คิดยังไงกับวงการ drift ตอนนี้

โอ๊ววว พี่โอ๊ตร่ายยาวเลย

ในฐานะสตาฟคนนึง ก็ดีใจ ที่วงการดริฟต์บ้านเราพัฒนาขึ้นมาได้รวดเร็วมากๆ

ถ้าถามว่าขึ้นเร็วลงเร็วมั้ย ผมว่าไม่นะ ปีนี้..........รถเพิ่มขึ้นอีกบานนนนนตะเกียง

ปีที่แล้ว รวมๆ 40 คัน ปีนี้ น่าจะเพิ่มราวๆ 10-20 คันได้มั้ง เหนื่อยสุดๆ และมันส์สุดๆแน่นอน

 

นึกว่าจะโดนคุณ aot (ในฐานะนักดริฟ)ด่าซะแร้ว พอดีผมเป็นผู้ชมคนนึงทั้งในสนาม และในแผ่นบางฉบับ ผมก็เห็นว่าพอคู่ชิงที่3 หรือที่1 ทีไร ดูมันรุนแรงทุกทีและบางทีกรรมการก็แข่งเอง แล้วก็ประท้วงเอง(ขอโทษดูละเอียด)ส่วนล่าสุดก็เห็นอย่างที่ว่าจริงๆ ก็เลยคิดที่จะความคิดเห็นจากคนอื่นดู(ความคิดเห็นจริงๆ) เคยคิดอย่างผมมั้ยว่า drift การแข่งแบบ battle มันทำให้ความเครียจสูง กระทบกระทั่งสูง ไม่เหมือน drag ที่เขาวิ่งคนละเลนจะแข่งให้ตายยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฝ่ายตรงกันข้าม เลยฝากบอกนักดริฟทุกคนว่ายิ่งเก่งก็ต้องยิ่งมีอัตราเสี่ยงกับการใช้อารมณ์มาก ไม่ใช่เอามาเป็นจุดขาย แล้วมันก็ทำให้ผู้จัดเครียจไปด้วย รักพี่เสียดายน้อง รักพวกเสียดายเพื่อน รักแต่ตัวเองก็จะเสียทุกอย่าง
ส่วนเรื่องสปอนเซอร์ที่คุณ aot พูดถึงผมยังมีมุมมองลึกๆอีกเยอะไว้พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟัง
ปล.3 ดอของแท้ต้องรูปนี้

 

ติ ชม ได้ครับ พวกคนธรรมดา อาจผิดพลาดโดยไม่รู้ ก็เป็นเรื่องปกติ แต่เชื่อเถอะครับว่าที่ทำไปทุกอย่างตั้งมั่นอยู่ในความฝันนับตั้งแต่วันแรกที่ทำ คือ อยากให้สิ่งที่เรารักมันดีขึ้น ตอนนี้มันดีขึ้นไหม ผมตอบไม่ได้อยู่ที่คนข้างนอกมองเข้ามา

นักแข่งขายรถ ขายบ้านทำรถ ผู้จัดก็เคยจำนองรถ กู้แบงค์ เอาเงินมาจัดงานเหมือนกันนะครับ 5555 คิดแล้วก็ตลกพวกเรารอดจนมีวันนี้ได้ไง

 

ผมยังยืนยันนะ.............ดูดริฟต์ ดูผลงาน ดูบรรยากาศจะสนุกกว่าครับ

คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

ผมเองก็มีนักแข่งที่แอบเชียร์ เอาใจช่วยอยู่เหมือนกัน

ก็ดูผลงานเค้าแหละ รถสุดยอด คนขับสุดยอด แต่ยังขาดๆเกินๆไปนิด โชคไม่ช่วยบ้างก็มี



ผมว่าดริฟต์มันก็คล้ายกับศิลปะ คล้ายกับทำกับข้าวแหละ

เข้าภัตตาคาร อาหารเสริ์ฟที่โต๊ะ ยังไงก็กินอร่อย

เข้าหลังครัว โน่นไม่ล้าง นี่ทำลวกๆ พาลจะกินไม่ลงเปล่าๆนะ

นี่แหละโลกจะมองลึกมันก็ลึก จะมองยังไง............ก็แล้วแต่คนล่ะครับ อยู่ด้านที่ดูแล้วมีความสุขดีกว่า


ได้เห็นมุมมองของคนดูบ้างก็ดี ผู้จัดจะได้ฟังความคิดเห็นบ้าง

คอมเมนต์สตาฟฟ์บ้างก็ได้ครับ ยินดีรับฟังและปรับปรุง

 

อ่านตั้งแต่เริ่มก็ไม่รู้จะตอบอะไร จนตอนนี้ตอบไปกันหลายคนแล้วก็ยังไม่รู้จะตอบยังไง

เพราะตั้งแต่ทำงานมาก็เห็นมีกระทบ กระทั่งกันบ้าง จบงานก็เคลียร์กันก็จบ...

ส่วนเรื่องไล่นักแข่งก็ยังไม่เคยเจอ ยังต้องยืนปล่อยรถสนามละ 40-50 คันทุกสนาม

ไม่เห็นมีนักแข่งคนไหนเคยโดนไล่ออกจากสนาม เห็นมีแต่พี่จอห์นแกขู่ แต่ก็ไม่เห็นทำ

ส่วนกระแสจะไปไวไหม อันนี้ก็ไม่รู้ ถ้าทุกคนช่วยกันมันคงยังไม่ร่วงตอนนี้แน่ๆ

รถซุ่มทำก็ยังมีอีกหลายคัน คนเริ่มเล่นใหม่ก็ยังมีอีกหลายคน ข่าว License D1

ก็มีอยู่ใน website D1 แต่ยังไม่ confirm มันก็แปลได้ว่ามันยังคงไปได้อีก

เพราะไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีแววที่จะได้ license มาทางนู้นเค้าคงต้องดูตลาดมาแล้ว

ไม่งั๊นก็คงไม่กล้าปล่อยชื่อมาให้ พวกผมก็คงได้แต่ทำงาน จัดงานให้ทุกคนได้ดู

ผิดพลาดยังไง มีข้อเสนอแนะ ข้อติชม ก็บอกกันได้ครับ พวกเราน้อมรับอย่างเต็มใจ

ปล. แต่ถ้าติ ขอแบบติเพื่อก่อนะครับ ติเพื่อทำลายไม่เอา...

 

สนามหน้าชดเชย....................ไปตีธงมั่งนะ แสรดดดด~

 

งั๊นไม่ไปแล้ว นอนอยู่บ้าน... 555+

 

ส่วนตัวผมชอบวงการดริฟบ้านเรามากๆเลยนะครับ พี่ๆเขามีความเป็นกันเองมากๆ แม้ว่าจะอยู่กันคนละทีม
แต่ช่วยเหลือกันตลอด บางทีรถตัวเองพังก็ไปยืมรถเพื่อนมาแข่งได้ แม้ไม่ชินกับรถเพื่อนแต่ก็ยังสามารถดริฟได้ เก่งกันมากๆเลยครับ ชอบมากๆครับการแข่งดริฟเนี่ย ส่วนตัวไม่มีโอกาสครับ เพราะไม่มีตัง อิอิ
ผมติดตาม MOTOR TRACKS ทุกเดือนทุกฉบับที่ออกมาตลอด ดูดริฟทีไรรู้สึกสนุกและอบอุ่นไปกะพวกพี่ๆนักดริฟอะครับ ชื่นชมฝีมือคนไทยจริงๆ ดริฟกันได้เร็วๆมากๆ ฝึกกันแป๊บเดียวก็ดริฟกันได้แล้วอะเก่งจริงๆ ส่วนตัวชอบ พี่ง้วน,พี่จุ๊,พี่ต๋อง,พี่โต้งRX-7 เขาดริฟกันโหดจริงๆอะครับ ชอบๆๆๆ อยากให้วงการนี้พัฒนาต่อไปเรื่อยๆๆๆ ดีๆๆๆขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

อย่าลืมซิครับ ว่าการ Drift Battle น่ะ ตัดสินที่ ใครตามได้ใกล้กว่ากัน โดยดริฟท์ต่อเนื่องไปด้วย เพราะฉะนั้น เมื่อถึงรอบชิงตำแหน่ง ไม่ว่าจะ ที่ 1 ที่ 2 หรือที่ 3 ความเครียด ความกดดัน ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ เพื่อผลงานของตนเอง เพื่อสปอน์เซอร์ผู้สนับสนุน มันก็ต้องมีสูงขึ้นตาม อีกทั้งการตั้งมั่นในสมาธิ เพื่อที่จะควบคุมรถก็มีสูงตามขึ้นมาด้วย ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ อาจจะเป็นไปได้ว่า จะก่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดของนักแข่ง แต่ขอให้ดูจนจบเถอะครับ ว่าพอแข่งเสร็จ รู้ผลปุ๊บ นักแข่งแทบจะทุกคน จะลงมาแสดงความยินดีกันแทบจะทันทีที่ลงจากรถ (บางครั้ง ถ้าดูจากแผ่นรายงานผล อาจไม่เห็นบรรยากาศเหล่านี้) หรือแม้กระทั่งหากเกิดการชนกัน ก็จะรีบลงมาขอโทษขอโพยกัน ไม่มีเลยที่จะลงมาเถียงกันว่าใครผิด ใครถูก ผมก็เป็นนักแข่งคนนึงที่มีประสบการณ์การชนกันในสนามเกิดขึ้นมาแล้ว (ชนกะเฮียโก เอกการาจ) ก็รีบลงมาขอโทษขอโพย จับมือกัน กอดกัน จนทุกวันนี้ยังแซวๆกันอยู่เลยว่า อย่ามาวิ่งคู่กันอีกนะ (ฮา)

เทียบกับ Drag เหรอ? ........... ผมว่าลองเทียบกับ Circuit หรือ ทางเรียบอื่นๆ ดูมั่งซิครับ จะเห็นได้ชัดเลยว่าดุดันยิ่งกว่าดริฟท์อีก ดริฟท์ยังแค่ ตามให้ได้ใกล้ที่สุด แต่ทางเรียบนี่ ยังไงก็ต้องแซงให้ได้ เข้าเส้นก่อนให้ได้ มีโอกาสแซง ต้องรีบแซง โอ้ย สารพัด

การประท้วง????
เนื่องจากเป็นการแข่งขันที่มีรายละเอียดเยอะ เช่น มุมล้อ องศาการดริฟท์ การแก้อาการ การเสียอาการดริฟท์ อีกทั้งระยะห่างระหว่างกรรมการ กับรถที่กำลังแข่ง ทำให้มอง สังเกต อาการต่างๆ เหล่านี้ได้ยาก การประท้วงก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่มีใครผิด เพราะอยู่คนละมุม คนละที่ อาจสังเกตเห็นได้ไม่เหมือนกัน ก็แค่มาดูภาพเพิ่มเติมจากกล้องวีดีโอ แล้วก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ก็เท่านั้นเอง

มุมมองสปอน์เซอร์????
รีบๆมาตอบนะครับ เผื่อมีมุมมองอะไรที่เป็นประโยชน์ ผมจะได้ขอนำมาใช้ (ขอสปอน์เซอร์แข่งรถมา 4 ปีล่ะ ขอยากจิงๆ มีเทคนิคไร บอกมาเร็วๆนะ ปีนี้กะลังเครียดอยู่พอดีเลย)

ปล. เห็นภาพส่วนตัวคุณทีไร ต้องพนมมือไหว้พระที่คล้องคอไว้ทุกที (มันเหมือนเราไปมุดอยู่ใต้ XXX เด๋วของเสื่อม)

 

พัฒนาไปเรื่อยๆครับเรื่องพวกนี้ แต่ผมว่าการแข่งน่าจะจัดที่มันใหญ่กว่านี้(สนามนะ)
ถ้าเป็นไปได้ ส่วนตัวผมก็มีพี่ที่รู้จักทำการแข่งอยู่รายการนี้ แต่ผมไม่เคยเล่นนะไม่ชอบอ่ะ ดูอย่างเดียวพอ
สนุกดีนะครับ เรื่องการมีปัญหากันผมว่าไม่น่าจะมีนะ เพราะแต่ละคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นการแข่งขันกัน เรื่องกระทบกันมันก็ต้องมีบ้าง แข่งจบก็จบไป เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

 

กีฬาวัดความสามารถ ต้องมีกระทบ กระทั่งกันมันเป็นธรรมดา

คนที่จะมาแข่งเค้าก้อเตรียมใจมาล่วงหน้ากันแล้ว

 

ตามโอ๊ตว่าเลยครับ อิอิ

 

ขอบคุณครับพี่.................แต่.......................




คิดเองบ้างดิ (ฮา)

 

พี่จอห์นนี่ไม่ไหวเล๊ย...

