครัวอะ ซื้อได้ตามห้างอะคับ ) ใช้ฉีดให้ทั่วแผงคอล์ยร้อนทิ้งไว้ซัก 5-10 นาทีแล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก หรือใช้แปลงสีฟันเก่าๆ รูดลงตามแนวตั้ง พยายามอย่าให้แผงมันล้มนะคับ เท่านี้แผงคอล์ยร้อนก็สะอาดแล้วคับ ลองทำดูจัสังเกตุได้เลยว่าแอร์เย็นขึ้น เพราะ แผงคอล์ยร้อนนั้นมันจะมีพวกคราบน้ำมันต่างๆตามท้องถนน พวกคราบน้ำมันนี้มันติดที่แผงแล้วใช้น้ำสะอาดล้างอย่างเดียวมันไม่ค่อยออก มันจะฝั่งแน่นทำให้แผงระบายความร้อนไม่ค่อยออก คอยล์ร้อน ( CONDENSER) คอยล์ร้อนจะมีลักษณะเป็นแผงรับอากาศขนาดพอๆ กับหม้อน้ำรถยนต์ มีทางเข้าและทางออก ของน้ำยาแอร์ ซึ่งถูก ออกแบบมาให้มีท่อน้ำยาแอร์ขดไปขดมาบนแผง โดยผ่านครีบระบายความร้อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายครีบระบายความร้อนของหม้อน้ำ คอยล์ร้อนจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารถยนต์ คู่กับหม้อน้ำ วงจรของระบบแอร์รถยนต์ครับ สีน้ำเงินคือความเย็นนะครับ สีแดงคือความร้อนคับ [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=164143&stc=1&d=1142275997[/IMG] เป็ดกับวิมนั้นไม่กัดแผงอลูมิเนียมมากเท่าโซดาไฟคับ แนะนำ ให้ฉีดทิ้งไว้ไม่ควรเกิน 10 นาทีคับ ใครฉีดแล้วจะทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ได้ฮะ แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากกว่าเดิมคับ เพราะที่เราฉีดทิ้งเอาไว้ตอนแรกนั้น สารเป็ด,วิม มันก็ไปชะล้างคราบสกปรก คราบน้ำมันออกหมดแล้วคับ เพราะฉะนั้น ฉีดทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ไม่มีผลอะไรคับ เรื่องการดูน้ำยาแอร์ว่าขาดหรือเปล่า ขอเป็นคืนนี้นะครับ ตอนนี้ผมหาภาพใน com ผมอยู่อะคับ เป็นภาพที่เคยลงเอาไว้ใน rcweb อันเก่ากระทู้ DIY ชุด service แอร์ด้วยตนเอง ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ จำกันได้รึเปล่าฮะ ภาพก่อนล้างและ หลังล้างคับ[/COLOR] [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=164787&stc=1&d=1142319028[/IMG] [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=164788&stc=1&d=1142319065[/IMG] [COLOR="Plum"]ดูว่าน้ำยาแอร์รถเราขาดหรือเปล่า ให้มองหาตัวไดเออร์ ซึ่งจะเป็นทรงท่อสีดำบ้างสีเงินบ้าง ดูที่หัวของมันจะมีกระจก (ภาษาช่างจะเรียกว่า ตาแมว) ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบรถยนต์ขาดหรือไม่เต็ม ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็น 100% ตามรูป สังเกตุในกระจก จะเห็นเป็นฟองอากาศขาวๆ วิ่งเยอะๆ อย่างนี้แสดงว่าน้ำยาแอร์ในระบบไม่เพียงพอคับ [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=165150&stc=1&d=1142344036[/IMG] และถ้าน้ำยาแอร์ในระบบไม่ขาด จะมองเห็นเป็นน้ำใสๆมีฟองอากาศอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (จะเป็นฟองอากาศแบบอ้วนๆ ) ตามภาพนะคับ ภาพที่ 2 จะเห็นว่าฟองขาวๆนั้นจางลงเริ่มเป็น ภาพที่ 3 จะเห็นได้เลยว่าเป็นลักษณะน้ำใสๆ มีฟองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามภาพนี้แสดงว่าน้ำยาในระบบแอร์ไม่ขาดคับ และก็จะมีคำถามอีกว่า น้ำยาแอร์นั้นต้องเติมบ่อยไหม ? ระบบแอร์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถยนต์, ถ้าเกิดระบบแอร์นั้น ไม่มีที่รั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ครับ จะเติมน้ำยาแอร์ก็ต่อเมื่อ ตอนแอร์ฟังตามอายุของมัน กับ เคลื่อนย้ายตัวแอร์ติดตั้งที่อื่น,เปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น เพื่อนๆลองมองที่รอบๆกระจกของตัวไดเออร์ เห็นคราบน้ำมันสีดำนั้นไหมครับ คราบน้ำมัน มันมาจากไหน มันค่อยๆออกมาตามขอบของกระจกคับ เหตุนี้แหละครับคือที่รั่วของระบบแอร์ เติมน้ำยาแอร์มาเดือนหนึ่ง น้ำยาแอร์ก็หายหมดครับ บางทีมันไม่ได้รั่วแค่ตรงนี้ เพื่อนๆ ที่ต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำ ลองสังเกตุท่อแอร์ โดยเฉพาะพวกข้อต่อต่างๆ ดูว่ามีคราบน้ำมันดำๆ เกาะหรือเปล่า ถ้าหาไม่เจอ หาฟองน้ำฉุบน้ำยาล้างจานที่มันมีฟองเยอะๆ แล้วค่อยถูตามท่อแอร์ ตรงไหนที่มีฟองอากาศขึ้นมา แสดงว่าตรงนั้นคือจุดรั่วครับ งงไหมฮะ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามได้นะครับ ถ้าผมรู้และเคยเจอมาก่อนคับ ผมจะตอบให้ได้ [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=165165&stc=1&d=1142344829[/IMG] [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=165166&stc=1&d=1142344866[/IMG][/COLOR] ผมเคยได้ยินมาจากเพื่อนๆ ที่เคยไปซ่อมแอร์ตามร้านทั่วไป,กระทู้ทั่วไปที่ถามเกี่ยวกับ เว็คคัม ? คืออะไร ทำไมเติมน้ำยาเพิ่มอย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ 200 - 300 บาท ทำไม เว็คคัม เติมน้ำยาแอร์ ราคาอยู่ที่ 500 - 1000 บาท (ขนาดรถทั่วไปน่าจะไม่เกินราคานี้ แต่ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ก็จะแพงกว่านี้) ขออธิบายข้อดีแต่ละตัวว่าแตกต่างยังไงนะครับ (เผื่อเพื่อนๆบางคนอาจยังไม่ทราบ) - เติมน้ำยาเพิ่ม คือในระบบแอร์รถเรานั้น น้ำยาแอร์อาจจะ ขาดเพียงเล็กน้อย หรือขาดมากก็แล้วแต่ ช่างแอร์เขาจะใช้วิธีต่อสายแล้วดูที่เกร์ + ดูที่ตาแมว(กระจกบนตัวไดเออร์) ปล่อยน้ำยาจากถังเข้าสู่ระบบแอร์รถ แล้วช่างแอร์เขาจะมองที่ตาแมว ถ้าเริ่มใสแล้วก็จะปิดวาวร์ที่ตัวถังน้ำยาแอร์ แล้วเขาจะสังเกตุว่าเติมน้ำยาแอร์เข้าไปเยอะหรือน้อย ช่างแอร์เขาจะคิดเงินตาม ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เติมให้เราครับ (ผมบอกไว้เป็นความรู้นะครับ ถ้าเติมเพิ่มให้กับ รถยนต์ที่มีขนาดกลาง น้ำยาแอร์ไม่น่าจะเกิน 1 กิโลกรัมคับ) - ข้อเสียคือ 1.การเติมลักษณะนี้ จะมีอากาศเข้าไปปะปนอยู่ภายในระบบแอร์ด้วย อากาศที่เข้าไปนั้นจะมากหรือน้อย อันนี้ขึ้นอยู่วิธีการเติมของช่างแต่ละคนคับ (วิธีที่จะให้อากาศเข้าสู่ระบบแอร์น้อยที่สุด ตอนที่ช่างแอร์ต่อสายเข้ากับถังน้ำยาแอร์นั้น ช่วงสายนั้นจะมีอากาศอยู่ ตอนเปิดวาวร์น้ำยานั้น ให้ช่างแอร์ คายเกรียวที่ติดกับตัวเกร์น้ำยา (สายเส้นเดียวกับที่ต่อเข้าถังน้ำยาแอร์นะคับ) เพื่อให้น้ำยาแอร์ที่ออกมาตอนแรกนั้น ทำการไล่อากาศที่ค้างอยู่ตามสายออกให้หมด 2.