ตั้งแต่ ดูรถแข่งแดร็ก มา ชอบ รุ่นโบเดิมนี่แหละ ริ้อเบอร์โท เอ้ย เทอร์โบ กันเหนๆ เลย ชอบๆ ไปยืนแกะกะตรงเค้ารื้อเทอร์โบอยู่ เหนหมดเลย ชำแหละกันสดๆ เหอะๆ รถคืนนี้ รุ่นโบเดิม เปนรถของ นายจ๊อบ จาก มนตรี ดีเซล จ้า คันนี้เลย โคโรลาโด้ สีดำ สวยน๊อะ 55+
เดี๋ยวดูงาน ........... ปีหน้านะครับ ว่าจะมันส์ขนาดไหน งานนี้แค่น้ำจิ้มนะขอบอก อิอิ. (ปล่อยให้คิดกันเล่นๆ)
เครื่องเชฟ/ฮีซูซุ คอมมอนเรล ที่วิ่ง 11.xx นั้น 4 อันดับแรกแข่งเสร็จต้องไปชั่งน้ำหนัก พิกัดน้ำหนักต้องไม่ต่ำกว่า 1600 กิโล .. ผมไปยืนดูตรงจุดช่างน้ำหนักพอดี ก็เลยได้เห็นการเดินหน้า ถอยหลัง เดินหน้าเอารถขึ้นเครื่องชั่ง ให้น้ำหนักยางตกลงไป แป้นรับน้ำหนักทั้ง 4 ล้อ มีเจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนักอยู่ 2 คน คนดูเครื่องชั่งคนนึง อีกคนยึงอีกด้านของรถ คอยจดน้ำหนักแล้วก็ เซ็ฯชื่อว่า ผ่านการตรวจน้ำหนักแล้ว [ เซ็นที่ใต้หมายเลข ที่ติดข้างรถ ] แต่มี 1 ใน 4 อันดับแรก น้ำหนักขาดไปนิดหน่อย เจ้าหน้าที่คนที่ตัวเล็ก ผมทรงเกาหลี ที่ขี่รถเล็กไป ๆ มา ๆ แถวเส้นสตราท บอให้หยวน ๆ ให้ลงน้ำหนักไว้ 1600 ตามกติกา ตรงนี้ มองในแง่ดี น้ำหนักที่แป้นรับน้ำหนักที่ล้อทั้ง 4 อาจจะมีส่วนนึงส่วนใดของยางไปแตะกับด้านข้างแป้นรับน้ำหนัก ทำให้ น้ำหนักขาดไปนิดหน่อยก็ได้ ตรงนี้ก่อนวิ่งก็ต้องชั่งน้ำหนักและรับถุงทรายไปวางให้ได้น้ำหนัก 1.6 ตันตามที่กำหนดอยู่แล้ว .. กระบะคอมมอนเรลสมัยนี้ ปลายปี 2552 ระยะ 0-402 เมตร เวลา 11 วินิด ๆ หนัก 1.6 ตัน เข้าเส้นที่ความเร็ว 205-210 กม./ชม. ลองคิดดูว่าถ้าเป็นเบนซิน ในตัวถังกระบะ ต้องลงทุนเท่าไร แรงม้าเท่าไร ใช้งานบนถนนไม่ได้แบบนี้ด้วย
ไม่รู้ว่าเครื่องดีเซลจะสามารถไปแตะเลขตัวเดียวได้ไหมเนี่ย ดีเซลยิ่งนับวันยิ่งพัฒนายิ่งขึ้นคับ ปล.เชียร์ทุกสำนักคับ
ยิ่งนับวัน เวลายิ่งลง..เอาใจช่วยทุกๆอู่ครับ..อยากเห็น 10 เหมือนกัน ..วันนั้นผมไปดูตั้งแต่เที่ยง..กลับมาตี 1 (ทำเหมือนเอารถไปแข่งเลย..อิอิ) ..สุดๆครับ..ดีเซลเราวิ่งดีกันจริงๆ..วิ่งกัน 11..12 ไม่เห็นเลื้อยกันเลย..