 

เสริมเพิ่มจากพี่โอ๊ตต่อหน่อยนึงนะคับ เอาเป็นว่าอ่านตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่รู้จะตอบอาราย .... !! แต่พอมาถึงเรื่องนี้เลยอยากจะฝากมุมอีกมุมนึงลองไปมองดูนะคับ ผมต้นในฐานะอารายดีหละ นักดริฟท์ก้อไม่ค่อยได้ลงสนามมาหลายเดือนแหละ รถไม่พร้อมสักที แต่เมษานี้คงพร้อมแหละเพราะทำรถไว้ 2 คันเลย ถ้ามันพังอีกทั้ง 2 คันก้อให้มันรู้ไป หรือจะเป็นในฐานะคนดู อันนี้รู้สึกจะบ่อยกว่า เรื่องของการ battle นั้นก้อเคยเป็นข้อถกเถียงกันมาทีแล้วคับ สำหรับการแข่งขันในคลาส B เพราะหลายคนมองว่ามันอันตรายเกินไปหรือป่าว สำหรับมือใหม่ แต่ก้อได้ข้อสรุปว่าให้มีอยู่ดี ในส่วนตัวของผมผมว่าการแข่งแบบ battle นั้น ถือว่าเป็นการฝึกสมาธินักแข่ง การพัฒนาฝีมือของนักแข่ง อารายอีกหลาย ๆ เลยคับ สำหรับคนดูก้อถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการชม เพราะความเสียว ความตื่นเต้นจะบังเกิดขึ้นในเวลานี้ นักแข่งแต่หละคนก้อจะประมาณว่าบ้าไปแล้ว กินม้ามาป่าวเนี่ย.. ? เพราะปกติพวกเราเวลาขับรถก้อไม่มีใครขึ้นไปไล่คันหน้ากันขนาดนั้นหรอกคับ แต่อย่างนึงที่ผมสังเกตคือ ไม่ค่อยเกิดการชนกันเลยคับยิ่งในคู่ที่ฝีมือนักแข่งสูงมากนั้น ยกตัวอย่างพี่นนท์นะคับ กันชนหน้าแกแถบจะไปแปะกับรถของอีกฝ่ายตลอดเลย แต่ยังไม่เคยเห็นพี่นนท์ชนเลยสักครั้งเดียวคับ เคยเห็นหวุดหวิดกับพี่จุ๊ทีนึง แต่ก้อสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ อันนี้มาจากฝีมือนักแข่ง มิได้ฟลุ๊คแน่นอนคับ หรืออีกหลาย ๆ คนที่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อมาก้อถือว่าเก่งมากมีฝีมือกันแทบทุกคนเหมือนกันคับ แล้วในมุมมองของผมถ้าทักษะนักแข่งดีแล้วขึ้นอยู่กับว่า กล้า ที่จะเล่นหรือป่าวมากกว่าคับ มันก้อเหมือนกับยิมนาสติกแหละคับ นักกีฬากล้าที่จะใช้ท่ายากเพื่อที่จะเรียกคะแนนมาก ๆ หรือ ป่าวมากกว่านะคับ นักแข่งส่วนนึงที่ไม่ค่อยไล่มากก้ออาจจะมาจากการที่ไม่ไว้ใจฝีมือการขับของคันหน้า หรือว่าไม่ไว้ใจฝีมือตัวเอง บวกกับกลัวมันชนนั่นแหละคับ พลาดมางานเข้าแน่เลย ซึ่งผมเองตอนเล่นใหม่ ๆ ก้อเป็นคับเสียวเหมือนกัน แต่พอมาตอนหลังความรู้สึกดังกล่าวกลับหายไปเหมือนกันนะคับ (แต่ฝีมือตัวเองก้อยังไม่เก่งสักทีคับ ) ส่วนทีบอกว่า "
ยิ่งเก่งก็ต้องยิ่งมีอัตราเสี่ยงกับการใช้อารมณ์มาก " ผมกลับมองว่ายิ่งเก่งยิ่งมีสมาธิมากขึ้น เพราะถ้าเกิดอารมณ์มาอยู่เหนือสมาธิ ผมมองว่ายังไงผลงานย่อมออกมาไม่ดีแน่นอนคับ

ส่วนเรื่องสปอนเซอร์ในความคิดผมนะคับ ..... คนอื่นอย่าด่าหละ แอบอิจฉาและดีใจกับคนที่ได้รับสปอนเซอร์จังเลยคับ ผมมองว่าสปอนเซอร์เป็นเรื่องของผลพลอยได้ ทั้งนักแข่งและผู้อุปถัมป์ นักแข่งทุกคนผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ที่ทำรถกันขึ้นมาเล่น ทำขึ้นมาด้วยใจรัก ทำขึ้นมาเพราะอยากเล่น ไม่ได้หวังว่าทำมาแล้วจะต้องมีสปอนเซอร์หลอกคับ เพราะตอนเริ่มเล่นก้อคงไม่ได้คิดกันหรอกคับว่ารถเราจะต้องมีสปอนเซอร์เท่านั้นเท่านี้ เพราะคิดยังไงมันก้อไม่คุ้มอยู่ดีแหละคับ เพราะรถแข่งคันนึงอยู่กันหลักแสนขึ้นคับ บางคันเป็นล้านคับ พอทำมาเป็นรถแข่งเต็มตัวก้อใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้อีก ยิ่งถ้ารถ DRAG รุ่นโอเพ่นเดี๋ยวนี้แค่เครื่องอย่างเดียวทำกันมากี่ล้านแล้วหละคับ จะมีนักแข่งคนไหนซักกี่คนได้สปอนเซอร์กลับมาคุ้มบ้างคับผม .... ? แต่นักแข่งทุกคนก้อหวังที่จะมีสปอนเซอร์มาช่วยสนับสนุนกันทั้งนั้นแหละคับ เพราะถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระนะคับ ยิ่งมีสปอนเซอร์เยอะยิ่งดีเลย เราจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระไว้เองเยอะ ส่วนผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน อันนี้ต้องขอยกย่องในน้ำใจอันแสนงดงามนี้จังเลยคับ ยกตัวอย่าง ล้อยี่ห้อนึงที่ให้สปอนเซอร์นักแข่งกันอยุ่ตอนนี้ ใส่กันเพียบเต็มสนามเลย คิดเป็นมูลค่าที่สูงเลยคับ ใจดีจริง ๆ พอเราเห็นล้อชุดดังกล่าวเราก้อมอง เออ สวยดีแฮะ สอยมาใส่รถเราที่บ้านสักชุดนึงดีกว่า ในขณะที่ตอนแรกเราเห็นล้อชุดนี้แค่รูปเราก้อเฉย ๆ ใส่แล้วมันจะสวยไหมหว่า ... ? แพงด้วยเดะเสียตังค์มาแล้วเกิดไม่หล่อ ซวยเลยกู แต่ถ้ามีตัวอย่างใส่อยู่กับรถ อันนี้ง่ายต่อการตัดสินใจเลยแฮะ ..... เจ้าของผู้นำเข้าล้อก้อมีลูกค้า เพิ่มขึ้นมาทันทีเลยคับ อันนี้ก้อถือว่าเป็นจุดนึงในการโฆณา ประชาสัมพันธ์สินค้าไปในตัวเลย เรียกว่าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเลย นักแข่งก้อมีล้อสวย ๆ ใส่ เจ้าของล้อก้อขายล้อได้มากขึ้น เรียกว่าได้ผลประโยชน์กันถ้วนหน้าเลยคับ ถ้างั้นก้อฝากถึงผู้ที่มีจิตใจเมตตาทั้งหลายเข้ามาอ่านแล้วก้อช่วยสนับสนุนรถแข่งกันเยอะหน่อยนะคับ สงสัยพวกผมเถอะคับ โดยเฉพาะผมเองคับยังไม่มีเลย รถก้อสวยแล้วนะ แต่ฝีมือคนขับนี่สิยังไม่ได้เรื่องเลยแล้วเมื่อไหล่จะมีผู้ใหญ่ใจดีมาให้สปอนเซอร์เราบ้างเนี่ย

