264 lift10.5 ทั้งin/ex มีผลต่อรอบเครื่องช่วงเดินเบาเยอะมั๊ยครับ มันเกี่ยวกะแคมมั๊ยครับ ที่เดินเบาไม่ได้ แล้วเครื่องดับ หรือว่าเป็นที่ตัวช่วยรอบเดินเบาAAC valveมันจะกลับญี่ปุ่น (เครื่องSR20detครับ)
แล้วเป็นไปได้ไหมครับ ว่าถ้าใส่แคมซิ่ง+บิดแคม จะได้ทั้งต้น กลาง ปลาย ไม่ใช่ได้แค่ปลายอย่างเดียว .... สำหรับเครื่องที่ทำแค่ขัดพอร์ด ขยายลิ้น กรอง ท่อ เฮด กล่อง (เครื่อง B นะครับ)
มาช่วยตอบทีล่ะข้อนะคับ 1. ถ้าถามว่าใส่แคมองศาสูง Lift สูง แล้วจะส่งผลกับรอบเดินเบาที่หอบหรือไม่ ส่งผลแน่คับ แต่ไม่ถึงขั้นกับเดินเบาไม่ได้หรอกคับ อาจจะต้องเดินเบารอบสูงหน่อยเท่านั้นเอง อาจจะต้องเดินเบาที่พันนึงหรือพันนิดๆ แต่จะะมาเดินเบาที่ หกร้อยเจ็ดร้อยเหมือนแคมเดิม คงไม่ใช่ที่ แล้วส่วนนึงก็อยู่ที่ความสามารถของจูนเนอร์ด้วยคับ 2. แคมเดิม องศามันก็เท่าเดิม มันจะไปเหมือนแคมแต่งได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ของ 2JZ ถ้าไม่พลาด เดิมๆมันที่ 246 แคมแต่งมันมีตั้งแต่ 264 272 280 ระยะห่างเยอะนะคับแคมเดิมแทบไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าจะทำใส่สัก 264 ก็ได้คับ เห็นผลต่างแน่นอน 3. แคมซิ่ง ถ้าบิดตามสเป็คที่ให้มาของแคม อย่างเช่นถ้าแคม HKS บิดตามที่ HKS บอกมา จะดีทั้งรอบต้นและปลายคับ (แต่ไม่ใช่ดีมากๆนะคับ) แต่ไอรถแข่งบ้านเราเนี่ย ยกตัวอย่างรถ Drag เค้าเน้นรอบต้นเพราะวิ่งแค่ 402 เมตร เค้าจะไปสนปลายทำไม มันเลยออกมาเห็นว่าบิดแล้วต้นมี แต่ปลายไม่มี ต้องดูว่าเค้าไปใช้แบบไหนหรือแข่งอารายด้วยคับ แต่ถ้าจะเอาแบบกลางๆก็ตามสเป็คแคมนั้นๆคับ ได้ดีทุกรอบ แต่ไม่สุดๆในจุดใดจุดนึง หวังว่าคงช่วยได้ไม่มากก็น้อยคับ
บางคนใส่แคมซิ่งมาแล้วบอกไม่วิ่ง แคมไม่ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้ดูที่สเปกตัวแคมมันด้วยว่ามันต้องการอะไรบ้าง เช่น แคมมันต้องการกำลังอัด11.5 แต่คุณเซตเครื่องมาแค่10.5 ผมที่ได้มันก็ย่อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอยุ่แล้ว เผลอๆอาจจะแย่กว่าเดิมอีก มีแคมนิสัยเครื่องก็เปลี่ยน ฉนั้นมีแคม ส่วนตัวผมเน้นว่าต้องมีกล่อง เผลอๆทั้งสปริงทั้งรีเทนเนอร์อีก อาจจะยาวมาถึงก้านถึงน๊อตด้วย เพราะแคมบางตัวกว่าจะถึงเพาเวอร์แบนด์จริงๆใช้รอบสูงมากๆ ใช้รอบสูงๆบ่อยๆ ท่องล่างไม่เหนียวมีสิทธิออกมายิ้มแน่นอน มีท่องล่างเหนียว มีกล่องฉลาด มี2อย่างนี้ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วคับ
มั่วๆไป เรื่องของแคมชาฟท์ ระยะยก องศา เปลี่ยนแล้วได้อะไร ทำไมแรงขึ้น ทำไมแย่ลง น้อยคนนักที่จะเข้าใจจิงๆ ส่วนมากฟังเค้ามากันทั้งนั้น เรื่ององศามาก ยิ่งมาก อากาศยิ่ง เข้าน้อย นะคับ ไม่ใช่เข้าเยอะ ในที่นี้หมายถึง Max Air by RPM not AIR by t ,Do you undetstand? เรื่องลิฟ ยิ่งเยอะ ทำไมรอบต่ำกำลังตก ถ้าจะอธิบายง่ายๆ คล้ายๆกับ เฮดใหญ่ ท่อร่วมใหญ่ ลิ้นใหญ่ วาล์วใหญ่พอร์ตใหญ่ ส่วนมากที่พูดๆกัน จะบอกผิวๆกันแค่ ความเร็วมวลอากาศน้อย กำลังเลยน้อย ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ซะทีเดียว ถ้าอธิบายด้วยฟิสิกส์ขั้นสูงจริงๆจะยาวมาก เพราะมันจะมีเรื่องของการแทรกสอด ของคลื่น ของมวลอากาศ เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ 99%ของช่างไทย ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ถ้ามันไม่ละเอียดอ่อนขนาดนั้นจริง ทีมแข่ง(ตัวจริง)ต่างประเทศระดับโลกเค้าไม่ใช้งบมหาศาลหรอกครับ ไม่ต้องพูดถึงทีมไทยนะ ต่อให้ระดับไหน ถ้ามาจากไทย 80% ทำแบบที่เค้าทำๆกัน และที่เคยๆทำกันมา อีก19.5%ลองผิดลองถูก เหลือแค่ 0.5%เองมั้งที่คำนวณจริงๆ
นู๋จะมาคุยเรื่อง OVER LAPนะคะ คริ คริ หลายคนคงรู้จักแคมชาฟท์กันแล้วซึง่เจ้าแคมชาฟท์นี้มีหน้าที่หมุนให้ลูกเบี้ยวไปดันให้สปิรงวาวล์กดลงทำให้อากาศเข้าและคายไอเสียออกนะคะ แต่ในแคมชาฟท์นั้นยังมีตัวแปรอีกหลายอย่างให้รถนั้นมีนิสัยการทำงานที่สามารถแตกต่างไปจากเดิมได้(หมายถึงไปจูนมานะคะ) หนึ่งในตัวแปรนั้นคือOVER LAP ค่ะ OVER LAP คือจังหวะที่วาวล์ไอดีเริ่มเปิดและวาวล์ไอเสียเริ่มปิด โดยเมื่อวาวล์ไอดีเริ่มเปิดและวาวล์ไอเสียเริ่มเปิดจะมีไอดีจำนวนหนึ่งเข้าไปไล่ไอเสียให้ออกเร็วขึ้นนะคะ โดยรถทุกคันมีOVER LAP อยู่เเล้วโดยรถแสตนดารด์มีค่าโอเวอร์แล้ปประมาณ4-5องศา แต่ในรถแต่งมีค่าโฮเวอร์แล้ปปะมาณ20-30องศา สำหรับรถทีใช้รอบสูงๆจะมีการตั้งโอเวอร์แล้ปมากๆ เพื่อให้ไอเสียออกได้เร็วขึ้น แต่ที่รอบต่ำจะมีไอดีจำนวนหนึ่งไหลปะปนไปกับไอเสียด้วยทำให้แรงม้าและแรงบิดลดลง โอเวอร์แลป (Over lap) คือ ช่วงจังหวะหนึ่งที่วาล์วไอเสียกำลังจะปิดและวาล์วไอดีกำลังจะเปิด ประโยชน์ของโอเวอร์แลป คือ ใช้แรงดูดจากไอเสียที่ไหลออก มาช่วยดึงไอดีเข้า แล้วทำไมรถแข่งกับรถบ้านจังหวะโอเวอร์แลปจึงยาวนานต่างกัน? ก็เพราะรถแข่งนั้นต้องใช้รอบสูงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในรอบสูงๆ นั้นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเร็วมากๆ ลองนึกภาพดูว่าใน 1 นาทีเครื่องยนต์ต้องหมุน 9000 รอบ หรือ 150 รอบใน 1 วินาที!! ที่ความเร็วขนาดนั้น จังหวะโอเวอร์แลปน้อยๆ ระดับ 4-5 องศา (ของข้อเหวี่ยง) เหมือนรถบ้านแทบไม่มีประโยชน์เลย สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเร็วมากเสียจนยังไม่ทันได้ใช้ประโยชน์จากไอเสียมาดึงดูดไอดี เจ้าวาล์วไอเสียก็ปิดเสียแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการตั้งจัวหวะโอเวอร์แลปให้มีช่วงเวลายาวนานขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการดูดไอดีของไอเสียได้ในรอบสูงๆ แต่ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ.................... การที่จังหวะโอเวอร์แลปมีช่วงเวลายาวนานมากๆ นั้น ในรอบต่ำๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ เป็นไปอย่างช้า ช่วงเวลาที่วาล์วไอดีปิดแล้ว แต่วาล์วไอเสียยังเปิดอยู่จะนานมากไปเสียจนไอดีบางส่วนเล็ดลอดออกมากับไอเสียได้ เกิดเป็นไฟออกมาทางท่อไอเสียหรือที่เราเรียกว่า Back fire.............