น้ำยาแอร์แต่ละที่ แต่ละร้าน ที่อยู่ในถังนั้นส่วนมาก คุณภาพจะไม่เหมือนกัน บางทีน้ำยาแอร์ในระบบรถเราเป็นของมีคุณภาพดี แต่พอไปเติมเพิ่มแล้ว น้ำยาแอร์ที่เติมเพิ่มเข้าไปใหม่นั้น อาจจะเป็นน้ำยาที่ไม่มีคุณภาพก็เป็นไปได้ (แล้วแต่ดวงละฮะ) แต่ถ้าคุณภาพดีก็ ok ครับ (น้ำยาคุณภาพดี หรือไม่ดี เดี๋ยวผมอธิบายแบบละเอียดให้ฟังอีกทีคับ) - การเว็คคัม คือ การปล่อยน้ำยาแอร์ที่อยู่ในระบบแอร์ในรถออกให้หมด (สังเกตุดูนะคับ มีน้ำยาแอร์+น้ำมันคอม ออกมาตามสายชาชร์น้ำยา เจ้าของรถโปรดสังเกตุด้วยว่าน้ำมันออกมาเยอะปล่าว ถ้าเยอะ ต้องให้ช่างเขาเติมน้ำมันคอมเพิ่มให้ด้วยนะครับ ไม่งั้นใช้ไปซักพัก คอมเพรส์เซอร์แอร์จะฟังเอานะฮะ (ส่วนมากจะเป็นเส้นสีเหลือง) แล้วช่างแอร์ก็จะเอาเครื่องเว็คคัมมา แล้วต่อสายเส้นเหลืองเข้ากับเครื่อง เว็คคัม เพื่อดูดอากาศที่ค้างอยู่ภายในระบบแอร์ออกให้หมด ถ้าให้ดีที่สุดใช้เวลา 10 - 20 นาที อันนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนมาก ช่างเขาจะเว็คคัมไม่เกิน 5 นาที + ดูเกร์ว่าติด -15 ก็ ok แล้ว จากนั้นก็จะถอดสายออกจากเครื่องเว็คคัม ถ้าน้ำมันคอมขาด ช่างแอร์เขาจะเติมเพิ่มก่อน แล้วค่อยเติมน้ำยาแอร์ตามเข้าไปคับ (เครื่องเว็คคัมจะมีราคา 1,500 - 35,000 บาท ถ้าราคาถูกหน่อย จะมีปั้มเพียงตัวเดียวอันนี้ต้องใช้เวลานาน10 - 20 นาทีในการเว็คคัม แต่ถ้าราคาเกิน 15,000 บาทขั้นไป จะเป็น 2 ปั้มอันนี้เว็คคัม 3 - 5 นาทีเก็บเสร็จครับ ) [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=167647&stc=1&d=1142536845[/IMG] โฟมที่ไว้ล้างแอร์บ้านนั้น ผมไม่แนะนำให้เอามาทำความสะอาดแผงคอล์ยร้อน เพราะว่าถ้าเอาโฟมกระป๋องมาฉีดที่แผงคอล์ยร้อนนั้น 5 กระป๋องมันก็ยังไม่สะอาดเลยคับ เพราะว่าส่วนผสมของสารเคมีในกระป๋องนั้นๆ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการขจัดคราบน้ำมันและ คราบที่ฝังแน่นขนาดนั้นคับ เนื่องจากเขาให้ฉีดที่ตัวคอล์ยเย็น(ตัวแฝงแอร์ในบ้าน) ทางเจ้าของสินค้าเขาคงได้ทำการทดสอบมาแล้วว่า ฉีดไปแล้วไม่ต้องไปล้างมัน มันจะสลายตัวได้เองในตอนที่เปิดแอร์ สารเคมีในกระป๋องนี้จึงไม่ อันตรายต่อผู้บริโภคไงคับ ที่ถ้าว่าเอา Sonex ใช้แทนนั้น ใช้แทนอะไรครับ ผมงง รบกวนถามอีกทีนะฮะ Sonex ที่เป็นน้ำยาหล่อลื่น และ ไล่ความชื้นด้วยใช่หรือเปล่าฮะ กระป๋องสีส้ม สารเคมีที่ออกมาจากกระป๋องนั้น จะคล้ายๆ กับ น้ำมันก๊าซ,น้ำมันซักแห้ง ถ้าจะเอาฉีดล้างแผงคอล์ยร้อนนั้น ไม่ได้คับ ใช้งานกันคนละอย่างอะคับ ใช้ผงซักฟอกก็ได้คับ แต่ตั้งขยันหน่อย ใช้แปลงเล็กๆ ถูตามที่แผงมันด้วยอะคับ อันนี้สะอาด sure [COLOR="Yellow"]ไดเออล์ (ทำหน้าที่กรองความชื้นของตัวน้ำยาแอร์) [/COLOR] - ถ้ามีการซ่อมเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนของระบบแอร์นั้น รวมถึงแอร์บ้านด้วยนะคับ สิ่งที่จะต้องทำการเปลี่ยนของใหม่ไปด้วยในทุกครั้ง คือ ตัวไดเออล์ (ประมาณ 300 บาทแล้วแต่บางรุ่นด้วยนะครับ) - ทำไมต้องเปลี่ยนทุกครั้งด้วย? (เปลื่องตังค์..