วันนี้เติมแกสเต็มถังที่ปั๊มแกสรังสิตขาออกขับระยะทาง192กิโล... ...ถึงปั๊มแกสที่สีคิ้ว...เติมเต็มถังอีกทีเพื่อดูการกินแกส ...ใช้ความเร็ว110-120 ...ใช้แกสไป19.8ลิตร ...กินแกสราว9.9กิโลลิตร... ...ถ้าคิดราคาตามปั๊มแกสที่รังสิตคือลิตรละ9.7บาท ....ก็จะตกอยู่ที่กิโลละบาท... ....ตอนใช้น้ำมันที่ความเร็วนี้กินน้ำมันราวๆ14.7กิโลลิตร ...กับราคาน้ำมันลิตรละ25บาทกว่า ...ก็ตกราวๆกิโลละ2.2บาท ....ก็ประหยัดไปกิโลละบาทกว่า ....ก็น่าจะโอเค .....แต่ก็คงกลับไปที่ร้านเบื่อจูนให้เข้าที่อีกซะหน่อย... ...เพราะยังรู้สึกว่าน่าจะกินแกสได้น้อยกว่านี้อีกซักนิด.... ....อย่างหนึ่งต้องทำเองก่อนคือต้องไปเอาน้ำมันเครื่องออกอีกซักหน่อย.. ....เพราะตอนนี้น้ำมันเครื่องมันเกินขีดบนมาราวๆครึ่งเซ็นต์ ซึ่งนับว่ามากไป... ...ทำให้พท.อัดอากาศในระบบเครื่องยนต์มันลดลงไป .. ...อันจะทำให้เครื่องหนืดและความร้อนขึ้นเร็วมาก... ...จำได้ว่าตอนใช้เครื่องคาร์บิวเคยเติมน้ำมันเครื่องเกินขีดบน... ปรากฏว่าเครื่องอืด...แล้วความร้อนขึ้นเร็วมาก... ...นั่นคือทำให้กินเชื้อเพลิงมากขึ้นด้วย... ....ตอนหลังๆก็เติมน้ำมันเครื่องแค่3/4ของช่วงขีดวัดน้ำมันเครื่อง... ...อาการพวกนั้นก็หายไป..แล้วก็กินแกสน้อยลงด้วย... .....ยังไม่เข้าที่ๆๆๆๆ อิอิ ------- เมื่อเทียบการกินแกสกะตอนใช้เครื่องคาร์บิวเดิมๆ...ติดแกสแบบfix mixer ....ตอนนั้นกินแกสทางไกลที่11-12กิโลลิตร ....ก็ราวๆกิโลละ85-90ตัง ...ก็เครื่องพันห้ามันประหยัดอยู่แล้ว... ...เพียงแต่มันแปร๊ดดดดไม่ได้เท่านั้นเอง อิอิ
แปปนึงนะครับ ยังไม่เสร็จดี.. ...มีไรต้องเปลี่ยนอีกสองสามอย่าง... ...เช่นสายพานราวลิ้น...ลุกรอก ..(เปลี่ยนเพื่อตั้งต้นใหม่ครับ) ...หม้อน้ำอะลูมิเนียม... เสร็จแล้วจะรวมรายจ่ายให้ดูทีเดียวครับ... ...งานนี้ตึงมือพอสมควร...เฮ้ออออ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ไปมีตติ้งที่ยุธยากัน..... ...หลายๆคนคงเห็นรถพี่คันนึงที่เป็นเจ้าของอู่ที่มาจากชลบุรี... ...ขอโทษที่จำชื่อไม่ได้ครับ... ...พอดีรถจอดติดกันที่หน้าวัดใหญ่... ...เลยได้มีโอกาศชมเครืองงามๆB20.... ...แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สนใจอยู่นานคือตัวdamperของแท่นเครื่อง... ...ซึ่งมันสามารถabsorbอาการกระโชกของแท่นเครื่องได้พอสมควร... ...นั่นคือทำให้พวกยางรองแท่นต่างๆมีอายุยาวนานขึ้นด้วย... ....และก็ทำให้เครื่องไม่สั่นมากที่รอบต่ำๆหรือตอนkickdownเครื่องก็ตาม.... ...ของพี่เค้าเป็นของSpoon อันละสี่พันกว่าถ้าจำไม่ผิด
ขาขับกลับก็เลยคิดมาตลอดทางจนหลงไปออกบางบัวทองเลย..เฮ้อออ... ...คิดว่ามันไม่น่าจะทำยาก..หลักการง่ายๆของการAbsorbแรงเท่านั้นเอง... ....ความยากอยู่ที่ว่าเราต้องใช้แรงแค่ไหนไปต้านแรงนั้น.... ....ที่ไม่รู้เพราะไม่ได้ขอพี่เค้าถอดมากดดูว่าแข็งแค่ไหน อิอิ... ....เช้าวันจันทร์กลับโคราชก็ลงมือเขียนแบบเลยว่ามันน่าจะเป็นแบบไหน...