 

DRIFT JUDGE

เมื่อวานนี้ 23:58:20
3 ดอ นึกว่าจะโดนคุณ aot (ในฐานะนักดริฟ)ด่าซะแร้ว พอดีผมเป็นผู้ชมคนนึงทั้งในสนาม และในแผ่นบางฉบับ ผมก็เห็นว่าพอคู่ชิงที่3 หรือที่1 ทีไร ดูมันรุนแรงทุกทีและบางทีกรรมการก็แข่งเอง แล้วก็ประท้วงเอง(ขอโทษดูละเอียด)ส่วนล่าสุดก็เห็นอย่างที่ว่าจริงๆ ก็เลยคิดที่จะความคิดเห็นจากคนอื่นดู(ความคิดเห็นจริงๆ) เคยคิดอย่างผมมั้ยว่า drift การแข่งแบบ battle มันทำให้ความเครียจสูง กระทบกระทั่งสูง ไม่เหมือน drag ที่เขาวิ่งคนละเลนจะแข่งให้ตายยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฝ่ายตรงกันข้าม เลยฝากบอกนักดริฟทุกคนว่ายิ่งเก่งก็ต้องยิ่งมีอัตราเสี่ยงกับการใช้อารมณ์มาก ไม่ใช่เอามาเป็นจุดขาย แล้วมันก็ทำให้ผู้จัดเครียจไปด้วย รักพี่เสียดายน้อง รักพวกเสียดายเพื่อน รักแต่ตัวเองก็จะเสียทุกอย่าง
ส่วนเรื่องสปอนเซอร์ที่คุณ aot พูดถึงผมยังมีมุมมองลึกๆอีกเยอะไว้พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟัง
ปล.3 ดอของแท้ต้องรูปนี้




MR. ORIDO (SUPRA) D1
เป็นทั้งนักแข่ง และกรรมการ
การดูละเอียดเป็นการดี แต่ต้องมีประสบการณ์และวิสัยทัศน์นะ

 

กระทู้นี้มาครบเลย ทั้งนักแข่ง คนพากษ์ กรรมการ(บางสนาม) สตาฟต์สนาม คนดู..................

ขาดสอปนเซอร์นะเนี่ย 55+

 

มาแล้ว สปอนเซอร์ สิ่งที่ทำให้นักแข่งมีกำลังใจในการแข่ง แต่หารู้ไม่ว่ามันก็เป็นดาบ 2 คมที่ทำให้ความเป็นเพื่อน พี่ น้อง ต้องแตกแยกกัน ไม่ต้องถามว่ารุได้ไงก็ตอนรวมทีมทีก็เล่นลงหนังสือกันทุกเล่มแต่เวลาผ่านไปเกิดอาการลืม กลับมาลงหนังสืออีกที อ้าวเหลือไม่ครบ อย่างนี้มันต้องมีเหตุ ว่ากันว่าสงครามยางนี่มันรุงแรงที่สุด
-แดง ดำ มาแรง รถสวย ทีมใหญ่ แบคดี แต่คนหามารู้สึกเหนื่อยเลยแบ่งกัน 2 คน วงเลยแตก เหลือแต่แก๊งค์ลูกข่าง
-แดง ขาว ผลงานดี แรง แรงมากๆ ฟอร์มสวย แบคดีตามมา แต่จบ season ดีแตก god ทะเลาะกับ แบค ถึงกับเคืองกันไปเลย
-แดง ฟ้า ขาว มีตัวไฮไลท์แต่แผ่วปลาย ลูกทีมอ่อนซ้อม เลยขาดตัวขั้นอันดับสงสัยจจะมีเปลี่ยนตัว
-ฟ้า ขาว มีสองกลุ่มรวยมาก กับรวยน้อย ดูเหมือนรักกันดี แต่เวลาพิสูจน์ว่าดีกรีสูงบางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะที่นี่เป็นเมืองไทย
ยังไงซะก็ยังให้กำลังใจนักแข่งที่ไม่มีสปอนเซอร์ ให้พยายามต่อไป หรืออย่างที่คุณ s.k.s. พูด ผมว่ามันไม่มีอะไรเลวร้ายหรอก นอกซะจากของที่เราได้มาแล้วเราต้องคิดว่าเราได้มาเพราะอะไร ได้เพราะเพื่อนก็ต้องช่วยกันดูแล ได้เพราะฝีมือก็ต้องหมั่นซ้อม เมื่อเราไม่พร้อมจะรักษามันไว้ก็ควรเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ ที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็หวังไว้อย่างเดียวว่า การแข่ง drift ในเวลาอันใกล้นี้จะเป็นการแข่งขันที่อบอุ่น และรักกันเหนียวแน่น เหมือนสมัยก่อน
ปล.ไม่อยากให้สติกเกอร์ที่รถมากขึ้นเท่าไหร่ เพื่อนก็หายไปเท่านั้น

 