เพราะบางคนอาจเพิ่งเปลี่ยนมาเองเพราะบางคนซ่อมแอร์ไม่จบ ต้องถอดระบบออกมาหลายรอบ เลยอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ) การถอดระบบแอร์ออกมานั้น ระหว่างที่ถอดนั้น จะทำให้ความชื้น (อากาศ) เข้าไปแทนที่ ซึ่งภายในตัวไดเออล์นั้น จะมีสารเป็น เม็ดเล็กๆ กลม เรียกว่า ซิลิก้าเจล (silica gel) เมื่อมีการดูดความชื้นเข้าไปถึงระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ประสิทธิภาพในการดูดความชื้นนั้นลดลง เพราะอย่างนี้แหละ ผมถึงให้ความสำคัญในการ เวคคัม ภายในระบบให้ดีที่สุด ก่อนจะเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ - เคยสังเกตุไหมครับ ว่าพวกขนมกรอบๆ ที่บรรจุในถุงทั้งหลาย ภายในถุงขนามนั้น จะมีซองเล็กๆ ข้างในจะมีเม็ดกลมเล็กๆ ใสๆ อยู่ เขียนระบุไว้ว่า ห้ามรับประทาน ซึ่งทำหน้าที่คอยดูดความชื้นของตัวขนมกรอบๆ ภายในถุง ลองสังเกตุดู ถ้าเราเปิดขนมกรอบถุงนั้นไว้แล้วทานไม่หมด ทิ้งไว้ซัก 2 ชม. แล้วมากินใหม่ ขนมมันจะไม่ค่อยกรอบเมื่อตอนเปิดถุงแรกๆ คับเนื่องจากความชื้นเขาไปสะสมในตัวขนมไงคับ เนี่ยแหละครับ คือหน้าที่หลักของตัวไดเออล์แอร์ [IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=170383&stc=1&d=1142754591[/IMG][IMG]http://rcweb.net/forums/attachment.php?attachmentid=170384&stc=1&d=1142754720[/IMG] สารทำความเย็นหลักๆ ที่ใช้มากภายในประเทศนะคับ (อ่านกันหน่อยนะคับ..ความรู้จิงๆ ) น้ำยาแอร์ R12 ใช้กับรถที่ผลิตก่อนปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นเก่าๆ เป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโลกทำให้โลกร้อน อันนี้สำคัญมากๆ ต้องอ่านนะคับ โดยสารนี้เป็นส่วนประกอบของยาสลบที่ใช้ทางการแพทย์ เคยสังเกตุไหมครับว่าขับรถไปนานๆแล้ว รู้สึกง่วงนอน แต่พอเปิดกระจกให้อากาศภายนอนเข้ามาถ่ายเทแล้วปิดกระจกขับรถต่อ ก็ไม่รู้สึกง่วง เพราะอะไรถึงง่วง เนื่องจากระบบแอร์ในห้องโดยสารมีที่รั่วอยู่ เมื่อดมเข้าไปมากๆ แล้วจะทำให้ง่วงเหมือนยาสลบคับ ถึงต้องให้เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทแทน พวกที่เปิดแอร์นอนในรถแล้ว ตายคารถก็เพราะดมเข้าไปเยอะ ในการผ่าตัดรักษานั้น ทางหมดเขาจะให้ยาสลบในจำที่น้อยที่สุด ยาสลบให้มากไปก็ทำให้ตายเหมือนกัน หลับไม่ตื่นอะคับ สังเกตุรถยุโรปดูคับ แถวปุ่มควบคุมแอร์นั้นจะมีอยู่ปุ่มหนึ่ง ทำหน้าที่เปิดปิดให้อากาศภายนอกเข้ามาปะปนกับช่องแอร์ เป็นรูป วงกลม อะคับ โดยถ้ากดปิดไม่ให้อากาศเข้าแล้ว 10 นาที ปุ่มมีจะเปิดให้อากาศเข้ามาโดย auto (ใครเคยใช้รถ benz จะรู้คับต้องกดให้มันปิดเรื่อยๆ เพราะเหม็นกลิ่นควันท่อไอเสียที่มันเข้ามาในห้องโดยสาร) อันนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์เข้าป้องกันคนขับหลับใน R134a ใช้กับรถที่ผลิตหลังปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นใหม่ๆๆ สารตัวนี้ทำให้พื้นโลกร้อน ( แรกๆที่อเมริกา ผู้ผลิต R134a นี้ ได้มีข้อควรระวังในการใช้ บริเวณข้างกล่องใส่ถังน้ำยา เขียนตัวหนังสือเล็กๆ ระบุไว้ว่า ผู้ชายถ้าสูดดมสารนี้เป็นจำนวนมาก อาจมีสิทธิเป็นหมันได้ R22 ใช้กับแอร์บ้าน (ไม่สามารถใช้กับระบบแอร์รถได้ มันจะไปกัดกร่อนโอริง,สายยางท่อแอร์ทำให้รั่วได้ และแอร์เย็นไม่ดี) ,เครื่องอุตสหกรรมขนาดใหญ่ เวลาเพื่อนไปเติมน้ำยาแอร์นั้น ก็สังเกตุ สีของถังน้ำยาด้วยละกันว่า เป็นถังน้ำยาสีเดียวกับระบบของแอร์รถเราหรือเปล่านะคับ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ น้ำยาแอร์ที่เราใช้กันไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถนั้น จะนำเข้ามาหลากหลายประเทศ อเมริกา,ญี่ปุ่น,อังกฤษ,อินเดีย และอีกหลายๆประเทศ สังเกตุไหมครับว่า ช่วงหลัง 2-3 ปีนี้ บางทีไปเติมน้ำยาแอร์ร้านนี้แล้วเย็น เติมอีกร้านหนึ่งทำไมไม่ค่อยเย็น ทั้งที่ขั้นตอนในการเติมน้ำยานั้นเหมือนกันทุกอย่าง เนื่องจากว่า มีน้ำยาแอร์จากประเทศจีนนั้นเข้ามาขายปะปนอยู่ภายในประเทศ ซึ่งราคามันถูกกว่าของประเทศผู้ผลิตจริง ถามว่าน้ำยาแอร์นั้นก็เหมือนกันนิ แล้วจากจีนไม่ดียังไง? ก็ขอตอบว่าดีครับ ดีที่สามารถเติมในระบบแอร์รถได้เหมือนกัน แต่คุณภาพนี้สิสำคัญ เนื่องจากกระบวกการผลิตน้ำยาแอร์นั้น มันมีหลายขั้นตอนของประเทศจีนนั้น ขั้นตอนการผลิตนั้นยังไม่ได้มาตาฐานพอ เพราะส่วนผสมของสารอื่นปะปนมา จึงทำให้ทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีลูกค้าที่บริษัทฯ นำถังน้ำยาแอร์ R12 มาให้ผมใช้เครื่องเช็คดูว่าเป็น น้ำยาแอร์ R12 แท้หรือเปล่าซึ่งมีคนมาขายให้ที่ร้าน ราคาถูกกว่าท้องตลาดนิดหน่อย (ผมใช้เครื่องตรวจน้ำยาแอร์ เพื่อแยกส่วนประกอบของน้ำยาตัวนั้นๆ ว่ามีอะไรปะปนมั่ง )ปรากฎว่ามี R12 - 74% R22 - 12% R134 - 3% Air - 9% Hc - 2% ก็ว่าทำไมมันน้ำยาแอร์ ของประเทศจีน มันถูกจังวะ อย่างที่ผมบอกไว้ในกระทู้แรกๆ ไงครับว่า ถ้าจะเติมน้ำยาแอร์นั้น พยายามหาร้านที่ดูแล้ว น่าเชื่อถือได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียตังค์เติมน้ำยาอยู่บ่อยๆ ตอนนี้น้ำยาแอร์ R12 ที่ได้คุณภาพที่สุด และผลิตได้เป็นที่สุดท้ายของโลกนี้ คืออินเดียคับ ไม่เกิน 5 ปีก็ต้องเลิกผลิตแล้วครับ เพราะสาร CFC ทำลายชั้นบรรยากาศโลก ดูไม่ออกหลอกครับว่าร้านไหน,ถังน้ำยาถังไหนเป็นน้ำยาแอร์ของอินเดีย ช่างซ่อมแอร์เขาก็ไม่ทราบเช่นกัน คือ.....อันนี้แล้วแต่ดวงท่านแล้วอะคับ [/COLOR] [COLOR="Red"]รูปของคอยล์ร้อน ของ ES นะครับ [/COLOR] [COLOR="Red"]-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------[/COLOR] [COLOR="Yellow"]ปล. เครดิต K.enforce ครับ แหล่งที่มา [/COLOR][URL="http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=88171"]http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=88171[/URL][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Civic ES Group
>
D.I.Y. ทำเองได้ง่ายนิดเดียว
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...