วาดแบบเสร็จตอนบ่ายก็ไปร้านทำท่อไอเสียร้านเดิมที่เคยทำกันชนหลังให้... อยู่สามแยกทางไปปักธงชัย...แยกปักฯ ...ถูก ฝีมือดี อยู่ใกล้ที่ทำงาน... แล้วก็เอาแบบให้เจ้าของร้านดู... ....จากนั้นก็ช่วยกันคุ้ยๆเขี่ยๆรื้อๆในร้าน..เพื่อหาสปริงแบบที่ต้องการ ....สปริงแข็งๆที่รับแรงมากๆได้...ที่สำคัญต้องอันเล็กๆ
เขี่ยค้นทั้งร้านก้ไม่มี..ก็เลยต้องไปหาซื้อที่ร้านอะไหล่... ไม่มีเหมือนกัน.. ไปเจอเอาที่ร้านซ่อมรถ... เป็นสปริงยึดหัววาว (ถ้าเรียกไม่ผิดนะ...ชื่อนั้นสำคัญไฉน อิอิ)ของ เครื่องรถปิ๊คอัฟ มีเป็นลังเลย..ขอซื้อมาสองอัน อันละไม่กี่สิบบาท... จากนั้นก็เอามาให้ช่างทำตามแบบที่วาดไว้... ...(ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด ไปทำกะเค้าจนซี้แว๊ววว)
พอดีมีแปปสเตนเลสขนาดพอดีกะสปริง..สวยเลย.. แล้วก้เชื่อมปิดหัวท้ายตามแบบ... ปัยหาอยู่ที่ว่า...ต้องอัดสปริงในกระบอกด้วยแรงอัดแค่ไหนถึงจะเกิดประโยชน์... เพราะต้องอีดสปริงเข้าไปแล้วเชื่อมปิดฝากระบอก ถ้าอัดสปริงด้วยแรงน้อยๆก้ไม่เกิดประโยชน์ เพราะมันไม่ได้absordแรงอะไรจากแท่นเครื่องเลย... ...คิดง่ายๆก็คือออกแรงผลักเครื่องด้วยแรงแค่ไหนเครื่องถึงขยับเขยื้อน.. ....นั่นคือด้วยแรงผลักธรรมดาของเรามันแทบไม่เขยื้อนเลย... ...แต่ก็คิดว่างั้นเอา นน คนธรรมดาเป็นตัวเริ่มต้นของแรงด้านแล้วกัน... ....ดังนั้นตอนเชื่อมปิดหัวกระบอก..ก็ให้ช่างคนนึงออกแรงทั้งตัวกดสปริง... จนมันยุบลงพอดีกะท่อแปปที่เตรียมไว้...แล้วก็เชื่อมปิด...เป็นเสร็จ... ...จากนั้นก็ถู..ขัด..ปัดเงา
เสร็จแล้วก็ติดตั้งเข้ากะตัวเครื่อง.... ตรงแท่นเครื่องตระกูลB จะมีรูน๊อตรองรับไว้อยู่แล้ว... ...ราวๆน๊อตเบอร์14ถ้าจำไม่ผิด... ....ส่วนที่ติดกะตัวรถก็มีhard point เป็นสกรูตัวใหญ่ๆตัวนึง..ตัวเล้กอีกตัวนึง... กว่าจะเสร็จก็ทุ่มกว่าๆขังวันจันทร์... ...ค่าทำ400บาท ทิปช่างไป200 รวมค่าสปริงอีกห้าสิบเป็นหกร้อยกว่าบาท... อาจไม่เท่เท่าสปูน...แต่พ่นสีแล้วอาจดูดีก็ได้ อิอิ
พี่เมย์ไอเดียดีจริง ผมเคยเห็นใน DIY ของหนังสือ Carperฯเล่มที่43 เขาใช้โช๊คตัวเล็ก ของ benz w123 ทำ น่าสนใจมาก
คุณแมย์ ถ้าจะเข้าใจผิด แล้วมั้งครับ อันผมต้องขอทักท้วงนะครับ engine damper มันจะมีลักษณะเหมือนกับ โช้คอัพ ธรรมดาๆ นี่แหละครับ ข้างในไม่ได้มีสปริงอะไร เพราะมันจะเป็นตัวหน่วง ให้เครื่องยนต์มีการขยับตัวด้วยความถี่ที่ลดลง และขยับด้วยระยะที่น้อยลง ช่วยให้ยางแท่นเครื่องมีภาระน้อยลง อายุการใช้งานนานขึ้น แต่มันก็ส่งผ่านการสั่นสะเทือนไปที่ตัวรถมากขึ้นครับ การที่คุณเมย์เอาสปริงไปดันที่ตัวเครื่องแบบนั้น มันจะเป็นการสร้าง preload ให้กับยางแท่นเครื่อง (แต่คงไม่มากมายอะไร) และเมื่อเครื่องเขย่า มันจะช่วยลดระยะขยับตัวของเครื่องได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความแข็งของสปริงที่ใช้ (และถ้ามันไม่ยันไปซะก่อน) การสั่นสะเทือนจะน้อยกว่าใช้ engine damper แต่ก็จะมากกว่าแบบไม่ใส่ ช่วงการสั่นสะเทือนอาจจะมากกว่าแบบไม่ใส่ เพราะสปริงจะมีความถี่ในตัวเอง ให้เปรียบเทียบกับ รถที่ไม่ได้โช้คอัพ หรือโช้คอัพเสีย มันจะเด้งๆๆๆ จนกว่าพลังงานจลน์ จะหมดไปเอง ที่คุณเมย์ ทำออกมา เป็นไอเดียที่ดีครับ สวยดีด้วย ....
ขอบคุณคุณก้องครับ...คนนี้แหละที่รออยู่ อิอิ....อยากฟังเสียติ เพราะหัวเดียวอาจคิดไม่ครอบคลุมครับ... ตอนแรกก็คิดแบบคุณก้องที่จะทำแบบโช๊คธรรมดาคือมีสปริงตัวเดียวไว้ผ่อนแรงอัดกระแทกของเครือง.... ...แต่คิดไปคิดมา..มันมีแรกกระชากไปกลับด้วย...เลยใส่สปริงดักไว้อีกตัวกันพลาดครับ... ....ในใจคิดไว้คือ เกินดีกว่าขาด..เพราะมันจะรับทั้งแรงอัดและแรงกระชากครับ.. ....ส่วนเรื่องpreload....ขอบคุณครับที่เตือน...ผมไปคลายน๊อตตัวที่ยึดกะตัวเครื่องแล้วครับ .....ผมขันให้อยู่ในสภาพทีnormalที่สุดแล้วครับ... ...คือในสภาพปกติเครื่องต้องไม่รับแรงอะไรจากdamperตัวนี้ครับ... ...ขอบคุณอีกครั้งครับ..
กลับจากทริปtestรถทางไกลมา... กทม.-หาดใหญ่ ระยะทางราวๆ970กม. ไปกลับรวมขับที่นู่นก็สองพันกม. กว่า.. ขาแรกลองน้ำมันเต็มถังและแกสเต็มถัง... ออกจากกทมหกโมงครึ่งถึงสุราษเที่ยงครึ่ง... ทำธุระที่ อ.พุนพิน สองชม แล้วขับต่อไปหาดใหญ่ ถึงหาดใหญ่หกโมงครึ่ง.. ขับ120-130 -140แปร๊ดดดเป็นพักๆ อิอิ กินน้ำมันราวๆ13.5กิโลลิตร แกสราวๆสิบกิโลลิตรหรือกิโลละบาท ปั๊มแกสมีรับช่วงตลอดทาง เพชรบุรี กุยบุรี ทุ่งสง หาดใหญ่
กลับมา กทม ว่างๆ...จิตไม่ว่างอีกแล้ว.. ก็เลยทำการเปลี่ยนสีฝาเครื่องซะเลย... จริงๆอยากทำมานานแล้วแต่ไม่ว่างซักที... ก่อนอื่นต้องเตรียมของให้พร้อมก่อนว่าต้องใช้อะไรบ้าง.. 1 sealเหลว (หลอดสีแดง)ของดีๆราวๆหลอดละสองร้อยกว่า.. ซื้อมานานแล้วตั้งแต่เปลี่ยนสีฝาเครื่อง เครื่องเดิม... เอาไว้ทาsealยางที่ฝาเครื่อง 2น้ำยาลอกสี ป๋องเล้ก ป๋องละ75บาท 3น้ำมันชักแห้งเอาไว้เช็ดคราบหลังจากลอกสีออกแล้ว (แต่ทำจริงๆไม่ได้ใช้เลย เอาน้ำฉีดแรงๆคราบก็ออกหมดแล้ว) ที่ต้องเตรียมของให้ครบก่อนเปิดฝาเครื่องเพราะพอเปิดฝาเครื่องแล้วจะไม่มีรถไปซื้อของอีกเด้ออ อิอิ + อ้างถึง ตอบกลับ