....ส่วนตัวแล้วชอบการแข่งขันดริฟมาก จะไปดูการแข่งขันทุกครั้ง แต่สนามนี้ไปดูนักแข่งซ้อมกัน
ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ซ้อมกันจนจบก็มีการประชุมนักแข่งเกิดขึ้น เวลาประมาณบ่ายโมงได้มั้งโดยไปประชุมอยู่กลางสนาม ส่วนตัวแล้วชื่นชอบนักแข่งบางท่านเลยอยากเข้าไปคุยไปทักทาย จึงไปยืนอยู่หน้าเต็นท์รถแข่ง ไปยืนดูเค้าไปประชุมกันว่าเค้าพูดอะไรกันบ้าง แต่ก้อไม่ได้ยินนักแข่งพูดหรอกเพราะได้ยินแต่เสียงโฆษกโม้อยู่กลางสนามกับนักแข่งท่านหนึ่ง อยู่ดีๆก็มีรถคันนึงขับเข้ามาในสนามตรงที่นักแข่งท่านนั้นคุยกับโฆษกอยู่ เห็นคนที่ขับรถเข้ามาชี้หน้านักแข่งคนนั้น แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ แล้วก็ขับรถไป
ทำให้นักแข่งท่านนั้นยืนทำหน้างง (แอบสังเกตุเห็น)
ซักพักคนที่ขับรถเข้ามาก็จอดรถแล้วลงรถ แล้วไปลากใครไม่รู้(ใส่เสื้อซาฟารี)ให้เดินมากลางสนามด้วยเพื่อจะคุยกับนักแข่งท่านนี้ คุยกันเหมือนจะไม่พอใจอะไรกัน ซักอย่าง(หน้ามุ่ยๆ) ละก้อเห็นนักแข่งท่านอื่นทำหน้างงกันไปหมด พอคุยกันเสร็จแล้วก้อมีนักแข่ง 2 ท่านเดินออกมาจากกลางสนาม ตรงที่นักแข่งยืนประชุมกัน ซักพักก้อเห็นนักแข่งท่านนั้น ขับรถแข่งออกไปจากสนาม 2 คันแล้วไม่กลับเข้ามาอีกเลย คืองงมากๆ ขอให้นักแข่งที่อยู่ในเหตุการ์ณมาอธิบายให้คนดูฟังหน่อยสิคับ

คุณ โอ๊ด คุณ จอร์น คุณอะไรซักคนนี่แหละที่เป็นคนปล่อยรถน่ะ น่าจะอยู่ในเหตุการ์ณ ช่วยบอกให้หายสงสัยได้มั้ยคับว่ามีอะไรเกิดขึ้น คนดูเห็นกันเกือบทั้งสนาม ทุกคนงงมาก เหมือนๆมีการไล่นักแข่งท่านนั้น ไม่ให้แข่ง ส่วนตัวผมยังงัยก็อยากให้วงการนี้น่าอยู่เพราะชื่นชอบมากกับการแข่งขันดริฟ อยากให้วงการนี้พัฒนาไปพร้อมๆกับนักแข่ง

ขอบคุณครับ

 

ไม่เข้าใจที่คุณ 3 ดอโพสต์

สปอนเซอร์ ทำให้เพื่อนนักแข่งแตกกันเหรอ หรือการแข่งทำให้ทะเลาะกัน...........

ผมอยู่ตรงนี้ ผมยังไม่เห็นอาการแบบ กรูทีมนี้ ข้าทีมนั้นเลยซักนิด

มาถึงสนามลงจากรถ ใครพี่ใครน้อง ก็ทักกันตามประสา เรื่องโน่นเรื่องนี่ ก็เฮฮาปาตี้ สนามไบเทคมี Walk Course ก็เดินกันฮาเฮ ไม่เห็นแบ่งทีมเลย

ผมเดินตามไป ยังสอนไลน์กันอีกต่างหาก

เวลาแข่งบางสนามรถพัง ยืมรถข้ามทีมกันก็มี ก็เห็นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกันทั้งนั้น

คนหลายคนอยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีบ้างที่ไม่ถูกกัน แต่จะมาบอกว่ามีสงครามคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก

จะหวังว่าคนทั้ง 40 คน จะรักใคร่กลมเกลียวเหนียวแน่น กันทุกคน คงเป็นไปไม่ได้มั้งคับ



เรื่องสนามไบเทค มีไล่นักแข่ง........อันนี้ต้องถามตัวละครที่กล่าวถึงอะ ผมมะยู้เยื่องงงงง~

 

วันนั้นผมไปสายมากครับมั้วแต่เปลี่ยนครัชที่พังก่อนวันแข่งมาซ้อมได้รอบเดียวครัชแตกซ่ะงั้นก็ไม่ทราบเรื่องอะไรครับแต่ที่แน่ๆกรรมการก็ยังให้โอกาศผมไปลงแข่งได้ก็ขอบคุณกรรมการมากๆครับ
ส่วนตัวผมเองรักวงการดริฟท์มากครับถึงขนาดที่จะว่าบ้าเลยก็ได้ครับ
ผมขอพูดถึงเรื่องสปอนเซอร์นิดนึงผมได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่คนนึ่งครับก่อนที่ผมจะได้มาเป็นยางไทยที่ใครๆก็ร้องยี้....แต่กว่าที่ผมจะได้มาอย่างเต็มตัวนั้นผมต้องใช้ความขยันและอดทนอยู่หลายปีต้องอดทนต่อคำกล่าวหาว่าลาวบ้างอะไรบ้างกับสโลแกนคำว่า(เทห์หากิก)จนถึงวันนี้ผมเองได้คุยกับผู่ใหญ่ก่อนที่จะเปลียนโฉมอย่างเต็มคันผมได้บอกกับผู้ใหญ่ไปว่าอย่าผึ่งหวังกับผลการแข่งขันเพราะผมอาจทำไม่ได้ สื่บเนื่องจากขนาดของยางจะให้เทียบกับของญี่ปุ่นคงไม่ได้ระหว่างสตีดยูสกะเรสซิ่งขอแค่เพียงได้ร่วมงานแข่งกับยางญี่ปุ่นแค่นี้ผมก็พอใจแล้วแต่คุณรู้มั้ยว่า ผู้ใหญ่ให้คำตอบอย่างไร (ผมไม่คิดที่จะแข่งขันกับใคร แค่พอใจที่จะอนุเคาะห์นักแข่งอย่างผมก็พอแล้ว)เป็นพระคุณอย่างมากครับ
และผมไม่เคยที่จะคิดเอาเปลียบสปอนเซอร์สิ่งที่ได้มาผมทำงานเต็มเม็ดเต็มหน่วย เท่าที่ผมจะทำได้ และผมก็หวังสักวันนึงว่ายางที่ผมใช้อยู่อาจจะเป็นที่ยอมรับของคนไทยมากขึ่นผมหวังใว้อย่างงั้น สรุปที่ผมได้การตอบรับเพราะความขยันของผมนั้นเอง(กว่าจะได้มาไม่ใช้ง่ายๆ)
และที่ผมอยากจะบอกฝากใว้น่ะครับผมเองเป็นส่วนนึงเล็กๆในการสนับสนุนวงการดริฟท์ให้เป็นที่รู้จัก ผมสละเวลาการทำงานที่มีค่าของผม ไม่ว่าจะให้คำแนะนำน้องๆเพื่อนๆพี่ๆหน้าใหม่ๆ แม้กระทั้งการเซ็ตรถ หรื่อการขับรถ ไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว(อนาคตไม่แน่อิอิ)เพื่ออะไรถ้าผมไม่รักมันอย่างหมดใจก็บ้าอย่างเต็มตัวหล่ะ ครับ
ส่วนเรื่องการกระทบกระทั้งกันในวงการอาจจะมีบ้างแต่ก็ยังไงก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้นลองนึงถึงสมัยก่อนที่เรายังไม่มีอะไรกันเลยมันสนุกมากๆครับ(ขอให้นึงถึงวันเก่าๆ)วันนี้เราโตขึ่นมันก็มีบ้างทั้งเหนื่อยและท้อผมเองก็เคยเหนื่อยและท้อแบบสุดๆเหมื่อนกันก็มัคจะมีคนคอยให้กำลังใจเสมอๆก่อนแข่งและหลังแข่ง(พี่ๆสู้เค้า นองคนเนิงพูดกับผมในสนาม เด็กตัวนิดเดียวเอง ทำให้ผมยิ้มได้ ) อีกอย่างผมรับปากกับผู้ใหญ่ไปแล้วผมจะท้อไม่ได้เลย ทำงานให้เต็มที่ แค่นี้ผมก็สบายใจแล้ว ไม่คิดที่จะหวังจะชนะอะไร แค่ได้ลงวิ่งเบิลน์ยางในโค้งก็สะใจคนดู ก็ถื่อว่าได้เอ็นเตอร์เทนคนดูแล้วหล่ะครับ