แล้วถ้าใส่แคมฯไปแล้ว แวคคั่มน้อย เบรคตื้อ จะแก้อย่างไรได้บ้างครับ บิดเฟืองแคมไปแล้วด้วยครับ ผมขี้สงสัยหลายอย่างจังเลย ขอรบกวนด้วยคับ ขอบคุณครับ
อยากใส่แล้วได้ทั้งต้นทั้งปลาย ต้องทำเครื่องให้มันรองรับกับแคมครับ แล้วเลือกสเปคแคมตามที่เราต้องการ จะใช้ ที่สำคัญศึกษาข้อมูลบุคลิกของแคม ตัวที่เราจะเอามาใช้ แล้วทำเครื่องให้มันรองรับ บางอย่างประสิทธิภาพอาจได้ไม่ร้อย เพราะปัจจัยอาจไม่ถึง แต่เราจะได้ใช้งานมันเกือบเต็มร้อยแหละครับ ขึ้นกับความใส่ใจ ...
เรื่องการบิดแคม กับแคมเดิม ผมว่าเห็นผลนะครับ แต่มันจะได้อย่างเสียอย่าง บิดเอาต้น ปลายหาย ... บิดเอาปลายต้นเหี่ยว ... เพราะแคมเดิม เน้นใช้งานแบบกลาง กลาง ... ถ้าจะบิด แนะนำให้หาสเปคแคม จังหวะองศา ปิดเปิด ไอดี ไอเสีย เอามาเทียบด้วย ... ถ้าจะเอาแบบคำนวนได้ ควรวัดด้วยไดอัลเกจจ์ ก่อนจะปรับก้อดีนะครับ ...
ผมกลับเข้าใจว่ารถ Drag เน้นรอบปลายมากกว่านะครับ วิ่ง 402 เมตรก็จริง แต่รอบที่ใช้คือ 6000-9000 มากกว่าที่ใช้รอบ 1000-4000 นะครับ หรือผมเข้าใจผิด
เวคคั่มน้อยแค่ไหนครับ ผมเคยลองแคมสองชุด คนละสเปค พบว่า โอเวอร์แลปมาก น่าจะเวคคัมน้อย แต่น้อยจนเบรคตื้อเนี่ยไม่เปนนะครับ เครื่องผม เดินเบา 880 นะครับ ... แวคประมาณ 400mmhg เครื่อง เดิม ประมาณ 500-550 H22A ครับ
ผมก็ว่ารถ Drag ใช้รอบปลายซะเยอะนะ เอาแค่ฮอนด้าอย่างเดียวก็แล้วกัน เพราะเคยแข่งแต่ฮอนด้า ออกตัว 4500 หมดเกียร์ 1 สับที่ 9000 รอบตก มาเหลือประมาณ 7 พัน ก็ลากถึง 8500 ก็สับต่อ เป็นแบบนี้ทุกเกียร์ จน เข้าเส้นไปโน่นแหล่ะ ส่วน Circuit ก็ลาก 8000 - 8500 ทุกเกียร์เหมือนกัน ใช้รอบปลาย เทคเปิด ตลอดอย่างเดียวเลย
พอจะตอบได้กว้าง กว้าง นะครับ ต้องถามกลับก่อนครับ ว่าเครื่องอะไร เปลี่ยนแคมของอะไร องศาเท่าไหร่ ลิฟเท่าไหร่ ทั้งไอดี ไอเสีย ครับ ถ้าไม่ทราบตอบไม่ได้เลยจิง จิง .... เพราะปกติ จะเซทให้แรงขึ้น ถ้าไม่เซทโบ คงไม่ลดกำลังอัดนะครับ ... อีกอย่างกำลังอัดที่ว่า วัดแบบไหนครับ ... ถ้าวัด ในเครื่อง กับแคมที่มีโอเวอร์แลปมาก ต่อเกจวัดกับตรงหัวเทียนเนี่ย ... กำลังอัดต่ำ แน่ แน่ อ่ะครับ ... แต่ไม่ใช่กำลังอัดจิงจิง ...
ขอโทษทีคับใช้คำผิดความหมายคับ ที่ผมหมายถึงคือความเร็วต้นกับปลายคับ คือช่วงความเร็วต้นมันมาเร็ว แต่พอปลายๆมันก็ไม่ได้มาไวเหมือนช่วงแรกๆ ไม่ได้หมายถึงรอบ RPM คับ ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดคับ ส่วนที่บอกว่า drag ออกตัวกันที่ 7,000-8,000 กว่ามันก็ไม่ได้ทุกคันทุกเครื่องนะคับ ออกรอบแบบนี้ไม่ได้ทุกคันนะคับ ถ้า 2J อ่ะใช่คับ(แต่ท่อนล่างก็ต้องมีแส่วนด้วยนะคับ ไม่ใช่เอาเดิมๆมา) แต่ถ้าเครื่องที่เล็กลงมา หรือคันที่เครื่องหรือระบบเกียร์มันรับไม่ได้ ก็ออกต่ำกว่านี้นะคับ ส่วน Circuit ก็น่าจะแล้วแต่รุ่นนะคับ ถ้าเป็นพวก Super 1500 มันก็จะประมาณ 7,000-8,000 ถ้าไปมองถึงตัว Super 2000 ก็เล่นกันยันหมื่นคับ