S2 มาว่ากันต่อเลยครับ กับโค้ง S2 คราวที่แล้ว ผมพูดถึงโค้ง S1 ไป ต้องท้าวความกันหน่อย ว่าการเข้าโค้ง S2 มันค่อนข้างจะต่อเนื่องมาจากความเร็วที่ส่งมาจาก S1 อย่างชัดเจน เรื่องแรก จุดเบรค และน้ำหนักเบรค ถ้าเราส่งความเร็วมาได้เต็ม แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องลดความเร็วลงมาเยอะหน่อย เนื่องจากรูปแบบของโค้ง มองเผินๆ สองโค้งนี้มีความใกล้เคียงกัน แต่จริงๆแล้วต่างกันค่อนข้างมากครับ ทั้งไลน์ ทั้งสปีดที่เราจะส่งเข้าไป ทั้งขนาด รัศมีโค้ง จะว่าไปคือ สปีดที่ใช้ใน S2 ต่ำกว่า S1 ค่อนข้างมาก น่าจะที่ประมาณ 100++ ไม่เกินกว่านี้ไปเท่าไหร่ เกียร์ที่ใช้ก็ประมาณเกียร์ 4 หรือ 3 ในรถเดิมๆ ข้อแตกต่างอีกเรื่องที่เห็นได้ชัดคือ การเบรคครับ ใน S1 เราใช้เบรคไม่มาก และอยู่ในเบรคไม่นาน ส่วนใน S2 เราอาจไม่เบรคหนักเท่ากับ ที่ทำใน S1 แต่ต้องมีการ trailing brake เข้าไปเล็กน้อย หรือบางคน trail เข้าไปถึง apex ฝั่งซ้ายกันเลย ทั้งนี้ เพื่อรักษาสมดุลย์ของรถเป็นหลักครับ โค้งนี้ ใครเข้าแบบเหวี่ยงๆ เข้าผิดไลน์ หรือ overspeed ก็มีสิทธิ์ใช้บริการรถยกได้ง่าย รวมไปถึงช่วง transit จากเบรคมาคันเร่งก็เช่นกันครับ ต้องนุ่มนวลและรวดเร็ว อย่าให้มีการ jerk ของรถมากนัก สำหรับท่านที่ไม่อยากปีนแบ๊งค์ ผมแนะนำว่า อย่าห้าวครับ ค่อยๆเพิ่มสปีดที่เราสามารถคุมได้ ทีละน้อยๆ ในทุกๆรอบที่ลองวิ่ง ถ้าปีนแบ๊งค์ได้ ไม่กลัวล้อดุ้งล้ดคด ก็สามารถเข้าด้วยสปีดที่สูงกว่าแน่นอน เพราะการปีนแบ๊งค์ ทำให้ไลน์ง่ายขึ้นในโค้งแบบนี้ ขาออก พยายามใช้พื้นที่ให้เต็มครับ อย่าฝืนรถ อย่าฝืนพวงมาลัยไว้ ปล่อยให้รถบานไปสุดไลน์ ให้แตะขอบแบ๊งค์ขาวแดงขาออกกันไปเลย ตรงนี้ ถ้าในการแข่งขัน จะเป็นอีกจุดที่นิยมแซงกัน พูดง่ายๆ คือชิงไลน์กันก่อนเข้าโค้งฮอนด้า ที่ผมจะพูดถึงในครั้งต่อไปครับ
ใกล้จบแล้วครับ พีระเซอร์กิต สนามภาคบังคับของบ้านเรา ตอนนี้ก็เหลืออยู่อีกแค่สองโค้ง ซึ่งจริงๆแล้วบางคนบอกแค่โค้งเดียว แต่ผมนับให้ละเอียดหน่อย จะได้อธิบายได้ง่ายขึ้นครับ โค้ง Honda โค้งนี้ถูกจัดให้เป็นโค้งแคบ(สำหรับสนามนี้)นะครับ ลองดูจาก lay out สนามในหน้าแรก จะเห็นได้ว่าองศาของโค้งค่อนข้างจำกัด และนี่ก็เป็นอีกโค้งที่มือใหม่ส่วนใหญ่ มักจะพลาดกันง่ายๆ จะเนื่องมาจากการคำนวนสปีดขาเข้าผิดก็ดี หรือการมองใกล้เกินไปก็ดี ทำให้หลายๆท่านที่ไม่แม่นพอ ต้องกระเด็นตกหญ้าตกกรวดกันประจำ วิธี attack โค้งนี้ จริงๆไม่ได้ยากอะไรเลยครับ เป็นโค้งสปีดไม่สูง ถ้าไม่ใจร้อนเข้าด้วยความเร็วมากเกินไปก็ไม่มีปัญหา แต่ใจความสำคัญของโค้งนี้คือ เป็นตัวสร้างความเร็วทั้งหมดให้กับทางตรงด้านหน้าพิท ซึ่งแน่นอนว่า ผมเน้นเรื่องของขาออกมากกว่าครับ การพยายามจะเข้าด้วยความเร็วสูงในโค้งแคบ มีแต่จะทำให้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางโค้งหรือช่วงออกจากโค้งทำได้ลำบาก พูดง่ายๆ เข้าแรงเกิน ก็ต้องไปแก้อาการกันอยู่กลางโค้ง ดีไม่ดี แก้กันไปจนถึงทางออก ในขณะที่ถ้าเราเข้าด้วยสปีดที่พอดี ย่อมเดินคันเร่งได้ก่อน และไอ้การเดินคันเร่งได้ก่อน ก็คือสร้างสปีดได้เต็มที่ในขาออก สปีดผ่านเส้น รวมไปถึงสปีดที่โค้งสุดทางตรงย่อมสูงกว่าแน่นอน ไลน์ที่ใช้ สำหรับโค้งนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายครับ ถ้าเป็นลักษณะของการวิ่งควอลิฟายด์ หรือ time attack ผมแนะนำให้ใช้วิธีเลี้ยวแบบ lateนิดหน่อย นั่นคือ เมื่อถึงจุดเบรคก่อนเข้า ลดเกียร์ลงเรียบร้อย อย่าเพิ่งรีบเทิร์นพวงมาลัย ปล่อยให้รถตรงไปจนเกือบถึงขอบปูนขาว-แดงด้านแบ๊งก์ฝั่งซ้ายครับ ตรงนี้ต้องระวังกันหน่อยนะครับ ตรงที่ว่า บางท่านไปตรงไลน์นี้จริง แต่สปีดต่ำไปบ้าง สูงไปบ้าง ต้องคำนวนให้ดีครับ ก่อนถึงสุดขอบขาวแดง ตรงนี้จะเป็นจุดที่เราควรมองไลน์ให้ยาวไปถึงเอเป่กซ์ฝั่งซ้ายไกล ตรงโค้งโตโยต้าแล้วนะครับ อย่าเพิ่งรีบคลายเบรคจนกว่า รถจะเริ่มเลี้ยวได้ คือถ้าคุณรีบปล่อยเบรค หมายความว่าการถ่ายน้ำหนักมาลงที่ล้อหน้า เพื่อให้รถเลี้ยวได้ในโค้งแคบๆจะเสียไปทันที ดังนั้น การ trailing ก็เป็นเรื่องจำเป็นในโค้งแคบๆแบบนี้ แต่ไม่มีข้อกำหนดครับ ว่ารถแต่ละคันควรจะ trail กันไปถึงตรงจุดไหน เอาเป็นว่า ดูกันตามความรู้สึกด้วย ว่าหัวรถอยู่ในท่าที่พร้อมจะกดคันเร่งได้ ไม่ใช่trail ไปหน่อยเดียว ใจร้อน อยากกดคันเร่ง พอกดไป หน้ายก ออกอาการอันเดอร์ ไลน์ขาออก พยายามไปให้เต็มไลน์ เต็มพื้นที่ครับ รถจะได้ต่อเนื่องไปถึงโค้งโตโยต้าก่อนเข้าทางตรงแบบคันเร่งเดียวไปเลย ไม่ต้องมาคลอๆยกๆกดๆกันอีก อีกไลน์นึงที่เรามักเห็นเวลาแข่งขันจริงคือ การเสียบ หรือถูกเสียบที่โค้งด้านใน โค้ง Honda เป็นจุดที่นักแข่ง ไม่ว่าจะรุ่นเก่ารุ่นใหม่ นิยมแซงกันมากที่สุด เพราะเป็นจุดที่แซงง่าย สปีดไม่สูง แค่เสียบไลน์ในก็เป็นการทำลายจังหวะคู่แข่งได้แล้ว แต่! ไอ้การเสียบแบบทะเร่อทะร่าในมือใหม่ๆนี่เองครับ ที่ผมเห็นว่า เป็นการแซงแบบเสี่ยง แซงแบบ *จะไป ไม่ได้คำนวนดูว่า เราอยู่ในฐานะได้เปรียบหรือยัง? แซงขึ้นไปแล้วได้เปรียบจริงหรือไม่? จะมีการกระทบกระทั่งกันมั้ย? บ่อยครั้งที่ผมเห็นว่าไอ้การแซงเห่ยๆตรงนั้น ทำให้ต้องลงมาคุยกันหลังไมค์ประจำ และที่ได้ยินบ่อยที่สุดเวลามีเหตุตรงนั้นคือ "ผมเบรคไม่อยู่จริงๆพี่" มุกนี้ประจำครับ ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นพีระเปิดใหม่ยันรุ่นปัจจุบัน คือถ้าจะบอกว่าเบรคไม่อยู่ เปลี่ยนเป็นพูดตรงๆเลยดีกว่าว่า "ผมกะว่าพ้นครับพี่ แหะๆ"