 

สนาม Bitec ไม่รู้เรื่องแล้วแห้ะ... เพราะไม่ได้ไปด้วยสิ

 

สนาม ไบเทค นี้รู้สึกว่าเขาวางไลน์ได้เร้าใจ สุดทางตรงมี2ร่องน้ำให้โดด มันจะยากตรงนี้แหล่ะครับ
เพราะรถส่วนใหญ่จะไม่ได้ setup ช่วงล่างมาแบบนั้น รถที่มีน้ำหนักมากจะเสียเปรียบ การได้เปรียบ
จะขึ้นอยู่กับทีม service ว่าเข้าใจรถแข่ง+นักแข่งมากน้อยเพียงใด สนามนี้เป็นการ setup ช่วงล่าง
ให้รีบาวน์ได้ดีพอ และในสนามนี้ที่เห็นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย คือ การดริฟให้เอาก้นเข้าชิดขอบยาง
หรือถังน้ำ และเอาหัวเข้าเอเป็กอีกด้านนึง ซึ่ง ผมก็ถามทางผู้จัดการแข่ง เขาบอกว่า อยากวางลายด์
ให้มันหลบร่องน้ำแต่ ความเร็วจะสูงกว่านี้มาก ด้านหนึ่งฝุ่นค่อนข้างมาก อาจมีการกระทบกระทั่งกันได้ทั่วหน้า
ผมไปในวันศุกร์ไปดู โต้ง RX7 ซ้อมวิ่ง เห็นพี่จุ๊มาซ้อม มีพี่หนึ่งราชาแม๊กตามมา วันนั้นก็เห็นรถแรง
และไม่แรงแต่อยากลงมาซ้อมหลายคัน มี 200sx หน้า s15 สีแดงไปหมุนๆอยู่หลายรอบ และเห็นคุณกุ้ง
200sx มาวิ่งแว๊บๆ ก่อนผมกลับ ในช่วงบ่าย ทีมผู้จัดการแข่งขันก็ตามดูห่างๆ ในรถกระบะกับ benz
แต่ก็ให้ซ้อมได้ตามสบาย และยังคอยเก็บไพล่อนและยางที่นักแข่งชนกระเด็นออกไปด้วย ในสนามนี้
ผมว่าผู้จัดการแข่งขันค่อนข้าง ok! ครับ ในวันซ้อมนี้รถโต้งกับพี่จุ๊ก็มีกระทบกัน ก้นยุบ แต่ซ่อมได้ทัน ....
เท่าที่ฟังมาส่วนใหญ่นักแข่งบอกว่า สนามมันเร็วและผุ่นจากถนนด้านสายสมุทธปราการแยะการคอนโทรลรถทำได้ยาก
วันแข่งจริงเรื่องที่มีการไล่นักแข่ง เรื่องนี้ผมว่ามันอาจเกิดจากความไม่เข้าใจในเรื่องเล็กน้อย
บางส่วนเกิดจากเรื่องเต๊นท์ที่จอดรถ ในส่วนอื่นนั้นผู้จัดและนักแข่งควรมีการปรับความเข้าใจกัน
ก็จะพัฒนาวงการนักขับขึ้นไปมากขึ้นครับ
ส่วน Class A หรือ B นั้น ผมว่าในสนามไบเทคนี้เหมือนไม่ได้แบ่งกัน จากการที่ผมฟังมาร์คกี้
Class B เล่าตอนที่แข่งกับพี่จุ๊ เขาก็บอกเองว่า พอได้วิ่งตามนักแข่ง Class A เลยได้รู้ข้อผิดพลาด
ง่ายกว่าการฝึกซ้อมเองนะครับ เรื่อง Battle ที่วิ่งประกบกัน เด๋วซ์นี้เขามีกรรมการตีธงว่าท่านดริฟ
หรือไม่ จังหวะเค๊าเตอร์เป็นอย่างไร กรรมการเขาทันเกมส์ท่านๆนะ ถ้าท่านฝีมือไม่ถึง อย่าไปหวัง
ที่จะไล่แซงกันเลยครับ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย :sad:
แต่สนามนี้ผมชื่นชมนักแข่ง Class B ท่านหนึ่ง คือ พี่เอ ซีสเลอร์ ขับได้เร้าใจไม่แพ้นักแข่ง
Class A เลย ได้ใจผู้ชมไปทั้งสนาม
ขอขอบคุณทางผู้จัดการแข่งขันในทุกรายการ นักแข่งและทีมเซอร์วิส กับรายการแข่งขัน Drift
ที่ทำให้คนดู 1ในนั้นก็คือผม มีความสุขกับการแข่งขันครับ ....ขอบคุณจากใจ

 

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากเล่น Drift แต่ยังไม่มีเงิน และเวลาทำรถขึ้นมา ขอให้อยู่กันไปนานๆ นะครับ ยังไม่ทันได้เล่น จะไปซะและไม่ได้นะ ขออีกซัก 3 ปี จะได้เริ่มเล่นกับเขาบ้างอ่ะ 555

 

DRIFT JUDGE

เมื่อวานนี้ 22:11:02
3 ดอ มาแล้ว สปอนเซอร์ สิ่งที่ทำให้นักแข่งมีกำลังใจในการแข่ง แต่หารู้ไม่ว่ามันก็เป็นดาบ 2 คมที่ทำให้ความเป็นเพื่อน พี่ น้อง ต้องแตกแยกกัน ไม่ต้องถามว่ารุได้ไงก็ตอนรวมทีมทีก็เล่นลงหนังสือกันทุกเล่มแต่เวลาผ่านไปเกิดอาการลืม กลับมาลงหนังสืออีกที อ้าวเหลือไม่ครบ อย่างนี้มันต้องมีเหตุ ว่ากันว่าสงครามยางนี่มันรุงแรงที่สุด
-แดง ดำ มาแรง รถสวย ทีมใหญ่ แบคดี แต่คนหามารู้สึกเหนื่อยเลยแบ่งกัน 2 คน วงเลยแตก เหลือแต่แก๊งค์ลูกข่าง
-แดง ขาว ผลงานดี แรง แรงมากๆ ฟอร์มสวย แบคดีตามมา แต่จบ season ดีแตก god ทะเลาะกับ แบค ถึงกับเคืองกันไปเลย
-แดง ฟ้า ขาว มีตัวไฮไลท์แต่แผ่วปลาย ลูกทีมอ่อนซ้อม เลยขาดตัวขั้นอันดับสงสัยจจะมีเปลี่ยนตัว
-ฟ้า ขาว มีสองกลุ่มรวยมาก กับรวยน้อย ดูเหมือนรักกันดี แต่เวลาพิสูจน์ว่าดีกรีสูงบางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะที่นี่เป็นเมืองไทย
ยังไงซะก็ยังให้กำลังใจนักแข่งที่ไม่มีสปอนเซอร์ ให้พยายามต่อไป หรืออย่างที่คุณ s.k.s. พูด ผมว่ามันไม่มีอะไรเลวร้ายหรอก นอกซะจากของที่เราได้มาแล้วเราต้องคิดว่าเราได้มาเพราะอะไร ได้เพราะเพื่อนก็ต้องช่วยกันดูแล ได้เพราะฝีมือก็ต้องหมั่นซ้อม เมื่อเราไม่พร้อมจะรักษามันไว้ก็ควรเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ ที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็หวังไว้อย่างเดียวว่า การแข่ง drift ในเวลาอันใกล้นี้จะเป็นการแข่งขันที่อบอุ่น และรักกันเหนียวแน่น เหมือนสมัยก่อน
ปล.ไม่อยากให้สติกเกอร์ที่รถมากขึ้นเท่าไหร่ เพื่อนก็หายไปเท่านั้น





ดูเหมือนจะรู้ดี แต่ผิดเกือบหมด ถูกแค่ข้อเดียว ข้อสาม แดงฟ้าขาว

การฟังอย่าฟังอยู่ฝ่ายๆเดียว ฟังหลายๆฝ่าย แล้วมาพิจารณา

 

อ่า... ถ้าอยากทราบรายละเอียดช่วยฝากเบอร์ไว้ได้ไหมครับ เดี๋ยวรุ่นพี่ที่เป็น co-judge เค้าจะโทรไปบอก

 

DRIFT JUDGE

เมื่อกี้มาอ่านดูอีกที ไม่มีข้อมูลถูกต้องเลยสักข้อ

พอสักที ไม่รู้จริง อย่าเพิ่งโพส



ดริฟท์ อยู่อีกนานไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วง ถ้าห่วงอยู่เฉยๆ

รู้จริงถึงโพสอย่าสร้างกระแส

ปีนี้แรงแน่ไม่ต้องกลัว ตอนนี้ดริฟท์เมืองไทยเป็นยังไงหลายท่านในวงเกิน 80% รู้ดี

เราไม่กลัว

 

ขอแชร์ไอเดียนิดนึงนะครับ จะได้มีหลายมุมมอง


เรื่องของสปอนเซอร์ที่คุณสามดอเล่าให้ฟัง ผมว่าในมุมมองของคนนอก คนในมันไม่เหมือนกันครับ
(จากความรู้สึกที่จับได้)
การมีสปอนเซอร์เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เรามีตัวช่วยในเรื่องของงบประมาณ อย่างน้อยก็ยี่สิบเปอร์เซนต์จากเรื่องยาง
แต่ทุกอย่างถ้าจะได้มา มันก็คงต้องมีผลงาน และการได้ผลงานมันคือการแข่งขันกัน
ถ้าคุณมีผลงานดี แน่นอนว่าสปอนเซอร์ก็ตามมา
แต่ถ้าคุณไม่มีผลงาน สปอนเซอร์ก็จะหายไป
ดังนั้น ตรงนี้แหละที่เรียกว่าเป็นการพัฒนาฝีมือตัวเอง เพื่อแข่งกับตัวเองและคนอื่น
แต่ถ้านักแข่งแต่ละท่านแยกออกว่า "นี่คือเกมส์การแข่งขัน" ไม่ใช่ "การต่อสู้"
ความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยุ่ตลอดไป
"บางคนเข้าใจ"
"บางคนไม่เข้าใจ"
ตรงนี้แหละครับที่เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถห้ามใจของคนอื่นได้

แต่.... ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังนิดนึง....

ในสนามมีเพื่อนผมคนนึงที่ผมคบมานาน ก็คือมาร์คกี้
เพื่อนผมคนนี้ มันเข้ามาเล่นดริฟท์เพราะ ใจรักจริง ๆ
สมัยจิมคาน่า ไม่มีใครไม่รู้จักมาร์คกี้ เพราะเป็นนักขับที่มีฝีไม้ลายมือดีมาก
แต่...มันก็มาเล่นดริฟท์ มันบอกกับผมตอนแรกเลยที่เข้ามาเล่นว่า....

แม่งมันดีว่ะ กูชอบ สนุก เพื่อนเยอะ และที่สำคัญสะใจดี...

เริ่มต้นมาร์คกี้มาด้วยตัวเอง มีรถคันที่ใช้อยู่ที่ซื้อมาอย่างทุลักทุลังเพราะเงินไม่ค่อยมี
งานก็เยอะ เวลาก็ไม่ค่อยมี มีแค่น้องในคลับ GOC ที่มาช่วยเปลี่ยนยางให้บางครั้ง
มาร์คกี้ปรับตัวอยู่นานมาก กว่าจะขับได้ ขับเป็น
เสียตังไปหลายบาท ด้วยทุนของตัวเอง (จริง ๆ)
เล่นไปซักพัก เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้น มีการสนทนา สอน เรียนรู้กันมากขึ้น
จนวันนึง โอกาสของมาร์คกี้มาถึง มาร์คกี้ก็ได้สปอนเซอร์มาช่วยแบ่งเบาภาระ
มาร์คกี้พยายามทำให้ดีที่สุด โดยใช้เวลาอันน้อยนิดหลังจากที่ต้องเดินทางทำงานต่างจังหวัดมาซ้อม
เพื่อที่ตนเองจะทำให้ดีที่สุด

มาร์คกี้บอกเสมอว่า กูไม่ซีเรียสหรอก ถ้ากูจะแพ้ เพราะกูมาเล่นเพราะกูชอบ กูรัก

ทุกวันนี้ถามว่ากดดันมั้ยเวลาแข่ง มาร์คกี้กดดันเสมอ เพราะถ้ารถตัวเองโดนอะไรเข้า ก็ต้องหาเงินมาจ่ายเอง (เหมือนอีกหลาย ๆ คน) โดยใช้เงินเดือนของตัวเอง

ถามว่าคุ้มมั้ยกับการแข่งที่ยิ่งวันจะยิ่งแรงขึ้น ๆ
มาร์คกี้บอกว่า กูต้องพยายามให้ถึงที่สุด เพราะยังไงก็ตามเราเข้ามแล้วเราต้องทำให้ดีที่สุด


ที่พิมพ์มานี่ ไม่ใช่ว่าจะเอาเพื่อนมาโชว์ แต่เพียงอยากให้นักแข่งแต่ละคนที่เราเห็นว่าการชนะคือเรื่องใหญ่ คิดแบบมาร์คกี้บ้างครับ

 

1. ที่ผมโม้อยู่กลางสนามนั้น ผมว่าไมค์มันไม่ดังมากนะครับ เพราะผมต้องตะเบ็งเสียงแทบตายในวันแข่ง
ถ้าจำไม่ผิด ในเหตุการณ์ที่คุณอ้างอิง ผมก็คุยกับนักแข่งไปเรื่อย ๆ เพราะผมอยากให้คนที่เป็นผู้ชมได้มีส่วนร่วม และในช่วงที่คุณพูดถึงนั้น ผมเดาว่าน่าจะเป็นช่วงที่ผมสัมภาษณ์ง้วน สามสี่ประโยค
ผม : เป็นงัยครับง้วน ไม่ได้เจอตั้งนาน วันนี้เป็นงัยบ้าง
ง้วน : เหนื่อยนะ รถพัง
ผม : อ่าวเป็นอะไรพังครับ แล้ววันนี้เอาคันไหนมา
ง้วน : เอา S13 มา น่าจะชาร์พละลาย หรือเครื่องพังแล้วเปลี่ยนตัวใหม่นี่แหละ
(ผมจำไม่ค่อยได้แล้วมันหลายวันแล้ว เป็นคนความจำสั้น )
จากนั้นก็มีรถคันที่คุณพูดถึงมาจอดด้านข้างผมและก็เรียกง้วนไปคุย
ซึ่งตอนนั้น ผมไม่ได้เข้าไปฟังเพราะผมต้องทำหน้าที่ผมในส่วนของการ Brief rules ต่อไป
แต่ที่ได้ฟังจากนักแข่งอีกท่านนึง (ทีมเดียวกับง้วน) บอกว่ามีปัญหาเรื่องเต้นท์
และเรื่องของสปอนเซอร์ของง้วน
ซึ่งตรงนี้เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไรผมไม่ได้เข้าไปลงลึกเพราะ ตั้งแต่ บ่ายโมงถึงสามทุ่มครึ่ง
ผมก็ทำหน้าที่ของผมตลอดไม่ได้หยุด และไม่ได้มีโอกาสพักเลยนอกจากช่วงคอนเสิร์ต Paradox เท่านั้น ซึ่งผมก็ไปดูสเก็ตบอร์ดกับ KSR เล่นกัน และผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องดังกล่าวอีกเลย

ตรงนี้ผมว่าถ้าเป็นไปได้อยากรู้เรื่องแบบถูกต้องและแน่นอน ลองโทรไปคุยกับผู้จัดเองเลยดีกว่าครับ
จะได้ทราบเลยว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าที่ทำให้คุณเห็นเหตุการณ์แบบนั้น
โทร. 0894599948 ครับ

ผมเชื่อว่าไม่มีใครหรอกครับที่อยากกีดกันนักแข่งไม่ให้แข่ง ถ้าไม่มีเหตุผลที่ฟังได้จริง ๆ
และที่สำคัญ การจัดงานครั้งนี้ เหนื่อยมากนะครับ ทั้งเรื่องการเตรียมการ การวางกฏระเบียบ
การคอนโทรลผู้ชม การคอนโทรลเวลาต่าง ๆ
ยังไงก็ฝากเห็นใจผู้จัดและสต๊าฟทุกคนหน่อยนะครับ
งานนี้ต้องขอบอกเลยครับว่าทำแบบเต็มที่จริง ๆ เพื่อให้คนไทยได้เห็นการแข่งขันประเภทนี้
และเพื่ออนาคตของ D1 ในไทยด้วยครับ

ฝากด้วยนะครับ

 

สำหรับคุณกุ้งผมให้เต็มร้อยครับ เรื่องใจ
เป็นคนที่มีความพยายามในเรื่องนี้มาก
ผมแอบชื่นชมคุณตั้งแต่สมัยเจ๊เหม่ยอยู่วีรับเบอร์แล้ว
ได้เห็นการพัฒนา การเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำให้ดริฟท์เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป
ทำให้คนรู้จักดริฟท์มากขึ้น
ที่คุณกุ้งพูดมาคือสิ่งที่หลายคนในสนามที่เป็นนักแข่งก็เห็นด้วยทุกอย่างครับ
แต่อย่างที่บอก คนเยอะ เรื่องแยะ เราต้องทำใจในสิ่งนี้

ขออย่างเดียวว่า ทำตัวเราให้ดีที่สุด ซักวันก็จะมีคนเห็นตามเราและเอาตัวอย่างที่ดีของเราไปปรับใช้อย่างแน่นอนครับ